บทที่ 1452 เข้าสู่ความฝัน
ที่นี่มีแต่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในราชวงศ์ต้าเฉียน หรือไม่ก็พวกผู้ดูแลสูงสุด แต่ตอนนี้กลับมีคนโผล่มาที่นี่โดยไม่มีใครรู้ตัวก่อน
คนที่ปรากฏขึ้นในใจทุกคนเป็นลำดับแรกคือเทพแท้จริงหลิงหมัว ใบหน้าจึงฉายแววหวาดระแวงทันที
แต่เมื่อมองดีๆ แล้ว ทุกคนก็ต้องชะงักไป
“ผู้อาวุโสสูงสุด ยินดีต้อนรับกลับมา!” ปี้ชิงเยวี่ยจากตำหนักราชันลุกยืนขึ้นเป็นคนแรก
คำว่าผู้อาวุโสสูงสุดจากปากนาง ทำให้ทุกคนรู้สถานะของชายหนุ่มผมเงินผู้นี้โดยไม่ต้องพูดอะไร นั่นคือจ้าวเฟิงผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทวีปในตอนนั้น!
“ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสสูงสุด!” เซียนราตรีทมิฬรีบเอ่ยทันที
เขาเองก็เป็นผู้มีอำนาจและมีตำแหน่งสูงในตำหนักราชัน ตอนนี้พลังฝึกตนอยู่ในระดับเซียนชั้นสูง อีกไม่ไกลก็จะเป็นราชาเซียนแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง สมาชิกทั้งหมดของตำหนักราชันทรุดตัวลงคุกเข่า ในคนพวกนี้ มีบางคนที่พอจะจำจ้าวเฟิงได้ แต่ส่วนมากไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน
“จ้าวเฟิง!” ครึ่งเทพไท่จี๋แข้งขาอ่อน
เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่เคยทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนต้องเปลี่ยนนายจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ถูกต้องแล้ว เพราะการดำรงอยู่ของตำหนักราชัน สุดท้ายนายของราชวงศ์ต้าเฉียนจึงถูกเปลี่ยนจากตำหนักไท่หวงมาเป็นตำหนักราชัน
แต่หลังจากที่หนานกงเซิ่งและครึ่งเทพคุนอวิ๋นเดินทางจากไป ตำหนักราชันก็ไม่มีครึ่งเทพอีก ทำให้ตำหนักไท่หวงชิงอำนาจไปอีกครั้ง
ทว่ารากฐานของตำหนักราชันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง พันธมิตรก็แกร่งกล้า กระจายตัวทั่วราชวงศ์ ในแปดตระกูลใหญ่มีถึงหกตระกูลที่พึ่งพาตำหนักราชัน ทั้งยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับวังลอยฟ้าและหอกระบี่ฟ้าด้วย
ดังนั้นตำหนักไท่หวงจึงไม่รีบร้อนลงมือ แต่รอเวลาบั่นทอนกำลังของขั้วอำนาจแห่งนี้ พอถึงเวลาก็จะล้มตำหนักราชันได้
เพียงแต่การมาถึงของเทพแท้จริงหลิงหมัว ทำให้แผนทั้งหมดนี้พังลง จะอย่างไรครึ่งเทพไท่จี๋ก็ไม่นึกว่าว่าจ้าวเฟิงจะกลับมาจากดินแดนเทพรกร้าง!
จากที่เขารู้มา หากไม่ได้เข้าร่วมขั้วอำนาจที่ใหญ่มากๆ ในดินแดนเทพรกร้าง หรือจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล ก็ไม่มีทางกลับออกมาที่มิติรอบนอกได้ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเทพแท้จริงหลิงหมัว เกรงว่าเขาคงเริ่มโจมตีตำหนักราชันไปแล้ว
พอถึงตอนนั้น การกลับมาของจ้าวเฟิงก็จะกลายเป็นหายนะของตำหนักไท่หวงแทน
“สหายจ้าว เป็นเจ้าจริงๆ!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ราชวงศ์ต้าเฉียนตื่นเต้นมาก
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์องค์ปัจจุบันก็คือองค์ชายเก้าในอดีต ที่เขาได้นั่งบัลลังก์ สาเหตุส่วนมากก็เพราะจ้าวเฟิง เสียดายก็แต่ราชวงศ์ต้าเฉียนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้ากลับมาแล้ว!” คนอื่นๆ ที่นั่นมีสีหน้ายินดี
ถึงแม้ว่าในบรรดาพวกเขา มีคนไม่น้อยที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับจ้าวเฟิง ถึงขั้นที่ว่าบางคนมีความแค้นกับอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหนาสิ่วหน้าขวานของราชวงศ์ต้าเฉียน
การปรากฏตัวขึ้นของผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทวีปผู้นี้ ได้นำพาความหวังมาสู่พวกเขา
“ปี้ชิงเยวี่ย เล่าเรื่องทั้งหมดมาให้ละเอียด!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะบุคคลที่ชื่อเทพแท้จริงหลิงหมัว…”
ปี้ชิงเยวี่ยเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเองรู้ออกมา
ตำหนักราชันมีหน่วยข่าวกรองเฉพาะทาง จึงมีข้อมูลของเทพแท้จริงหลิงหมัวอย่างละเอียด
เมื่อยี่สิบห้าปีก่อน ดินแดนทวีปมีคนที่เรียกตนเองว่า ‘เทพแท้จริงหลิงหมัว’ ปรากฏตัวขึ้น แต่ระดับพลังของคนผู้นี้ยังไม่ถึงขั้นเซียนด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คนผู้นี้ก็เริ่มระรานไปทั่ว แม้จะสร้างศัตรูไว้มากมาย แต่ทุกครั้งเทพแท้จริงหลิงหมัวจะสังหารคนที่ล่าสังหารเขาจนเหี้ยน ต่อมา พฤติกรรมของเขาก็ไปสะดุดตาพวกตำหนักราชันและตำหนักไท่หวงเข้า
แต่เทพแท้จริงหลิงหมัวในตอนนั้นแข็งแกร่งอย่างมากไปแล้ว ทุกขั้วอำนาจไปล้อมสังหารต่างก็พ่ายแพ้กลับมา
ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบปี คนที่พลังฝึกตนยังไม่ถึงขั้นเซียนก็เติบใหญ่จนเป็นเทพแท้จริง ผู้แข็งแกร่งสูงสุดของดินแดนทวีป
“แล้วไยเขาจึงต้องร่วมมือกับพวกต่างเผ่าพันธุ์?” จ้าวเฟิงสงสัย
“ตอนนั้นคนผู้นี้ไม่เพียงแต่สร้างความวุ่นวายให้กับราชวงศ์ต้าเฉียน แต่ยังระรานราชวงศ์จันทราทมิฬ ในตอนที่พลังฝึกตนถึงขั้นเทพแท้จริง พวกราชวงศ์จันทราทมิฬก็หวาดกลัวในพลังของเขาจนยอมศิโรราบพอดี!”
ปี้ชิงเยวี่ยตอบคำถามจ้าวเฟิงอย่างละเอียด
“เฮ้อ!” จ้าวเฟิงถอนหายใจน้อยๆ
ไอสวรรค์ของดินแดนทวีปในตอนนี้มั่นคงกว่าที่ผ่านมามาก ตามหลักเหตุผลแล้ว ดินแดนทวีปในตอนนี้รุ่งโรจน์ยิ่งกว่ายุคของจ้าวเฟิงเสียอีก
ถ้าหากผู้แข็งแกร่งของทั้งสองราชวงศ์ร่วมมือกัน จะรับมือกับเทพแท้จริงผู้นี้ไม่ได้ได้อย่างไร อย่างไรเสีย เทพแท้จริงก็ปลดปล่อยพลังได้ต่ำกว่าขั้นเทพแท้จริง มิฉะนั้นจะถูกมิติแห่งนี้ฉีกทึ้ง
เสียดายก็แต่ความแค้นระหว่างสองราชวงศ์นั้นหยั่งรากลึกจนเกินไป ทำให้ราชวงศ์จันทราทมิฬตกต่ำ ราชวงศ์ต้าเฉียนกำลังจะล่มสลาย
“จ้าวเฟิง ครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเฉียนต้องพึ่งเจ้าแล้ว!”
ครึ่งเทพผอมแห้งของวังลอยฟ้า แววตาเป็นประกาย
ในเมื่อจ้าวเฟิงกลับมาจากดินแดนเทพรกร้าง เช่นนั้นแล้วพลังฝึกตนจริงๆ ของเขาน่าจะต้องเป็นเทพแท้จริงแน่ ถึงแม้ที่ดินแดนทวีปจะใช้ได้เพียงพลังที่ต่ำกว่าขั้นเทพแท้จริงก็ตาม
แต่จ้าวเฟิงเป็นเทพแท้จริงเหมือนเทพแท้จริงหลิงหมัว อย่างน้อยก็สามารถหยุดยั้งเทพแท้จริงหลิงหมัวได้
“ข้าไม่สนใจไม่ได้หรอก!” แววตาจ้าวเฟิงสงบนิ่ง
เทพแท้จริงหลิงหมัวผู้นี้สร้างความปั่นป่วนจนราชวงศ์ต้าเฉียนมีสภาพเป็นแบบนี้ ถึงขั้นที่ส่งผลกระทบต่อชางไห่และทวีปบุปผาคราม จะไม่ให้เขายื่นมือเข้ายุ่งได้อย่างไร
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก และระบายยิ้มน้อยๆ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ได้ชัยชนะมา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีหวังว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง
“จ้าวเฟิงเจ้ามีแผนอะไร พวกเราต้องถอนรากถอนโคนเทพแท้จริงหลิงหมัว หรือไม่ก็บีบให้มันออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วดินแดนทวีปไม่มีทางสงบแน่!”
ครึ่งเทพไท่จี๋ถาม
“ใช่!” คนอื่นที่เหลือผงกศีรษะ
ในที่นี้พลังที่จ้าวเฟิงใช้ได้พอๆ กับเทพแท้จริงหลิงหมัว หากคิดจะสังหารอีกฝ่าย จำเป็นต้องวางแผนที่รัดกุม!
“ตรงไปสังหารเลยแล้วกัน!” จ้าวเฟิงพูดออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด
ก็แค่เทพแท้จริงคนหนึ่ง เขาสังหารไปในการต่อสู้ของดินแดนเทพรกร้างจนคร้านจะสังหารแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าจะต้องแพ้เขาแน่!”
ชายผมดำคนหนึ่งมีประกายแสงพาดผ่านในแววตา
คนผู้นี้ก็คือหยูเทียนฮ่าว ตอนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียน ถือได้ว่าเป็นผู้มีพัฒนาการมากที่สุดในบรรดาคนที่จ้าวเฟิงคุ้นเคย
“ไม่ได้!” ครึ่งเทพคนอื่นที่นั่นรีบห้ามปราม
ถึงจะปะทะกันซึ่งหน้า จ้าวเฟิงยื้อเทพแท้จริงหลิงหมัวเอาไว้ได้ แต่ไอสวรรค์ของราชวงศ์ต้าเฉียนเสียหายหนัก เกรงว่าคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชวงศ์จันทราทมิฬ
ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามน่าจะยังไม่ล่วงรู้ถึงการกลับมาของจ้าวเฟิง
จะต้องปรึกษาหารือหาแผนการที่ดีที่สุด ต้องโจมตีศัตรูโดยที่อีกฝ่ายป้องกันไม่ทัน และสามารถกำจัดเทพแท้จริงหลิงหมัวได้ด้วยจะดีที่สุด
“เช่นนั้นก็รอใหพวกมันมาหาที่ตายที่นี่เองแล้วกัน!” จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง อย่างไรเสีย เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่ดินแดนทวีปสักช่วงหนึ่ง
เมื่อเอ่ยจบจ้าวเฟิงก็จากไป
“เฮ้อ ถึงจ้าวเฟิงจะเป็นเทพแท้จริง แต่ก็ยังเยาว์วัยนัก มุทะลุเหลือเกิน!”
ครึ่งเทพกู่ซีทอดถอนใจ
“เจ้าตำหนักปี้ ท่านเตือนจ้าวเฟิงสิ!” ครึ่งเทพจากหอกระบี่ฟ้าเอ่ยต่อทันที
เรื่องนี้เกี่ยวกับความอยู่รอดของทั้งราชวงศ์ จะทำเล่นๆ ไม่ได้
“ผู้อาวุโสสูงสุดบอกว่าให้รอศัตรูมา ตำหนักราชันก็จะรออยู่ที่นี่!”
ปี้ชิงเยวี่ยหน้าไม่เปลี่ยนสีด้วยซ้ำ
ตามปกติแล้ว นางควรจะเชื่อฟังคำชี้แนะของคนอื่น แต่นางเชื่อมั่นในการตัดสินใจทั้งหมดของจ้าวเฟิง!
จากนั้นพวกตำหนักราชันจึงแยกย้ายไป ดังนั้นขั้วอำนาจอื่นๆ จึงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่จำยอม
ตำหนักราชันไม่ร่วมมือด้วย คนอื่นวางแผนหารือกันก็ไร้ประโยชน์
อีกอย่างคือการกลับมาของจ้าวเฟิง อย่างน้อยก็ทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมีแรงต้านทานบ้าง ไม่ต้องเป็นเป้าให้อีกฝ่ายสังหาร
วันเวลาต่อจากนั้น จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตนในชุดคลุมมิติ
เพื่อศึกษาเนตรเทพมายาเป็นหลัก
“เนตรเทพเจ้าตื่นขึ้นมา ย่อมต้องไม่ได้มีแค่พลัง ‘เปลี่ยนมายา’ เท่านั้นแน่!”
จ้าวเฟิงวิเคราะห์
จนสุดท้าย เขาจึงเริ่มจากด้านมายา เดิมจ้าวเฟิงเองก็เชี่ยวชาญในวิชาลวงตามากส่วนพลังของเนตรเทพมายาเหมือนจะเกี่ยวข้องกับวิชาลวงตาด้วยเล็กน้อย
“เขตแดนคุกมายา!” จ้าวเฟิงย้อนนึกถึงวิชาดวงตามายากระบวนท่าหนึ่งของเขา
“ไม่รู้ว่าหากใช้พลังดั้งเดิมสร้าง ‘มิติศาสตร์ลวงตา’ ขึ้นจะเป็นอย่างไร?” เมื่อนึกถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็กระตุ้นพลังดั้งเดิมขึ้นมา
สามวันให้หลัง เขาใช้พลังดั้งเดิมของเนตรเทพมายาสร้างมิติจิตวิญญาณแห่งหนึ่งขึ้น ภายในมิติมีเขาวงกตอย่างง่ายๆ แห่งหนึ่ง แต่มีสีสันหลากหลายราวภาพฝัน
“สมจริงดีจริงๆ!” จิตสำนึกของจ้าวเฟิงสร้างมิติแห่งนี้ แต่ตัวเขากลับรู้สึกว่าที่นี่เหมือนเป็นมิติจริงๆ หนำซ้ำในมิติแห่งนี้ จ้าวเฟิงยังสามารถตกแต่งเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ตามอำเภอใจ
สภาพแวดล้อมที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้วก็ยังคงสมจริง จนเหมือนเป็นมิติของจริงอย่างนั้น
“ต้องหาคนมาทดสอบดู!” หากได้หนูทดลองมา ก็จะศึกษาวิชาดวงตาของเนตรเทพเจ้าได้ดียิ่งขึ้น
หนูทดลองจึงตกมาอยู่ที่มังกรทมิฬล้างโลกาที่อยู่ไม่ไกลนัก
พรึ่บ! เขาจ้องดวงตาซ้ายไปหาอีกฝ่าย
ทันใดนั้นเอง มังกรทมิฬล้างโลกาถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ในตอนที่เขาสบเข้ากับดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง ความคิดจิตวิญญาณก็หลุดเข้าไปในมิติอีกแห่งหนึ่งทันที
ส่วนร่างกลับนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
“นี่คือ?” มังกรวารีล้างโลการู้สึกว่าตนเองติดอยู่ใน ‘ความฝัน’ อันประหลาด แต่สภาพแวดลอมทั้งหมดในฝันก็สมจริงยิ่งนัก กระทั่งกลิ่นอายของนายท่านตรงหน้าก็ยังยากจะจำแนกว่าจริงหรือปลอม!
“หืม! นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
จ้าวเฟิงจ้องมังกรทมิฬล้างโลกา รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายหรือกระทั่งตนเองเหมือนอยู่ในมิติความฝันอันแปลกประหลาด
เขามองเห็นเกล็ดทุกชิ้นบนร่างมังกรวารีทมิฬ เห็นกระทั่งลมหายใจของอีกฝ่าย สายเลือดที่หมุนวนในร่าง เขาเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“นี่มันสมจริงไปแล้วกระมัง…” จ้าวเฟิงจ้องมังกรทมิฬล้างโลกา รวบรวมกระบี่เทพรวมศูนย์เล่มหนึ่งขึ้นในมือ แล้วจึงฟาดฟันไปส่งๆ
“นายท่าน? ทำไมท่านถึง…?” มังกรทมิฬล้างโลกาตื่นตระหนกอย่างมาก
“อ๊าก…” เมื่อไม่ได้ระวังตัว มันจึงโดนจ้าวเฟิงฟันเข้าใส่ จนบนร่างปรากฏบาดแผลขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?” จ้าวเฟิงชะงักไป เสียงโหยหวนของมังกรทมิฬล้างโลกาสมจริงมาก ทำให้เขาไม่ฟันอีกฝ่ายต่อ
พรึ่บ! เมื่อจิตสำนึกออกมากจากมิติความฝันแห่งนี้ ภาพเบื้องหน้าก็ชัดเจนขึ้น
“อ๊าก…” เสียงร้องโหยหวนของมังกรทมิฬล้างโลกาดังลอดออกมาจากชุดคลุมมิติ
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร?” มังกรทมิฬล้างโลกาอึ้งตะลึง ขณะมองบาดแผลที่ชวนใจสั่นบนร่างมังกรของตน ตำแหน่งของบาดแผลที่เกิดขึ้นเหมือนกับจุดที่ถูกฟันในฝันไม่มีผิดเพี้ยน!
คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในฝันจะกลายเป็นความจริง นี่ชักจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติความฝัน ก็เกิดขึ้นที่โลกแห่งความจริงด้วยเหมือนกัน!”
จ้าวเฟิงมองมังกรทมิฬล้างโลกาที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง
เมื่อครู่มังกรทมิฬล้างโลกาเขาไปใน ‘มิติความฝัน’ ที่เขาสร้างขึ้นเท่านั้น เขาโจมตีมังกรทมิฬล้างโลกาในมิติความฝัน แต่ในโลกความจริง ตัวของมังกรวารีล้างโลกาก็บาดเจ็บแบบเดียวกัน
“นี่มันอะไรกันแน่…เสี่ยวเฮย ไป พวกเราไปลองกันอีกที!”
จ้าวเฟิงรู้สึกสนอกสนใจอย่างยิ่ง เขาส่งยิ้มให้มังกรทมิฬล้างโลกา
“ไม่…นายท่าน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!” มังกรทมิฬล้างโลกาหน้าถอดสี
แต่ไม่ว่ามันจะปฏิเสธอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เวลาจากนั้น จ้าวเฟิงเอาแต่ขลุกอยู่ในชุดคลุมมิติเพื่อศึกษาความสามารถของความฝันมายา เขาเอาจิตสำนึกของตนเองดำดิ่งเข้าไปใน ‘มิติความฝัน’ ที่ตนเองสร้างขึ้น หากทำร้ายคนอื่นในมิติความฝัน จะเกิดขึ้นพร้อมกันในโลกความจริง!
จ้าวเฟิงเรียกพลังนี้ว่า ‘ดำดิ่งลงในฝัน’!
วันนี้ ทั้งตำหนักราชันต่างรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่หนักอึ้งเกินจะเปรียบ
“พวกเขามาแล้ว!”
ทุกคนในตำหนักราชันต่างกระวีกระวาดลุกขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด
ในท้องฟ้าที่ไกลออกไปตกอยู่ในความมืดมิด ผู้อาวุโสผมม่วงค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
ผู้อาวุโสผมม่วงคนนั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากกระดูกกองมหึมา ท่าทีเหมือนราชันเหนือทุกคน
คนผู้นั้นก็คือเทพแท้จริงหลิงหมัว ด้านหลังเขามีกองทัพราชวงศ์จันทราทมิฬที่ทรงอานุภาพติดตามมา
“เจ้าตำหนักปี้ ทำไมจ้าวเฟิงยังไม่มาอีก!”
ครึ่งเทพไท่จี๋เอ่ยอย่างร้อนรน เขารู้สึกว่าจ้าวเฟิงเห็นเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล่นๆ
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่นี่ต่างรู้สึกไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย
“ให้เวลาสิบช่วงลมหายใจ พวกเจ้าจงบอกสิ่งที่ตัดสินใจได้มา!” เทพแท้จริงหลิงหมัวปรายตามองด้านล่าง ก่อนจะเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย
“สิบ…เก้า…สาม!” เทพแท้จริงหลิงหมัวนับเลขถอยหลังช้าๆ
คนทั้งหมดของตำหนักราชันต่างลนลานและหวาดกลัว
“หนึ่ง…ในเมื่อปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก็อย่าโทษ…” ใบหน้าเทพแท้จริงหลิงหมัวเย็นชาเล็กน้อย
แต่เขายังไม่ทันพูดจบ น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “ในที่สุดเจ้าก็มารนหาที่ตายเองแล้วใช่หรือไม่?”
พรึ่บ! จ้าวเฟิงพลันปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ