Skip to content

King of Gods 1446

King Of Gods

บทที่ 1446 เนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้า (2)

ณ ส่วนลึกของป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง

วู้ม วู้ม!

กลางอากาศเหนือผืนป่าพลันบิดเบี้ยว เงาคนลอยขึ้นมาจากในนั้นช้าๆ

คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสผมขาวผู้หนึ่ง แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยและบุคลิกที่อธิบายไม่ถูก เมื่อมองแล้ว คนผู้นี้เหมือนกำลังเอนกายอยู่กลางอากาศ ลอยไปตามลม

ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสผมขาวพลันลืมตาขึ้น

วิ้ง! ดวงตาสองข้างของเขาเป็นลักษณะน้ำวน หมุนวนด้วยลำแสงหลากสี

ในวินาทีที่ผู้อาวุโสผู้นี้ลืมตา ผืนป่า พื้นดิน และอากาศทั้งหมดก็สั่นสะเทือนขึ้นมา

ส่วนลักษณะของผู้อาวุโสก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ร่างเขาสูงใหญ่ขึ้น ผมสีขาวโพลนพลันเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน สะบัดพลิ้วตามสายลม เป็นประหนึ่งราชาที่อยู่เหนือผู้ใดในใต้หล้า!

“กลิ่นอายกลุ่มนี้…คือเนตรเทพเจ้า แต่ไม่คุ้นเลยสักนิด…” ผู้อาวุโสพึมพำ

โลกทั้งใบก็เงียบงันตามความคิดของเขา และเกิดแรงกดดันอย่างมหาศาลด้วยหมื่นปรากฏการณ์ในฟ้าดินล้วนเปลี่ยนแปลงตามทุกอิริยาบถของผู้อาวุโสผู้นี้

“หรือว่าจะเป็น…เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?” ดวงตาผู้อาวุโสทอประกาย

ทันใดนั้นฟ้าดินเปลี่ยนสีไป เมฆลมส่งเสียงหวีดแหลม ร่างของผู้อาวุโสหายไปจากโลกที่วุ่นวายแห่งนี้แล้ว

……

ณ นรกเพลิงโลกันตร์

จอมเทพอิ๋นอวี้ที่เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ จู่ๆ ก็หายตัวไปในฉับพลัน

ภาพเหตุการณ์นี้ กระทั่งจอมเทพขั้นสองยังไม่สามารถอธิบายได้

“พลังกลุ่มนี้…เนตรเทพเจ้า! เป็นไปได้อย่างไร?” จอมเทพซิงเซี่ยงตื่นกลัวจนถอดสี รีบร้อนถอยไปด้านหลัง

ในฐานะที่เป็นเผ่าความลับสวรรค์ เขาย่อมเข้าใจเรื่องเนตรเทพเจ้าดี

พลังต้องห้ามที่สาดซัดออกจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกราวกับเห็นผู้ครอบครองเนตรเทพที่แท้จริงด้วยตาตนเอง แต่ว่าพลังเนตรเทพเจ้ากลุ่มนี้แตกต่างกับแปดเนตรเทพเจ้าอย่างสิ้นเชิง!

“เนตรเทพเจ้า? เป็นไปไม่ได้!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตกตะลึง

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องเนตรเทพเจ้ามากนัก แต่ตั้งแต่แปดเนตรเทพเจ้าถือกำเนิดจนตอนนี้ เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลรู้ชัดถึงพลังของพวกเขาดี แต่ลักษณะเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงไม่ใช่ประเภทใดเลยในแปดเนตรเทพเจ้า

“เนตรเทพเจ้าจริงหรือ?” ซินอู๋เหินสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาฉายแววงุนงง

อันที่จริง เนิ่นนานก่อนนี้เขาก็คาดเดาไว้อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้ายืนยันอะไร

ขณะนี้ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่จ้าวเฟิงเป็นตาเดียว จ้องดวงตาซ้ายของเขาที่มีหมอกแสงมายากระจายตัวปกคลุมไม่หยุด

“สังหารจอมเทพทันที เขาทำได้อย่างไรกัน?”

“ดวงตาซ้ายของเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”

สมาชิกทั้งสองฝ่ายที่อยู่ด้านล่างร้องตกใจกันยกใหญ่

“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านผู้ครองเนตร เนตรเทพเจ้าตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว!”

เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตคุกเข่าลงด้วยใบหน้าเคารพนับถือ ที่จริงพวกเขาจงรักภักดีต่อจ้าวเฟิง ก็เป็นเพราะเนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้า และตอนนี้ เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ ทำให้พวกเขายิ่งศิโรราบต่อจ้าวเฟิง และยินดีติดตามเขาอย่างแน่วแน่

“ยินดีกับท่านผู้ครองเนตรด้วย เนตรเทพเจ้าตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว!”

จากนั้นเผ่าพันธุ์บรรพกาลอื่นๆ ก็คุกเข่าลงคารวะกันอย่างพร้อมเพรียง

คำพูดของเผ่าพันธุ์บรรพกาลพวกนี้ ทำให้คนอื่นๆ ที่นี่ใจสั่นสะท้าน

ท่านผู้ครองเนตร เนตรเทพเจ้า!

ถูกต้องแล้ว ตอนนี้แปดเนตรเทพเจ้าในจักรวาลได้รับสมญานามจากผู้คนว่า นายเหนือหัวผู้ครองเนตร!

แต่เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกลับไม่ใช่แปดเนตรเทพเจ้า!

“หรือว่า…จะเป็นเนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้า?”

จอมเทพซิงเซี่ยงจ้องจ้าวเฟิง ในที่สุดใจก็ไม่อาจสงบลงได้

ในใจคนอื่นที่นั่นต่างก็มีความคิดนี้เช่นกัน

เนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้า!

“เนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้าตื่นขึ้น ไม่รู้ว่ามันจะมีพลังแบบไหนกันแน่…”

จอมเทพซิงเซี่ยงไม่มั่นใจเรื่องใดเลย

เนตรเทพเจ้าทุกดวงล้วนเป็นราชาเทพในจักรวาล มีพลังต่อต้านลิขิตสวรรค์ได้

ส่วนเนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้าที่ปรากฏขึ้นนี้ ไม่มีบันทึกหรือข้อมูลใดๆ และไร้ที่มาโดยสิ้นเชิง

เรื่องที่ไม่รู้มักทำให้คนหวาดกลัว ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร!

“ถอยก่อน เจ้าเด็กนี่ปลุกเนตรเทพเจ้าได้แล้ว รับมือได้ยาก แต่มันก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือพวกเราอยู่ดี…”

จอมเทพซิงเซี่ยงรีบวางแผน

ก่อนหน้านี้เขาใช้เคล็ดวิชาค่ายกลกักขังจ้าวเฟิง ผลลัพธ์กลายเป็นว่าปลุกเนตรเทพเจ้าขึ้นมา จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้กลับอย่างรุนแรง

จอมเทพซิงเซี่ยงนึกหวาดกลัวเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงขึ้นมา

จะให้เขาเสี่ยงชีวิตไปรับมือกับเนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้าที่ตื่นขึ้นในเวลานี้ได้อย่างไร!

พรึ่บ! จอมเทพซิงเซี่ยงหยิบเอาแผ่นโลหะทรงกลมสีเทาเงินอันหนึ่งออกมา

เขานั่งอยู่ด้านบนนั้น โดยรอบแผ่นกลมเปิดค่ายกลขึ้นปกคลุมจอมเทพซิงเซี่ยงเอาไว้ภายใน

ฟุ่บ! จอมเทพซิงเซี่ยงนั่งอุปกรณ์สำหรับโบยบินแบบพิเศษนี้ ก่อนจะหายไปในพริบตา

ฝ่ายตำหนักเทพยักษ์ มีเพียงจ้าวเฟิงที่อาจขัดขวางจอมเทพซิงเซี่ยงได้ แต่ก็เหมือนจะสติพร่าเลือน สับสนงุนงง

“แย่แล้ว จอมเทพซิงเซี่ยงหนีไปแล้ว!”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย

จอมเทพเทียนฮ่าวและจอมเทพอิ๋นอวี้ตายด้วยเงื้อมมือของจ้าวเฟิงกันทั้งสิ้น

ในตอนนี้ กระทั่งจอมเทพซิงเซี่ยงก็ยังหลีกหนีไป

ทางฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลเหลือเพียงแค่เขาและจอมเทพกุ่ยอู๋แล้ว

แต่ตำหนักเทพยักษ์ยังมีซินอู๋เหิน ยอดผู้อาวุโส และจ้าวเฟิงที่ทำให้คนไม่กล้าแตะต้องและหวาดระแวง!

“หรือว่ามันครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจริงๆ?” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลพึมพำอย่างตกใจ

อันที่จริง ศึกครั้งนี้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะต้องเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ แต่เพียงเพราะจ้าวเฟิงคนเดียว ทำให้ทั้งเรื่องทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป!

“เนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้า…ดินแดนเทพรกร้างมีราชาเทพเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว…”

จอมเทพกุ่ยอู๋ตื่นตระหนกอย่างหนัก

“โจมตีกลับ!” ซินอู๋เหินรีบตะโกนสั่ง

“เล่นงานตำหนักวิญญาณบรรพกาลให้เจ็บสาหัส!”

ยอดผู้อาวุโสเพิ่งเรียกสติกลับคืนมาได้

ทันทีที่จอมเทพซิงเซี่ยงหนีไป ขั้วอำนาจอย่างตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็จากไปด้วย จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีกลับของพวกเขา

“สังหารเสีย!”

คนตำหนักเทพยักษ์ทั้งหมดด้านล่างร้องคำราม และบุกทะลวงสังหารไป

“ถอย!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตะโกนสั่ง ทุกคนจึงล่าถอย

รัศมีหมื่นลี้รอบตัวจ้าวเฟิงไม่มีใครเข้ามาใกล้ได้

“ดวงตาของข้า…เป็นอะไรไปกันแน่?”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงในตอนนี้ก็ยังคงเจ็บปวดอยู่

อยู่ๆ ลูกทรงกลมสีเงินมายาในมิติดวงตาเทพเจ้าก็สั่นไหว ลวดลายด้านบนนั้นเปล่งแสงมายาที่สว่างเจิดจ้ามากขึ้น

ลูกทรงกลมสีเงินมายาเกิดการเปลี่ยนแปลง ค่อยๆ สุกสว่างและโปร่งใสขึ้น

วูบ! แสงสว่างรอบตัวจ้าวเฟิงหนาแน่นมากขึ้น และบิดเบี้ยวจนพร่าเลือนตามการเปลี่ยนแปลงของดวงตาซ้าย

“อาจจะเหมือนคราวก่อน หากปลดปล่อยพลังดั้งเดิมออกมาอาจจะดีขึ้นก็ได้!”

จ้าวเฟิงเอ่ยในขณะดิ้นรนด้วยความอึดอัด

ตอนที่อยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง สายเลือดของเผ่าพันธุ์บรรพกาลก็กระตุ้นให้ดวงตาเทพเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง

ในขณะนั้น เขาเองก็สับสนงุนงง ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

จนกระทั่งปลดปล่อยเนตรเทพมายาทำลายล้างและพลังดั้งเดิมออกมาแล้ว ทั้งหมดนี้ถึงฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

ขวับ! จ้าวเฟิงแหงนหน้าขึ้นมองตำหนักวิญญาณบรรพกาล

ตอนนี้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลถอยร่นไป จอมเทพทั้งสองอยู่รั้งท้าย

“จะไปไหน!” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง

โครม! พลังดั้งเดิมต้องห้ามสาดซัดออกจากดวงตาซ้าย พุ่งปะทะไปหาตำหนักวิญญาณบรรพกาล

ตอนนี้ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเจ็บปวดขึ้นอย่างผิดปกติ จึงไม่ได้ใช้วิชาดวงตาอะไร

ร่างเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย ยื่นมือสะบัดไป!

จอมเทพกุ่ยอู๋จากตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกพลังจอมเทพลี้ลับกระแทกใส่ร่างจนตัวแข็งค้าง

พรึ่บ! วินาทีต่อมาเขาเหมือนเป็นฟองน้ำ เมื่อถูกคนสัมผัสสักหน่อยก็สลายหายไปในอากาศทันที

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่อยู่ไม่ไกลนักตัวสั่นเทิ้ม ใจเต้นระรัวจนเกือบจะพุ่งออกมา หากพูดก่อนนี้ เขาก็คงไม่เชื่อว่าจอมเทพอิ๋นอวี้จะถูกจ้าวเฟิง ‘ทำลาย’ ลงไป

แต่ครั้งนี้เขาเชื่อจนสุดหัวใจแล้ว

“นี่เป็นไปได้อย่างไร…ถึงจะเป็นเนตรเทพเจ้า ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้…”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกเขย่าขวัญจนพูดจาไม่รู้เรื่อง

ส่วนสมาชิกคนอื่นของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ตื่นตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน

จอมเทพหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุอีกผู้หนึ่ง!

“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

สมาชิกตำหนักวิญญาณบรรพกาลตะลึงลาน ทำอะไรไม่ถูก หลบหนีไปโดยไม่ใส่ใจอะไรอีก

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเขย่าขวัญตำหนักวิญญาณบรรพกาล แต่คนทั้งหมดของตำหนักเทพยักษ์เองก็ตื่นตะลึง ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เขามีเนตรเทพเจ้าชนิดที่เก้าหรือ?”

เทพโบราณจวี้หมัวตื่นตกใจ

ตอนนี้จ้าวเฟิงสับสนงุนงง หากไม่ระวัง ‘ทำลาย’ พวกเขาตามอำเภอใจ เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้

“เหมือนจะดีขึ้นมาหน่อยแล้ว!” จ้าวเฟิงที่อยู่กลางอากาศค่อยๆ สงบลง

ตอนนี้อาการเจ็บปวดของดวงตาซ้ายหายไปช้าๆ แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความอ่อนล้าและอิดโรย

“เมื่อครู่…ข้าสังหารจอมเทพกุ่ยอู๋ไปหรือ?” จ้าวเฟิงพึมพำ

ทั้งหมดเบื้องหน้าเขาเต็มไปด้วยสีสันเจิดจ้านับไม่ถ้วน ภาพเหตุการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นแค่ในฝันเท่านั้น การหายตัวครั้งแรกของจอมเทพอิ๋นอวี้ จ้าวเฟิงยังคิดว่าตนเองกำลังฝันอยู่ แต่ต่อมาจอมเทพกุ่ยอู๋ก็หายตัวไปด้วย นี่ทำให้เขาฉงนฉงาย

อาการเจ็บปวดของดวงตาซ้ายหายไปอย่างช้าๆ โลกที่เจิดจ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นปกติขึ้นมาเล็กน้อย

เหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้าเกิดขึ้นจริงทั้งหมด

จอมเทพกุ่ยอู๋หายตัวไปแล้วจริงๆ!

“หืม กลิ่นอายที่คุ้นเคยนี้!”

จู่ๆ จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง เขาใช้ดวงตาซ้ายจ้องทันควัน

สายตาของเขามองทะลุควันพิษอันร้อนระอุ จนเห็นเงาสีขาวที่บริเวณขอบนอกของนรกเพลิงโลกันตร์

นางสวมชุดขาว วงหน้านวลงดงามสูงส่ง ดวงตาสุกสกาว นัยน์ตาสีขาวสงบนิ่งล้ำลึก จนเหมือนว่าสามารถมองเห็นสรรพสิ่งในโลก

นางยืนนิ่งไม่ไหวติง ทำให้เห็นรู้สึกราวเป็นภาพฝันที่ลึกลับเกินจะคาดเดา พร่าเลือนไม่ชัดเจน

พรึ่บ!

สตรีชุดขาวนางนี้หมุนกายไปทันใด แล้วร่างของนางก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่…นางคือ…”

จ้าวเฟิงยื่นมือไป ต้องการจะหยุดคนผู้นี้เอาไว้ เพราะใบหน้านั้นละม้ายใครบางคนในความทรงจำของจ้าวเฟิง คล้ายคลึงอย่างยิ่ง!

แต่เป็นไปไม่ได้ สตรีชุดขาวเมื่อครู่ เหตุใดจึงเป็นคนผู้นั้นในความทรงจำของเขาไปได้?

“ไม่ได้ ข้า…ง่วงเหลือเกิน…”

จ้าวเฟิงคิดจะไล่ตาม แต่ก็พบว่าดวงตาซ้ายของตนเองลืมไม่ขึ้น ความรู้สึกอ่อนเพลียถาโถมเข้ามา ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรง

ในที่ไกลออกไป การต่อสู้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ

ตำหนักวิญญาณบรรพกาลพ่ายแพ้

จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลเหลือแค่เจ้าตำหนักผู้เป็นจอมเทพขั้นสอง ซึ่งถูกซินอู๋เหินและผู้อาวุโสไล่ล่าสังหารอยู่นานสองนาน

สมาชิกคนอื่นที่เหลือของตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกโจมตีจนแตกกระสานซ่านเซ็น

“สหายซิน ข้ายังมีธุระ คงต้องขอตัวก่อน!”

จ้าวเฟิงหยิบป้ายส่งข่าวจากตำหนักเทพยักษ์

เปรี๊ยะ! จากนั้นจึงโบยบินออกไปไกลๆ อย่างรวดเร็ว

ความผิดปกติก่อนหน้าของดวงตาซ้าย คงจะทำให้แตกตื่นกันไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจไปเขย่าขวัญพวกขั้วอำนาจใหญ่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เข้า แต่ตอนนี้เขาอ่อนล้ายิ่งนัก รีบถือโอกาสหนีไปจากที่นี่น่าจะเป็นการดีที่สุด

หลังจากเดินทางรอนแรมหนึ่งวัน มีมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขตปรากฏเบื้องหน้า บางครั้งจะมีระลอกเงาสีดำหลายสายขยับวูบวาบ และยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายทะลักออกมา

ตู้ม! จ้าวเฟิงร่วงลงในมหาสมุทรแห่งนี้

กลิ่นอายที่น่ากลัวอย่างที่สุดของเนตรเทพเจ้า ทำให้สัตว์อสูรโบราณทั้งหมดสั่นสะท้านหวาดกลัว ต่างถอยหนีไป

ส่วนร่างของจ้าวเฟิงค่อยๆ จมลง ลอยคอออกไปไกลเรื่อยๆ ตามคลื่นสมุทรที่สาดซัด

สติของจ้าวเฟิงถูกความง่วงงุนเข้าครอบงำอย่างช้าๆ จนกระทั่งหลับสนิทไป

“เงาร่างนั้น เป็นหลิวฉินซินจริงหรือ?”

จ้าวเฟิงที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นละเมอ

ใช่แล้ว สตรีชุดขาวที่เขามองเห็นก่อนเนตรเทพเจ้าจะตื่นขึ้นเหมือนหลิวฉินซินมากนัก มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ต่างออกไป

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยกระโจนออกจากมิติเก็บของ โผขึ้นบนร่างจ้าวเฟิง ดวงตาดำราวนิลของมันเปล่งแสงสีเงินออกมา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืน และไม่รู้ว่าลอยไปถึงที่ไหน…

เจ้าแมวขโมยหาวหวอด เตรียมไปงีบหลับในมิติเก็บของ

แต่ในทันทีที่มันหาวเสร็จ ก็ไม่เห็นร่างของจ้าวเฟิงในท้องสมุทรเสียแล้ว ทำเอามันชะงักค้างทำอะไรไม่ถูก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version