บทที่ 1456 กลับไปที่เกาะเทียนอวี่
ณ ดินแดนเทพรกร้าง อ่าวทะเลคราม เกาะเทียนอวี่
พรึ่บ! ม่านแสงสีฟ้าที่ปกคลุมอยู่กลางอากาศเหนือตำหนักแลกเปลี่ยนซื้อขาย จู่ๆ ก็มีแสงมายาหลากสีกระเพื่อมออกมา จากนั้นคนผู้หนึ่งจึงปรากฏกายขึ้นภายใน
“ถึงแล้ว!” จ้าวเฟิงลืมตาขึ้นด้วยสีหน้ายินดี
ก่อนจะใช้การส่งวิญญาณ เขายังกังวลอยู่ไม่น้อย กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย!” จ้าวเฟิงมองตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายด้านล่าง
ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงดินแดนเทพรกร้าง ก็ได้พำนักอยู่ที่เกาะเทียนอวี่แห่งนี้ ต่อมา เขายังเป็นตัวแทนของเผ่าแพะเพลิงทองเข้าร่วมการประลองแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ทั้งยังได้ชัยชนะมา และเพราะเหตุนี้ เขาจึงไปยั่วโทสะเจ้าเกาะของเกาะเทียนอวี่เข้า…
‘ไม่รู้เผ่าแพะเพลิงทองและเผ่าแพะหยกเขียว ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?’
จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจขณะเตรียมตัวเดินทางไป
ในตอนนั้นเขาเพิ่งมาถึงดินแดนเทพรกร้าง เดินทางเพียงลำพัง ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ดีที่ได้อวี้หลินเอ๋อร์จากเผ่าแพะหยกเขียวพาเขาร่วมทางไปด้วย
ส่วนเผ่าแพะเพลิงทองก็เป็นสถานที่แรกในดินแดนเทพรกร้างที่เขาพักพิง แต่จู่ๆ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“องครักษ์ของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นคนจากเผ่าเขี้ยวฉลาม!”
จ้าวเฟิงประหลาดใจอยู่บ้าง เผ่าเขี้ยวฉลามก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งของเกาะเทียนอวี่เช่นกัน
ตอนที่เขาเดินทางออกจากเกาะเทียนอวี่ ได้สังหารผู้อาวุโสเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจึงกลับคืนสู่เผ่าแพะเพลิงทอง แต่ตอนนี้ องครักษ์ส่วนมากของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายกลับเป็นคนจากเผ่าเขี้ยวฉลาม
เมื่อกวาดประสาทสัมผัสเทพดูแล้ว จ้าวเฟิงก็พบว่าคนดูแลด้านในตำหนักก็เป็นคนจากเผ่าเขี้ยวฉลามเช่นกัน!
“ไม่ทราบว่าเป็นผู้อาวุโสท่านใด มาที่นี่ต้องการอะไรกันแน่?”
ด้านในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย สีหน้าเทพแท้จริงเผ่าเขี้ยวฉลามตะลึงไปเล็กน้อย
เมื่อครู่ จู่ๆ ประสาทสัมผัสเทพสายหนึ่งก็กวาดมองเขา ในวินาทีนั้น เขารู้สึกว่าความลับทั้งหมดของตนเองถูกฝ่ายตรงข้ามอ่านจนทะลุปรุโปร่ง ด้วยประสบการณ์ในขั้นเทพแท้จริงของเขา ผู้ครอบครองประสาทสัมผัสเทพนี้จะต้องเป็นเทพแท้จริงที่แกร่งกล้าผู้หนึ่งแน่
พรึ่บ! จ้าวเฟิงพลันปรากฏกายขึ้นในห้องลับ
ผู้อาวุโสเผ่าเขี้ยวฉลามสูดลมหายใจลึกขณะมองไปที่จ้าวเฟิง
เขาอึ้งไป ท่าทางเหมือนระลึกถึงอดีต
จากนั้นสีหน้าผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เขาผลุงตัวขึ้นด้วยใบหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด “จ้าว…จ้าวเฟิง!”
ในตอนนั้น เจ้าเกาะเทียนอวี่เชิญขั้วอำนาจต่างๆ ทั้งเกาะมาร่วมกันสังหารจ้าวเฟิง
เผ่าเขี้ยวฉลามเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาเทพแท้จริงที่ล้อมสังหารจ้าวเฟิง เพียงแต่เขาค่อนข้างโชคดี มีชีวิตรอดมาได้ แต่ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เสื่อมคลาย
หนำซ้ำเมื่อครู่นี้ จ้าวเฟิงเพิ่งทะลุผ่านปราการพลังของค่ายกลมาจนถึงห้องพักของเขาโดยตรง พลังที่น่ากลัวขนาดนี้ทำให้เทพแท้จริงจากเผ่าเขี้ยวฉลามอกสั่นขวัญแขวน
“ผู้อาวุโสจ้าว ไว้ชีวิตด้วย…” เทพแท้จริงเผ่าเขี้ยวฉลามทรุดตัวลงคุกเข่าเสียงดัง
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้เป็นของเผ่าเขี้ยวฉลามไปแล้วหรือ?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจะเปลี่ยนเจ้าของก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แต่การประลองชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจัดขึ้นในทุกพันปี แปลว่าเผ่าเขี้ยวฉลามได้ตำหนักนี้มาครอบครองด้วยวิธีการอื่น
“คะ…คือพวกเราร่วมมือกันต่อสู้กับเผ่าแพะเพลิงทอง แล้วบีบให้พวกเขายอมยกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายให้!”
ผู้อาวุโสเผ่าเขี้ยวฉลามกายสั่นเทิ้ม หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็กัดฟันเอ่ย ถึงเขาจะไม่พูด จ้าวเฟิงก็สามารถสืบเรื่องทั้งหมดได้สบายๆ
“ผู้…ผู้อาวุโสจ้าว พวกเราเผ่าเขี้ยวฉลามก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ว่านี่เป็นคำสั่งจาก…”
ผู้อาวุโสเผ่าเขี้ยวฉลามรีบอธิบายและอ้อนวอน
“เบื้องบน?” เหนือเกาะเทียนอวี่คืออ่าวทะเลคราม ส่วนผู้ปกครองอ่าวทะเลครามก็คือเผ่าหยกทอง
จ้าวเฟิงระลึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองออกจากเขตผาเก่าอย่างอดไม่ได้
ตอนนั้นพูดได้ว่าเขาสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเขตผาเก่า ขั้วอำนาจมากมายในนั้นต่างควานหาตัวเขา และสืบพบได้ไม่ยากว่าเขามาจากเกาะเทียนอวี่
ส่วนเผ่าแพะเพลิงทองที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา จะต้องโดนสอบสวนจากเผ่าหยกทองอย่างหนักแน่ ถึงจ้าวเฟิงและเผ่าแพะเพลิงทองจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กัน แต่เรื่องของจ้าวเฟิงถูกเปิดโปงแล้ว และกลายเป็นผู้ร้ายของเขตผาเก่า
เช่นนั้นแล้ว เรื่องที่เขาลอบคุ้มครองเผ่าแพะเพลิงทองอย่างลับๆ ย่อมไม่เป็นความลับอีกต่อไป
เผ่าพันธุ์อื่นในเกาะเทียนอวี่จึงรวมกำลังกันโจมตีเผ่าแพะเพลิงทองอย่างอุกอาจ
ก่อนอื่น ขั้วอำนาจหลายแห่งกดดันเผ่าแพะเพลิงทองให้ยอมส่งมอบตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าถูกจ้าวเฟิงสังหาร เผ่าเขี้ยวฉลามจึงกลายเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด ได้ควบคุมตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายอย่างราบรื่น
“ตายซะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น พลังวิญญาณกลุ่มหนึ่งวาบผ่านไป
ถ้าหากเบื้องบนมีคำสั่งลงมา เผ่าแพะเพลิงทองคงจะสาบสูญไปแล้ว พูดได้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเผ่าพันธุ์อื่นๆ
ตุบ! วิญญาณผู้อาวุโสเผ่าเขี้ยวฉลามถูกสังหาร ร่างล้มลงกับพื้น
พรึ่บ! หลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าเขี้ยวฉลาม จ้าวเฟิงก็ใช้ประกายมิติเดินทางออกจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
……
ด้านนอกเผ่าแพะเพลิงทองมีขั้วอำนาจทั้งสี่ของเกาะเทียนอวี่รวมตัวกันอยู่
“เทพแท้จริงเทียนหั่ว พวกข้ารีบเร่งรุดเดินทางมา ท่านไม่ออกมาต้อนรับสักหน่อย จะไม่เป็นการเสียมารยาทมากไปหน่อยหรือ!”
วัยกลางคนร่างท้วมฟากเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าหัวเราะเสียงต่ำ
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าจะถูกสังหารไปแล้ว แต่เผ่านี้ยังคงมีอำนาจมาก ไม่ถึงขั้นล่มสลายแน่นอน
“ฮ่าๆ นี่จะไม่ต้อนรับพวกเราเช่นนั้นหรือ?” ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงคนหนึ่งของเผ่าปีกมรกตก้าวออกมา
พรึ่บ! เมื่อระลอกแสงกวาดผ่านไป ผู้อาวุโสผมขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่กลางอากาศ ข้างๆ ผู้อาวุโสยังมีเงาคนจำนวนมาก นั่นคือผู้อาวุโสทั้งห้าของเผ่าแพะเพลิงทอง ถัดจากนั้น คนอื่นๆ ของเผ่าแพะเพลิงทองต่างแย่งกันแสดงตัวออกมา
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย เผ่าข้าก็ยกให้ไปแล้ว พวกเจ้าจะเอาอะไรอีก?”
เทพแท้จริงเทียนหั่วหรือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าแพะเพลิงทองมีสีหน้าเคร่งเครียดนัก
เมื่อหลายสิบปีก่อน ขั้วอำนาจขนาดใหญ่ทั้งหกแถวนี้ดาหน้าเข้ามากดดัน เผ่าแพะเพลิงทองจึงจำต้องยกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายให้
“เทพแท้จริงเทียนหั่ว เจ้ายกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายให้เผ่าเขี้ยวฉลาม ส่วนพวกเราไม่ได้อะไรเลย?”
แววตาชายวัยกลางคนร่างท้วมจากเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าฉายแววเจ้าเล่ห์
“แล้วพวกเจ้าจะเอาอย่างไร?” เทพแท้จริงเทียนหั่วนิ่งเฉย
“ฮี่ๆ ไม่สู้พวกเจ้าจงมอบสายแร่ผลึกเทพระดับต่ำใต้ฝ่าเท้าพวกเจ้ามาซะ…”
เทพแท้จริงจากเผ่าปีกมรกตหัวเราะชั่วร้าย
“หากเจ้าเห็นด้วย ในภายหน้าพวกข้าจะไม่มารบกวนอีก อยู่รวมกันแบบสันติ!”เทพแท้จริงอีกคนเอ่ยอีก
“ฝันไปเถอะ! พวกเจ้าเห็นเผ่าแพะเพลิงทองเป็นอะไร?” เทพแท้จริงเทียนหั่วโมโหโกธราขึ้นมาทันที
ในระยะหลายสิบปีมานี้ เผ่าแพะเพลิงทองแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสายแร่ผลึกเทพระดับต่ำใต้ดิน
“การยกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายให้ ถือว่าเป็นการถอยอย่างที่สุดของพวกเราแล้ว อย่างอื่นอย่าได้ฝัน!” ยอดผู้อาวุโสพลันลุกขึ้นยืน
ขณะนี้ ยอดผู้อาวุโสทะลวงขั้นเทพแท้จริงได้แล้ว และเพราะเหตุนี้เอง เผ่าแพะเพลิงทองถึงมีความกล้ามากขึ้น
“นี่พวกเจ้าคิดจะสร้างความบาดหมางขึ้นระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ เพื่อให้เกิดสงครามงั้นรึ?”
ดวงตาชายวัยกลางคนร่างท้วมหรี่ลง แต่สายตากลับฉายแววเย็นยะเยือกอำมหิตออกมา
“พวกเจ้า!” เทพแท้จริงเทียนหั่วโมโหอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ถึงเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาและกระจายไปถึงเผ่าหยกทอง แต่เพราะจ้าวเฟิง เผ่าหยกทองคงจะไม่ช่วยเหลือพวกเขา
“หากเทพแท้จริงเทียนหั่วไม่รังเกียจแล้วละก็ พวกเราจะลงมือเก็บผลึกด้วยตนเอง!”
ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนั้นนำเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าบุกเข้าไปในอาณาเขตของเผ่าแพะเพลิงทอง
เปลวเพลิงลุกโชนในแววตาเทพแท้จริงเทียนหั่วและผู้อาวุโสทั้งห้า แต่กลับไม่ได้ทำอะไร
ในกลุ่มเผ่าแพะเพลิงทอง “บัดซบ ถ้าพี่จ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ พวกมันไม่กล้าทำแบบนี้แน่!”
เด็กน้อยอ่อนเดียงสาผู้หนึ่งในเผ่าแพะหยกเขียวเอ่ยด้วยใบหน้าเคียดแค้น
เด็กน้อยผู้นี้ก็คือคุณชายน้อยหลิวอวิ๋นของเผ่าแพะหยกเขียว
“อย่าพูดจาเหลวไหล!” อวี้หลินเอ๋อร์แห่งเผ่าแพะหยกเขียวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงต่ำ
เรื่องของจ้าวเฟิงนางรู้แค่คร่าวๆ เท่านั้น แต่หลิวอวิ๋นไม่รู้อะไรสักอย่าง ถึงแม้ว่านางก็หวังว่าจะได้เจอจ้าวเฟิงอีก แต่ก็ไม่อยากให้จ้าวเฟิงกลับมาหาความตาย
“ฮ่าๆ เจ้าพูดถึงจ้าวเฟิง? ตอนนี้เขาเป็นนักโทษในประกาศจับของเขตผาเก่า เขาจะกล้ากลับมาหรือ?” ชายวัยกลางคนร่างท้วมผู้นั้นหัวเราะเสียงดังลั่น
แต่ทันทีที่เขาเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นด้านหลัง “เจ้ากำลังพูดถึงข้าหรือ?”
“ใครกัน?” ชายร่างท้วมผู้นั้นหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ถอยกรูดออกไป
เป็นใครกันแน่ที่มาโผล่ด้านหลังตัวเขาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น หลังจากที่ชายร่างท้วมถอยไป ร่างของจ้าวเฟิงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
ถึงแม้ว่าผมจะเปลี่ยนสีไป แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาก็ยังจำได้
“จ้าวเฟิง!” เทพแท้จริงเทียนหั่วตื่นตระหนก พูดอะไรไม่ออก
“พี่จ้าวเฟิง!” หลิวอวิ๋นตะโกนอย่างร่าเริง
“เป็นเขาจริงหรือ…เขากลับกลับมาทำไมกัน?”
อวี้หลินเอ๋อร์ชะงักค้าง ใบหน้าฉายแววลนลาน จ้าวเฟิงเป็นถึงผู้ร้ายนำจับของขั้วอำนาจจำนวนมากในเขตผาเก่า
“จ้าว…จ้าวเฟิง เจ้ายังกล้ากลับมาอีกรึ!” วัยกลางคนร่างท้วมเบิกตากว้าง ในใจลนลานอย่างยิ่ง หากจะพูดกันเรื่องความสามารถ พวกเขาทุกคนที่นี่ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้จ้าวเฟิง
“มีอะไรต้องกลัว?” จ้าวเฟิงมองชายวัยกลางคนพลางถามขึ้น
“ผู้อาวุโสจ้าว พวกเรากำลังจะไปเดี๋ยวนี้ ข่าวเรื่องเจ้ากลับมาคราวนี้ พวกเราจะเก็บเป็นความลับ!” ผู้อาวุโสเผ่าปีกมรกตยิ้มอ่อนโยน
เขาเชื่อว่าจ้าวเฟิงคงจะต้องลอบกลับมาที่นี่แน่ๆ จึงไม่กล้าจะทำอะไรกระโตกกระตาก
“ดี พวกเจ้าช่วยเก็บความลับให้ข้าด้วย!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็นขณะมองคนทั้งสอง
ทันใดนั้นเอง พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็พุ่งออกมา
โครม ตูม! ในชั้นวิญญาณของเทพแท้จริงทั้งสองจึงรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองอยู่ในนรกอัสนีเทวะ สายฟ้าจำนวนมากระเบิดออกมา กำจัดดวงวิญญาณของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
สมาชิกจำนวนไม่น้อยแถวนั้นถูกควันหลงของพลังวิญญาณเข้า ดวงวิญญาณเทพจึงสลายไปทันที
ครืน~ ในวินาทีนั้นเอง เทพแท้จริงทั้งสองและครึ่งเทพแท้จริงนอนแผ่บนพื้น ไร้ซึ่งกลิ่นอายใดๆ แต่ในสายตาคนนอก จ้าวเฟิงเพียงแค่ปรายตามองไปเท่านั้น
เพียงปราดเดียวก็สามารถสังหารคนได้ทั้งกลุ่ม!
“เฮ้อ ไม่ได้ควบคุมให้ดี!” อันที่จริงจ้าวเฟิงเพียงแค่ต้องการจะสังหารเทพแท้จริงแค่สองคนเท่านั้น แต่คนพวกนี้อ่อนแอเกินไป
เขาทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมพลังจอมเทพ แต่กลิ่นอายพลังเพียงเท่านี้ก็สามารถสังหารพวกเขาได้ในทันที
“ไม่ได้ควบคุมให้ดีหรือ?” เหล่าขั้นเทพแท้จริงตัวสั่นเทิ้ม
ไม่ได้ควบคุมให้ดี เพียงสายตาเดียวก็สามารถสังหารคนได้ถึงครึ่งกลุ่ม นี่หากไม่ได้ควบคุมละก็ เกรงว่าทุกคนที่นี่ก็คงตายกันหมด
“ผู้อาวุโส…ไว้ชีวิตพวกเราด้วย…” ทุกคนที่นั่นทรุดตัวลงคุกเข่าทันใด
ย้อนกลับมามองเผ่าแพะเพลิงทอง พวกเขากระวนกระวาย ไม่สามารถสงบจิตใจได้
“เทพแท้จริงเทียนหั่ว เจ้าจัดการคนพวกนี้ได้ตามสบาย!”
จ้าวเฟิงมองผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าแพะเพลิงทอง
สาเหตุเพราะเขา เผ่าแพะเพลิงทองจึงต้องโดนกลั่นแกล้งจากเผ่าอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เผ่าแพะเพลิงทองต้องยากลำบากมาเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงยกสิทธิ์ในการจัดการให้กับเผ่าแพะเพลิงทอง
“รับทราบ!” ผู้อาวุโสเผ่าแพะเพลิงทองตกใจ รีบลุกขึ้นมาในทันที
ในวินาทีนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงไป ขั้วอำนาจทั้งสามที่เมื่อครู่ยโสโอหัง ตอนนี้ทรุดตัวลงคุกเข่า อ้อนวอนขอชีวิต