Skip to content

King of Gods 1455

King Of Gods

บทที่ 1455 ส่งวิญญาณ

ดินแดนทวีปกลับเข้าสู่สภาวะเดิม

เรื่องของจ้าวเฟิงแพร่กระจายออกไป ถูกผู้คนเล่าลือต่อๆ กัน กระทั่งเด็กอายุไม่กี่ขวบยังรู้จักชื่อจ้าวเฟิง

เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทวีป ยังเป็นผู้กอบกู้ดินแดนทวีปด้วย!

แต่ตำหนักไท่หวงขั้วอำนาจสี่ดาวจำลอง ก็ค่อยๆ คืนอำนาจควบคุมราชวงศ์ต้าเฉียนกลับคืนสู่ตำหนักราชัน ตัวตนของจ้าวเฟิงทำให้ตำหนักราชันกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ต้าเฉียน หรือกระทั่งของดินแดนทวีป

ทุกวันนี้ ไม่รู้ว่ามีขั้วอำนาจเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่เดินทางมาเยี่ยมเยียม ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจำนวนมากต่างอยากจะเจอจ้าวเฟิงสักครั้ง

จ้าวเฟิงตั้งอกตั้งใจกับการฝึกตนในชุดคลุมมิติ ไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้

ไม่ง่ายเลยกว่าจะศึกษากฎเกณฑ์มิติได้สักเสี้ยวหนึ่ง จ้าวเฟิงจึงถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจในวิชาเรื่อยๆ หลังจากเวลาหกสิบปีในชุดคลุมมิติผ่านไป จ้าวเฟิงจึงหยุดการปิดด่านฝึกตน

ขณะนี้ ความเข้าใจในกฎเกณฑ์มิติของเขาลึกซึ้งเพิ่มขึ้น อีกทั้งเพราะบรรลุกฎเกณฑ์ เสวียนอ้าวด้านอื่นๆ ของเขาก็เพิ่มระดับขึ้นอีกไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนสักหน่อย จนระดับขั้นของเสวียนอ้าวเวลาแตะขั้นเก้า ส่วนเสวียนอ้าวขั้นอื่นๆ อยู่ในขั้นแปดโดยประมาณ

‘ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช้พลังของเนตรเทพเจ้า ข้าก็เอาชนะจอมเทพขั้นหนึ่งได้แล้ว!’

จ้าวเฟิงนึกยินดีในใจ

เมื่อลึกซึ้งในกฎเกณฑ์ เสวียนอ้าวอื่นๆ ก็มีพัฒนาการไม่น้อย พลานุภาพของพลังเทพรวมศูนย์ก็เพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ต่อให้เป็นจอมเทพขันหนึ่งชั้นยอด พลังเทพก็ยังด้อยกว่าจ้าวเฟิง

ปิดด่านฝึกตนเป็นนานขนาดนี้ หลังจากจบการฝึกตนแล้ว จ้าวเฟิงจึงไปที่อีกฝั่งของชุดคลุมมิติ

ที่นี่มีคนเก้าคน มีบางคนนั่งคุกเข่าบำเพ็ญเพียร บางคนก็กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาพวกเขาคือคนที่จ้าวเฟิงคัดเลือกมาเพื่อฝึกฝนให้เป็นครึ่งเทพ

ในบรรดาคนเหล่านี้ เซียนราตรีทมิฬขึ้นเป็นครึ่งเทพแล้ว และยังมีอีกสามคนที่เป็นขั้นเซียน ซึ่งยังต้องการเวลาอีกช่วงหนึ่งเพื่อเป็นครึ่งเทพ

ส่วนจักรพรรดิอีกสี่คนกลายเป็นเซียนแล้ว

ถึงแม้ว่าพลังฝึกตนของคนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน เพราะสมบัติที่พวกเขาใช้ไปล้วนแต่เป็นสิ่งของที่จ้าวเฟิงเลือกสรรอย่างดีจากเมืองความลับสวรรค์ บวกกับเมื่ออยู่ที่นี่ พวกเขายังสามารถขอคำแนะนำจากมังกรทมิฬล้างโลกาหรือร่างแยกของจ้าวเฟิงได้

“แผนบ่มเพาะครึ่งเซียนใกล้จะสำเร็จ ได้เวลาที่ข้าจะจากไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงออกจากชุดคลุมมิติ กวาดตามองพื้นที่กว้างใหญ่ด้านล่าง

“แต่ว่าข้าจะกลับไปที่ดินแดนเทพรกร้างได้อย่างไร?” ในตอนนี้ จู่ๆ จ้าวเฟิงก็นึกถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้

เขาเพียงแค่นอนหลับตื่นเดียวก็มาโผล่ที่ดินแดนทวีป เช่นนั้นจะกลับไปได้อย่างไร?

ถึงแม้คนจากมิติรอบนอกจะเป็นฝ่ายติดต่อเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างได้ แต่โอกาสนี้มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทันทีที่เข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง ก็เท่ากับว่ากลายเป็นคนของดินแดนเทพรกร้าง หากจะกลับไปอีกครั้งก็ต้องใช้วิธีพิเศษแล้ว

คนจากขั้วอำนาจใหญ่ๆ จะส่งคนเข้าไปในดินแดนรอบนอก ยังต้องจ่ายไปมหาศาลเพื่อเปิดเส้นทาง

ตอนที่จะย้อนกลับมา แค่ต้องให้ขั้วอำนาจในดินแดนเทพรกร้างเปิดเส้นทางก็ได้แล้วแต่จ้าวเฟิงมาที่ดินแดนทวีปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอนนี้จึงไม่สามารถติดต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณในดินแดนเทพรกร้างได้ นั่นแปลว่าเขาใช้วิธีที่ธรรมดาที่สุดไม่ได้ หากต้องการกลับไปที่ดินแดนเทพรกร้าง จ้าวเฟิงทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง

“ข้าบรรลุกฎเกณฑ์มิติได้ บางทีอาจจะสามารถเปิดทางเข้าเองได้!”

จ้าวเฟิงพลันเกิดความคิดนี้ขึ้นมา แต่หลังจากทดลองไปหลายครั้ง เขาก็พบว่าวิธีนี้ไม่ปลอดภัยยิ่งนัก

ดินแดนทวีปไม่สามารถแบกรับพลังกลุ่มนี้ได้ ถ้าหากในอุโมงค์ทางเข้าถล่มลงระหว่างทาง จ้าวเฟิงอาจจะโดนพลังของมิติโจมตีกลับได้ รองลงมาก็คือทางเข้ามิติยาวเกินไป จ้าวเฟิงก็ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อาจทำเกิดปัญหาได้ง่าย

“หรือว่าข้าจะบินไปที่ดินแดนเทพรกร้างตรงๆ เลย?” จ้าวเฟิงสับสน

เขาไม่รู้ว่าระยะทางจะไกลเท่าไหร่ และต้องเวลานานขนาดไหน

อีกทั้งเขายังได้ยินมาอีกด้วยว่า ระหว่างดินแดนเทพรกร้างและมิติรอบนอกมี ‘บริเวณที่อากาศแปรปรวน’ จึงอันตรายอย่างยิ่ง จอมเทพบุ่มบ่ามบุกเข้าไป มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะดับดิ้น

หลังจากสรุปแล้ว มีเพียงสองวิธีเท่านั้น ถ้าตนเองไม่สร้างอุโมงค์ทางเข้า ก็บินไปโดยตรง แต่ทั้งสองวิธีก็มีอันตรายที่ยากจะยืนยันได้อยู่ดี

“เฮ้อ ถ้าแค่นอนหลับแล้วกลับไปได้ก็ดี!” จ้าวเฟิงถอนหายใจ

ทันใดนั้นเอง ดวงตาสองข้างของเขาก็เปล่งประกาย บางทีอาจจะทำแบบนั้นได้จริงๆ ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงหลับไปหนึ่งตื่นก็กลับมาที่ดินแดนทวีป และตอนนั้นเนตรเทพเจ้าอยู่ในสภาวะเปลี่ยนสภาพ ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงคาดคะเนเอาไว้ เหตุที่เขากลับมาได้น่าจะเป็นเกี่ยวข้องกับเนตรเทพมายา บางทีมันมีพลังบางอย่างทำให้เขากลับมาดินแดนทวีปได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว จ้าวเฟิงจึงล้มเลิกวิธีทั้งสองก่อนหน้านี้ และหาวิธีทำให้วิธีที่สามสำเร็จ แต่เมื่อวิเคราะห์พลังนี้แล้ว จ้าวเฟิงก็นึกออกเพียงแค่สองจุดสำคัญ ก็คือนอนหลับและฝัน

ถึงจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก แต่จ้าวเฟิงก็ต้องเริ่มที่สองจุดนี้ เขากลับไปยังมิติในชุดคลุมมิติ นั่งขัดสมาธิลงและเริ่มเข้าสู่นิทรา

ผู้ฝึกตนสามารถนอนหลับได้สบายๆ แถมยังรักษาสภาวะ ‘แกล้งหลับ’ เอาไว้ได้

สภาวะแกล้งหลับก็คือตอนที่นอนหลับยังประคองจิตสำนึกให้มีสติได้ สามารถระแวดงระวังรอบข้าง ป้องกันภัยอันตราย จ้าวเฟิงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อไม่เห็นเหตุการณ์ผิดปกติ เขารีบส่งพลังดั้งเดิมออกมาทันที ไม่นานนัก ในหัวจ้าวเฟิงก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ขึ้นเป็นช่วงๆ เต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ภาพเหล่านั้นคือความคิดบางส่วนที่ลอยผ่านไปมาในหัวเขา ตอนที่จ้าวเฟิงคิดถึงทวีปบุปผาคราม เบื้องหน้าก็จะปรากฏสถานที่บางแห่งในทวีปบุปผาคราม เมื่อเขานึกถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ จะปรากฏภาพของเผ่าพันธุ์วิญญาณขึ้นมา ภาพเหล่านี้เหมือนมิติความฝัน สมจริงอย่างยิ่ง

นั่นแปลว่าขอแค่เขานอนหลับ ก็จะสร้างมิติความฝันหลากชนิดได้อย่างง่ายดาย

ในเวลานี้ จ้าวเฟิงยังสามารถใช้พลัง ‘สู่ห้วงฝัน’ ดึงคนอื่นเข้ามาในความฝันของตนเอง หากสังหารศัตรูในความฝัน ในโลกความจริงฝ่ายตรงข้ามก็สิ้นชีพเช่นกัน ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาศึกษาพลังนี้แล้ว แต่เป็นเวลาคิดค้นวิธีกลับไปที่ดินแดนเทพรกร้าง

“ข้าจำได้ว่าตอนที่เริ่มฝัน ข้าฝันว่าตนเองกลับไปที่ตำหนักเซียนพิณสวรรค์ในดินแดนทวีป จากนั้นข้าก็ไปถึงที่นั่นทันที!”

จ้าวเฟิงเหมือนเริ่มจับจุดได้ สิ่งนั้นคือความปรารถนาอันแรงกล้าในจิตใจเขา

แปรฝันเป็นจริงคล้ายคลึงกับ ‘เปลี่ยนมายา’ มากในจุดนี้ สิ่งที่ใช้คือพลังของ ‘ความคิด’

“ทวีปบุปผาคราม สำนักจันทร์สลาย!” เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จ้าวเฟิงจึงทดลองไปพื้นที่อื่นของดินแดนทวีปก่อน

จ้าวเฟิงหวนนึกถึงสำนักจันทร์สลาย รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างและทิวทัศน์ที่นั่นอย่างละเอียด แล้วภายในมิติความฝันก็ค่อยๆ ปรากฏสำนักจันทร์สลายขึ้น มันดูราวกับความฝัน แต่เหมือนจริงไม่ผิดเพี้ยน

ลำดับต่อมา จ้าวเฟิงก็เริ่มสร้างความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ต้องการจะไปสำนักจันทร์สลาย

พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในชุดคลุมมิติหายวับไป

พรึ่บ! ชั่วขณะนั้น จ้าวเฟิงก็พลันปวดศีรษะจนตื่นขึ้นจากความฝัน

เขาอึ้งงันอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูกภาพทั้งหมดตรงหน้าเป็นสำนักจันทร์สลายจริงๆ

“ข้ามาถึงสำนักจันทร์สลายแล้วจริงหรือ?” จ้าวเฟิงชะงัก อ้าปากค้าง

เขาเพียงอยากจะทดลองดูเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะประสบความสำเร็จเสียได้

หลับไปแค่หนึ่งตื่น ก็เดินทางมาถึงสำนักจันทร์สลาย ความสามารถประเภทนี้เหลือเชื่อ และไม่อาจเข้าใจได้

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ตรงประตูสำนักจันทร์สลาย ศิษย์หลายคนพบว่าลมเมฆบนฟ้าหมุนตลบผิดปกติ

พรึ่บ! จ้าวเฟิงหายวับไปในอากาศ

“หากว่าทั้งหมดนี้เป็นจริงละก็ ข้าก็สามารถกลับไปที่ดินแดนเทพรกร้างอย่างปลอดภัยได้แล้ว!” จ้าวเฟิงตื่นเต้นยิ่งนัก รีบออกไปจากสำนักจันทร์สลายทันที

เขามายังที่ปลอดคนแห่งหนึ่ง แล้วจึงเริ่มนอนหลับ

ความสามารถนี้แข็งแกร่งมากจนเกินไป ทำให้จ้าวเฟิงออกจะเหลือเชื่อ เขาจำเป็นต้องทดลองดูหลายๆ หน

การนอนหลับครั้งที่สอง จ้าวเฟิงใช้พลังดั้งเดิมหมดไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนทดลองครั้งที่ห้าแล้ว เขาจึงกลับถึงตำหนักราชันได้อย่างราบรื่น

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงถึงกล้ายืนยันว่าความสามารถแบบนี้เป็นเรื่องจริง เขาตั้งชื่อให้มันว่า ‘ส่งวิญญาณ’ เมื่อในใจนึกถึงที่ใด ก็จะสามารถไปที่นั่นได้ทันที แต่ทว่าความสามารถนี้ไม่เสถียรมากนัก

หลายวันต่อมา จ้าวเฟิงเริ่มศึกษา ‘ส่งวิญญาณ’ ต่อ

ในระหว่างการทดสอบ ถึงขั้นเกิดการผิดพลาดของตำแหน่งที่ปรากฏตัวขึ้น เขานึกถึงสำนักจันทร์สลาย แต่สุดท้ายจุดที่เขาไปถึงกลับห่างไกลจากสำนักจันทร์สลายมาก แต่จากการทดลองต่างๆ เขาก็ค่อยๆ จับความรู้สึกนั้นได้ และโอกาสที่จะทำสำเร็จก็มากขึ้นทุกที โดยที่แปดครั้งในสิบครั้ง เขาจะไปถึงจุดหมายปลายทาง

อีกอย่าง หากสถานที่ที่จ้าวเฟิงนึกถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านลักษณะพื้นที่ การเคลื่อนย้ายก็จะไม่สำเร็จ ยกตัวอย่างเช่นจ้าวเฟิงต้องการไปราชวังต้าเฉียน แต่หลังจากผ่านการรบราฆ่าฟัน โครงสร้างและพื้นที่ของพระราชวังก็เปลี่ยนแปลงไป หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้การส่งวิญญาณล้มเหลวอย่างแน่นอน

สามปีต่อมา ภายในชุดคลุมมิติ เซียนทั้งสี่กลายเป็นครึ่งเทพทั้งหมดเรียบร้อย เมื่อบวกกับเซียนราตรีทมิฬแล้ว จึงมีครึ่งเทพทั้งหมดห้าคน นับจากวันนั้น แผนสร้างครึ่งเทพก็สิ้นสุดลง

ตอนที่ครึ่งเทพทั้งห้าของตำหนักราชันปรากฏตัวขึ้น ทั้งดินแดนทวีปต่างตื่นตะลึง

ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี คิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักราชันจะมีครึ่งเทพถึงห้าคนปรากฏกายขึ้น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิงแน่

การปรากฏขึ้นของห้าครึ่งเทพ ทำให้ตำหนักราชันคู่ควรที่จะกลายเป็นขั้วอำนาจลำดับหนึ่งของดินแดนทวีป ไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม!

“สิ่งของเหล่านี้ยกให้พวกเจ้าไปจัดสรรปันส่วนกันเอง!” จ้าวเฟิงยกมิติเก็บของอันหนึ่งให้ปี้ชิงเยวี่ย

ในนี้มีทรัพยากรระดับเซียนไปจนถึงครึ่งเทพ ล้วนแต่เป็นของที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากเมืองความลับสวรรค์ในสุสานราชวงศ์ ความสามารถของปี้ชิงเยวี่ยได้รับการยอมรับจากจ้าวเฟิงนานแล้ว เขาเชื่อมั่นว่าตนเองไม่จำเป็นต้องกำชับอะไรมากมาย ปี้ชิงเยวี่ยก็จัดการทรัพยากรเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

“นายท่าน ท่านจะไปแล้วจริงหรือ?” ปี้ชิงเยวี่ยพอเข้าใจความคิดจ้าวเฟิง จึงคาดเดาได้

“อืม หากในภายหน้าเจ้าสามารถเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง ก็มาหาข้าได้!”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะให้

ในเวลาเดียวกัน เขาก็บอกปี้ชิงเยวี่ยและครึ่งเทพทั้งห้าว่าหากเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง ให้พยายามไปที่เขตผาเก่าและเขตเทพสวรรค์

ยามคนจากมิติรอบนอกเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง ปกติมักจะไปโผล่ที่บริเวณรอบนอก โอกาสไปถึงเขตผาเก่าจะมีมากกว่า อีกทั้งเขายังสามารถไหว้วานเผ่าแพะเพลิงทองให้ช่วยดูแลคนจากดินแดนทวีปได้

ถ้าหากโชคดีไม่อยู่แถวเขตผาเก่า ก็เดินทางไปที่เขตเทพสวรรค์

เมื่อเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จสรรพแล้ว จ้าวเฟิงก็เดินทางออกจากตำหนักราชันไปอย่างเงียบๆ

ครั้นไปถึงจุดปลอดผู้คน จ้าวเฟิงก็เอนกายลงกลางอากาศ แล้วเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา

‘ต้องสำเร็จแน่!’ ในใจจ้าวเฟิงตึงเครียดเล็กน้อย

อย่างไรเสีย ก่อนนี้เขาก็ใช้ ‘ส่งวิญญาณ’ เดินทางไปมาในดินแดนทวีป แต่ดินแดนเทพรกร้างห่างไกลจากดินแดนทวีปมากนัก จะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ

“เขตเทพสวรรค์อยู่ในใจกลางดินแดนทวีป เช่นนั้นยึดเขตผาเก่าที่ชายขอบดินแดนเทพรกร้างเป็นเป้าหมายก่อนแล้วกัน!”

จ้าวเฟิงค่อยๆ เข้าสู่หวงนิทรา ในหัวเขามีแสงมายาสว่างวูบวาบ ก่อนเริ่มเป็นภาพทิวทัศน์ขึ้นช้าๆ เมื่อนึกได้ว่าสภาพพื้นที่ของเผ่าแพะเพลิงทองอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จ้าวเฟิงจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแทน

“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายที่อ่าวทะเลคราม!” ความปรารถนาเช่นนี้ผุดขึ้นในใจจ้าวเฟิง

ทันใดนั้นเอง ร่างจ้าวเฟิงที่เอนกายอยู่กลางอากาศก็กลายเป็นประหนึ่งฟองอากาศ อันตรธานไปในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version