บทที่ 1464 ปะทะจอมเทพขั้นสอง
จากการมาเยือนของตำหนักรัตติกาลม่วง และคำพูดไม่กี่ประโยคของจ้าวเฟิง จิตสังหารก็ตลบอบอวลทั้งสองฝั่ง
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” สำนักรากฐานเทพทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างทั้งสองฝั่ง พูดกันไม่กี่ประโยคก็ลงมือ
ดูไปแล้วตำหนักรัตติกาลม่วงเหมือนจะเตรียมลงมือไว้นานแล้ว ไม่คิดจะเจรจาเลยสักนิด นอกจากนั้นจ้าวเฟิงก็เช่น ท่าทางไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ไม่ไว้หน้าเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง
เขาเป็นเพียงแค่จอมเทพที่เพิ่งทะลวงขั้นได้ ส่วนเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงได้ตำแหน่งจอมเทพมาไม่รู้กี่ร้อยล้านปีแล้ว วันนี้ก็ไปถึงขั้นสอง!
ฟ้าดินราวกับกลายเป็นรัตติกาลสีม่วง
คนทั้งหมดบริเวณนั้นรู้สึกถึงกลิ่นอายที่กดดันเกินจะเปรียบ ต้องถอยไปข้างหลังระยะหนึ่งอีกครั้ง
“ครั้งที่แล้วปล่อยให้เจ้าหนีไป ครั้งนี้ต่อให้มีความสามารถแข็งแกร่ง เจ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่!” เสียงแก่ชราทรงอำนาจของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงดังสะท้อนไปทั่วทั้งราตรีสีม่วง
ครืน ฟู่ ฟู่! หมอกสีม่วงพวยพุ่ง ก่อเป็นกรงเล็บยักษ์สีม่วงอันแข็งแกร่งข้างหนึ่งในชั่วพริบตา
กรงเล็บยักษ์สีม่วงยังไม่ทันโจมตี ก็มีพายุคลั่งเสียดกระดูกหอบม้วนเข้ามา หากไม่ใช่ว่าจ้าวเฟิงมีชุดคลุมมิติ ตอนนี้น่ากลัวว่ายังต้องหลบหลีกให้
“กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์!” จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพรวมศูนย์ หลอมรวมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ขึ้นแล้วตวัดฟันออกไป
นี่คือการต่อสู้กับจอมเทพขั้นสองแบบซึ่งหน้าครั้งแรกของเขา จะชะล่าใจเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้ ต้องระมัดระวังรอบคอบ ลงมือสุดกำลัง
ครืน บึ้ม! กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์อยู่เหนือกรงเล็บยักษ์สีม่วง ฟันลงจนเป็นบาดแผลมหึมาทางหนึ่ง
ทันใดนั้น มีหมอกสีม่วงมหาศาลรั่วไหลออกมาจากรอยแผลนั่น การโจมตีของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงเสียกำลังไปกว่าครึ่ง
“เอ๋? อาศัยพลังอัสนีเทวะ การโจมตีพลังเทพพิเศษเฉพาะของมันกลับสามารถต้านทาน ‘พลังเทพแสงม่วง’ ของข้าได้!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงค่อนข้างตกใจ
ถึงแม้ก่อนหน้าที่เขาจะมาก็ประเมินจ้าวเฟิงเอาไว้สูงอยู่แล้ว แต่เมื่อประมือกันจริงๆ วันนี้ พลังของจ้าวเฟิงยังล้ำหน้ากว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
เจ้าตำหนักรัตติกาลมีสีหน้าเคร่งเครียด มือทั้งสองยื่นออกไป
ครืน ฟู่ ฟู่! กรงเล็บยักษ์สีม่วงสองข้างก่อตัวขึ้นใต้รัตติกาลสีเดียวกัน
กรงเล็บนั้นราวกับวัตถุจริง เหมือนกับกรงเล็บของสัตว์ร้าย บนนั้นยังมีลวดลายแปลกประหลาดอยู่อีกด้วย
ครืน! กรงเล็บยักษ์ทั้งสองรวดเร็วเป็นอย่างมาก คว้าจับมาจากซ้ายและขวาทั้งสองด้าน
ฟิ้ว! บนร่างของจ้าวเฟิงมีแสงสีขาวเลือนรางลอยขึ้น ก่อนแปลงเป็นลำแสงสีขาวกะพริบไวว่องหนีไปจากขอบเขตการโจมตีของเจ้าตำหนักรัตติกาล
ถึงแม้การโจมตีพลังเทพของเขารวมกับอัสนีเทวะจะสามารถต้านทานจอมเทพขั้นสองได้ แต่หากฝืนต้านทานแล้วละก็ ฝ่ายเขายังค่อนข้างเสียเปรียบ
“เจ้าเด็กนี่ ความเร็วสูงยิ่งนัก!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงเคร่งเครียด
คนในขั้นจอมเทพ การโจมตีใดๆ ล้วนแต่ประกอบด้วยเสวียนอ้าวมิติหรือกฎเกณฑ์ ดังนั้นวิชาประกายมิติหรือเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาอื่นๆ จึงเป็นวิชาที่ไม่อาจสำแดงได้ แต่ต่อให้ไม่ใช้พลังพวกนี้ ความเร็วของจ้าวเฟิงก็ยังเร็วจนน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ครืน ฟู่ ฟู่!
ท่ามกลางรัตติกาลสีม่วงแปลกประหลาด ลำแสงว่องไวสายหนึ่งกะพริบแล้วหายวับไป กรงเล็บยักษ์สีม่วงสองข้างถูกทิ้งห่างไว้ข้างหลัง
“กระบี่เทพรวมศูนย์!”
ระหว่างการโบยบิน ตาซ้ายของจ้าวเฟิงหมุนโคจร กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นข้างในพุ่งออกมา
“วิชาดวงตารึ?” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงรับรู้ได้นานแล้ว
หมอกสีม่วงทะลักล้น ก่อตัวเป็นโล่แสงพิเศษขึ้นเบื้องหน้าเขา
‘สมกับที่เป็นจอมเทพขั้นสอง!’ จ้าวเฟิงทอดถอนใจอยู่ข้างใน
เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงสู้กับเขาอย่างเยือกเย็นยิ่ง ไม่ประมาทแม้แต่น้อย สำหรับวิชาดวงตาวิญญาณที่สำแดงโดยจอมเทพขั้นหนึ่งที่ต่ำกว่าเขา เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงใช้มาตราการป้องกันทันที
วู้ม! ในตาซ้ายของจ้าวเฟิงฉายประกายแสงมายาขึ้นชั้นหนึ่ง ดูสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมากภายในรัตติกาลสีม่วงที่แปลกประหลาดและกดข่มพลัง
“เคลื่อนที่…เคลื่อนไปข้างบน!”
ตาซ้ายของเขาจ้องเพ่งไปยังกระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็ก ในใจเกิดความคิดที่แรงกล้านี้ขึ้น
ตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังสำแดงความสามารถ ‘แปรฝันให้เป็นจริง’
ความสามารถนี้มีผลเด่นชัดกับวัตถุขนาดเล็ก สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ จ้าวเฟิงเปลี่ยนเส้นทางการโจมตีของวิชาดวงตาตัวเอง!
“นั่นอะไร?” แววตาของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงมีประกายวูบผ่าน ตื่นตะลึงครั้งใหญ่
ฉัวะ ฟิ้ว! กระบี่เทพรวมศูนย์เล่มเล็กพุ่งทะลุหัวของเขาไป
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงเผยสีหน้าเจ็บปวด จากนั้นความตกใจก็เข้ามาแทนที่
เคล็ดวิชาลับป้องกันของเขาเมื่อครู่ สามารถต้านทานการโจมตีวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงได้ทั้งหมด แต่การโจมตีวิชาดวงตาเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน เคลื่อนสูงขึ้นมาอีกหลายส่วน
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงถูกวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงทำร้ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ณ ที่ไกลๆ มีเพียงครึ่งก้าวสู่จอมเทพหกคนเท่านั้นที่มองเห็นสถานการณ์ในสนามต่อสู้ของจอมเทพได้อย่างชัดเจน
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงถูกจ้าวเฟิงโจมตีบาดเจ็บ!”
เจ้าหุบเขามังกรทองอ้าปากค้าง ค่อนข้างยากจะเชื่อได้
แน่นอนว่าจ้าวเฟิงทำร้ายเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงได้อย่างไร เขามองได้ไม่ชัด และก็ไม่เข้าใจด้วย
“นี่…น่าจะเป็นเพราะเจ้าตำหนักรัตติกาลประมาทเลินเล่อ ถึงได้ถูกจ้าวเฟิงฉวยโอกาสเอาได้!”
ผู้อาวุโสแขนยาวรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเช่นกัน
เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงก็ไม่ใช่ธรรมดาในหมู่จอมเทพขั้นสอง จะถูกคนรุ่นหลังที่เพิ่งทะลวงขั้นจอมเทพได้ทำร้ายเอาได้อย่างไร
ที่หุบเขาไกลลิบ จอมเทพป้าหรี่ตาลง
“เส้นทางการโจมตีจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป…เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เจ้าทำได้อย่างไร?”
จอมเทพป้าหลงตื่นเต้นฮึกเหิม อยากลงมือสำรวจความลับของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเสียเต็มแก่
ใจกลางสนามต่อสู้
“ผู้เยาว์ เจ้าตายซะ!” เจ้าตำหนักรัตติกาลโมโหเป็นอย่างยิ่ง
ครืน! เขากระตุ้นสายเลือดเผ่ารัตติกาลม่วง แปลงกายเป็นลำแสงสีม่วงราวกับภูติผีปีศาจในราตรีผืนนี้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! เพียงชั่วพริบตา เงาแสงสีม่วงนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมาจากในกายของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง
เงาแสงสีม่วงทั่วท้องฟ้า ทุกเส้นสายเทียบเท่ากับการโจมตีสุดกำลังจากเขา
“หลุมดำรวมศูนย์!”
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ กระบี่เทพรวมศูนย์ไม่อาจรับมือได้อีก เนตรเทพมายาทำลายล้างก็ยากจะทำลายการโจมตีเป็นวงกว้างเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำได้แต่สำแดงหลุมดำรวมศูนย์เท่านั้น
หลังจาก ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ถึงขั้นหกแล้ว จ้าวเฟิงสามารถสำแดงพลังหลุมดำรวมศูนย์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์!
ฟู่ ฉัวะ ฉัวะ!
พลังเทพรวมศูนย์มืดหม่นมหาศาลระบายออกมาจากในกายจ้าวเฟิง ก่อขึ้นเป็นทรงกลม หุ้มล้อมจ้าวเฟิงเอาไว้ข้างใน สีของวงแสงทรงกลมเข้มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นสีดำ
เมื่อหลุมดำรวมศูนย์ก่อตัวขึ้นสำเร็จ ก็ปลดปล่อยพลังบิดม้วนและกัดกินที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งออกมา
ฟิ้ว ฟิ้ว~ เงาแสงสีม่วงหลายสายแผ่กระจายมาก่อน
แต่หลังจากที่เข้าใกล้หลุมดำรวมศูนย์ในระยะหนึ่งก็ถูกพลังบิดม้วนลดพลังของมันลง เมื่อเข้าไปใกล้ พลังกัดกินกลุ่มหนึ่งโจมตีเข้ามาทันที
ครืน บึ้ม! ในยามที่ลำแสงสีม่วงปะทะเข้ากับหลุมดำรวมศูนย์ พลังของมันก็สูญหายไปกว่าครึ่ง
วูบ! จ้าวเฟิงสำแดงหลุมดำรวมศูนย์ เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงสุด
“เจ้าเด็กนี่ วิชาลับป้องกันแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงเพ่งสายตามอง
“กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์!”
กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์เล่มหนึ่งพลันก่อตัวขึ้นเหนือหลุมดำรวมศูนย์ พุ่งโจมตีไปยังเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง
ฟุ่บ! เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงที่แปลงเป็นลำแสงสีม่วง ร่างโซเซไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะหลบหลีกมาได้
ฟิ้ว! แต่จู่ๆ กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กก็พุ่งออกมา ทะลุผ่านไปยังที่ที่เขาเพิ่งปรากฏตัวขึ้น โจมตีเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงได้แม่นยำราวจับวาง
“บัดซบ เจ้าเด็กนี่!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงหน้าเขียวคล้ำ
เผ่ารัตติกาลม่วงเชี่ยวชาญเรื่องความเร็วเช่นกัน แต่เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงคาดการณ์ได้ดีเยี่ยมเป็นอย่างมาก การโจมตีวิชาดวงตาก็แปลกประหลาดนัก
ครืน ตูม บึ้ม~
ในขณะเดียวกับที่จ้าวเฟิงโจมตีเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง ลำแสงสีม่วงมากมายก็โจมตีมายังเขา หากไม่มีหลุมดำรวมศูนย์รวมกับความสามารถในการคาดเดาการหลบหลีกที่รวดเร็ว เกรงว่าหลุมดำรวมศูนย์ก็ยากจะต้านทานการระเบิดโจมตีที่บ้าคลั่งเช่นนี้ได้
หลังเสียเปรียบในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงถึงสองครั้ง เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงโกรธแค้นยิ่ง
“ผู้เยาว์ เจ้ารนหาที่ตายเอง!” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงคำรามเสียงต่ำ
ครืน ฟู่ ฟู่! เขาที่แปลงเป็นลำแสงสีม่วง ร่างพลันขยายใหญ่ขึ้นราวกับผสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับรัตติกาลสีม่วงในท้องฟ้า
“ราตรีดับสูญ!” พลังเทพที่แข็งแกร่งทะลักล้นขึ้นเบื้องหน้าเจ้าตำหนัก ก่อนก่อเป็นลำแสงสีม่วงที่หมุนวนกลุ่มหนึ่ง ใจกลางลำแสงสีม่วงหมุนวนเร็วขึ้น ข้างในมองเห็นเงาแสงสีม่วงหลายสาย ประหนึ่งเป็นปีศาจแสงม่วงตนแล้วตนเล่า
จากที่ไกลๆ ใจของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหลายสั่นสะท้าน อดถอยหลังไปไม่ได้
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงจะสำแดงเคล็ดวิชาลับสายเลือดเผ่ารัตติกาลม่วงอย่าง ‘ราตรีดับสูญ’ ออกมาเร็วเช่นนี้!”
“ว่ากันว่าเคล็ดวิชาลับสายเลือดเผ่ารัตติกาลม่วงนี้แฝงด้วยพลังธาตุหลากหลายประเภท พลังทำลายล้างรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งระดับความเข้มข้นของสายเลือดเจ้าตำหนักยังสูงอย่างยิ่ง เมื่อสำแดงกระบวนท่านี้มากพอที่จะทำให้จอมเทพขั้นเดียวกันบาดเจ็บสาหัส!”
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหลายตื่นตะลึง เช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
แต่พวกเขากลับลืมไปว่า จ้าวเฟิงเป็นผู้ที่บีบให้เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงสำแดงกระบวนท่านี้ออกมา
“ตายซะ!” เสียงคำรามของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงสะเทือนไปทั่วฟ้า
โฮก~ ใจกลางลำแสงสีม่วงที่หมุนวน ส่งเสียงคำรามที่ชวนขนพองสยองเกล้าออกมา
ฟิ้ว! เพียงชั่วพริบตา ลำแสงสีม่วงที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิงระดับความเร็วเช่นนี้เทียบเท่าได้กับกระบี่เทพรวมศูนย์ฉบับวิชาดวงตาของจ้าวเฟิง
“เนตรเทพมายา…ทำลายล้าง!” ยามเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ หลุมดำรวมศูนย์ยากจะต้านทานได้ จ้าวเฟิงจึงขับเคลื่อนพลังดั้งเดิม สำแดงเนตรเทพมายาทำลายล้างออกมาอย่างไม่ลังเล
วู้ม! ในรัตติกาลสีม่วงอันเป็นอนันต์พลันเกิดจุดแสงมายาขึ้นจุดหนึ่ง ทั้งยังเปล่งแสงมายาที่ทำให้คนเฝ้าใฝ่หา
กลุ่มแสงสีม่วงมหึมาเบื้องหน้าจ้าวเฟิงปกคลุมไปด้วยเงามายาเลือนราง
“สลาย!” พลังความคิดหมุนโคจร
เสี้ยวขณะต่อมา การโจมตีที่มีพลังน่าครั้นคร้ามเบื้องหน้าจ้าวเฟิงก็พลันหายวับไป
จากที่ไกลๆ เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงมองต่ำลงมา ยิ้มมายังจ้าวเฟิงราวกับว่าชัยชนะเป็นของเขาแล้ว แต่จู่ๆ การโจมตีแข็งแกร่งไร้เทียมทานที่เขาสำแดงออกมากลับหายไปโดยไร้ร่องรอย
“อะไรกัน?” เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงหน้าเปลี่ยนสีทันที รู้สึกเหลือเชื่อ
ไยจ้าวเฟิงจึงทำลายการโจมตีของเขาได้ในชั่วพริบตา?
ครืน แซ่ด แซ่ด!
จังหวะที่เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงกำลังตกใจ กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์สองเล่มทะลวงผ่านเข้ามา
ฉัวะ ฉึก! กระบี่เทพรวมศูนย์ทั้งสองแทงทะลุหน้าอกเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง ราวกับตรึงเขาเอาไว้ในท้องฟ้า
ในกระบี่มีพลังอัสนีเทวะรวมศูนย์มากมายมหาศาลทะลักล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วกัดกินกายเทพของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง
“เมื่อครู่เจ้า…ทำได้อย่างไรกัน?”
เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงขับเคลื่อนพลังเทพ เตรียมดิ้นรนหนีออกมา แต่จ้าวเฟิงจะปล่อยให้เขามีโอกาสได้อย่างไร?
“ด่ำดิ่งสู่ห้วงนิทราไปเสีย!” จ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังดั้งเดิม ทั้งยังโคจรพลังความคิด
เพียงชั่วพริบตาเขาก็สร้างโลกแห่งความฝันขึ้นมาใบหนึ่ง
ในยามที่ตาซ้ายของเขาจับจ้องไปยังร่างเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วง แสงมายาหลากสีชวนให้เจ้าตำหนักมองไปอย่างอดไม่ได้ ชั่วขณะนี้ ความคิดของเจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงถูกแรงดูดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนฉุดกระชากไป
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มัน…” ถึงแม้เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงทำอะไร
แต่จากตาซ้ายของจ้าวเฟิง เขามองเห็นสรวงสวรรค์มายา อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน