บทที่ 1453 ความเป็นมาของเทพแท้จริงหลิงหมัว
การปรากฏตัวของเขาทำให้ขวัญกำลังใจฝั่งราชวงศ์ต้าเฉียนเพิ่มขึ้นมาก คนที่รับมือกับเทพแท้จริงหลิงหมัวได้มีแค่จ้าวเฟิงเท่านั้น แต่ในสายตาพวกเขา คำพูดเช่นนี้ก็ออกจะหยิ่งผยองมากจนเกินไป
ทั้งสองคนอยู่ที่นี่ มีขีดจำกัดของพลังที่ใช้ได้เท่ากัน คิดจะเอาชนะก็ยากลำบากอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสังหารเลย
“หืม?” เทพแท้จริงหลิงหมัวที่นั่งบนบัลลังก์กระดูกจ้องจ้าวเฟิง
แล้วเขาก็พบว่าตนเองอ่านคนผู้นี้ไม่ค่อยออก ต้องรู้ว่าเทพแท้จริงหลิงหมัวในยามรุ่งโรจน์เป็นเทพแท้จริงขั้นหก ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาเพิ่งฝึกฝนไปถึงเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง แต่ทัศนะของเทพแท้จริงขั้นหกยังอยู่
“จ้าวเฟิง!” ครึ่งเทพหลายคนของพวกต่างเผ่าพันธุ์อุทานชื่อจ้าวเฟิงออกมา สีหน้าตื่นตระหนกตกใจ แต่ตอนที่พวกเขามองเทพแท้จริงหลิงหมัวก็สงบนิ่งลงเหมือนเดิม
มีเทพแท้จริงหลิงหมัวอยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงก็ไม่มีอะไรน่ากลัว
“มิน่าเล่า ราชวงศ์ต้าเฉียนไม่ยอมแพ้ ที่แท้ก็เพราะเชิญผู้แข็งแกร่งมานี่เอง!”
เทพแท้จริงหลิงหมัวเหยียดกายนั่งตรง ดูจริงจังกว่าที่ผ่านมา เขาลอบถามข้อมูลเกี่ยวกับจ้าวเฟิงจากบรรดาคนราชวงศ์จันทราทมิฬ
“รายงานนายท่าน ตอนที่ท่านไม่อยู่ จ้าวเฟิงเคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทวีป แต่หลายสิบปีมานี้ไม่มีใครเห็นร่องรอยของเขา มีข่าวลือว่าเมื่อห้าหกสิบปีก่อนเขาเดินทางไปที่ดินแดนเทพรกร้างแล้ว…”
ครึ่งเทพคนหนึ่งของราชวงศ์จันทราทมิฬเล่าเรื่องที่ตนเองรู้มาทั้งหมดให้เทพแท้จริงหลิงหมัวฟัง
“ถึงคนผู้นี้จะไปที่ดินแดนเทพรกร้างแล้วจริงๆ แต่ในเวลาเพียงหกสิบปี ไม่มีทางจะประสบความสำเร็จมากมาย และยิ่งไม่น่ากลับมาที่มิติรอบนอกได้…”
เทพแท้จริงหลิงหมัวรู้เรื่องดินแดนเทพรกร้างดียิ่ง
คนจากมิติรอบนอกเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง จะแข็งแกร่งขึ้นจนกลับมาที่มิติรอบนอกในเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ได้อย่างไร
จะต้องรู้ว่า ที่ดินแดนเทพรกร้างมีเทพแท้จริงเต็มไปหมด ในการต่อสู้ของขั้วอำนาจใหญ่ๆ เทพแท้จริงขั้นต่ำเป็นแค่ทหารพลีชีพเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงคาดเดาเอาว่า จ้าวเฟิงน่าจะไม่ได้ไปที่ดินแดนเทพรกร้าง เพียงปิดด่านฝึกตนหรือไม่ก็หลบซ่อนตัวอยู่บนดินแดนทวีปมาหกสิบปี
“ถ้าหากเจ้ายินยอมรับใช้ข้า ข้ารับรองได้ว่าหลังจากเจ้าเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างแล้ว จะมีความเป็นอยู่ดีกว่าเทพแท้จริงทั่วไป คิดซะว่าเป็นการให้จุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่แก่เจ้า เจ้าตัดสินใจให้ดีๆ เถอะ!”
เทพแท้จริงหลิงหมัวเอ่ยกับจ้าวเฟิงอย่างยโสโอหัง
“จ้าวเฟิงมีโอกาสจะชนะเทพแท้จริงหลิงหมัวหรือ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เทพแท้จริงหลิงหมัวมีท่าทีเหมือนกำชัยชนะเอาไว้แล้วอย่างนั้น…”
คนจำนวนมากฝั่งราชวงศ์ต้าเฉียนต่างวิตกกังวล
จากการพูดจาของเทพแท้จริงหลิงหมัว ฝ่ายตรงข้ามมีความรู้เกี่ยวกับดินแดนเทพรกร้างมากทีเดียว ส่วนราชวงศ์จันทราทมิฬก็ลอบหัวเราะอย่างยินดี
อย่างน้อยในวันนี้พวกเขารับใช้เทพแท้จริงหลิงหมัว พอถึงเวลาอาจได้เข้าไปที่ดินแดนเทพรกร้างพร้อมเทพแท้จริงหลิงหมัว
ส่วนเทพแท้จริงหลิงหมัวดูไปแล้วก็มีความสามารถไม่น้อย ติดตามเขาต้องมีอนาคตที่ดีแน่
“ฮ่าๆ เจ้าน่ะหรือ คุณสมบัติจะเป็นทาสรับใช้ข้ายังไม่มีเลย!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น คนตรงหน้าถึงกับจะให้เขายอมเป็นบริวาร
ต้องรู้เอาไว้ว่า บริวารที่เขามีอยู่ แค่เลือกใครออกมาก็จัดการเทพแท้จริงหลิงหมัวได้ทั้งนั้น
“ฮ่าๆ ทั้งโง่งมแลวก็บ้าคลั่งนัก คงจะไม่ตายดีแน่!”
เทพแท้จริงหลิงหมัวยืนขึ้นทันที กลิ่นอายชั่วร้ายที่หนาวเหน็บหนักอึ้งกระจายตัวออกมา
เมื่ออยู่ภายใต้กลิ่นอายที่ทรงพลังขนาดนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของราชวงศ์ทั้งสองต่างไม่อาจแหงนหน้า ร่างพวกเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่จ้าวเฟิงกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
“ใครส่งเจ้ามา?” จ้าวเฟิงจ้องเขม็ง
เทพแท้จริงทำไมถึงมาโผล่ที่มิติรอบนอกโดยไม่มีที่มาที่ไปได้ เขามีเป้าหมายอะไรอีก?
“คนกำลังจะตาย จะรู้เยอะไปทำไม!” เทพแท้จริงหลิงหมัวมีสีหน้าเย็นชา ก่อนจะหายตัวไปจากบัลลังก์กระดูก
ในวินาทีต่อมา เขาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าจ้าวเฟิง กลิ่นอายที่ทั้งประหลาดและชั่วร้ายก็ถาโถมเข้ามา
โครม ฟู่ ฟู่~ หมอกปีศาจอันหนาวเหน็บทะลักออกจากร่าง จากนั้นเกาะกลุ่มเป็นหัวกะโหลกประหลาดหลายต่อใบ
“ตายซะ!” เทพแท้จริงหลิงหมัวตะโกนลั่น กะโหลกจากหมอกปีศาจรอบตัวเขาอ้าปากกว้างตรงมา หมายจะกัดจ้าวเฟิง
“ผู้เยาว์ ต่อให้ใช้พลังได้ในระดับเดียวกัน เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
เทพแท้จริงหลิงหมัวหัวเราะเสียงดัง
ถึงจะปล่อยพลังได้ในระดับเดียวกัน แต่ในยามรุ่งโรจน์เขาเป็นถึงเทพแท้จริงขั้นที่หก สำนึกรู้และเคล็ดวิชาย่อมเหนือกว่าคนทั่วไป
คนมากมายของราชวงศ์ต้าเฉียนตึงเครียด เมื่อได้ยินคำประกาศศักดาของเทพแท้จริงหลิงหมัว
“เทพแท้จริงหลิงหมัวผู้นี้คงจะเป็นยอดฝีมือของดินแดนเทพรกร้าง เชื่อมั่นขนาดนี้ เห็นทีจ้าวเฟิงคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันจริงๆ!”
ครึ่งเทพไท่จี๋เกิดความลนลานขึ้นในใจ
“เช่นนั้นหรือ?” จ้าวเฟิงยิ้มเรียบๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปท่ามกลางการโจมตีของเทพแท้จริงหลิงหมัว
วินาทีต่อมา เขาปรากฏตัวขึ้นอีกที่ด้านหลังเทพแท้จริงหลิงหมัว
“หลับฝันไปเสียเถอะ!” ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงหมุนวน แล้วจึงปรากฏโลกเขาวงกตมายาขึ้นภายในนั้น
ชั่วขณะนี้ ดวงตาซ้ายของเขาสาดระลอกแสงมายาออกมา ส่องแสงประกายเจิดจ้า ทำให้โลกที่มืดสลัวสว่างราวเป็นสรวงสวรรค์ในพริบตา
พรึ่บ! ต่อจากนั้น ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
แต่จ้าวเฟิงและเทพแท้จริงหลิงหมัวกลับยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ
“พวกเขาเป็นอะไรไป?” คนจำนวนมากของทั้งสองราชวงศ์ฉงนสงสัย
แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้จ้าวเฟิงและเทพแท้จริงหลิงหมัว
ภายในมิติความฝัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ที่นี่คือ…” เทพแท้จริงหลิงหมัวรู้สึกราวกับว่าตนเองหลับฝันอย่างกะทันหัน แต่ทุกอย่างในความฝันนี้กลับสมจริงอย่างยิ่ง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าทำเรื่องนี้งั้นรึ?” เทพแท้จริงหลิงหมัวมองจ้าวเฟิงที่อยู่ตรงหน้า
ครืน ฟู่ ฟู่! หมอกทมิฬประหลาดเป็นกลุ่มๆ หมุนวนออกจากร่างของเขา
“หืม? ที่นี่ไม่ได้มีข้อจำกัดจากมิติอะไร?”
ทันใดนั้นเอง เทพแท้จริงหลิงหมัวพบว่าในมิติแห่งนี้ เขาสามารถใช้พลังทั้งหมดของเทพแท้จริงขั้นหนึ่งได้
ตูม! หมอกทมิฬด้านหลังเขาเพิ่มขึ้นสามเท่า กะโหลกปีศาจใหญ่แต่ละใบก็ลอยอยู่กลางอากาศ จับจ้องลงมาที่จ้าวเฟิง
“ตายซะ!” เทพแท้จริงหลิงหมัวแค่นเสียงต่ำ กะโหลกศีรษะยักษ์จากควันปีศาจตรงมาโจมตีจ้าวเฟิง
ตอนนี้ กะโหลกศีรษะที่โหดเหี้ยมอำมหิตกำลังจะกลืนกินจ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทางเยือกเย็น
“โง่งมเสียจริง!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ
หายไปซะ! ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจจ้าวเฟิงอย่างแรงกล้า และวินาทีต่อมา กะโหลกหมอกปีศาจทั้งหมดในอากาศก็สลายหายไป
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร?” เทพแท้จริงหลิงหมัวหน้าเปลี่ยนสี ท่าทีเหลือเชื่อ
“เมื่ออยู่ที่นี่ ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์!” มุมปากจ้าวเฟิงยกยิ้มบางๆ
‘มิติความฝัน’ ที่เกิดขึ้นจากพลังดั้งเดิมของเนตรเทพมายาแห่งนี้ มีเขาเป็นเจ้าของ ควบคุมทุกสิ่งภายใน
วู้ม! ทันใดนั้นเอง รอบตัวเทพแท้จริงหลิงหมัวปรากฏโซ่เส้นใหญ่หลายเส้นขึ้นมาพันรัดเอาไว้แน่น ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน กระบี่หลายเล่มปรากฏขึ้นในอากาศ ก่อนพุ่งตรงไปหาเทพแท้จริงหลิงหมัว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ในเสี้ยววินาทีนั้น กระบี่หนึ่งร้อยสามเล่มก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเทพแท้จริงหลิงหมัวทั้งหมด
“อ๊าก…” เทพแท้จริงหลิงหมัวร้องโหยหวนดังกึกก้องในมิติความฝัน
พรึ่บ ฉึก! กระบี่แหลมคมหลายเล่มพุ่งทะลุผ่านร่างไป
ส่วนที่โลกภายนอก บนร่างเทพแท้จริงหลิงหมัวก็ปรากฏบาดแผลขึ้น ทำเอาคนของทั้งสองราชวงศ์แตกตื่นยกใหญ่ ความจริงแล้ว จ้าวเฟิงสามารถสังหารเทพแท้จริงหลิงหมัวได้เลยทันที
แต่เทพแท้จริงหลิงหมัวสร้างความวุ่นวายจนดินแดนทวีปตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ทรมานเขาสักหน่อย ก็ยากจะดับความเกลียดชังในใจจ้าวเฟิงได้
หนำซ้ำยังเป็นตัวทดลอง ‘สู่ห้วงฝัน’ ให้เขาได้พอดิบพอดี
“อ๊าก…ไว้ชีวิตข้าด้วย ไม่มีใครส่งข้ามาหรอก ข้าอยู่ที่ดินแดนทวีปมาตลอด…ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายอมเป็นข้ารับใช้ท่าน!”
ไม่นานนัก เทพแท้จริงหลิงหมัวก็ร้องขอชีวิต
“ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าไม่คู่ควร!” สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา
คำพูดของเทพแท้จริงหลิงหมัวไม่ชวนให้เขาเชื่อนัก
พรึ่บ! เขาปรากฏตัวขึ้นข้างกายฝ่ายตรงข้าม พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งทะลักออกมาและใช้วิชาสืบวิญญาณทันที
“กลิ่นอายกลุ่มนี้มัน…เทพโบราณ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ…ไม่สิ จอมเทพ!”
เทพแท้จริงหลิงหมัวตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงแก่กล้าเกินจะเปรียบ
ชีวิตนี้เขาเคยเจอจอมเทพมาคนหนึ่ง พลังวิญญาณที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาในตอนนี้เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!
“หืม? เจ้าคนนี้พูดเรื่องจริงนี่…” จ้าวเฟิงล่วงรู้ทุกอย่างจากความทรงจำวิญญาณของเทพแท้จริงหลิงหมัว ที่แท้เทพแท้จริงหลิงหมัวก็หนีออกมาจากสุสานราชวงศ์
แต่ที่ประจวบเหมาะกว่านั้นก็คือ ตอนนั้นจ้าวเฟิงเคยประมือกับเขามาก่อนแล้ว เทพแท้จริงหลิงหมัวก็คือผู้แข็งแกร่งลึกลับใต้เสาหินสัมฤทธิ์ในหุบเขาวายุทมิฬนั่นเอง
ตอนนั้นเป็นตอนที่พวกจ้าวเฟิงกำลังต่อสู้ชุลมุน ทำให้ตราผนึกปรากฏรอยโหว่ขึ้น เทพแท้จริงหลิงหมัวจึงน่าจะมีโอกาสหนีออกมาได้
ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็คือปัญหาที่จ้าวเฟิงสร้างขึ้น
ส่วนที่เทพแท้จริงหลิงหมัวอยู่ในดินแดนทวีปต่อ ก็เพราะอยากจะลองสัมผัสความรู้สึกที่ได้ปกครองสรรพสิ่ง
จ้าวเฟิงพอจะเข้าใจได้ ในการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจห้าดาวในดินแดนเทพรกร้าง เทพแท้จริงทั่วไปก็เป็นแค่ทหารพลีชีพเท่านั้น แต่ที่มิติรอบนอกแห่งนี้ เทพแท้จริงอยู่ใต้คนเพียงหนึ่ง แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น
นอกเหนือจากนี้ เทพแท้จริงหลิงหมัวยังมีเป้าหมายอีกอย่างก็คือต้องการ ‘กุญแจ’ เปิดสุสานราชวงศ์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียน
สุสานราชวงศ์เป็นมิติบรรพกาลระดับสูงแห่งหนึ่ง ภายในนั้นอาจมีสมบัติจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ หนำซ้ำยังมีเมืองความลับสวรรค์อยู่ด้วย
สิ่งนี้ย่อมเป็นเรื่องเย้ายวนใจเทพแท้จริงหลิงหมัวผู้ต้องการทรัพยากรเพื่อใช้ฟื้นฟูพลังฝึกตน
พรึ่บ! จิตสำนึกของจ้าวเฟิงถอยออกจากมิติแห่งนี้ ทุกอย่างเบื้องหน้ากระจ่างชัดขึ้นมา
ณ โลกภายนอก
คนทั้งหมดของสองราชวงศ์เห็นบาดแผลนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนร่างเทพแท้จริงหลิงหมัวกับตา ทั้งยังกรีดร้องออกมาอย่างไร้สาเหตุ
ฟุ่บ~ เมื่อเสียงร้องหยุดลง ร่างของเทพแท้จริงหลิงหมัวก็ร่วงดิ่งลงไป
ดวงตาของจ้าวเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกันกลับมาเป็นประกายเหมือนเดิม
“นายท่าน!” “เป็นไปได้อย่างไร?”
ฝั่งราชวงศ์จันทราทมิฬ ยอดฝีมือจำนวนมากร้องเสียงหลง
เมื่อแผ่ประสาทสัมผัสออกไป ก็พบว่าเทพแท้จริงหลิงหมัวหมดลมหายใจเสียแล้ว!ส่วนทางราชวงศ์ต้าเฉียน ทุกคนต่างยืนนิ่งค้าง ไม่อาจเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ตั้งแต่เริ่มแรกจนจบ จ้าวเฟิงยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แต่เทพแท้จริงหลิงหมัวกลับร้องโหยหวน และสุดท้ายก็ตายไป!
“นี่ นี่เจ้า…ทำได้อย่างไรกัน!” ครึ่งเทพไท่จี๋หวาดกลัวสุดขีด
ก่อนนี้เขาเคยสงสัยว่าจ้าวเฟิงจะใช่คู่ต่อสู้ของเทพแท้จริงหลิงหมัวหรือไม่
ผลสุดท้ายคือเทพแท้จริงหลิงหมัวมองตาจ้าวเฟิงเพียงครู่เดียว ก็ตายลงอย่างไร้สาเหตุ!
“เขามีความสามารถจริงๆ!” ครึ่งเทพกูซีตื่นตะลึง ตื่นเต้นเกินบรรยาย
ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงบอกให้บุกไปสังหารอีกฝ่ายตรงๆ ทุกคนยังรู้สึกว่าเขาบ้าคลั่งและมุทะลุเกินไป
“ในภายหน้า ราชวงศ์ทั้งสองห้ามมารุกรานกันอีก!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ
เผ่ามนุษย์ก็ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนทวีปเช่นกัน เขาย่อมไม่อาจฆ่าล้างบางพวกราชวงศ์จันทราทมิฬได้
“หนีสิ รีบหนีเร็ว!” กองทัพราชวงศ์จันทราทมิฬแตกฮือ ทุกคนพากันกระวีกระวาดหนีเอาชีวิตรอด
“จบเรื่องแล้ว ไปจัดการธุระที่ควรจะทำเถอะ!”
จ้าวเฟิงหันมองคนของราชวงศ์ต้าเฉียน จากนั้นขั้วอำนาจที่เหลือจึงพากันแยกย้ายออกจากตำหนักราชัน แต่จ้าวเฟิงเรียกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์องค์ปัจจุบันเอาไว้
“สหายจ้าวสนใจสุสานราชวงศ์หรือ?”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์หยิบแผ่นหินโบราณสีเทาอ่อนที่เป็นกุญแจเปิดสุสานราชวงศ์ออกมา