Skip to content

King of Gods 1427

King Of Gods

บทที่ 1427 ปิดฉากสงคราม

ตอนที่ทุกคนเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ปฏิกิริยาแรกล้วนแต่สงสัยว่าตนเองมองผิดหรือไม่ เป็นถึงจอมเทพ แต่กลับถูกเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดไล่ล่าสังหาร

“จ้าวเฟิงมีพลังระดับนี้เชียวหรือ?” ร่างกายผู้อาวุโสที่สองร่างแข็งทื่อ ใบหน้าซีดเผือดดูเหลือเชื่อ

ต่อให้เป็นเขาในช่วงสุดยอดก็ยังไม่มีหวังที่จะเอาชนะจอมเทพหั่วอวิ๋นได้

“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราแพ้ แต่เขาคนเดียวกลับเอาชนะจอมเทพได้!”

ผู้อาวุโสที่สามส่ายศีรษะอย่างตกตะลึง ทอดถอนใจให้ตัวเอง ตั้งแต่จ้าวเฟิงกลับมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ ก็สำแดงพลังฝึกตนที่ทำให้ทุกคนสะพรึงกลัวครั้งแล้วครั้งเล่า

ในระยะเวลาไม่กี่สิบปี ผู้เยาว์ที่เพิ่งทะลวงขั้นเทพแท้จริง ในตอนนี้เก่งกล้าสามารถกว่าผู้อาวุโสที่สามเสียแล้ว เมื่อย้อนคิดโดยละเอียด ตอนนั้นอาจเป็นเขาเองที่ไม่คุณสมบัติรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์

ทางฝั่งสนามรบของจอมเทพ จอมเทพสองคนของเผ่าเปลวทองเองก็ประหลาดใจเป็นที่สุด ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นจากคำสาปมรณะ จะถูกผู้เยาว์ในขั้นเก้าสุดยอดพลิกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

“จอมเทพหั่วอวิ๋น เจ้ามันโง่งม!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทองโกรธจนควบคุมไม่ได้

โอกาสดีในตอนนี้กลับถูกจอมเทพหั่วอวิ๋นทำพังหมดสิ้น กลับมาถูกจ้าวเฟิงผู้เป็นเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดไล่ล่าสังหาร หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเขตเทพสวรรค์

“ฮ่าๆ!”

ส่วนจอมเทพสองคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ นอกจากจะตกตะลึงแล้วยังหัวเราะลั่นไม่หยุด การสู้รบครั้งนี้ชวนเขย่าขวัญอย่างยิ่ง ดีที่สุดท้ายแล้วเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้พ่ายแพ้

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

จอมเทพหั่วอวิ๋นหนีหัวซุกซุนไปในผืนฟ้ากว้างใหญ่ ตอนที่ได้ยินเสียงร้องคำรามของผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทอง ก็พลันก้มศีรษะลงด้วยความละอายใจเกินจะเปรียบและในตอนนี้เอง ด้านหลังจอมเทพหั่วอวิ๋นปรากฏระลอกพลังเทพที่แกร่งกล้าขึ้น

มองเห็นเพียงคมแสงกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์หลายสายเปล่งประกายออกมา

ฟุ่บ! จอมเทพหั่วอวิ๋นทุ่มพลังทั้งหมดหลบหลีก แต่ยังโดนโจมตีจากคมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์สองสายนั้นอยู่ดี

“จะหนีไปไหน!” เสียงแหวกอากาศแว่วมาพร้อมเสียงตะโกนทุ้มต่ำจ้าวเฟิง

อันที่จริง หากไม่ใช้กฎเกณฑ์เวลาแล้วละก็ จ้าวเฟิงคงยากจะไล่ตามจอมเทพหั่วอวิ๋นได้ทัน และต่อให้ไล่ตามทัน ก็ไม่แน่ว่าจ้าวเฟิงจะสังหารจอมเทพหั่วอวิ๋นได้

พลังชีวิตของจอมเทพแข็งแกร่งยิ่งนัก อีกทั้งการโต้ตอบครั้งสุดท้ายก่อนตายของจอมเทพ ต่อให้เป็นจอมเทพในระดับขั้นเดียวกันก็ยังต้องระมัดระวัง ทันทีที่พลาดก็อาจสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน นับประสาอะไรกับจ้าวเฟิงผู้เป็นเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด

ตอนนี้เขาไล่ตามจอมเทพหั่วอวิ๋นแบบนี้ แต่ไม่ได้ตามติดจนเกินไป เป้าหมายเดียวก็คือคอยยื้อจอมเทพหั่วอวิ๋นไว้ ไม่ให้โอกาสเขาได้พักหายใจ

ขอแค่รอให้พวกผู้อาวุโสที่สองและสามฟื้นฟูพลังกลับมาได้ สงครามก็น่าจะจบลงได้แล้ว

“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราถอยกันเถอะ?”

จอมเทพหั่วอวิ๋นฝืนใจส่งกระแสจิตบอกผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทอง

“สถานการณ์เลวร้ายนัก!” จอมเทพเผ่าเปลวทองอีกคนก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของจอมเทพหั่วอวิ๋น

ขณะนี้ จอมเทพหั่วอวิ๋นถูกจ้าวเฟิงไล่ตามอย่างไม่ลดละ พวกเขาจอมเทพสองคนยากที่จะต้านทานเผ่าพันธุ์วิญญาณได้

ผู้อาวุโสที่สองจากเผ่าพันธุ์วิญญาณกำลังพักฟื้น ข้างกายเขามีผู้แข็งแกร่งศาสตร์แพทย์หลายคน กำลังสรรหาวิธีต่างๆ มาข่มพลังของคำสาปมรณะเอาไว้ชั่วคราว

หากผู้อาวุโสที่สองและสามฟื้นฟูกำลังรบได้ถึงระดับหนึ่ง อีกทั้งครึ่งก้าวสู่จอมเทพของเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือมีมากกว่าเผ่าเปลวทองมากนัก ถึงตอนนั้นเผ่าเปลวทองจะพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถกว่านี้

“ถอย!” สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทองดุดัน กัดฟันตะโกนบอก

ขอแค่เอาชีวิตรอดไปได้ ถึงจะยังมีความหวัง

“ถอย!” ทันใดนั้นเอง สมาชิกของเผ่าเปลวทองที่กำลังสู้รบอยู่ถอยร่นไปทั้งกลุ่ม

ฟุ่บ! จอมเทพหั่วอวิ๋นปรากฏตัวขึ้นข้างสองจอมเทพเผ่าเปลวทอง จอมเทพทั้งสามร่วมมือกัน รบและตั้งรับผลัดกันไป

“สังหาร!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์วิญญาณแค่นเสียงต่ำ

บุญคุณความแค้นระหว่างเผ่าเปลวทองและเผ่าพันธุ์วิญญาณ ไปถึงขั้นที่หากอีกฝ่ายไม่ตายก็ย่อมไม่เลิกราแล้ว ถ้าสามารถทำลายเผ่าเปลวทองได้จะดีที่สุด ต่อให้ทำไม่ได้ ก็ต้องพยายามทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ลดแรงคุกคามลงไป

โครม ตู้ม!

จอมเทพสองคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณบุกทะลวงสังหาร เล่นเอาฟ้าดินสั่นสะเทือน

“หากครั้งนี้ปล่อยเผ่าเปลวทองไป ในภายหน้าพวกมันต้องกลับมาอีกครั้งแน่!”

ผู้อาวุโสที่สองแววตาเย็นชา

คำสาปมรณะของเขาสามารถกดเอาไว้ได้ชั่วคราวแล้ว กำลังรบฟื้นฟูไปได้ไม่น้อย เริ่มลงมือสังหารศัตรูแล้วเช่นกัน ส่วนพวกผู้อาวุโสที่สาม ครึ่งก้าวสู่จอมเทพกับเทพโบราณขั้นเก้า ก็เข้าร่วมรบอีกครั้ง

เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดตามติดสังหาร

บึ้ม เปรี้ยง! การปะทะกันของสองเผ่าไปถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง

จอมเทพสามคนของเผ่าเปลวทองจำเป็นต้องอยู่รั้งท้าย ขวางคนระดับสูงของของเผ่าพันธุ์วิญญาณเอาไว้ เพื่อคุ้มกันให้คนเผ่าเปลวทองที่เหลือถอนทัพไป ถึงแม้ทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณจะเหนือกว่าเผ่าเปลวทอง แต่จอมเทพทั้งสามป้องกันสุดกำลัง เผ่าพันธุ์วิญญาณจึงทำอะไรเผ่าเปลวทองไม่ได้ อย่างไรเสีย การรุกโจมตีของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก

ไม่นานนัก สมาชิกคนอื่นที่เหลือของเผ่าเปลวทองก็สลายตัวไป

“รีบหนีไปเร็ว!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทองจ้องผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์วิญญาณและจ้าวเฟิงเขม็ง ก่อนจะตะโกนเสียงต่ำ

เพื่อให้สมาชิกเผ่าเปลวทองถอยหนีไป จอมเทพทั้งสามอย่างพวกเขาจึงอยู่รั้งท้าย แบกรับความคลุ้มคลั่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณ จึงบาดเจ็บกันไม่น้อย

“บัดซบ จะปล่อยให้พวกมันหนีไปแบบนี้หรือ?”

ผู้อาวุโสที่สองขัดใจอยู่บ้าง

ถ้าหากตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จอมเทพทั้งสามลงมือสุดกำลัง บางทีอาจทำร้ายจอมเทพทั้งสามของศัตรูได้ แต่ตอนนี้ จอมเทพสามคนจากเผ่าเปลวทองคิดแต่จะหลบหนี พวกเขาก็ทำอะไรอีกฝ่ายได้ยากมาก

“ในเมื่อรับมือกับสามคนไม่ได้ ไม่สู้จัดการเป็นคนๆ ไป!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ ดวงตาซ้ายจับจ้องที่จอมเทพหั่วอวิ๋น

“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่พวกมันสามคนรวมกลุ่มกันอยู่…”

แววตาผู้อาวุโสฉายแววกังวลเล็กน้อย

ฝ่ายตรงข้ามสามคนร่วมกันรับมือพวกเขาโดยตลอด ถอนกำลังไปทีละน้อย วิธีที่จ้าวเฟิงพูดน่าจะทำไม่ได้

วิ้ง! ในตอนนี้เอง ร่างจ้าวเฟิงปรากฏระลอกพลังกฎเกณฑ์เวลาขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ทะลักเข้าไปในดวงตาซ้าย อีกทั้งกฎเกณฑ์เวลาที่จ้าวเฟิงใช้ครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา

วู้ม วู้ม! หมอกแสงมายาดุจความฝันกระจายตัวปกคลุมดวงตาซ้าย เปล่งแสงวิจิตรเรืองรอง

ตอนนี้ สมาชิกเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือรอบตัวเขาถูกกลิ่นอายบรรพกาลทรงพลังที่แผ่ออกจากดวงตาเขย่าขวัญ

“มิติพันธนาการ!” วิชาดวงตามิติของจ้าวเฟิงถูกปลดปล่อยออกมาในทันที

วินาทีต่อมา พลังมิติที่แปลกประหลาดปะทะลงบนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋น

“แย่ล่ะ…” จอมเทพหั่วอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

เขาในตอนนี้ได้รับผลกระทบจากพลังมิติที่แข็งแกร่ง เสวียนอ้าวมิติไม่สามารถโคจรได้ การเคลื่อนไหวและความคิดถูกจำกัดจากเสวียนอ้าวเวลา ร่างกายแข็งค้างเชื่องช้าไปอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งคำสองทั้นั้นยังเอ่ยออกมาได้อย่างยากเย็น

หลังจากที่ใช้กฎเกณฑ์เวลา พลานุภาพของวิชาดวงตาก็อยู่เหนือกว่าธรรมดา จอมเทพหั่วอวิ๋นที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว แรงต้านทานลดลงไปมาก

“สบโอกาสแล้ว!” เมื่อคนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ใบหน้าก็ฉายแววยินดี ร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีวิชาดวงตามิติระดับสูงเช่นนี้ สามารถสะกดจอมเทพไว้ได้ครู่หนึ่ง และอีกฝ่ายยังทำอะไรไม่ได้ด้วย แน่นอนว่านี่ย่อมต้องเกี่ยวกับการที่จอมเทพเทียนหั่วได้รับบาดเจ็บสาหัส สภาวะพลังลดฮวบ

“ตายซะเถอะ!”

จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณตวัดดาบยาวในมือไม่หยุด คมดาบสีฟ้าสุกสกาวเป็นชั้นๆ บดบังเต็มฟ้า พร้อมทะยานตรงเข้าไป

“เสี้ยวทองสังหาร!” ยอดผู้อาวุโสฟาดฝ่ามือลงไป ส่งผลึกทองสว่างเจิดจ้านับไม่ถ้วนออกมา

ฟุ่บ ฟุ่บ! ผลึกทองคมกริบจำนวนนับไม่ถ้วนรวดเร็วอย่างมาก พากันบินตรงไปยังจอมเทพหั่วอวิ๋น

ทางฝั่งผู้อาวุโสที่สองและสามก็ต่างใช้กระบวนท่าโจมตีที่ทรงพลัง

ในเวลานี้ จอมเทพหั่วอวิ๋นได้รับผลกระทบจากพลังมิติเวลา หลบไปไหนไม่ได้ และไม่มีแรงจะต้านทาน

จอมเทพเผ่าเปลวทองสองคนที่เหลือ ถึงจะแข็งแกร่งกว่านี้ก็ไม่สามารถตั้งรับการรุมโจมตีจากเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็มีบาดแผลไม่น้อยเช่นกัน

โครม ตูม! ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าเปลวทองและจอมเทพอีกคนถูกรุกจนถอยร่นไป พลังโจมตีที่เหลือกระแทกลงบนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋น

“ไม่…” สีหน้าจอมเทพหั่วอวิ๋นฉายแววหวาดกลัว

ก่อนนี้เขาถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนพ่าย แต่ก็ไม่เคยหวาดกลัวมาก่อน เพราะเขารู้ดีว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางสังหารเขาได้ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เขาต้องเผชิญหน้ากับการร่วมมือโจมตีจากกลุ่มผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

โครม ตูม! จอมเทพหั่วอวิ๋นต้านพลังมิติเอาไว้จนสุดแรง พร้อมกระตุ้นร่างกายสำแดงการป้องกันออกมา

เงาเทพเพลิงเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏข้างกายเขา

“ไม่ได้การ ช่วยเขาไม่ได้แล้ว!” สองจอมเทพจากเผ่าเปลวทองทอดถอนใจเบาๆ รีบหนีไปทันที

“ตายซะเถอะ!”

ดาบในมือผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์วิญญาณเปล่งประกายแสงเทพสีมรกต ฟันระลอกน้ำวนวาววับขนาดยักษ์ไปสายหนึ่ง

วูบ บึ้ม บึ้ม! น้ำวนผลึกสีฟ้าปะทะบนร่างจอมเทพหั่วอวิ๋นที่บาดเจ็บหนัก ไม่นานนักร่างก็ถูกบิดออกเป็นชิ้นๆ

สงครามดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็มีจอมเทพดับสูญ!

“ไล่ล่าสังหารต่อ!” จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณตะโกนกร้าว

จะให้โอกาสเผ่าเปลวทองได้หายใจหายคอไม่ได้ เขาตรงไปทำลายฐานทัพเก่าของเผ่าเปลวทอง ทำลายทุกสิ่งจนแหลกลาญ

ยามนี้กองทัพของเผ่าพันธุ์วิญญาณตรงเข้าไปบดขยี้ฐานที่มั่นของเผ่าเปลวทองทว่าทุกคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณยังไปได้ไม่ไกลนัก ก็พบว่ากองทัพเผ่าเปลวทองหยุดรออยู่ด้านหน้า ยังไม่ได้จากไปไหน แต่ในกองทัพเผ่าเปลวทองกลับมีจอมเทพที่แกร่งกล้าปรากฏตัวขึ้นผู้หนึ่ง

จอมเทพผู้นี้อยู่ท่ามกลางคลื่นแสงสีเขียวอ่อน เรือนผมสีดำขลับ ดวงตาซ้ายสีมรกตประหนึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต

“หยุดก่อน!” สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์วิญญาณตึงเครียด ไม่ทำอะไรผลีผลามอีก

เพราะจอมเทพผู้นี้ก็คือจอมเทพลวี่หยวนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

“สิ้นสุดสงครามลงตรงนี้ เป็นอย่างไร?” จอมเทพลวี่หยวนเปิดปากเอ่ยเสียงเรียบ

“เชื่อว่าทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็รู้เรื่องราวความแค้นระหว่างเราสองเผ่า ถ้าหากวันนี้เราปล่อยเผ่าเปลวทองไปง่ายๆ ในภายหน้าพวกมันก็จะกลับมาล้างแค้นอยู่ดี!”

ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณมีสีหน้าเย็นชา เปิดปากเอ่ยในทันที

เผ่าเปลวทองไม่พูดไม่จา ถ้าหากเผ่าพันธุ์วิญญาณไล่ตามมาสังหารพวกเขาต่อ ถึงแม้จะทำลายพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ก็จริง แต่ก็สร้างความเสียหายให้อย่างใหญ่หลวง

“ข้าเป็นตัวแทนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ขอเสนอวิธีแก้ปัญหาระหว่างพวกเจ้าสองเผ่า เผ่าเปลวทองแบ่งพื้นที่กึ่งหนึ่งพร้อมกับมอบทรัพย์สมบัติจำนวนมากเพื่อชดใช้ ส่วนเผ่าพันธุ์วิญญาณ นับจากนี้ไปห้ามรุกรานเผ่าเปลวทองอีก!”

จอมเทพลวี่หยวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะหันมองผู้อาวุโสสูงสุดของสองเผ่า

“อะไรนะ?” ผู้นำระดับสูงหลายคนฝั่งเผ่าพันธุ์วิญญาณเปลี่ยนสีหน้า ไม่พึงพอใจกับข้อเสนอนี้มาก

ในเมื่อครั้งนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ อย่างไรก็สามารถครอบครองพื้นที่ของเผ่าเปลวทอง ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แล้วยึดครองทั้งหมด

“หืม?” ส่วนสองจอมเทพของเผ่าเปลวทองยินดีเป็นล้นพ้น

ข้อเสนอนี้เอื้อให้เผ่าเปลวทองอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อคิดในมุมมองของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว

คิดจะทำลายเผ่าเปลวทองให้สิ้นซาก เผ่าพันธุ์วิญญาณต้องสูญเสียไอสวรรค์มาก ถึงตอนนั้นพลังอำนาจทั้งหมดของเขตเทพสวรรค์ก็จะลดลงไปไม่น้อย อาจตกเป็นเป้าสายตาของเขตอื่นรอบๆได้

“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้อเสนอแนะนี้ไม่ดีนัก…”

ผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณปรึกษากัน

“แต่ถ้าพวกเราไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ ก็ยากจะทำลายเผ่าเปลวทอง และอาจสร้างความไม่พอใจให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์…”

ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณเกิดลังเลขึ้นมา

หลังจากเจรจากันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงเห็นพ้องต้องกัน

“ตกลง!” ผุ้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณตอบรับข้อเสนอของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

อย่างแรก การชดเชยโดยการแบ่งพื้นที่จะค่อนข้างมาก ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้เลยต่อมายังเป็นการไว้หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์ บวกกับหลังจบสงคราม เผ่าพันธุ์วิญญาณต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ จึงเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย

เมื่อผูกสัมพันธ์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงในภายหน้าเผ่าเปลวทองจะกลับมาลุกฮืออีกครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสเผ่าสูงสุดพันธุ์วิญญาณไม่คิดว่าเผ่าเปลวทองจะยังมีโอกาสแบบนี้อีก

ในตอนนี้ เผ่าพันธุ์วิญญาณมีจอมเทพมากกว่าเผ่าเปลวทองหนึ่งคน แล้วยังมีอัจฉริยะชั้นยอดอย่างจ้าวหยูเฟยกับจ้าวเฟิง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงครามก็ไม่ได้มากนัก

โอกาสที่เผ่าเปลวทองจะล้างแค้นได้ต่ำจนเกินไป อับจนหนทางจะไปต่อ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version