Skip to content

King of Gods 1426

King Of Gods

บทที่ 1426 เอาชนะจอมเทพ

ในขณะนี้ กฎเกณฑ์เวลาที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมารุนแรงมากยิ่งขึ้น กฎเกณฑ์เวลาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาใช้แค่เพื่อหลบหนี ก็ผิดต่อเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแล้ว

วูบ! จู่ๆ จ้าวเฟิงก็หมุนกาย พลานุภาพของกระบี่เทพอัสนีเทวะรวมศูนย์เพิ่มขึ้นพุ่งพรวด

“สังหาร!” เขากำกระบี่ในมือแน่น ก่อนจะฟันออกมา

ในเวลานี้เอง จอมเทพหั่วอวิ๋นที่กำลังไล่ตามมาด้านหลังถูกจำกัดจากกฎเกณฑ์เวลาเอาไว้ จนพลังทุกด้านเชื่องช้าลงไป

“กฎเกณฑ์เวลาแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กนี่กันแน่?”

แววตาจอมเทพหั่วอวิ๋นจ้องเขม็ง เห็นความสำคัญของจ้าวเฟิงมากขึ้น

เมื่อเห็นกระบี่ที่รวดเร็วจนประหลาดตรงเข้ามา จอมเทพหั่วอวิ๋นรีบร้อนเหวี่ยงค้อนยักษ์ในมือ

โครม! จอมเทพหั่วอวิ๋นต้านกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงเอาไว้

ถึงแม้ว่ากฎเกณฑ์แห่งไฟจะด้อยกว่ากฎเกณฑ์เวลา แต่อย่างไรก็พลังกฎเกณฑ์ หนำซ้ำตอนนี้กฎเกณฑ์เวลาที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก ดังนั้นจอมเทพหั่วอวิ๋นก็มีแรงต้านต่อกฎเกณฑ์เวลาสูงมาก

“ผู้เยาว์ ต่อให้เจ้ามีกฎเกณฑ์เวลาส่วนหนึ่ง ก็ไม่สามารถรับมือกับข้าได้อยู่ดี!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะออกมา

ถึงแม้กระบี่นี้จะโดนจอมเทพหั่วอวิ๋นตั้งรับเอาไว้ แต่สีหน้าจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนไป ไม่ได้เก็บงำพลังไว้ แต่ใช้แรงทั้งหมดฟันลงไปเรื่อยๆ

“ผู้เยาว์ ไร้ประโยชน์…ไม่ใช่สิ เจ้าดูดพลังของข้า!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะเย็นชา เตรียมจะเยาะเย้ย แต่หน้าเขาก็เปลี่ยนสีในทันที เพราะเขารู้สึกได้ว่าพลังเทพสายเลือดที่ตนปลดปล่อยออกมากำลังหลุดลอยออกไปช้าๆ

“ฮ่าๆ!” จ้าวเฟิงหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะรีบหนีออกไป

เป้าหมายหลักของเขาเมื่อครู่ ก็คือดูดกลืนพลังของจอมเทพหั่วอวิ๋น แต่ว่าพลังของจอมเทพแฝงด้วยกฎเกณฑ์ ทำให้ดูดซึมค่อนข้างยาก และไม่ได้ส่งผลแน่ชัดมากนัก ดังนั้นจึงคุมเชิงกันอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

หลังจากจ้าวเฟิงหนีไปแล้ว

ครืน! เสาเพลิงที่ร้อนระอุกวาดผ่านจุดที่เขาหายตัวไป

“เจ้าเด็กนี่!” สีหน้าจอมเทพหั่วอวิ๋นตึงเครียด

เขาไม่เคยเสียเปรียบติดต่อกันภายใต้เงื้อมมือของผู้เยาว์คนหนึ่งเช่นนี้

พวกผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามที่ถอยไปอยู่จุดไกลๆ สีหน้าฉายแววตกใจ

“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงคนเดียวจะประมือกับจอมเทพได้ชั่วขณะ!”

ผู้อาวุโสที่สามอดตื่นตะลึงไม่ได้

แน่นอน ถ้าเป็นตอนที่เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ก็รับมือกับจอมเทพหั่วอวิ๋นได้ครู่หนึ่งเช่นกัน แต่ก็ยากที่จะไร้รอยขีดข่วนใดๆ ไม่ต้องพูดเรื่องได้เปรียบกว่าจอมเทพหั่วอวิ๋นเลย แต่ทว่า จอมเทพหั่วอวิ๋นเองก็เผชิญหน้ากับศึกครั้งใหญ่ แถมเมื่อครู่ยังถูกไม้ตายของผู้อาวุโสที่สองโจมตีจนบาดเจ็บพอควร

“จ้าวเฟิงไปได้พลังกฎเกณฑ์เวลากลุ่มนี้มาจากไหนกัน?”

ผู้อาวุโสที่สองสนใจเรื่องนี้มากกว่า

จะบอกว่าผู้เยาว์ที่อายุน้อยอย่างนั้นเข้าใจในกฎเกณฑ์เวลา พูดออกไปก็ยากจะเชื่อได้ นับประสาอะไรกับจ้าวเฟิงที่ยังไม่ทะลวงขั้นจอมเทพ

ทางฝั่งจอมเทพทั้งสี่ที่กำลังสู้รบอยู่ก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพและจอมเทพประมือกัน นับเป็นเรื่องหายากยิ่ง แต่การที่ขั้นเก้าสุดยอดสามารถต่อกรกับจอมเทพได้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“จอมเทพหั่วอวิ๋นกำลังทำอะไรอยู่?”

สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทองหนักอึ้ง

ผู้อาวุโสที่สองและสามในตอนนี้ต่างสูญเสียกำลังรบไปแล้ว จอมเทพหั่วอวิ๋นเผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงคนเดียว กลับไม่ได้ลงมือสังหารอีกฝ่ายในทันที

ในเวลานี้เอง

เปรี้ยง! จ้าวเฟิงและจอมเทพหั่วอวิ๋นปะทะกันอีกครั้ง

เพราะก่อนนี้กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ดูดพลังเทพจากจอมเทพหั่วอวิ๋นมา พลานุภาพจึงเพิ่มมากขึ้น ทำให้จอมเทพหั่วอวิ๋นอึ้งตะลึงอย่างอดไม่ได้

“ดี การดูดพลังครั้งนี้รวดเร็วขึ้น!” จ้าวเฟิงอดยินดีไม่ได้

พลังเทพรวมศูนย์ของเขาก็มีเสวียนอ้าวไฟ หลังจากดูดรับกฎเกณฑ์แห่งไฟเป็นครั้งแรกแล้ว การดูดครั้งที่สองจึงง่ายดาย

“ผู้เยาว์ พลังของจอมเทพอันตรายมากนัก!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นมีสีหน้าทะมึน กดเสียงต่ำเอ่ย

โครม! ในแก่นแท้ร่างกายทั่วร่างของเขา จู่ๆ สาดซัดพลังเพลิงที่ทลายภูผาล่มสมุทรออกมา ประหนึ่งภูเขาไฟปะทุ พลังที่น่ากลัวดังกล่าว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสที่สองยังต้องรับมืออย่างระแวดระวัง

ครั้งนี้จอมเทพหั่วอวิ๋นเตรียมตัวมาดีแล้ว จึงโต้กลับอย่างรวดเร็ว

ผู้อาวุโสที่สองและสามที่อยู่ไกลๆ มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็อกสั่นขวัญแขวน พวกเขาได้แต่หวังว่าจ้าวเฟิงจะหลบการโจมตีไปได้ แต่ที่เหนือความคาดหมายก็คือ จ้าวเฟิงไม่ได้หลบการโจมตีนั้น

“ปราการมิติ!” จ้าวเฟิงกระตุ้นชุดคลุมมิติ ก่อนสำแดงเคล็ดวิชามิติ

พรึ่บ พรึ่บ! ม่านแสงมายาที่ทับซ้อนกันถูกปลดปล่อยออกมาจากชุดคลุมมิติ

หนำซ้ำครั้งนี้จ้าวเฟิงใช้กฎเกณฑ์เวลาด้วยเล็กน้อย ทำให้พลานุภาพของ ‘ปราการมิติ’ เพิ่มขึ้นมาก จนขัดขวางและต้านทานการโจมตีจากจอมเทพได้

ในเวลาเดียวกัน รอบๆ ตัวจ้าวเฟิงก็ปรากฏวงแสงสีเงินเข้มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ จ้าวเฟิงมีการป้องกันทั้งหมดสามชั้นคือ ปราการมิติ วงแสงรวมศูนย์ และชุดคลุมมิติตามลำดับ

วิ้ง~ ตอนที่แสงเพลิงทรงพลังทะลุผ่านปราการมิติ

การป้องกันและการกลืนกินของวงแสงรวมศูนย์ก็เริ่มทำงานทันใด หลังจากดูดซึมพลังจากภายนอก ความสามารถในการป้องกันของวงแสงรวมศูนย์ก็ยังเพิ่มพูนมากขึ้นได้

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะต้านการโจมตีของข้าได้!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

แต่เดิมคิดว่าเมื่อจ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับการโจมตีของเขา ต่อให้สามารถแรงปะทะส่วนใหญ่ได้ แต่ก็ควรจะบาดเจ็บไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าจ้าวเฟิงจะรับการโจมตีซึ่งหน้า

และเวลานี้ พลังของปราการมิติก็แทบถูกทำลายจนหมดแล้ว

บึ้ม! ในวินาทีต่อมา เพลิงนับไม่ถ้วนพุ่งปะทะวงแสงรวมศูนย์ และทะลวงผ่านไปกระทบชุดคลุมมิติ

โครม! ถึงแม้ชุดคลุมมิติจะต้านแรงโจมตีเอาไว้ แต่แรงพุ่งโจมตีของเพลิงกลุ่มนั้นก็ยังคงทำให้จ้าวเฟิงถอยหลังไปเล็กน้อย

“การโจมตีนี้จะส่งเจ้าลงไปแม่น้ำยมโลก!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นตะโกนลั่น ก่อนจะพุ่งทะยานมา ไม่ปล่อยให้จ้าวเฟิงได้พักหายใจถึงแม้จ้าวเฟิงจะต้านการโจมตีของเขาได้ แต่ก็น่าจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว หากจู่โจมอีกครั้งต้องสังหารอีกฝ่ายได้แน่

ตูม โครม! จอมเทพหั่วอวิ๋นโบกค้อนทอง ปลดปล่อยเมฆเพลิงสีทองผืนหนึ่ง ภายในยังมีอสูรเพลิงที่น่ากลัวหลายตัวกระโจนออกมา

“รวมศูนย์แปรผัน!” จ้าวเฟิงไม่ลนลาน วงแสงรวมศูนย์รอบตัวกลายเป็นระลอกน้ำสีเงินเล็กละเอียดหลายเส้น ก่อนหลั่งไหลเข้าไปในกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์

กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงหนักยิ่งนัก แสงเพลิงเล็กๆ ขยับไหววูบอยู่ด้านบน พลานุภาพสะเทือนฟ้าดิน ที่เขาทุ่มพลังทั้งหมดต้านการโจมตีของจอมเทพหั่วอวิ๋น ก็เพื่อดูดซึมพลังของฝ่ายตรงข้ามมาเพิ่มอานุภาพให้กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ที่เดิมก็แกร่งมากอยู่แล้ว

เมื่อจอมเทพหั่วอวิ๋นสัมผัสได้ถึงพลังในกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิง ร่างเขาก็สั่นเทิ้ม

เปรี้ยง! เมื่อกระบี่ฟาดฟันลงไป อสูรเพลิงตัวนั้นสลายกลายเป็นเถ้าทันที

จากนั้นกระบี่ฟันลงไปบนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋น พลังมหาศาลหลั่งไหลออกมา ระเบิดการป้องกันของจอมเทพหั่วอวิ๋น ตามมาด้วยโลหิตสีทองกองใหญ่

“อ๊าก…เป็นไปได้อย่างไร?” จอมเทพหั่วอวิ๋นร้องโหยหวน ใบหน้าตื่นตกใจ

แต่เมื่อหวนคิดสักหน่อยแล้ว เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด จ้าวเฟิงดูดรับพลังเทพสายเลือดเขา พลังการโจมตีนี้กลับทำลายการโจมตีของตัวจอมเทพหั่วอวิ๋นเอง และทำร้ายอีกฝ่ายจนบาดเจ็บ อีกทั้งอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากอัสนีเทวะก็ไม่ฟื้นฟูได้โดยง่าย

“อภัยให้ไม่ได้!” จอมเทพหั่วอวิ๋นเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง เผาผลาญพลังเทพในสายเลือดโดยพลัน ส่วนค้อนยักษ์ในมือก็ระเบิดเมฆแสงทองออกมา เมื่อฟาดค้อนลงไป กลุ่มเพลิงทองขนาดยักษ์กลายเป็นอสูรเพลิงมหึมาตนหนึ่ง

นี่คืออสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา เป็นกลยุทธ์ไม้ตายที่ลือชื่อของจอมเทพหั่วอวิ๋น!

“จ้าวเฟิง เจ้าจะต้องตายด้วยกระบวนท่าขึ้นชื่อของข้าแน่ วางใจได้เลย!”

จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะเจ้าเล่ห์

พลานุภาพของอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา กระทั่งผู้อาวุโสที่สองและสามร่วมมือกันยังไม่สามารถต้านเอาไว้ได้ กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงเมื่อครู่ใช้พลังไปมาก ถึงเขาจะใช้วิชาการป้องกันที่เคยใช้ก่อนนี้ก็ยากจะต้านการโจมตีนี้ได้

อสูรเพลิงตนนั้นเป็นสมจริงมาก ร้องคำรามเสียงดังกึกก้อง คลื่นเสียงร้อนระอุกระเทือนไปในฟ้าดิน แต่จ้าวเฟิงกลับจ้องอสูรเพลิงตนนั้นด้วยใบหน้าไร้ซึ่งความหวาดกลัว

วูบ!

กฎเกณฑ์เวลาแกร่งกล้ากระทบลงบนร่างอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา

ในเวลาเดียวกัน ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องมัน และโคจรพลังออกมา

“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนี้…” สีหน้าจอมเทพหั่วอวิ๋นชะงักค้าง

เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายเก่าแก่ทรงพลังจากดวงตาของจ้าวเฟิงเข้าใกล้สิบลำดับต้นของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์!

อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาคำรามเสียงดัง ปลดปล่อยกฎเกณฑ์แห่งไฟ ต้านกฎเกณฑ์เวลาเอาไว้ และระเบิดพลังพวยพุ่งออกมา

ตอนนี้ปากขนาดยักษ์ของอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาประหนึ่งเพลิงนรก เตรียมจะกลืนกินจ้าวเฟิงไป

“เนตรเทพมายา…ทำลายล้าง!”

ควันแสงมายาเป็นชั้นๆ หมุนวนออกจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง และหมุนวนเข้าไปในอากาศ ร่างกายใหญ่โตของอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาที่ปรากฏในครรลองสายตา เหมือนเป็นเงาโปร่งแสงที่เกิดขึ้นจากฟองน้ำสีสันตระการตา

“ทำลาย!” เขารวบรวมสติ พลังดั้งเดิมทะลักออกมา

ในวินาทีถัดจากนั้น ร่างของอสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆาก็สลายไปในอากาศ

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลยุทธ์ไม้ตายของตนสลายหายไป เรื่องนี้ทำให้เขาสะพรึงขวัญกว่าการที่จ้าวเฟิงต้านทานการโจมตีของเขาได้เสียอีก

คนทั้งหมดรอบบริเวณ รวมไปถึงสี่จอมเทพที่กำลังสู้รบอยู่ ต่างชะงักไป กระทั่งจอมเทพขั้นสามยังไม่สามารถอธิบายภาพที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ได้

ในขณะนี้เอง

จู่ๆ บนท้องฟ้าก็ปรากฏเนตรเงินสวรรค์ราวภาพมายาดวงหนึ่ง สาดแรงกดดันวิญญาณที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวนออกมา

“เนตรเทพลอกแบบ อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆา!”

เสียงต่ำในชั้นวิญญาณดังมา จากนั้นเนตรเงินสวรรค์จึงแผ่กระจายหมอกแสงมายา

โครม~ อสูรเพลิงเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งในหมอกแสงมายาร้องคำราม

เป้าหมายก็คือจอมเทพหั่วอวิ๋น

“ไม่…” จอมเทพหั่วอวิ๋นยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน อสูรทลายฟ้าเพลิงเมฆากลืนกินเขาไปในทันที

โครม ตูม! เมื่อเมฆแสงสลายไป จึงเผยให้เห็นร่างกายไหม้ดำและบาดเจ็บของจอมเทพหั่วอวิ๋น ทำให้เขาพอได้สติขึ้นมา ทันใดนั้น กลิ่นอายวิญญาณที่แกร่งกล้าก็ลอยกระชั้นเข้ามา แววตาจอมเทพหั่วอวิ๋นเปล่งประกายเล็กน้อย

เปรี๊ยะ! กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กสายหนึ่งทะลวงผ่านวิญญาณของจอมเทพหั่วอวิ๋นไป ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างยิ่ง

“กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์!” จ้าวเฟิงตรงดิ่งมาอย่างรวดเร็ว ก่อนกวัดแกว่งกระบี่ยักษ์ในมือ

ฉัวะ! บนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋นปรากฏร่องรอยของบาดแผลที่ไม่อาจสมานและหายไป

เมื่อถูกจ้าวเฟิงทำร้ายจนบาดเจ็บต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บของจอมเทพหั่วอวิ๋นก็หนักขึ้น

การโจมตีของจ้าวเฟิงแฝงด้วยอัสนีเทวะและกฎเกณฑ์เวลา อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากอัสนีเทวะยากจะรักษาได้ เมื่อบวกกับกฎเกณฑ์เวลา จึงยิ่งทำให้เวลาในการรักษาตัวยาวนานมาก

วิชาประหลาดของจ้าวเฟิงและกลิ่นอายสายเลือดสิบลำดับแรกของรายชื่อ ก็ทำให้เขาตื่นตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน

“หนี!” จอมเทพหั่วอวิ๋นไม่พูดพร่ำทำเพลง กลายร่างเป็นระลอกแสงเพลิงทองหนีไป

ส่วนจ้าวเฟิงย่อมไม่ปล่อยจอมเทพหั่วอวิ๋นให้หนีไปง่ายดายเช่นนี้

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! ระลอกแสงสองสายไล่ล่ากันในอากาศ เพียงแต่คนที่หนีเป็นจอมเทพ ส่วนคนที่ไล่ล่าสังหารนั้นคือเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version