บทที่ 1392 แพ้ชนะกำหนดไว้แล้ว?
ด้วยพลังจากคนคนเดียว เผ่าแสงมู่กู่รับศึกครึ่งก้าวสู่จอมเทพเผ่าวิญญาณบรรพกาลทั้งสามก็ยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาลมองไปยังมู่กู่อย่างขมขื่น สภาพสะบักสะบอมเป็นอย่างยิ่ง
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ พวกเจ้าสามคนก็ทำให้ดีไม่ได้?” อวี่เหิงส่ายหน้าเบาๆ
สีหน้าของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามอึมครึมเป็นที่สุด
พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าความแตกต่างทางสายเลือดระหว่างเผ่าวิญญาณบรรพกาลและเผ่าแสงจะต่างกันมากถึงเพียงนี้
พวกเขาทั้งสามร่วมมือกันก็ยังไม่อาจรับมือคนคนเดียวได้
“ไร้ประโยชน์นัก!” อวี่เหิงแค่นเสียงต่ำอีกครั้ง
หลังจากได้ยินประโยคนี้ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามเปลี่ยนสีหน้าไป เมื่อคิดให้ละเอียด ประโยชน์ที่พวกเขาสร้างเล็กน้อยด้อยค่ามาโดยตลอด หากตอนนี้ยังต้องให้อวี่เหิงลงมือมาจัดการทุกอย่าง
เช่นนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขาไม่มีคุณูปการใดๆ เลย ถึงตอนนั้นคิดอยากได้รางวัลมากมาย ก็ต้องแล้วแต่อารมณ์ของอวี่เหิงกับจอมเทพซิงเซี่ยงแล้ว
“รบกวนท่านช่วยวางค่ายกลค่ายกลกั้นเวหาสักหน่อย!”
เทพโบราณหานอวี้พูดเสียงต่ำ
เผ่าแสงรวดเร็วเป็นอย่างมาก อยู่ในมิติแห่งนี้ไม่ถูกควบคุมใดๆ ทั้งสิ้น สามารถเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้ ความเร็วอยู่ในระดับสูงสุดเหมือนจ้าวเฟิง จัดการได้ยากยิ่งนัก
“ได้!” ฝ่ามือของอวี่เหิงเพียงพลิก ค่ายกลขนาดเล็กสีเงินก็ปรากฏขึ้น
ที่แท้ ในยามที่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามเปิดศึกกับมู่กู่ อวี่เหิงก็เริ่มลงมือวางค่ายกลแล้ว
“ไป!” อวี่เหิงโยนค่ายกลในมืออกไปโดยพลัน
วู้ม แซ่ด แซ่ด!
หลังจากค่ายกลขนาดเล็กสีเงินลอยอยู่กลางอากาศก็ขยายใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา ปกคลุมทั่วบริเวณห้าแสนลี้ของต้นไม้แห่งกาลเวลาเอาไว้ข้างใน
ชายขอบของค่ายกล
“พวกเราก็อยู่ในเขตค่ายกลด้วย!” จ้าวเฟิงพลันร้องออกมา
“สมที่เป็นเผ่าความลับสวรรค์!” ซินอู๋เหินพึมพำ
พลังของมู่กู่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง พลังฝึกตนสูงส่ง เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวเวลาและมิติ ค่ายกลกั้นนภาทั่วไปน่ากลัวว่าจะไม่ได้ผล ดังนั้นตั้งแต่เริ่ม อวี่เหิงจึงให้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามตรึงกำลังผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงเอาไว้
ส่วนตัวเขาเองแอบสร้างค่ายกลกั้นนภาขึ้น!
นอกจากนั้น ขอบเขตของค่ายกลกั้นนภายังรวมจ้าวเฟิงเอาไว้ข้างในด้วยพอดี
เช่นนี้แล้ว ถึงตอนนั้นจ้าวเฟิงคิดจะสำแดงเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา ไปรบกวนหรือลอบโจมตีอย่างกะทันหันก็ไม่อาจทำได้
“เผ่าความลับสวรรค์!” สายตาของมู่กู่หนักอึ้ง จ้องอวี่เหิงเขม็ง
เขาย่อมรู้ว่าคนเผ่าความลับสวรรค์คนนี้ต่างหากถึงจะเป็นคนที่จัดการยากที่สุด
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนและเทพโบราณอวิ๋นเฉิงก็ได้บอกเขาถึงเรื่องที่อวี่เหิงมีพลังเผ่าบรรพกาลด้วยเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์แห่งแสง เขารู้ถึงความน่ากลัวของเผ่าบรรพกาลที่อยู่ในอันดับหนึ่งของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณดี นี่ทำให้มู่กู่ไม่บุ่มบ่ามลงมือกับอวี่เหิง
มิฉะนั้นตอนเพิ่งเริ่ม เขาก็คงไม่สนอะไร ลงมือสังหารอวี่เหิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“อีกประเดี๋ยวช่วยข้าสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามก่อน เช่นนี้แล้วอัตราการชนะของพวกเราก็จะมากขึ้นอีกหน่อย!”
มู่กู่ส่งกระแสจิตให้กับ ‘เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน’ อย่างเงียบเชียบ
ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ หากฝืนสู้กับอวี่เหิงที่มีพลังเผ่าบรรพกาล อัตราการชนะค่อนข้างน้อย แต่หากร่วมมือกับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแล้วละก็ โอกาสจะยิ่งมีมากขึ้น
ถึงตอนนั้น แค่เพียงสังหารคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลอย่างรวดเร็ว อวี่เหิงตบมือข้างเดียวไม่ดัง ยิ่งรวมกับการยืนหยัดสู้ของสายเลือดที่ไม่นาน สุดท้ายก็จะพ่ายแพ้ลง
“ได้!” เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนลอยอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
ในตอนที่อยู่ข้างนอก มันสกัดกั้นเผ่าตั๊กแตนพิษ ตรึงกำลังคนตำหนักวิญญาณบรรพกาล ใช้พลังไปมหาศาล ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะฟื้นฟู
หลังจากค่ายกลกั้นนภากางออกแล้ว
“พวกเจ้าเป็นตัวโจมตีหลัก ข้าจะช่วยพวกเจ้าสองคนเอง!”
เทพโบราณหานอวี้ส่งกระแสจิตให้กับคนในเผ่าที่เหลือทั้งสอง
“สังหาร!”
เทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่ายหยักหน้า จากนั้นพุ่งสังหารออกไปทันที
“มังกรสมุทรคู่จู่โจม!”
ฝ่ามือของเทพโบราณอวี้ห่ายประกบกัน แขนทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นดำยะเยือก อีกทั้งยังขยายใหญ่ไม่หยุด ก่อขึ้นเป็นมังกรโลกันตร์น้ำสีดำสองหัวตัวหนึ่ง
ฟุ่บ! อสูรวิญญาณของเทพโบราณอวี้ห่ายเข้าไปในมังกรดำสองหัวตัวนี้ เช่นนี้จะสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ และยังลดการใช้ความคิดจิตใจของเทพโบราณอวี้ห่ายได้อีกด้วย
“คลื่นวนทำลายล้าง!”
เทพโบราณเมี่ยหลิวก็ไม่น้อยหน้า สำแดงคลื่นวนมืดทมิฬออกมา ใจกลางของคลื่นน้ำวนมองเห็นงูมังกรเหี้ยมโหดม้วนตัวคำรามได้อยู่รางๆ
“ช่างโง่เง่าเสียจริง!” มู่กู่คำรามเสียงต่ำ สะบัดฝ่ามือทั้งสองออกไป
ฟิ้ว! พายุฝ่ามือแสงระยิบระยับสีขาวสองสายฟาดฟันออกมา
ทันใดนั้น เทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่ายถูกพลังเวลากลุ่มหนึ่งควบคุมไว้ ราวกับเข้าไปอยู่ในโลกที่การเคลื่อนไหวช้าลง
พายุฝ่ามือสองสายนั้นพุ่งเฉียดผ่านมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
“ฝันไปเหอะ!” สีหน้าของเทพโบราณหานอวี้เย็นชา มุกเหมันต์สีม่วงหม่นปรากฏขึ้นในมือ บนนั้นมีเกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนลอยไปมา
ชั่วพริบตาที่มุกเหมันต์สีม่วงหม่นปรากฏขึ้น ก็แผ่กระจายพลังเหมันต์เยียบเย็นทะลุผ่านจิตใจ
“เหมันต์ทมิฬคุ้มกาย!”
ฝ่ามือของเทพโบราณหานอวี้ซัดลงไปบนมุกเหมันต์สีม่วงหม่น พลังเหมันต์ที่น่าหวาดหวั่นตลบกระจายไปทั่วฟ้าดินทันที
ในขณะเดียวกัน เกราะหยกเหมันต์สีเทาเข้มปรากฏขึ้นบนร่างของเทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่าย
ชิ้ง ชิ้ง!
ครั้งนี้ การโจมตีเวลาที่กู่มู่สำแดงไม่ได้ทะลุผ่านไปในชั่วพริบตา แต่ส่งเสียงตัดกรีดเสียดแก้วหูออกมา หลังจากที่เกราะหยกเหมันต์ต้านทานอยู่ชั่วครู่ คมมีดแห่งเวลาถึงจะทะลวงผ่านไปได้
แต่ตอนนี้ การโจมตีที่มู่กู่สำแดงออกมาโดนลดทอนไปบางส่วน ส่วนเทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่ายก็โคจรเคล็ดวิชาลับป้องกันเอาไว้นานแล้ว อาการบาดเจ็บที่ได้รับจึงไม่มากนัก
“อ้อ? อาวุธเทพระดับสุดยอดของเผ่าเหมันต์ทมิฬ มุกเหมันต์ทมิฬ!”
อวี่เหิงแย้มยิ้มเล็กน้อย
คิดจะต้านทานพลังของเผ่าแสง เผ่าวิญญาณบรรพกาลไม่มีความสามารถนี้แน่นอน แต่มุกเหมันต์ทมิฬในมือของเทพโบราณหานอวี้ คืออาวุธเทพระดับสุดยอดของเผ่าเหมันต์ทมิฬที่อยู่อันดับที่สิบหกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ข้างในแฝงไว้ด้วยพลังของเผ่าเหมันต์ทมิฬ มีแรงต้านทานต่อพลังของเผ่าแสงในระดับหนึ่ง
ฟิ้ว! แววตาของมู่กู่ไหววูบเล็กน้อย ก่อนแปลงเป็นเส้นแสงลึกลับ หลบการโจมตีของคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลไป
“ฆ่า!” เทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่ายหัวเราะเสียงต่ำ พุ่งตรงไปยังมู่กู่อีกครั้ง
ในเหล่าพวกเขาทั้งสาม เหตุที่เทพโบราณหานอวี้แข็งแกร่งที่สุด เป็นเพราะอาวุธเทพระดับสุดยอดชิ้นนี้นี่เอง
“หมอกเยือกแข็ง!” ในยามที่เทพโบราณหานอวี้ช่วยเหลืออีกสองคน ก็ใช้อาวุธเทพระดับสุดยอด ‘มุกเหมันต์ทมิฬ’ สำแดงการโจมตี เห็นเพียงหมอกแสงสีขาวเทาปลิวว่อนออกมาจากในมุกเหมันต์ทมิฬ
ขวับ! อสูรวิญญาณของเทพโบราณหานอวี้กระโดดเข้าไปข้างใน โจมตีไปยังมู่กู่พร้อมด้วย ‘หมอกเยือกแข็ง’
ทุกที่ที่หมอกเยือกแข็งพาดผ่าน ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็ง แม้กระทั่งพลังเวลาที่แข็งแกร่งของที่นี่ยังได้รับผลกระทบไปด้วยเล็กน้อย
วูบ! มู่กู่แปลงเป็นเส้นแสงลึกลับ โบยบินไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พลางหลบการโจมตีทั้งหมดของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสาม
“สกัดเขาเอาไว้!” เทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี้ห่ายสำแดงการโจมตีสุดกำลัง คิดจะสกัดกั้นเส้นทางการหลบหนีของมู่กู่
ขอเพียงการโจมตีของเทพโบราณหานอวี้แผ่ระลอกคลื่นไปถึงมู่กู่ ก็จะสร้างผลกระทบต่อความเร็วของเขาได้บ้าง
เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะค่อยๆ เป็นฝ่ายได้เปรียบ
ฟิ้ว ฟิ้ว!
มู่กู่หลบหนีไม่หยุด ราวกับถูกครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามบีบจนไม่มีโอกาสโจมตีกลับ
“ฮ่าๆ รับความตายไปซะ!” เทพโบราณอวี้ห่ายหัวเราะเหี้ยมเกรียม
มังกรโลกันตร์เย็นยะเยือกสองหัวตัวนั้นพลันแยกจากกัน แปลงเป็นมังกรโลกันตร์เย็นยะเยือกสองตัว แล้วโจมตีมู่กู่ขนาบสองข้าง
ส่วนข้างหน้า คลื่นน้ำวนทำลายล้างของเทพโบราณเมี่ยหลิวพุ่งโจมตีมา ข้างหลังก็เป็น ‘หมอกเยือกแข็ง’ ของเทพโบราณหานอวี้
ยามนี้ทุกคนใกล้จะทำร้ายมู่กู่ครั้งแรกได้แล้ว แต่ในตอนนี้เอง พลังกฎเกณฑ์เวลาที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแผ่ระลอกมาจากอีกด้าน
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นยื่นมือซ้ายออกมา แผ่กระจายพลังเวลากลุ่มหนึ่งไป
ฟิ้ว! เมื่อลำแสงกะพริบวูบไหว เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนก็มาอยู่ในมือของมู่กู่
“ตายเสีย!” มือของมู่กู่กุมเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเอาไว้ พลังเพิ่มขึ้นพุ่งพรวดทันที พลังเวลามหาศาลหอบม้วนไปทั่วด้าน บิดม้วนฟ้าดินและมิติ
ก่อนหน้านี้เขาแกล้งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามบีบจนจนตรอก
เช่นนี้แล้ว การระแวดระวังของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามก็จะค่อยๆ ลดลง ส่วนเขาก็ดึงระยะห่างระหว่างศัตรูอยู่ตลอดในช่วงที่หลบหนี
ตอนนี้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่เขากุมอยู่ในมือ สามารถสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนสองคนได้ในชั่วพริบตาแน่นอน
“ฮ่าๆ!” ในตอนนี้เอง เสียงหัวเราะเรียบนิ่งเย็นชาลอยมา
ครืน! กลิ่นอายบรรพกาลที่หยิ่งทะนงทรงพลังทุกยุคสมัยพวยพุ่งมาจากที่ไกลๆ
ครืน ฟิ้ว!
กลิ่นอายสายเลือดทรงพลังกลุ่มนั้นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมด้วยประกายแสงเงินทองลึกลับ ทำให้ฟ้าดินสั่นไหวรุนแรง
“คนที่ตายคือเจ้าต่างหาก!” เพิ่งเอ่ยคำนั้นจบ อวี่เหิงก็ซัดแสงเทพสีเงินทองที่ทรงอำนาจออกมา
ครืน แกรก แกรก! แสงเทพสีเงินทองสายนั้นบดขยี้พลังเวลาทั้งหมดตามรายทาง จากนั้นทำลายการโจมตีของตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามลง เพียงชั่วเสี้ยวขณะ การโจมตีของอวี่เหิงก็ซัดมาถึงด้านหน้ามู่กู่
“แย่แล้ว!” สีหน้าของมู่กู่เปลี่ยนไปทันที รีบกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน
วู้ม วู้ม! เกราะแสงสีขาวระยิบระยับที่รวมตัวกันราววัตถุจริงลอยอยู่เบื้องหน้าเขา
นี่คือโล่แสงป้องกันที่ก่อตัวขึ้นจากกฎเกณฑ์เวลา ไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งเท่านั้น ยังสามารถลดทอนพลังการโจมตีได้อีกด้วย
ครืน บึ้ม! แสงเทพสีเงินทองโจมตีไปบนนั้นในพริบตา ไม่ถึงเสี้ยวขณะ เกราะแสงขาวระยับแตกสลายลงทันที
ครืน! มู่กู่ถูกพลังการโจมตีที่เหลือทำร้าย ร่างลอยกระเด็นออกไปกระแทกจนพื้นดินเป็นหลุมลึก
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาพยายามสุดกำลังก็ยังไม่อาจทำร้ายมู่กู่ได้ แต่อวี่เหิงกลับทำลายวิชาป้องกันของมู่กู่ ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้
“ฮ่าๆ ต่อให้เป็นเพียงแค่ของกึ่งสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าซึ่งเป็นแค่เผ่าแสงจะมาต่อกรได้!”
มุมปากของอวี่เหิงยกขึ้นน้อยๆ
ชั่วขณะนี้ พลังเวลาในฟ้าดินถูกกลิ่นอายบรรพกาลทรงอำนาจที่กวาดไปทั่วทุกทิศอย่างหยิ่งผยองควบคุมไว้
ฟ้าดินราวกับเหลือเพียงอวี่เหิง มีเขาคนเดียวที่เป็นใหญ่!
“เขาจงใจให้พวกเราโจมตีไปก่อน ส่วนตัวเองหาจุดอ่อนของผู้แข็งแกร่งเผ่าแสง สบโอกาสจึงลงมือ!” สีหน้าของเทพโบราณหานอวี้เคร่งเครียด
ความเร็วของเผ่าแสงเป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ต่อให้เป็นเผ่าบรรพกาลก็สู้ไม่ได้ ต่อให้อวี่เหิงกระตุ้นพลังเผ่าบรรพกาล ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่อาจตัดสินสถานการณ์แพ้ชนะได้เลย แต่กลับกัน การยืนหยัดของสายเลือดเขาอยู่ได้ไม่นาน อาจจะถูกเผ่าแสงตีกลับเอาชนะได้
ดังนั้นอวี่เหิงจึงใช้ให้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามโจมตีก่อน ตนเองสังเกตสถานการณ์การต่อสู้ แอบเตรียมการพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อเอาไว้นานแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าตนเองถูกอวี่เหิงใช้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบ่นท้วงใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนั้น แผนของอวี่เหิงก็สำเร็จแล้ว ในตอนที่กระตุ้นสายเลือดบรรพกาลทำร้ายคนเผ่าแสงได้ ผลแพ้ชนะตอนนี้ก็ถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย
“ท่านมู่กู่!” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นไล่ตามไปด้วยสีหน้าร้อนรน
ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะฟื้นคืนชีพมู่กู่ขึ้นมา เขาใช้พลังไปมหาศาล พลังไม่สู้ในตอนแรกตั้งนานแล้ว ดังนั้นเลยกำลังฟื้นฟูพลังฝึกตนอยู่ตลอดเวลา
“เป็นพลังของ…เผ่าบรรพกาลจริงๆ ด้วย!”
มู่กู่ค่อยๆ บินขึ้นมา หน้าตาค่อนข้างซีดขาว จ้องอวี่เหิงเขม็งด้วยสีหน้าโกรธแค้นเจ็บใจ
……
ณ ชายขอบของค่ายกลกั้นนภา
คนฝั่งเผ่าเทพยักษ์กำลังเตรียมตัวเข้าใกล้ต้นไม้แห่งกาลเวลา เพื่อช่วยเผ่าแสงต่อกรกับฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาล แต่ภาพที่พลันเกิดขึ้นทำเอาพวกเขาราวกับถูกสายอัสนีฟาดผ่า นิ่งอึ้งอยู่กับที่ในทันที
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?” เผ่าเทพยักษ์คนอื่นๆ พลันหน้าเปลี่ยนสี
พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าอวี่เหิงจะใช้วิธีนี้โจมตีผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงในฉับพลัน
ตอนนี้ต่อให้พวกเขาพุ่งออกไปช่วยเผ่าแสง ความหวังก็เลือนรางนัก
“สหายจ้าว พวกเราควร…” ซินอู๋เหินกำลังเตรียมจะถามจ้าวเฟิง แต่เขาพลันพบว่าสภาพของจ้าวเฟิงในตอนนี้ค่อนข้างผิดปกติ
เฮือก! เห็นเพียงมือทั้งสองของจ้าวเฟิงที่กำหมัดขยับขึ้นเบาๆ คิ้วขมวดแน่น
ในมิติเนตรเทพเจ้า ลูกทรงกลมสีเงินมายาหมุนวนเร็วรี่ หมอกแสงมายาเป็นชั้นๆ กระจายออกมา แสงมายาดุจความฝันแต่ละเส้นลอยเอ่อออกมาจากในดวงตาของจ้าวเฟิง ก่อนโจมตีไปในท้องฟ้า
โพละ~ โพละ~ ภายใต้การโจมตีของแสงมายา
ท้องฟ้าแตกกระจายเช่นฟองอากาศ ฉากนี้ทำเอาเผ่าเทพยักษ์ทั้งสามตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน สายเลือดในกายสั่นสะท้านและหวาดกลัว