Skip to content

King of Gods 1451

King Of Gods

บทที่ 1451 อันตรายของดินแดนทวีป

ระหว่างเดินทางไปที่ดินแดนทวีป จ้าวเฟิงใช้ประสาทสัมผัสเทพสำรวจสถานการณ์รอบๆ ผลก็คือเขาพบว่าพื้นที่ส่วนมากในชางไห่อยู่ในช่วงสงคราม หากบังเอิญเดินทางผ่านพอดี บางทีจ้าวเฟิงจะถือโอกาสจัดการผู้ฝึกตนศาสตร์มารที่ก่อสงครามขึ้นพวกนั้น

“ไม่รู้ว่าที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!”

จ้าวเฟิงนึกถึงสำนักที่เขาเคยอยู่อาศัยในอดีต

ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินไม่นานนัก คนในนั้นแทบไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเขา แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเป็นที่พักพิงแก่จ้าวเฟิงในยามลำบาก ทำให้เขารอดพ้นจากการล่าสังหารของจักรพรรดิแห่งความตาย

ถ้าหากไม่มีเวลาหายใจหายคอในตอนนั้น จ้าวเฟิงก็คงไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นจนสังหารจักรพรรดิแห่งความตายได้ และเป็นไปตามคาด ขั้วอำนาจสามดาวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่อย่างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินก็กำลังเผชิญปัญหายุ่งยากเช่นกัน

ในละแวกรอบๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ มีขั้วอำนาจศาสตร์มารแห่งหนึ่งลอบซ่องสุมกำลังคนอย่างลับๆ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ลงมือ แต่จะช้าหรือเร็วก็ต้องไปโจมตีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินและสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดาย

แต่จ้าวเฟิงตรงไปสังหารผู้นำของขั้วอำนาจศาสตร์มารแห่งนี้ทันที แล้วจึงไปจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน

ถือว่านี่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินได้ช่วยเขาเอาไว้ในตอนนั้น

ขั้วอำนาจศาสตร์มารที่คุกคามสำนักสามดาวทั้งสอง จู่ๆ ก็ล่มสลายลง ทั้งกลุ่มแตกกระจัดกระจาย ทั้งยังมีข่าวลือว่าผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนในนั้นถูกสังหาร

สำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายและสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินจึงรีบร่วมมือกันถอนรากถอนโคนขั้วอำนาจนี้

“ใครเป็นคนทำกันแน่? ถึงกับสังหารเซียนสองคนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินและสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายแปลกใจอย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็คงคาดไม่ถึงแน่ว่าคนที่ช่วยแก้วิกฤตในคราวนี้ให้จะเป็นจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขาเร่งเดินทางไปที่ดินแดนทวีป

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ สถานการณ์ในดินแดนทวีปเลวร้ายยิ่งกว่าเขตชางไห่หลายเท่าตัว

หอควันสมุทรในละแวกทะเลแดนใต้ที่เดิมทีเป็นดังสวรรค์บนดิน ยามนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายและเสียหาย

ตอนนี้ที่นั่นว่างเปล่าไร้ผู้คน

ในความทรงจำของจ้าวเฟิง ขั้วอำนาจหลายแห่งรอบทะเลแดนใต้เงียบเหงาอย่างยิ่ง เหลือเพียงแค่ขั้วอำอาจระดับต่ำและกลางเท่านั้น

หนำซ้ำการปล้นฆ่ายังเกิดขึ้นทุกแห่งหน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึม

ในขณะนั้น เขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าที่ดินแดนทวีปคงเกิดเรื่องร้ายแรงแน่

ส่วนชางไห่อยู่ห่างไกล ผลกระทบที่ได้รับจึงไม่หนักหนามาก

“ตำหนักราชันจะเป็นอย่างไรบ้าง?” จ้าวเฟิงเป็นกังวลยิ่งนัก

ตามหลักการแล้ว ก่อนที่คุนอวิ๋นจะจากไป ทุกอย่างที่ตำหนักราชันยังคงสงบราบรื่นดี แถมยังเป็นขั้วอำนาจลำดับหนึ่งของทั้งดินแดนทวีป

เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่ ดินแดนทวีปถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงขนาดนี้

“เป็นพวกมนุษย์? หรือราชวงศ์จันทราทมิฬ?”

จ้าวเฟิงเห็นเงาร่างคนเผ่ามนุษย์มากมายขยับไปมา หรือว่าจู่ๆ ราชวงศ์จันทราทมิฬก็แข็งแกร่งขึ้น จึงเข้ามารุกรานราชวงศ์ต้าเฉียน?

พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงหายวับไป

ตระกูลจี หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของมณฑลอวี่

“ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือ!”

ภายในตระกูลจี ผู้อาวุโสปีกม่วงผู้หนึ่งนำกำลังคนเข้าไปสังหารอย่างกำเริบเสิบสาน

ผู้อาวุโสปีกม่วงผู้นี้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนชั้นต้น ส่วนคนอื่นที่เหลือเป็นราชันเสียส่วนมก มีจำนวนน้อยนิดที่เป็นจักรพรรดิ

“ถอย กลับไปที่ตำหนักราชัน!” สตรีนัยน์ตากระจ่างผู้สงบเยือกเย็นในตระกูลจีนำกลุ่มคนรบไปพลาง ถอยไปพลาง

นอกจากสตรีนางนี้ที่เป็นเซียนแล้ว คนอื่นๆ ของตระกูลจีส่วนมากเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ส่วนที่อยู่ขอบเขตปราณเทวะมีน้อยนิดมาก

กลุ่มคนตระกูลจีถูกบีบจนจนตรอก

“ฮี่ๆ กลับไปที่ตำหนักราชันแล้วจะยังไง?”

ชายปีกดำผู้หนึ่งลอยตัวในอากาศเหนือตระกูลจี เขาปรายตามองด้านล่าง หัวเราะเยาะเบาๆ

ชายปีกดำผู้นี้เป็นเซียนขั้นสูง ตั้งแต่ต้นไม่เคยลงมือสักครั้ง เขาเพียงแต่มองดูอย่างเงียบๆ เท่านั้น

“บัดซบ จีหลาน เจ้าหนีไป พวกเราจะสู้ยื้อเจ้าสารเลวนี่เอาไว้ให้เอง!”

จีอู่เหยี่ยเอ่ยอย่างแน่วแน่

จีอู่เหยี่ยกับจีหลานต่างเป็นศิษย์ตระกูลจี ตอนนั้นติดตามจ้าวเฟิงไปไปร่วมสงครามสามมณฑล ช่วยเหลือองค์ชายเก้าสู้กับพวกต่างเผ่าพันธุ์

คนตระกูลจีที่เหลือทั้งหมดไม่เกรงกลัวความตาย ไม่ได้สงสัยอะไรอีก

“พวกเราร่วมมือกันยังพอมีหวังรอดไปได้!”

จีหลานรีบปฏิเสธทันที

ฝ่ายศัตรูมีเซียนสองคน จะรับมือเซียนจำเป็นต้องใช้เซียนด้วยกัน ทันทีที่นางจากไป คนตระกูลจะไร้กำลังต้านทานและถูกสังหารตามอำเภอใจ

“ฮ่าๆ ไม่เสียทีที่เป็นแปดตระกูลใหญ่ ห้าวหาญเด็ดเดี่ยวเสียจริง!”

ชายปีกดำกลางอากาศหัวเราะร่วน ชั่วขณะต่อมา พลังเทพในร่างเขาพวยพุ่ง ร่างกายดิ่งลงมาด้านล่าง

“ไม่ได้การ เขาจะลงมือแล้ว!” จีหลานหน้าถอดสีทันใด

นางเป็นแค่เซียนขั้นต้นเท่านั้น อย่างมากก็ต่อสู้กับชายปีกม่วงแค่เสมอ ถ้าหากชายปีกดำที่เป็นเซียนขั้นสูงลงมือละก็ สถานการณ์จะยิ่งอันตรายกว่าเดิม!

ในเวลานี้เอง มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา “เจ้ากล้ารึ!”

เสียงที่ดังนำหน้ามาก่อนนี้ทำให้ชายปีกดำและสมาชิกที่เหลือสะพรึงขวัญกันหมดคิดไม่ถึงว่ายามนี้จะมีคนกล้าพูดจาแบบนี้กับพวกเขา ช่างน่าประหลาดใจนัก

แต่ในเวลาต่อมา

โครม ตูม ตูม! สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สถานการณ์ผันเปลี่ยน ฟ้าดินทั้งผืนเต็มไปด้วยพลังมหาศาล สมาชิกทั้งหมดแถวนั้นร่างกายสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่อาจเคลื่อนไหวภายใต้พลังนี้

“คนผู้นี้…เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหนกันแน่!” ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจชายปีกดำ เขาเอ่ยเสียงสั่น

เขาเคยเห็นผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพมาก็หลายครั้ง แต่ต่อให้เป็นครึ่งเทพก็ยังไม่เคยสร้างความกดดันให้เขาขนาดนี้ จนตอนนี้ เขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าเสียงนั้นดังมาจากที่ไกลแสนไกล ดังนั้นเสียงจึงมาถึงก่อนตัว

“ไม่ทราบว่าเป็นผู้แข็งแกร่งท่านใดเดินทางผ่านมาพอดี!”

คนตระกูลจีมองไปไกลๆ ด้วยสายตาตื่นเต้นและมีความหวัง คนพูดคนนั้นจะต้องมาช่วยพวกเขาอย่างแน่นอน

ตอนที่ร่างคนผมเงินปรากฏขึ้นในอากาศ คนตระกูลจีมากมายต่างก็อึ้งตะลึง

“จ้าวเฟิง?” สีหน้าจีหลานชะงักค้าง จ้องใบหน้าจ้าวเฟิงเขม็ง อารมณ์ในใจปั่นป่วนราวน้ำหลาก ถึงแม้ว่าบุคลิกลักษณะจะเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่นางก็มั่นใจว่าคนตรงหน้าต้องเป็นจ้าวเฟิงแน่ๆ

“ผู้อาวุโสจ้าว!” สีหน้าจีอู่เหยี่ยตื่นตะลึง ก่อนจะขานชื่อออกมา

“จ้าวเฟิง อดีตผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทวีปน่ะหรือ?” คนตระกูลจีแววตาเป็นประกายขณะมองที่จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงในตอนนั้นกำราบมังกรวารีล้างโลกา สังหารเทพแท้จริงเทียนฝาที่มาจากดินแดนเทพรกร้าง ช่างทรงพลังอย่างยิ่ง กระทั่งหลงหวงที่ทะลวงขั้นเทพแท้จริงได้ยังไม่กล้าทำอะไรเขา

ดังนั้นเขาจึงได้รับสมญานามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทวีป อีกทั้งจ้าวเฟิงก็เคยพำนักอยู่ที่ตระกูลจีช่วงหนึ่ง

จีหลานกับจีอู่เหยี่ยก็นับว่าเขาเป็นศิษย์กึ่งหนึ่งแล้ว

ในตอนที่เดินทางไปยังสนามรบของสามมณฑล พวกเขาก็ติดตามจ้าวเฟิงไป ระหว่างทางจ้าวเฟิงมักจะช่วยชี้แนะวิธีแก้ปัญหาเรื่องการฝึกตนและวิชาดวงตาให้

ตอนนี้จีหลานเป็นเซียนขั้นต้นแล้ว ส่วนจีอู่เหยี่ยเป็นปฐมเซียน

“จ้าวเฟิง?” ชายปีกดำที่เตรียมจะลงมือพลันนึกถึงบางสิ่งบางออก สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไป

จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่เป็นบุคคลในตำนานของราชวงศ์ต้าเฉียน แต่ยังเป็นบุคคลต้องห้ามของราชวงศ์จันทราทมิฬเช่นกัน อย่างไรเสียเมื่อหกสิบปีก่อน จ้าวเฟิงก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทวีป ว่ากันว่าจ้าวเฟิงเดินทางไปที่ดินแดนเทพรกร้างนานแล้ว

‘เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมาปรากฏตัวที่ดินแดนทวีปได้!’

ชายปีกดำตะโกนอย่างบ้าคลั่งในใจ

ทั้งดินแดนทวีปไม่เคยมีใครเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง แล้วกลับมาที่ดินแดนทวีปอีก

“ราชวงศ์จันทราทมิฬช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจริงๆ!” สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชายิ่งนัก

พวกชายวัยกลางคนปีกม่วงที่อยู่ด้านล่างตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น

“ผู้อาวุโส ฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ราชวงศ์จันทราทมิฬไม่ใช่…” ชายปีกดำลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ละล่ำละลั่กจะอธิบาย

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงไม่สนใจ ชี้นิ้วออกมาทันที

เปรี๊ยะ! ประกายแสงสีเงินขุ่นข้นพวยพุ่งออกมา

แสงสีเงินสายนี้ไม่ได้รวดเร็วมากนัก แต่พวกชายปีกดำกลับพบว่าตนเองขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

โครม บึ้ม! ขณะที่แสงนี้มาถึง ก็ปรากฏพลังกลืนกินที่ทรงพลังขึ้นมา

ชายปีกดำรวมไปถึงคนอื่นๆ ไม่อาจต่อต้านขัดขืน ถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไม่เหลือซาก

ฟู่ วูบ วูบ! จุดที่กลืนกินนั้นทำให้มิติเกิดรอยร้าวขึ้น พลังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ถาโถมออกมา

ครั้งนี้จ้าวเฟิงควบคุมได้ไม่ดีมากนัก การโจมตีที่เขาใช้อยู่เหนือขีดจำกัดของดินแดนทวีป เกือบจะทำให้มิติแห่งนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ เสียแล้ว

เมื่อเห็นศัตรูตายลงไปในพริบตา คนตระกูลจีก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง

ไม่เสียทีที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทวีปในอดีต บางทีการปรากฏตัวของเขาอาจจะช่วยราชวงศ์ต้าเฉียนได้

“ผู้อาวุโสซิงหมัวล่ะ?” จ้าวเฟิงถามขึ้นขณะมองพวกจีหลานกับจีอู่เหยี่ย

ทำไมคนของตระกูลจีถึงเหลือเพียงเท่านี้ หนำซ้ำขั้นเซียนยังมีแค่จีหลานเท่านั้น

“ผู้อาวุโสจ้าว ผู้อาวุโสซิงหมัวไม่เป็นอะไร พวกเขาอยู่ที่ตำหนักราชัน!”

จีหลานสงบอารมณ์ลง จากนั้นจึงเอ่ยตอบ

“ไป!”

จ้าวเฟิงถอนหายใจโล่งอก

เซียนซิงหมัวแห่งตระกูลจีเคยให้ความช่วยเหลือเขามาไม่น้อย เขายังคิดว่าคนอื่นที่เหลือจะตายกันไปหมดแล้วเสียอีก

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนที่ชื่อ ‘เทพแท้จริงหลิงหมัว’ เพียงคนเดียว!”

ใบหน้าจีหลานหมองเศร้าและทุกข์ระทม

“เทพแท้จริง?” สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววตะหนก

คิดไม่ถึงว่าที่ดินแดนทวีปจะมีขั้นเทพแท้จริงปรากฏตัวขึ้นมา แต่ว่าเทพแท้จริงจะอยู่ที่ดินแดนระดับต่ำนี้ไปทำไม

จ้าวเฟิงไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก จีหลานเป็นแค่เซียนขั้นต้น เรื่องที่รู้ไม่มากมาย รอกลับไปที่ตำหนักราชันก็คงได้รู้ทุกอย่างเอง

……

ตำหนักราชัน ณ มณฑลอวี่

สถานที่ปลอดภัยแห่งสุดท้ายของราชวงศ์ต้าเฉียน

ตำหนักไท่หวง วังลอยฟ้า และแปดตระกูลใหญ่รวมตัวอยู่ที่นี่กันแทบทั้งหมด

ในโถงลับแห่งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของราชวงศ์ต้าเฉียนต่างมารวมตัวกัน

“หรือว่าเราจะยอมพวกมันเข่นฆ่าไปแบบนี้?”

ครึ่งเทพไท่จี๋ของตำหนักไท่หวงหัวเสียยิ่งนัก

หลังจากครึ่งเทพหลงหวงไปที่ดินแดนเทพรกร้างแล้ว ครึ่งเทพไท่จี๋ก็กลายเป็นผู้ดูแลตำหนักไท่หวง

“แต่เทพแท้จริงหลิงหมัวแข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่ไม่กี่ปีก็ทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนตกต่ำลงได้ถึงขนาดนี้!”

ฟากวังลอยฟ้า กลิ่นอายพลังของครึ่งเทพกูซีค่อนข้างห่อเหี่ยว

เขาเคยเป็นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของวังลอยฟ้า แต่ตอนนี้บาดเจ็บสาหัสยังไม่หาย และคงจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก

“เหลือเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียนในชุดมังกรทองเอ่ยอย่างหนักใจ

ไม่ผิด เทพแท้จริงหลิงหมัวให้เวลาพวกเขาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หากไม่ยอมศิโรราบ เลือดจะนองทั่วราชวงศ์ต้าเฉียน

“ไม่สู้พวกเรายอมแพ้ไปให้จบๆ!”

“อย่างน้อยอาจจะมีชีวิตรอดกันได้!”

ผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยในห้องโถงใหญ่เอ่ยกันเสียงเบา

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย คนส่วนมากหวาดกลัวกันทั้งนั้น หวังจะได้โอกาสมีชีวิตรอดต่อไป

“ต้องมีโอกาสชนะได้แน่!” สตรีชุดสีเงินยวงจากหอควันสมุทรเอ่ยยืนกราน

คนผู้นี้ก็คือปี้ชิงเยวี่ย เจ้าตำหนักคนปัจจุบันของตำหนักราชัน ถึงแม้ว่าพลังฝึกตนอยู่ระดับเซียนชั้นต้นเท่านั้น แต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดัง คนระดับสูงส่วนมากของตำหนักราชันเชื่อมั่นในตัวนางอย่างยิ่ง

“ยังมีโอกาสอะไรอีก?”

ครึ่งเทพไท่จี๋มีสีหน้ามืดทะมึน ตะโกนเสียงต่ำ

และในเวลานี้เอง ร่างคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางโถงตำหนัก

“ใครกัน?” แววตาผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในโถงตำหนักสว่างวาบ ใจเต้นระรัว ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version