Skip to content

King of Gods 1465

King Of Gods

บทที่ 1465 จอมเทพซุ่มโจมตี

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงรีบโคจรพลังวิญญาณเพื่อต่อต้าน

“เจ้าเด็กนี่ พลังวิญญาณแข็งแกร่งยิ่งนัก!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงแอบตกใจ

เขาเป็นถึงจอมเทพขั้นสอง วิชาดวงตาวิญญาณขั้นหนึ่งของจ้าวเฟิงกลับสามารถสั่นคลอนพลังวิญญาณของเขาได้ จากนั้นเขาถึงพบว่าเหตุนี้เกี่ยวพันกับตาซ้ายของจ้าวเฟิงในระดับหนึ่ง

“หรือว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าที่โด่งดังเลื่องชื่อในเขตดาราชาดจะเป็นมันจริงๆ?”

เจ้าตำหนักคิดถึงข่าวลือก่อนหน้านี้ ในใจอดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้

เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เป็นตำนานที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมในใจของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงคนนั้นที่ตนรู้จัก จะเป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แต่ตอนนี้ เมื่อเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่รุนแรง เขาจำต้องเชื่อ เรื่องเล่านั้นบางทีอาจจะเป็นจริง

ไกลออกไป ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหกใจเต้นโครมคราม

“เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสแขนยาวมีสีหน้าตื่นตะลึง

‘ราตรีดับสูญ’ แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงปลดปล่อยออกมา เหตุใดจู่ๆ จึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้

ในตอนนี้เอง ใจกลางหมอกสีม่วงคลุมเครือเกิดแสงมายาหลากสีขึ้นกลุ่มหนึ่ง ชวนให้ทุกคนมองไปอย่างอดไม่ได้

“นั่นคืออะไร?” ความคิดจิตใจของทุกคนถูกแสงมายากลุ่มนั้นชักนำให้ตกลงสู่มิติอีกแห่งหนึ่งทันใด

ใจกลางสนามรบ

“สู่ห่วงความฝัน!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งมองไปยังร่างของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง แสงมายาเป็นชั้นๆ แผ่ระลอกออกมา

ภายใต้ตาซ้ายของจ้าวเฟิง เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงกัดฟันต้านทาน

วู้ม แซ่ด แซ่ด!

ทันใดนั้น กระบี่อัสนีรวมศูนย์สองเล่มที่ทะลวงผ่านเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง อานุภาพของมันเพิ่มขึ้นทันที พลังอัสนีเทวะรวมศูนย์มหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา

พริบตานั้น ความคิดจิตใจที่มั่นคงของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงถูกสั่นคลอน

“แย่แล้ว!” ความคิดของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงตกลงไปในตาซ้ายของจ้าวเฟิงอย่างไม่อาจต้านได้ เสี้ยวขณะต่อมา เขาเข้ามาอยู่ในมิติห้วงความฝันแห่งหนึ่ง

ทิวทัศน์ในมิติเป็นบริเวณใกล้ๆ สำนักรากฐานเทพ ซึ่งก็คือที่ที่เขาสู้กับจ้าวเฟิงเมื่อครู่เพียงแต่ว่าสำนักรากฐานเทพเบื้องหน้าเขาในตอนนี้สว่างไสววิจิตร ราวกับภาพลวงตาทุกอย่างเบื้องหน้าเสมือนปรากฏให้เห็นได้เพียงในความฝันเท่านั้น แต่เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงกลับรู้สึกเหมือนจริงเกินจะเปรียบ

“เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง!” ไม่ไกลนัก พวกเจ้าหุบเขามังกรทองทั้งหกคนอดตกใจไม่ได้

“พวกเขาก็มาที่นี่เช่นกัน?” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพพวกนี้ก็ทำให้เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงรู้สึกเหมือนจริงเช่นเดียวกัน

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดต่างๆ ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง เตรียมสำแดงกลวิชาออกไปจากมิติแปลกประหลาดแห่งนี้

แต่ในตอนนี้เอง

ขวับ! ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏขึ้นอยู่ที่ไกลๆ

“เอ๋? เจ้าพวกนี้ก็ที่มาที่นี่เช่นกันรึ!” จ้าวเฟิงมองไปยังพวกเจ้าหุบเขามังกรทอง

‘สู่ห้วงความฝัน’ ของเขาหลักๆ แล้วพุ่งเป้าไปยังเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง แต่จอมเทพพวกนี้อยู่ใกล้สนามต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นจึงโดนผลกระทบของวิชาเข้าด้วย อีกทั้งพวกเขาเป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่านั้น แรงต้านทานต่ำเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งยังไม่ทันรู้สึกอะไรก็เข้ามาในมิติห้วงความฝันของจ้าวเฟิงแล้ว

“เช่นนั้นก็ตายไปด้วยกันเสียเถอะ!” จ้าวเฟิงหัวเราะลั่น

“น่าหัวเราะนัก อาศัยแค่เจ้าก็จะมาฆ่าข้าได้หรือ?” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงรู้สึกเหมือนตัวเองได้ยินเรื่องน่าขำที่สุด

“เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง พวกเราจะช่วยท่านฆ่าเจ้าเด็กนี่!” สีหน้าของเจ้าหุบเขามังกรทองคร่ำเคร่ง

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงพยักหน้าให้ เขาเสียเปรียบในเงื้อมมือจ้าวเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้มีความมั่นใจที่จะจัดการกับจ้าวเฟิงไม่มากเท่าใด แต่หากมีคนพวกนี้ช่วยเหลือแล้วละก็ ความมั่นใจของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ว่าแล้วเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงก็เตรียมตัว แต่กลับพบว่าตัวเองราวกับตกอยู่ในบ่อโคลน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง

อีกด้านหนึ่ง ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหกยิ่งขยับตัวไม่ได้

วู้ม! ในขณะเดียวกัน ท้องฟ้าความฝันมายาปรากฏกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์หลายพันเล่ม!

“เป็นไปได้อย่างไร?” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงตกใจจนเสียงหลง

เขาเคยประมือกับจ้าวเฟิงมา รู้พลังของวิชานี้ดี แต่ครั้งหนึ่งอย่างมากจ้าวเฟิงก็รวมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ได้สองเล่มเท่านั้น แต่ตอนนี้บนท้องฟ้ากลับมีกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์หลายพันเล่มปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ไม่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพหกคนที่เหลือตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อทันที

เหตุใดจู่ๆ พวกเขาจึงอ่อนแอดั่งมดปลวกเช่นนี้ ส่วนจ้าวเฟิงกลับแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย

“มิติแห่งนี้ผิดปกติ!” ในความคิดของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง พลังเจตจำนงที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งปะทุขึ้น

ชั่วเวลานั้น ทั่วทั้งมิติห้วงฝันเกิดสัญญาณไม่มั่นคงขึ้น

กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ที่แขวนอยู่ในท้องฟ้าสั่นไหว กระทั่งมีหลายเล่มพังทลายลงมา แต่ก็เสียหายไม่กี่เล่มเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบมากนัก

“สมกับที่เป็นจอมเทพขั้นสอง ถึงแม้จะเข้ามาในห้วงความฝันของข้าก็ยังสามารถขัดขืนได้!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงหนักอึ้งเล็กน้อย ฝ่ามือสะบัดไป

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ที่แน่นขนัดบนท้องฟ้าราวกับ ‘ฝนกระบี่’ ห่าหนึ่งตกลงมายังพื้นดิน

“แย่แล้ว!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงรู้สึกถึงอันตรายความเป็นความตาย จึงปะทุพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมออกมาจากจิตสำนึก ทำให้ทั่วทั้งมิติสั่นคลอน

ฟิ้ว!

กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์เล่มหนึ่งแทงไปยังไหล่ซ้ายของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขายิ่งเพิ่มความตื่นตัวขึ้น ความปรารถนาจะมีชีวิตรอดทำให้จิตใต้สำนึกของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงปะทุพลังเจตจำนงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

วู้ม ครืน! ทั่วทั้งมิติห้วงความฝันบางและโปร่งใสขึ้น

กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ที่ร่วงลงมา พลานุภาพก็ลดลง ถึงแม้จะมีหลายเล่มที่โจมตีโดนเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง แต่ส่งผลทำร้ายไม่มาก

วู้ม! ร่างของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงค่อยๆ โปร่งใส ก่อนจะหลุดพ้นไปจากที่นี่

แต่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหกถูกห่าฝนกระบี่แทงจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง ร่างแหลกสลายไปสิ้น

ที่โลกภายนอก

ความคิดจิตใจของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงกลับมายังร่างเดิม สีหน้าอิดโรยเป็นอย่างยิ่ง เขาคลำบาดแผลบนไหล่และรอยแผลอื่นๆ บนร่าง สีหน้างุนงงเล็กน้อย ทุกอย่างที่เขาประสบเมื่อครู่ราวกับฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น แต่หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความฝันกลับเกิดขึ้นจริงบนร่างของเขา

ไม่ไกลนักยังมีกลิ่นอายของครึ่งก้าวสู่จอมเทพที่แตกดับไปอีก

‘นี่มันคือพลังอะไรกันแน่?’ เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงตื่นตกใจ

ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงเปลี่ยนแปลงเส้นทางการโจมตีในฉับพลัน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ต่อมา จ้าวเฟิงก็ทำลายกระบวนท่าสังหารของเขา ส่งผลให้เขาโดนโจมตีอีกครั้ง

และครั้งนี้ วิชาที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อ

“หนีออกมาได้อย่างนั้นรึ!” จ้าวเฟิงมองไปยังเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง ค่อนข้างประหลาดใจ

ความสามารถอย่าง ‘สู่ห้วงความฝัน’ นี้เขาใช้น้อยครั้งนัก ยังไม่ค่อยรู้ถึงขีดจำกัดของมันเท่าใด และเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงก็เป็นคนแรกที่หนีออกมาจากห้วงความฝันของเขาได้

“จ้าวเฟิง ตำหนักรัตติกาลม่วงจะไม่สืบสาวราวเรื่องต่อการกระทำทุกอย่างของเจ้าแล้ว!”

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงมองไปยังจ้าวเฟิง ในใจพลันเกิดความหวาดเกรง อีกทั้งในยามที่เขาหลุดพ้นออกมาจากมิติห้วงความฝันแห่งนั้น วิญญาณก็ใช้พลังไปมาก รวมกับมีบาดแผลสาหัสอีก ตอนนี้ไม่ควรสู้ต่อไป หากจ้าวเฟิงสำแดงวิชาที่น่าเหลือเชื่ออีกครั้ง ไม่แน่ว่าเขาอาจตายอยู่ที่นี่จริงๆ

ฟิ้ว! เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงแปลงเป็นลำแสงสีม่วงจากไปอย่างรวดเร็ว

ตรงเขตพื้นที่ชายขอบ สามคนที่ติดตามเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงมาก็จากไปพร้อมกันกับเขาเช่นกัน

จ้าวเฟิงมองเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงจากไปไกล ไม่ได้ไล่ตามต่อ

เมื่อครู่เขาสำแดงสู่ห้วงความฝัน ดึงความคิดของจอมเทพขั้นสองเข้ามายังมิติห้วงความฝัน เดิมทีก็ยากเย็นมากอยู่แล้ว การใช้พลังค่อนข้างมาก

นอกจากนั้น ที่นี่คือเขตผาเก่า หากเขาสังหารเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง ขั้วอำนาจห้าดาวที่เหลือไม่มีทางนั่งอยู่เฉยแน่ กระทั่งว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อาจจะออกหน้าก็เป็นได้

ฟ้าดินค่อยๆ กลับสู่ปกติ

สมาชิกทุกคนรอบด้านอึ้งตะลึงอยู่กับที่

“ตำหนักรัตติกาลม่วงหนีไปแล้ว?”

“ข้ายังเห็นบาดแผลบนร่างของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!” ทั่วทั้งสนามรบแตกตื่นฮือฮาขึ้นทันที

คนของขั้วอำนาจเผ่าปีศาจวารีสวรรค์และหุบเขามังกรทองยังพบอีกว่า ครึ่งก้าวสู่จอมเทพในขั้วอำนาจของพวกเขาหายไปแล้ว!

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงมองหอมังหรเหลืองและเผ่าภูตทมิฬที่อยู่ไกลๆ ก่อนชี้นิ้วหนึ่งออกไป

วูบ! พลังเทพรวมศูนย์สายหนึ่งพุ่งออกไป

“ไว้ชีวิตด้วย นายท่าน!”

“หนีเร็ว!” สมาชิกทั้งหมดของสองขั้วอำนาจต่างคิดหลบหนี

แต่พวกเขาพบว่าความคิดและการเคลื่อนไหวของตัวเองเชื่องช้าอย่างยิ่ง เห็นเพียงพลังเทพรวมศูนย์สายหนึ่งพุ่งโจมตีมา

ครืน บึ้ม! พลังเทพรวมศูนย์ธรรมดาระเบิดไปที่ท้องฟ้าไกล ขอบเขตการโจมตีมหาศาลแผ่ระลอกไปยังขั้วอำนาจทั้งสอง รอจนฝุ่นควันเลือนหายไป ข้างในก็ไม่เห็นใครเลยสักคน!

“หนีเร็ว!” ครั้นเห็นภาพนี้ สมาชิกที่เหลือที่นั่นต่างพากันถอยหนี

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงหนีไปแล้ว ที่นั่นไม่มีใครสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้

ณ หุบเขาไกลออกไป

“เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงแพ้อย่างนั้นรึ เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ และเจ้าก็ไม่มีทางทำให้ใต้เท้าผู้นั้นผิดหวังเช่นกัน!”

แววตาของจอมเทพป้าหลงฉายประกาย ไหล่ทั้งสองสั่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็สงบลง

ไม่ถึงเสี้ยวขณะ รอบบริเวณสำนักรากฐานเทพก็ไร้ซึ่งผู้คน!

ที่หุบเขาห่างไกล เงามืดหม่นค่อยๆ สลายไป เวลาต่อมา ไม่มีใครมาหาเรื่องจ้าวเฟิงอีก

ส่วนหอมังกรเหลืองและเผ่าภูตทมิฬถูกทำลาย หลังจากที่สำนักรากฐานเทพฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้งก็ส่งคนไปยึดครองพื้นที่ทันที เช่นนี้แล้ว พื้นที่ของสำนักรากฐานเทพจึงเพิ่มขึ้นสามเท่าในทันที ทั้งยังได้รับทรัพยากรมหาศาล เกรงว่าอีกไม่นานเท่าใดก็จะรุ่งโรจน์ล้ำหน้ากว่าในวันวาน

เนื่องจากอิทธิพลของจ้าวเฟิง สำนักรากฐานเทพเนื้อชิ้นโตชิ้นนี้ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องหลังจากนั้นสามเดือน หานหนิงเอ๋อร์ก็ตัดสินใจกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต อยู่ที่นั่นอนาคตของนางถึงจะยิ่งดีกว่า และนี่ก็เป็นสิ่งที่สำนักรากฐานเทพหวังไว้

วันนี้ จ้าวเฟิง เซี่ยโหวอู่ และหานหนิงเอ๋อร์ทั้งสามคนออกเดินทางไปจากสำนักรากฐานเทพ ถึงแม้หนทางจะยาวนาน แต่ด้วยฐานะจอมเทพของจ้าวเฟิง จึงใช้ค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจห้าดาวในเขตผาเก่าได้โดยไร้เงื่อนไข

กระทั่งในตอนที่มาถึงยังตำหนักรัตติกาลม่วง ตำหนักรัตติกาลม่วงยังตระเตรียมของกำนัลมอบให้แก่จ้าวเฟิง

ขวับ! พวกเขาทั้งสามคนมาถึงยังพื้นที่ชายขอบที่ตำหนักรัตติกาลม่วงดูแลผ่านค่ายกลส่งข้ามของตำหนักนี้

ต่อมาคนทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังขั้วอำนาจห้าดาวอีกแห่งหนึ่ง

แต่มุ่งหน้าไปได้ไม่เท่าไหร่ จู่ๆ จ้าวเฟิงก็หยุดลง

“เป็นอะไรไป?” สีหน้าของเซี่ยโหวอู่และหานหนิงเอ๋อร์เผยแววสงสัย

“ท่านปรากฏตัวขึ้นเถอะ!” สีหน้าจ้าวเฟิงเรียบนิ่ง

ฟุ่บ! ในท้องฟ้าไกลลิบ ร่างเงาดำโผล่ออกมาเบื้องหน้าคนทั้งสาม

ทันใดนั้น กลิ่นอายที่กดดันฟ้าดินก็เผยออกมาทันที

“แข็งแกร่งยิ่งนัก จอมเทพขั้นสอง!” เซี่ยโหวอู่ตัวสั่นสะท้าน สีหน้าแข็งทื่อ

ผู้แข็งแกร่งที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าคนคนนี้แข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงเสียอีก หากจ้าวเฟิงเป็นรอง เขาและหานหนิงเอ๋อร์เกรงว่าคงตายไปในทันทีภายใต้พลังของคนคนนี้

“ท่านรอข้าแซ่จ้าวอยู่ที่นี่ มีธุระอันใด?” พวกเขาออกเดินทางโดยค่ายกลส่งข้าม

ส่วนคนคนนี้ดักซุ่มอยู่ที่นี่ พิสูจน์ว่าเขารู้เส้นทางของจ้าวเฟิงทั้งสามคน หรือก็คือเบื้องหลังเขามีขั้วอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ อีกทั้งที่นี่คือเขตผาเก่า จ้าวเฟิงจึงนึกถึงสามขั้วอำนาจห้าดาวในเขตผาเก่าก่อนเป็นอันดับแรก

“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เจ้าไม่ต้องไปไหนแล้ว!” จอมเทพป้าหลงมองไปยังตาซ้ายของจ้าวเฟิง ยากที่จะเก็บซ่อนความตื่นเต้นยินดีเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version