Skip to content

King of Gods 1391

King Of Gods

บทที่ 1391 นายที่แท้จริง

บนพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่

ขวับ! คลื่นมิติชั้นหนึ่งแผ่ระลอกออกไป ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏออกมาจากในชุดคลุมมิติ

“เคลื่อนไหวแล้ว!” สายตาของจ้าวเฟิงประเมินไปยังที่ไกลๆ

ที่นี่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถสังเกตสถานการณ์ของฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาล และต้นไม้แห่งกาลเวลาได้

วู้ม! มือของเขาสะบัด พลังมิติเฉียดพุ่งไปรอบด้าน เผ่าเทพยักษ์คนอื่นๆ สิ้นสุดการฝึกฝนทันที แล้วปรากฏกายขึ้นที่นี่

สายตาของพวกเขามองไปยังจ้าวเฟิง

กลิ่นอายบนร่างกายจ้าวเฟิงในตอนนี้ยิ่งแข็งแกร่งและล้ำลึกขึ้น ในยามที่การควบคุมเวลามหาศาลนั่นเข้าใกล้จ้าวเฟิงก็ถูกกลืนกินไปกว่าครึ่งทันที

จ้าวเฟิงยืนอยู่ที่นี่ ดูสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนเป็นอย่างยิ่ง

“จ้าวเฟิง เจ้าทะลวงขั้นเก้าแล้วรึ?” เทพโบราณหวาไฉ่ถามอย่างตกใจ

นานก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงก็ถึงขีดสูงสุดของขั้นแปดแล้ว ตอนนี้หลังจากปิดด่าน กลิ่นอายยิ่งแข็งแกร่ง จะต้องทะลวงขั้นเก้าแล้วอย่างแน่นอน

“ใช่แล้ว!” จ้าวเฟิงพยักหน้า

เทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหวาไฉ่จ้องตากัน ยากที่จะปกปิดความตื่นตะลึงบนใบหน้า

เวลาไม่กี่เดือนที่เข้ามาในซากปรักหักพังแห่งนี้ จ้าวเฟิงก็ทะลวงจากขั้นแปดเป็นขั้นเก้าได้ เป็นคนที่พลังฝึกตนทะลวงขั้นได้เร็วที่สุดในหมู่คนทั้งหมด

ส่วนเทพโบราณพั่วเยวี่ยที่ได้สัมผัสกับจ้าวเฟิงนานก่อนหน้านี้ยิ่งตกใจ ในตอนที่เขาพบกับจ้าวเฟิงในตอนแรก อีกฝ่ายท่าทางเพิ่งจะทะลวงขั้นแปดได้เท่านั้น

“ยินดีกับสหายจ้าวที่พลังก้าวไปอีกขั้น!” ซินอู๋เหินหัวเราะพูด

จ้าวเฟิงก่อนหน้านี้ก็สามารถบดขยี้สังหารขั้นเก้าได้ตามใจ ทำให้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ทะลวงขั้นแล้ว พลังจะต้องก้าวไปอีกขั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับกลุ่มของเขา

“สหายซิน เจ้าก็ถึงขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพแล้วกระมัง!”

ดวงตาซ้ายที่ลึกล้ำของจ้าวเฟิงประเมินซินอู๋เหินแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาทันที

สีหน้าของซินอู๋เหินตกตะลึงเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมองตื้นลึกหนาบางของตนเองออกได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

เขาเพียงแค่ถึงขีดสูงสุดของขั้นเก้า ครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ไม่เป็นปัญหาใดทั้งสิ้น ต้องการแค่เพียงเวลาผันเปลี่ยนพลังเทพเท่านั้น

“พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ที่ต้นไม้แห่งกาลเวลายืนอยู่ พวกเราจะรั้งท้ายไม่ได้!” จ้าวเฟิงเข้าประเด็นทันที

“เช่นนั้นพวกเราก็รีบไล่ตามไปเร็ว จะให้ตำนักวิญญาณบรรพกาลทำสำเร็จง่ายๆ ไม่ได้!” สีหน้าของเทพโบราณหวาไฉ่ค่อนข้างร้อนรน

ฟุ่บ… กลุ่มของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ไปยังต้นไม้แห่งกาลเวลาทันที

ไม่นานนัก คนอื่นที่เหลือก็มองเห็นสถานการณ์ใกล้ๆ ต้นไม้แห่งกาลเวลา

“พวกเขาจะลงมือกับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแล้ว!”

สีหน้าของเทพโบราณพั่วเยวี่ยตื่นตกใจ

แต่ในตอนนี้เอง พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ในกิ่งก้านของต้นไม้แห่งกาลเวลา จู่ๆ ก็มีผู้อาวุโสที่เปล่งแสงสว่างสีขาวเลือนรางทั่วร่างโผล่ออกมา

เสียงทรงพลังที่เก่าแก่โบราณดังก้องขึ้น “พวกเจ้าบังอาจยิ่งนัก กล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามเผ่าข้า!”

ในขณะเดียวกันนี้เอง กลิ่นอายสายเลือดที่แข็งแกร่งพร้อมด้วยการควบคุมเวลาไร้รูปร่างแผ่กระจายไปทั่วทิศ

“เกิดอะไรขึ้น?” เทพโบราณพั่วเยวี่ยตัวแข็ง ใจสั่นสะท้าน

ที่นี่พลังฝึกตนและพลังของเขาต่ำที่สุด ในตอนที่พลังกลุ่มนั้นลอยมา เขาก็ต้านทานไม่ไหวในทันที

“นั่นมัน…เผ่าแสง!” แววตาของซินอู๋เหินส่องประกายแวววาว

“เผ่าแสง?” สีหน้าของคนที่เหลือเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เผ่าพันธุ์แห่งแสง เป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในอันดับเจ็ดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เป็นเผ่าพันธุ์ที่เลื่องลือในด้านความเร็วว่ารวดเร็วที่สุดในจักรวาล

“ที่นี่มีเผ่าแสงได้อย่างไร?” สีหน้าของเทพโบราณหวาไฉ่ตื่นตะลึงสงสัย

“ต้นไม้แห่งกาลเวลา…มิติแห่งนี้เหมือนจะเป็นมิติที่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าแสงสร้างขึ้นเสียมากกว่า!”

ซินอู๋เหินไตร่ตรองชั่วครู่จึงค่อยพูดออกมา

เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นั่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เริ่มครุ่นคิดขึ้นมา

……

ต้นไม้แห่งกาลเวลา

ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามคนจ้องไปยังผู้แข็งแกร่งเผ่าแสง ในใจสั่นสะท้าน หากไม่ใช่ว่าพวกเขารู้ว่าอวี่เหิงเป็นคนของเผ่าความลับสวรรค์ เกรงว่าในตอนนี้พวกเขาคงศิโรราบต่อหน้าผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงคนนี้ไปแล้ว

“คิดไม่ถึงเลยว่ามิติแห่งนี้จะมีคนของเผ่าแสงอยู่!”

อวี่เหิงยิ้มราบเรียบ มองประเมินผู้อาวุโสร่างสีขาวเลือนรางโปร่งแสงอย่างละเอียด

“เผ่าความลับสวรรค์!”

สายตาของผู้อาวุโสคนนั้นก็จ้องอวี่เหิงเขม็งเช่นกัน พลังสายเลือดน่ากลัวที่สะท้านไปทั่วภพค่อยๆ แผ่กระจายออก

การควบคุมเวลาในฟ้าดินพลันเพิ่มมากขึ้น โดยมีต้นไม้แห่งกาลเวลาเป็นศูนย์กลาง แข็งแกร่งจนครึ่งก้าวสู่จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลยังรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างถูกพันธนาการ เวลาไหลช้าเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งวันนานเหมือนหนึ่งปี

อวี่เหิงหยิบป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมา บนนั้นแผ่กระจายด้วยพลังที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งออกมาพร้อมด้วยเศษเสี้ยวกฎเกณฑ์ แล้วปกป้องเขาเอาไว้รอบด้าน

“ในเมื่อถูกข้าเจอตัวแล้ว ข้าก็จะให้พวกเจ้าดับสูญสลายไป!”

อวี่เหิงเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงก็นิ่งขรึมไม่เกรงกลัว ยิ้มบางๆ โดยตลอด

“ให้โอกาสพวกเจ้าทั้งสาม หากจัดการคนคนนี้ได้จะได้รับโอกาสเลื่อนขั้นเป็นจอมเทพ!”

อวี่เหิงมองมายังตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสาม เอ่ยปากพูดขึ้นทันที

สายเลือดเผ่าบรรพกาลของเขาจะขยับใช้ง่ายๆ ไม่ได้ หากตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามคนสามารถจัดการผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงได้ นั่นเป็นการดีที่สุด

“นี่…” สีหน้าของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามตะลึงไปเล็กน้อย ค่อนข้างลังเล

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล คนผู้นี้น่าจะเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน อาการบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ตอนนี้ทำได้เพียงแค่สำแดงพลังขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่านั้น”

อวี่เหิงพูดเรียบนิ่ง

“ท่านมู่กู่! (หุบเขาอาทิตย์อัสดง)”

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ มองไปยังผู้อาวุโสเผ่าแสง จากนั้นตะโกนร้องขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงคนนี้ เขาใช้วิชาลับเผ่าแสงร่วมกับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนฟื้นคนคนนี้ขึ้นมาจริงๆ แต่ก็เพียงแค่ฟื้นมู่กู่ขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้น พลังของเขาไม่ได้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างสมบูรณ์

สีหน้าของมู่กู่เคร่งเครียดขึ้นทันที

หากเขาอยู่ในช่วงสุดยอด ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นก็คงสังหารมดปลวกทั้งหมดที่นี่ไปแล้ว

“ได้!”

ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามเห็นท่าทีของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นและมู่กู่ ก็รู้ว่าสิ่งที่อวี่เหิงพูดเป็นความจริง

อีกทั้งคำสัญญาที่อวี่เหิงมอบให้ก็ช่างเย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่ง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามพุ่งออกไปทันที

สิ่งที่ออกไปพร้อมกับพวกเขายังมีอสูรวิญญาณอีกสามตัว

“มังกรโลกันตร์วารียะเยือก!”

แขนข้างหนึ่งของเทพโบราณอวี้ไห่แปรเปลี่ยนเป็นของเหลวสีดำเย็นยะเยือกที่แปลกประหลาด ขยายใหญ่ขึ้นแล้วก่อเป็นมังกรยักษ์สีดำที่ตัวยาวถึงพันจั้ง

โฮก~ มังกรยักษ์สีดำร้องคำราม ผสานเข้ากับอสูรวิญญาณของเทพโบราณอวี้ไห่เป็นร่างเดียว ก่อนคำรามพุ่งไปยังมู่กู่

“เป็นแค่เผ่าวิญญาณบรรพกาล ก็กล้ามาสามหาวต่อหน้าข้ารึ!”

สีหน้าของมู่กู่เย็นเยียบ กายพลันหายวับไปทันใด

เสี้ยวขณะต่อมา มู่กู่มาปรากฏตัวขึ้นหลังเทพโบราณอวี้ไห่ทันที

ทั่วร่างของมู่กู่อวลไปด้วยคลื่นพลังแปลกประหลาด ฝ่ามือของเขาเพียงสะบัด พายุฝ่ามือที่ก่อขึ้นด้วยลำแสงสีขาวเลือนรางนับไม่ถ้วน เฉือดเฉือนออกมาทันที

“แย่แล้ว!” สีหน้าของเทพโบราณอวี่ไห่ตื่นตะลึง

ที่มิติแห่งนี้ สามารถพูดได้ว่าเผ่าพันธุ์แห่งแสงไม่ได้รับการควบคุมใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งยังสามารถสำแดงเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาได้อีกด้วย

เทพโบราณอวี้ไห่สัมผัสได้ถึงการลอบโจมตีกระทันหันของมู่กู่ แต่เขาถูกผลกระทบจากพลังเวลาที่แข็งแกร่ง ทำให้ความคิดและพลังการเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงเป็นอย่างมาก ตอบโต้กลับมาไม่ได้เลย

“แท่นบัวหยกเหมันต์!”

มือเรียวของเทพโบราณหานอวี้แตะลง ขั้นดอกบัวหยกเหมันต์ก็ก่อตัวขึ้นที่ใต้เท้าของเทพโบราณอวี้ไห่ทันที

พลังเวลาของมู่กู่หลักๆ แล้วส่งผลต่อร่างของเทพโบราณอวี้ไห่ ส่งผลกับคนอื่นค่อนข้างน้อย

ในขณะเดียวกันนี้เอง ฝ่ามือของเทพโบราณเมี่ยหลิวสะบัดออกไป สายธารทำลายล้างสายหนึ่งทะลักไหลบ่าคำรามมา

ฟู่! อสูรวิญญาณของเทพโบราณเมี่ยหลิวผสานร่างเข้าไปในสายธารทำลายล้าง ทำให้พลังของสายธารยิ่งทรงพลังขึ้น

อีกทั้งเทพโบราณเมี่ยหลิวไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดจิตใจไปควบคุม อสูรวิญญาณของเขาก็สามารถควบคุมการโจมตีได้

ฟุ่บ! ร่างของมู่กู่เพียงกะพริบก็หายวับไปจากที่เดิม

ขณะเดียวกัน การโจมตีที่เขาสำแดงออกมาก็กระแทกไปบนร่างของเทพโบราณอวี้ไห่

ฟู่ พลั่ก! เห็นเพียงฝ่ามือลำแสงวายุทางหนึ่ง พุ่งผ่านแท่นบัวหยกเหมันต์ ทะลุร่างของเทพโบราณอวี้ไห่ไป

พรวด! ร่างของเทพโบราณอวี้ไห่กระเด็นลอยไป กระอักเลือดสดๆ ออกมา

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” สีหน้าของเทพโบราณหานอวี้เปลี่ยนไปทันที

เคล็ดวิชาลับป้องกันของนางมีผลการป้องกันเป็นอย่างมากต่อทั้งการโจมตีวิญญาณและชั้นกายเนื้อ

“เผ่าแสงมี ‘กายแห่งเวลา’ การโจมตีเวลาที่สำแดงออกมามีผลต่อกายเนื้อและวิญญาณ อีกทั้งแรงทะลุผ่านรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง!”

อวี่เหิงที่อยู่ข้างหลังพูดเสียงต่ำ

ที่ไกลออกไป ใจของพวกจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง

“นี่สิถึงจะเป็นเผ่าแสงที่แท้จริง!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยพูดอย่างตื่นตะลึง

ในระดับขั้นเดียวกัน ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเผ่าวิญญาณบรรพกาลทั้งสามล้วนไม่ใช่คู่มือของเผ่าแสงเลย

“พวกเราจะลงมือเมื่อใด?” เทพโบราณหวาไฉ่ถามขึ้น

“ไม่ต้องรีบร้อน!” จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินพูดขึ้นพร้อมกัน

เผ่าวิญญาณบรรพกาลทั้งสามคนยังพูดง่าย ประเด็นคืออวี่เหิง เขาเป็นเผ่าความลับสวรรค์ที่ล้ำหน้ากว่าเผ่าแสง อีกทั้งยังมีพลังของเผ่าบรรพกาล!

……

“โจมตีสุดกำลังไปพร้อมกัน!”

สีหน้าของเทพโบราณหานอวี้เย็นเยียบ ตะโกนขึ้นทันที

“มังกรโลกันตร์วารียะเยือก!”

เทพโบราณอวี้ไห่ใบหน้าขาวซีดเหี้ยมโหด แขนทั้งสองค่อยๆ กางออก กลายเป็นมังกรโลกันตร์วารียะเยือกสองตัว

โฮก~ เสียงคำรามของมังกรโลกันตร์วารียะเยือกที่ตัวยาวพันจั้งสองตัวสั่นสะท้านไปยังชั้นดวงวิญญาณ คำรามไปพร้อมด้วยพลังที่ทำลายล้างทุกสิ่ง

“ทำลายล้างโลกา!”

มือทั้งสองของเทพโบราณเมี่ยหลิวสะบัด สายธารดำทมิฬสองสายไหลบ่าออกมาในสายธารทำลายล้างมีอสูรวิญญาณงูมังกรตัวหนึ่งถาโถมไปมา ควบคุมสายธารดำทมิฬ ล้อมรอบไปยังรอบกายมู่กู่

“ยอดเขาเหมันต์!” มือทั้งสองของเทพโบราณหานอวี้ยกขึ้นกระตุ้นวิชา

วู้ม ฟู่ ฟู่!

ฉลามสีดำตัวหนึ่งพร้อมด้วยพายุคลั่งหนาวเหน็บพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อเป็นยอดเขามหึมาที่หนาวเหน็บทรงพลัง แผ่กระจายพลังหนาวเหน็บพุ่งทะลุทุกสรรพสิ่ง

“สังหาร!” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามตะโกนออกมาพร้อมกัน

ครืน ตูม ตูม!

สายธารดำทมิฬ มังกรโลกันตร์เย็นยะเยือก และยอดเขาหนาวเหน็บขนาดมหึมาโจมตีมาพร้อมกัน ล้อมกั้นมู่กู่เอาไว้ข้างใน

เคล็ดวิชาลับโจมตีที่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามโจมตีออกมา แทรกไว้ด้วยพลังมิติที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ จุดประสงค์ก็เพื่อรบกวนฟ้าดินผืนนี้ ป้องกันมู่กู่ไม่ให้เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาหลบหนีไป

“ถึงแม้อันดับของเผ่าวิญญาณบรรพกาลจะไม่สู้เผ่าแสง แต่ก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อ่อนแอ!”

“ตายไปซะ เวลาของเผ่าแสงมันผ่านไปนานแล้ว!”

สายตาของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามจ้องไปยังมู่กู่อย่างโหดเหี้ยม

แค่เพียงสังหารเขาได้ พวกเขาก็จะสามารถยกระดับเป็นจอมเทพได้ภายใต้การช่วยเหลือจากเผ่าความลับสวรรค์ นอกจากนั้น สังหารเผ่าแสงที่อยู่ในอันดับเจ็ดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณได้ สำหรับเผ่าวิญญาณบรรพกาล ก็เป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างหนึ่ง

“ฮ่าๆ น่าหัวเราะนัก!” มู่กู่หัวเราะเย็น พลังแห่งแสงน่าอัศจรรย์ทะลักออกทั่วร่างฝ่ามือทั้งสองของเขาประกบเข้าด้วยกัน พลังนับไม่ถ้วนทะลักออกไป

“เวลาดับสลาย!”

คลื่นโจมตีเวลาทรงกลมแผ่กระจายออกไปจากฝ่ามือทั้งสองของเขาทันที

เสี้ยวขณะนั้น แสงระยิบระยับสีขาวเลือนรางส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน ทุกที่ที่คลื่นโจมตีแสงพาดผ่าน รอบด้านเงียบสงัด สรรพสิ่งในฟ้าดินราวกับแข็งทื่อนิ่งเงียบอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นความเร็วการโจมตีของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามลดลง ก่อนเริ่มสลายไป

จากที่ไกลๆ คนเผ่าเทพยักษ์รู้สึกถึงคลื่นพลังที่เหลือที่ไม่อาจขัดขืนได้หอบม้วนมา

“พลังกฎเกณฑ์!”

สายเลือดและร่างกายของทั้งสี่คนที่อยู่ที่นั่น กระทั่งความคิดยังหยุดชะงักไปชั่วขณะ อีกทั้งยังถูกโจมตีจากพลังเวลากลุ่มหนึ่ง ร่างเทพและวิญญาณอ่อนแอลง พลังเทพในกายยังหายไปส่วนหนึ่งอีกด้วย

ส่วนใกล้ๆ กับมู่กู่

ครั้นร่างและวิญญาณของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามถูกโจมตีจากพลังกฎเกณฑ์กลุ่มนี้ก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง

“ทำไมถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?”

“พวกเราสามคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา”

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“เผ่าแสงเป็นเผ่าที่เผ่าพันธุ์อ่อนแอเช่นพวกเจ้าจะมาล่วงเกินได้รึ!”

มู่กู่ลอยอยู่กลางฟ้าดิน กายแห่งเวลาส่งผลกระทบไปยังพลังเวลาทั่วทั้งฟ้าดิน ราวกับจะบอกทุกคนให้รู้ว่า เขาต่างหากถึงจะเป็นเจ้านายของที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version