บทที่ 1390 ต้นไม้แห่งกาลเวลา
คนเผ่าเทพยักษ์คิดอยากเข้าไปในป้อมปราการเก่า
ถึงแม้จะไม่รู้อะไรข้างในเลย ทั้งยังอันตรายเป็นอย่างมาก แต่หากตำหนักวิญญาณบรรพกาลยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เผ่าที่ตกอยู่ในอันตรายที่สุดก็คือเผ่าเทพยักษ์ อีกทั้งพวกเขาในตอนนี้ไปจากมิติแห่งนี้ไม่ได้ มิสู้ต่อสู้ให้ถึงที่สุดยังดีกว่า
ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงหยั่งลึกลงไปในใจของพวกเขา หากจ้าวเฟิงยอมมุ่งไปข้างหน้าด้วย พลังปกป้องตัวเองของพวกเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ฟุ่บ…
จากนั้น คนกลุ่มหนึ่งประชิดไปยังป้อมปราการเก่า พุ่งเข้าไปข้างในจากช่องโหว่ซากปรักหักพัง หลังจากที่มิติปั่นป่วนไปชั่วขณะ ทุกคนรู้สึกว่าการควบคุมของมิติทั่วร่างยิ่งหนักหน่วงขึ้น ร่างกายหนักอึ้ง ท้องฟ้ากว้างไกล หินประหลาดมีอยู่เต็มไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าที่เห็นประปรายแห้งเหี่ยวไปนานแล้ว
“รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ แต่กลับแผ่กระจายพลังเวลาที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เลย!”
แววตาของซินอู๋เหินเคร่งเครียด
ในตอนที่ทุกคนเพิ่งก้าวเข้ามาที่นี่ แรงกดข่มที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งกลุ่มนั้นพลันทะลักมา เทพโบราณเช่นหวาไฉ่และพั่วเยวี่ยกายราวกับตกอยู่ในบ่อโคลน ก้าวขาช่างยากลำบาก
วู้ม! จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพรวมศูนย์สีเงินเข้มที่ผสมปนเปกัน รู้สึกเบาสบายขึ้นมากทันที
ในขณะเดียวกัน พลังเวลาที่ไร้รูปร่างในฟ้าดินก็ถูกพลังเทพรวมศูนย์ดูดซับมาเพิ่มพลังให้กับตัวเอง
“นี่มันคือที่ใดกัน? การจำกัดถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยหน้าแดงก่ำ โคจรสายเลือดพลังเทพยักษ์ขึ้นทันที ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
“เทพโบราณเฉิงอวิ๋นน่าจะอยู่ข้างหน้า!”
ซินอู๋เหินพูดขึ้นหลังจากรับรู้ผ่านจากป้ายส่งข่าว
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นอยู่กับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ส่วนฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ไล่ตามเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนไปแล้ว จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
อันดับแรก การควบคุมมิติของที่นี่รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง หรือก็คือพลังของทุกคนจะลดต่ำลง
นอกจากนั้นยังต้องคอยระวังคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลพวกนั้นกับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนด้วย
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในยุครุ่งเรืองคืออาวุธบรรพชนประเภทเวลา อยู่ที่นี่น่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร ส่วนอวี่เหิงที่กระตุ้นพลังเผ่าบรรพกาลยิ่งหยิ่งทะนงทรงพลัง เมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่ง
การควบคุมเสวียนอ้าวมิติที่นี่กินพื้นที่ไปกว้างไกลนัก ความเร็วในการมุ่งไปข้างหน้าของทุกคนช้าเป็นอย่างยิ่ง หากต้านทานการควบคุมกลุ่มนี้สุดกำลัง ถึงจะทำได้ แต่การทำเช่นนั้นจะสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป
หนึ่งวันหลังจากนั้น
“ช้าก่อน!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็พูดขึ้น
ในพื้นที่แห่งนี้ การจำกัดที่ทุกคนได้รับรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่การจำกัดครรลองสายตาของดวงตาเทพเจ้าของเขา เมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างน้อยกว่า
“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนหยุดลงทันที พวกเขารู้ซึ้งดีถึงความเยี่ยมยอดของสายเลือดดวงตาจ้าวเฟิง
“ข้างหน้าคือกลุ่มคนตำหนักวิญญาณบรรพกาล!”
จ้าวเฟิงพูดเสียงต่ำ
สีหน้าของคนที่เหลือเปลี่ยนไปทันที
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลและเผ่าเทพยักษ์ยังคงเป็นศัตรูกัน เพียงแค่การปรากฏขึ้นของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปชั่วขณะเท่านั้น
หากตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้ฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาล จะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างแน่นอน
“พวกนั้นหยุดลงแล้ว!” จ้าวเฟิงพูดขึ้นอีกครั้ง
“เพราะเหตุใดกัน?” คนเผ่าเทพยักษ์คิดไม่ค่อยออก
ตามหลักแล้ว พลังของคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลรวมกับอวี่เหิง น่าจะไม่ต้องเกรงกลัวเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับหยุดลง
……
“พุ่งตรงไปเลย ชิงเอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมา!”
เทพโบราณอวี้ไห่พูดขึ้นทันที
“ไม่ต้องรีบ!”
สีหน้าของอวี่เหิงนิ่งสงบ สายตาจ้องไปยังที่ไกลๆ
เห็นเพียงใจกลางหน้าผากว้างโล่ง มีต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าต้นมหึมาต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ลำต้นสีเทา แผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณ ราวกับว่าใจกลางของมิติแห่งนี้ส่งผลกระทบกับพลังเวลาในฟ้าดิน
แต่ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้ากลับไม่มีใบไม้สักใบ บางส่วนก็ยังเน่าไปแล้ว กิ่งผุพังร่วงเต็มพื้น มองไปราวกับใกล้แห้งตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ใต้ต้นไม้ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นนั่งขัดสมาธิอยู่ ส่วนเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนนั้นลอยอยู่ข้างๆ
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามเผยสีหน้าประหลาดใจ
“นั่นมันต้นไม้อะไร?”
เทพโบราณหานอวี้เอ่ยปากถาม
ต่อให้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนร่วมมือกับเทพโบราณเฉิงอวิ๋น อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขาเลย แต่ตอนนี้อวี่เหิงกลับไม่เลือกโจมตี เช่นนั้นเหตุผลอาจจะเป็นเพราะต้นไม้โบราณสีขาวเทาต้นนั้น
ต้นไม้โบราณมองดูเหมือนใกล้จะแห้งเหี่ยวแล้ว แต่พลังเวลาทั้งหมดในฟ้าดินราวกับมีต้นไม้โบราณสีเทาเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ที่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเฝ้ารักษาอยู่ที่นี่ ก็เพราะ ‘ต้นไม้แห่งกาลเวลา’ คือศูนย์กลางของทั้งมิตินี้!”
อวี่เหิงยิ้มเรียบๆ
“ต้นไม้แห่งกาลเวลา? ศูนย์กลาง?”
สีหน้าของคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามฉายแววสงสัย
“เสียดายแต่ว่า ‘ต้นไม้แห่งกาลเวลา’ นั่นใกล้ตายแล้ว มิฉะนั้นหากพวกเราควบคุมต้นไม้แห่งกาลเวลาได้ ก็เท่ากับว่าควบคุมทั้งมิตินี้!”
อวี่เหิงทอดถอนใจ
หากควบคุมมิติทั้งผืนได้ก็จะไม่ถูกควบคุมจากที่นี่ กระทั่งว่าพลังยังเพิ่มขึ้นอีกด้วยถึงตอนนั้น ของล้ำค่าทั้งหมดที่นี่ก็แล้วแต่พวกเขาจะเก็บเอาไปไม่ใช่หรือ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือต้นไม้แห่งกาลเวลาคล้ายใกล้จะตายเต็มทีแล้ว
“หยุดอยู่ที่นี่ชั่วประเดี๋ยวก่อน พักปรับสภาพให้ถึงขีดสูงสุด!”
หลังจากอวี่เหิงพูดจบ ร่างก็หายเข้าไปในมิติฝึกฝนที่เป็นเอกเทศทันที
“ที่นั่นเหมือนจะมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยังไม่รู้!”
อวี่เหิงพูดพึมพำ
บางทีอาจเป็นเพราะต้นไม้แห่งกาลเวลาและเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมีระดับสูงเกินไป การคาดเดาของเขาเลยทำได้ยากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน หยุดพักสักช่วงหนึ่งจะดีกว่า
อีกทั้งพลังของเผ่าบรรพกาล หลังจากที่เรียกใช้ทุกครั้งล้วนมีผลกระทบที่รุนแรง จำต้องใช้เวลาฟื้นฟูกลับมา
……
อีกด้านหนึ่ง
“พวกเราอ้อมผ่านพวกมันไปก่อน ไปดูสถานการณ์ข้างหน้าสักหน่อย!” จ้าวเฟิงพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็อ้อมไปจากด้านข้าง เปลี่ยนทิศทางมุ่งไปข้างหน้า เพิ่งมุ่งหน้าไปไม่นานเท่าใด จ้าวเฟิงก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยและหยุดลงทันใด
วู้ม! จ้าวเฟิงฉายภาพที่ตนเองเห็นออกมา
“เทพโบราณเฉิงอวิ๋นและเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนต่างอยู่ที่นั่น!”
แววตาของเทพโบราณหวาไฉ่เปล่งประกาย ส่วนแววตาของซินอู๋เหินจ้องเพ่งไปบนต้นไม้โบราณสีเทา
“ต้นไม้โบราณต้นนี้น่าจะเป็นศูนย์กลางของมิติแห่งนี้!”
หลังครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ซินอู๋เหินจึงเอ่ยปากขึ้น
“ศูนย์กลาง?” สีหน้าของคนที่เหลือตกใจเล็กน้อย
พวกเขาเพียงมองออกว่าต้นไม้โบราณต้นนั้นไม่ธรรมดา มีเพียงซินอู๋เหินเท่านั้นที่สามารถวิเคราะห์ถึงหน้าที่ที่แท้จริงของต้นไม้โบราณสีเทาได้
“เสียดายก็แต่ว่ามันใกล้ตายเต็มทีแล้ว มิฉะนั้นหากพวกเราสามารถควบคุมมัน บางทีอาจจะรับมือกับตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้!”
เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยอย่างเสียดาย
“อย่างน้อยตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ไม่อาจควบคุมศูนย์กลางได้!”
ซินอู๋เหินเอ่ยปาก นี่ถือว่าเป็นข่าวดีเรื่องหนึ่ง
ต้นไม้แห่งกาลเวลาคือศูนย์กลางของทั้งมิติ ระดับสูงเป็นอย่างยิ่ง วิธีการธรรมดาไม่มีทางทำให้มันฟื้นคืนชีพได้เลย
“พวกนั้นไม่เคลื่อนไหว พวกเราก็รอจังหวะ ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน!”
จ้าวเฟิงเข้าไปในมิติของชุดคลุมทันที
สถานการณ์ตอนนี้คับขัน เขาจะต้องยกระดับพลังของตัวเองในทุกวินาที
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ครั้นหลับตาลง วัตถุดิบล้ำค่าประเภทเวลาหลายอย่างปรากฏขึ้นต่อหน้าจ้าวเฟิง วัตถุดิบล้ำค่าพวกนี้ล้วนเป็นทรัพยากรที่กวาดค้นมาได้จากบริเวณใกล้ๆ ซากป้อมปราการเก่า มีคุณสมบัติสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งจิตของเขาแบ่งเป็นสอง ส่วนหนึ่งดูดซับแก่นสารของเวลาที่อยู่ในทรัพยากรล้ำค่า ส่วนอีกส่วนหนึ่งโคจรพลังเทพรวมศูนย์ ดูดซับพลังเวลาเอาไว้
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงยังปลดการสกัดกั้นมิติของชุดคลุมมิติออกไป ทำให้พลังเวลาของโลกภายนอกสามารถแผ่เข้ามาได้ พลังเทพรวมศูนย์จึงดูดซับพลังเวลาได้มากยิ่งขึ้น
ภายในชุดคลุมมิติ ไม่ถึงห้าวัน เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงก็ทะลวงถึงขั้นเจ็ดได้อย่างราบรื่น
“เสวียนอ้าวเวลาถึงขั้นที่เจ็ด อานุภาพของพลังเทพรวมศูนย์เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลย!”
จ้าวเฟิงแอบตกใจเล็กน้อย
ถึงแม้เสวียนอ้าวเวลาของเขาก่อนหน้านี้จะถึงขั้นหกสุดยอด แต่ช่วงนี้เสวียนอ้าวเวลาของเขายกระดับเร็วเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้ฝึกฝนและทำให้มั่นคงสักเท่าใดนัก ตามหลักทฤษฎีแล้วไม่น่าพัฒนาได้ง่ายเช่นนี้ แต่ไม่ถึงห้าวันกลับทะลวงขั้นแล้ว
สาเหตุอาจเป็นเพราะสถานการณ์คับขัน จึงกระตุ้นศักยภาพของจ้าวเฟิงอย่างมาก อีกอย่าง ยิ่งการควบคุมเวลาของมิติแห่งนี้แข็งแกร่ง พลานุภาพที่พลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงดูดซับได้ก็ยิ่งเข้มข้น
ถึงแม้เสวียนอ้าวเวลาทะลวงถึงขั้นเจ็ด แต่พลังเทพรวมศูนย์เพิ่มขึ้นแค่นิดหน่อย แรงต้านทานการควบคุมของที่แห่งนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น หากเผชิญหน้ากับกลุ่มคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ยังคงไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก
ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่หยุดพัก มุ่งทำพลังเสวียนอ้าวอื่นๆ ให้มั่นคงต่อไป
ตอนนี้เสวียนอ้าวมิติของเขาถึงขั้นแปด เสวียนอ้าวเวลาถึงขั้นเจ็ด ส่วนเสวียนอ้าวอื่นๆ บางอย่างยังมีอีกไม่น้อยที่หยุดอยู่ที่ขั้นหกสุดยอด
ขวับ ขวับ!
จ้าวเฟิงหยิบทรัพยากรล้ำค่าสำหรับฝึกฝนเสวียนอ้าวหลายอย่างออกมา
ทรัพยากรล้ำค่าในมิติแห่งนี้ ถึงแม้ส่วนใหญ่เป็นประเภทฝึกเสวียนอ้าวเวลา แต่ของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนเสวียนอ้าวอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มี
ไม่ถึงสิบวัน จ้าวเฟิงยกระดับเสวียนอ้าวห้าธาตุและวายุอัสนีถึงขอบเขตขั้นเจ็ดเช่นนี้แล้ว พลังแฝงของเขาจึงยิ่งมั่นคงขึ้น
ความคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลึกลงไปในรากฐานเทพที่จุดตันเถียน
ฟู่ ฟู่! บนเค้าโครงของรากฐานเทพขั้นเก้าหุ้มล้อมไว้ด้วยสรรพคุณยากลุ่มสุดท้ายของดอกบัวเก้ามรกต
จ้าวเฟิงกำจัดการควบคุมแต่ละชั้นๆ ให้ดูดซับสรรพคุณยาเหล่านั้น
ขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มสร้างรากฐานเทพขั้นที่เก้า
ณ โลกภายนอก
ถึงแม้คนเผ่าเทพยักษ์กำลังฝึกฝนอยู่เช่นกัน แต่กลิ่นอายที่จ้าวเฟิงหล่อหลอมรากฐานเทพค่อนข้างมหาศาล พวกเขาจึงล้วนสัมผัสได้
ไม่นานเท่าใดนัก ที่ที่ซินอู๋เหินฝึกฝนก็พลันมีคลื่นสายเลือดที่แข็งแกร่งแผ่กระจายมาเช่นกัน ในยามคับขันนี้ ซินอู๋เหินก็ยกระดับพลังของตัวเองในระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน
……
อีกด้านหนึ่ง “ประมาณนี้กระมัง!”
อวี่เหิงพูดอย่างสงบ
วู้ม! ระลอกคลื่นหลายเส้นลอยเอ่อในท้องฟ้า จากนั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพของตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามก็โผล่ออกมา
“อืม บาดแผลหายดีแล้ว!” เทพโบราณอวี้ห่ายพูดขึ้นทันที
ภายในสามคน บาดแผลของเขาค่อนข้างจะสาหัส เพื่อที่จะฟื้นฟูบาดแผลได้ในระยะเวลาอันสั้น เขาใช้กระทั่งของที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งหลายอย่างที่ได้มาก่อนหน้านี้
“ออกเดินทางเถอะ เป้าหมายคือ ‘เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน’ และ ‘ต้นไม้แห่งกาลเวลา’!”
อวี่เหิงยิ้มเรียบๆ
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามอึ้งไปเล็กน้อย ต้นไม้แห่งกาลเวลานั่นเป็นใครก็ล้วนดูออกทั้งสิ้นว่าใกล้ตายแล้ว
คิดอยากจะฟื้นชีวิตมันขึ้นมาก็ลำบากยากเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นจอมเทพก็เกรงว่าจะไม่มีวิธี แต่อวี่เหิงกลับกำหนดมันเป็นเป้าหมาย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
คนกลุ่มตำหนักวิญญาณบรรพกาลเข้าประชิดไปยังต้นไม้แห่งกาลเวลา
ในตอนที่พวกเขาเข้าใกล้ที่นี่ การควบคุมเวลาที่พวกเขาแบกรับเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าทันที
ใต้ต้นไม้แห่งกาลเวลา เทพโบราณเฉิงอวิ๋นลืมตาขึ้น เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนก็แผ่ระลอกคลื่นเวลาเป็นช่วงๆ เช่นกัน
“ยอมให้จับแต่โดยดีซะ!” อวี่เหิงยืนอย่างหยิ่งทะนงพลางตวาดออกมา
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทุกคนยิ้มบางๆ
หลังจากที่ได้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมาแล้ว ทุกอย่างจะจบสิ้นลง ตราเทพบรรพกาลก็ได้มาอยู่ในมือ
แต่ตอนนี้เอง
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าข้า!”
เสียงเก่าแก่มีพลังดังมาจากข้างในต้นไม้แห่งกาลเวลา
เสียงนั้นดังขึ้นไม่หยุด กึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ทำให้คนรู้สึกถึงความวุ่นวายของมิติที่ซ้อนทับสอดประสาน
วู้ม! กลิ่นอายสายเลือดที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นตลบอบอวลมาพร้อมกับพลังเวลาไร้รูปร่าง
สายเลือดในกายของคนฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาลสะท้านทันที ส่วนร่างของพวกเขาถูกพลังเวลาที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นบิดโค้งไม่หยุด
“ยังมีคนอีก!”
แววตาของเทพโบราณหานอวี้เคร่งเครียด จ้องเขม็งไปยังต้นไม้แห่งกาลเวลา
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ใบหน้าของเทพโบราณอวี้ไห่ฉายแววระมัดระวัง
กลิ่นอายของอีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งนัก อีกทั้งกลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนั้นล้ำหน้าเผ่าวิญญาณบรรพกาลไปอีก อย่างน้อยก็อยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
สีหน้าของอวี่เหิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือสะบัดขึ้น สำแดงโล่แสงลึกลับออกมาต้านทานพลังไร้รูปร่างกลุ่มนั้น
วู้ม! ระลอกคลื่นลอยกระเพื่อมบนกิ่งก้านของต้นไม้แห่งกาลเวลา
เงาร่างแก่ชราร่างหนึ่งปรากฏออกมาช้าๆ จากข้างใน
ร่างกายของเขาอัศจรรย์นัก ก่อขึ้นด้วยแสงเลือนรางสีขาวระยิบระยับที่กำลังไหลเวียน เสี้ยวขณะที่ปรากฏขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อพลังเวลามหาศาลในฟ้าดิน สร้างความกดดันอย่างยิ่งให้กับคนฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาล