บทที่ 1470 เศษเสี้ยวนรกเพลิง
“เจ้าเด็กนี่ซ่อนพลังไว้งั้นรึ!” สีหน้าผู้เฒ่าสีชาดเคร่งเครียด
จ้าวเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่ประมือกับเขาก่อนหน้านี้หลายเท่า บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ จอมเทพสำนักวายุลมกรดจึงให้จ้าวเฟิงอยู่คุมเชิง
“หึ จะต้องถือโอกาสนี้สังหารมันเสีย!” จอมเทพจวี้หลิงแค่นเสียงโมโห
จ้าวเฟิงยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา ตอนนี้เป็นโอกาสอันดี จะต้องสังหารทิ้งเสียก่อนที่คนของสำนักวายุลมกรดจะมาถึง
“ปิดสวรรค์ตรึงพิภพ!” จอมเทพจวี้หลิงกางแขนทั้งสอง ปลดปล่อยพลังเทพที่หนาและหนักออกมา
ทันใดนั้น ทั่วทั้งมิติมืดสลัวลง แรงกดดันอันหนักหน่วงตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน
จอมเทพจวี้หลิงมีกฎแห่งดิน ไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าใดนักในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์แห่งนี้ กลับได้รับพลังเพิ่มในระดับหนึ่งด้วยซ้ำ ภายใต้การแผดเผาของไฟ พลังธาตุดินในฟ้าดินก็ร้อนขึ้น อีกทั้งอาณาเขตดินที่หนักอึ้งก็ยังหดตัวลงอยู่ตลอด พลังของมันเพิ่มขึ้นไม่หยุด
“หลุมดำรวมศูนย์ กลืนกิน!”
จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังกัดกินของหลุมดำรวมศูนย์สุดแรง
เสี้ยวขณะนั้น แรงกดดันรอบด้านเขาพลันลดลง เมื่อหลุมดำรวมศูนย์ดูดซับพลังอื่นก็ได้รับพลังเพิ่มพอควรเช่นกัน
“วิชาป้องกันของเจ้าเด็กนี่สามารถดูดซับพลังอื่นได้ รีบลงมือเร็ว!”
จอมเทพจวี้หลิงค่อนข้างตกใจ ตวาดขึ้นทันที เขายื่นมือขวากำออกไป
ภายในเขตแแดนกฎเกณฑ์ เบื้องหน้าจ้าวเฟิงมีมือหินยักษ์หยาบกร้านสีเหลืองหม่นข้างหนึ่งก่อตัวขึ้น
ครืน! มือหินยักษ์นั่นโจมตีไปยังจ้าวเฟิง
ครืน ขวับ ขวับ~
ผู้เฒ่าสีชาดตวัดดาบยาวในมือทันที ฟันคมคลื่นเปลวไฟที่น่าพรั่นพรึงออกไปเป็นสายๆ
“ไม่ได้การแล้ว สองคนนี้ร่วมมือกันค่อนข้างจัดการยาก!”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าหนักใจ
การโจมตีของจอมเทพจวี้หลิงและผู้เฒ่าสีชาดค่อนข้างแข็งแกร่ง หลุมดำรวมศูนย์ดูท่าจะยืนหยัดต่อไปได้ไม่นาน ส่วนเขาตกอยู่ในเขตแดนกฎเกณฑ์ของจอมเทพขั้นสอง ความเร็วจึงถูกจำกัด เช่นนี้แล้ว นอกเสียจากจ้าวเฟิงจะใช้พลังเนตรเทพเจ้าหรือเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน มิฉะนั้นแล้วก็หลุดพ้นไปได้ยาก แต่หากทั้งสองสิ่งนี้ปรากฏขึ้น ก็จะสร้างความบ้าคลั่งให้ทั้งสองคน กระทั่งชักนำหอหงส์เพลิงเบื้องหลังพวกเขามา
ครืน ตูม บึ้ม!
จ้าวเฟิงสำแดงกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ ฟันออกไปอย่างรุนแรง พยายามลดทอนการโจมตีของทั้งสองคน
“ต้องใช้พลังเนตรเทพเจ้าเท่านั้นแล้ว!” สายตาของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง
ขอเพียงแค่ไม่เปิดเผยชัดแจ้งมากเกินไป คนพวกนี้ก็ยากจะสังเกตพบเนตรเทพเจ้าได้
แต่ว่าในตอนนี้เอง
เสียงสบายๆ ตามอารมณ์ดังขึ้นท่ามกลางสนามต่อสู้ของทั้งสาม “ท่านต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
“ยังมีคนอีก?” จ้าวเฟิงค่อนข้างตกใจ
ก่อนหน้านี้เขาก็สัมผัสไม่ได้
แน่นอนว่าเหตุผลส่วนหนึ่งคือเขาผนึกพลังเนตรเทพมายาไว้ ทั้งยังตกอยู่ท่ามกลางการโจมตี ดังนั้นจึงสัมผัสไม่เจอ
“เป็นเจ้า…” จอมเทพจวี้หลิงปรายตามอง สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด
จ้าวเฟิงมองประเมินอย่างละเอียด เป็นชายหนุ่มชุดขาวร่างกึ่งโปร่งแสงคนหนึ่ง กลิ่นอายเบาบาง มือถือพัดสีขาว ยืนเอียงตัวอยู่กลางอากาศ สายตาสุกสว่างแฝงด้วยรอยยิ้ม
“ถังไป๋ ขอเตือนเจ้าว่าอย่าสอดมือเข้ามาเป็นดีที่สุด!”
สีหน้าของจอมเทพจวี้หลิงฉายแววแค้นเคือง ตวาดข่มขู่
“ข้ายุ่งเรื่องนี้แล้วจะทำไม? หากเขายอมเข้าร่วมกลุ่มของข้า ก็เป็นสมาชิกของข้า!”
ถังไป๋กลอกตามองเขา จากนั้นยิ้มมองไปยังจ้าวเฟิง “เป็นอย่างไร? มาเข้าร่วมกลุ่มของข้า แล้วข้าจะช่วยเจ้าไล่ตาแก่สองคนนี้ไป!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงอึ้งตะลึง ถึงแม้ถังไป๋จะถือโอกาสข่มขู่ แต่ทีท่าและน้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับไม่มีการข่มขู่เลยแม้แต่น้อย เทียบกับหอหงส์เพลิงและสำนักวายุลมกรดที่ได้เจอ ความประทับใจที่ถังไป๋มีให้กับจ้าวเฟิงนับว่าดีมากแล้ว
นอกจากนั้น คนคนนี้ก็ไม่ได้มีอายุมากเท่าไหร่ แต่กลับมีพลังฝึกตนถึงจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด ทำให้เขาตะลึงอยู่บ้าง
อีกทั้งถังไป๋ไม่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งจอมเทพขั้นสองเลยสักนิด และราวกับไม่กลัวหอหงส์เพลิงเบื้องหลังจอมเทพจวี้หลิงและผู้เฒ่าสีชาดด้วยเช่นกัน พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ธรรมดาเลย
“ถังไป๋ อย่าคิดว่าพวกเราไม่กล้าฆ่าเจ้า!” จอมเทพจวี้หลิงหน้าแดงก่ำ คำรามเสียงต่ำอย่างโกรธแค้น
ถังไป๋ดึงจอมเทพคนอื่นเข้าเป็นพวกซึ่งๆ หน้า นี่มันคือการท้าทายชัดๆ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือจ้าวเฟิงกลับไม่รีบรับปากทันที
‘เพิ่มมากอีกคนแล้ว!’ จ้าวเฟิงอออกจะลังเล
หอหงส์เพลิงและสำนักวายุลมกรดสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับเขา รวมกับเขาไม่คิดจะเข้าร่วมกับขั้วอำนาจพวกนี้หรือกลุ่มของถังไป๋ หากเข้าใกล้คนนอกมากเกินไป ความเป็นไปได้ที่ตัวตนเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของเขาจะแพร่งพรายออกไปก็ยิ่งมาก
แต่ว่าตอนนี้ หากเขานำเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหรือเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกมา ทั้งสองฝั่งจะต้องร่วมมือกันอย่างแน่นอน
ถังไป๋แม้จะเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด แต่พลังจะดูแคลนไม่ได้เลย จ้าวเฟิงรู้สึกกระทั่งว่าเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าจอมเทพจวี้หลิง หากสามคนร่วมมือกันก็จะยิ่งรับมือลำบาก
“หากเจ้าเข้าร่วมกลุ่มของข้า ข้าจะไม่บังคับอะไรเจ้า ขอแค่ต่อจากนี้เจ้าอยู่ฝั่งข้า เข้าร่วมศึกใหญ่ร่วมกันเท่านั้นพอ นอกจากนั้นข้ายังสามารถมอบเคล็ดวิชาแข็งแกร่งที่อำพรางกลิ่นอายจอมเทพและฐานะให้เจ้าได้อีกด้วย!”
ถังไป๋พูดต่อไป ไม่รีบร้อนเลยสักนิด
ตอนนี้จ้าวเฟิงใช้ชั้นการป้องกันพิเศษอำพรางรูปลักษณ์ของตนไว้ ทำให้ถังไป๋รู้ว่าจ้าวเฟิงไม่อยากให้ใครรู้ถึงตัวตนของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเสนอผลประโยชน์ที่จ้าวเฟิงต้องการเป็นพิเศษไป
“หากเป็นเพียงแค่ศึกใหญ่ครั้งหนึ่ง ข้าตอบรับคำเชิญของเจ้า!” จ้าวเฟิงใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นทันใด
เทียบกับสำนักวายุลมกรดกับหอหงส์เพลิง ความประทับใจที่ถังไป๋มีให้กับจ้าวเฟิงพูดได้ว่าดีมากแล้ว อีกทั้งฝั่งถังไป๋เหมือนจะเป็นเพียงแค่กลุ่มกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และเขาก็รับปากแล้วว่าจะไม่บังคับจ้าวเฟิง
เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ของเขาไม่ใช่เพื่อฝึกตนหรืออย่างไร? การต่อสู้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ระดับพลังฝึกตนของถังไป๋คือจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด หากติดตามเขาเข้าร่วมการต่อสู้ คงไม่มีทางเจอกับเรื่องอันตรายอะไรเป็นพิเศษ อีกทั้งถังไป๋ยังสามารถมอบเคล็ดวิชาลับที่เขาต้องการให้ด้วย
“ตกลง!” มุมปากของถังไป๋ยกยิ้ม บินตรงมาทันที
“ไม่…พวกเจ้า!” จอมเทพจวี้หลิงเผยสีหน้าลนลาน เขาเพิ่งส่งข่าวขอความช่วยเหลือไป แต่เกรงว่าจะไม่ทันกาลแล้ว
ฟึ่บ ฟึ่บ! ถังไป๋สะบัดพัดขาวในมือ ส่งคลื่นแสงสีขาววาววับออกมาเป็นช่วงๆ แทรกตัวเข้าไปในเขตแดนกฎเกณฑ์รอบด้านจ้าวเฟิง
ทันใดนั้น เขตแดนกฎเกณฑ์กลุ่มนี้ประหนึ่งเจอกับพลังสยบอย่างไรอย่างนั้น พลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ครืน ฟู่ ฟู่~
ในขณะเดียวกัน หลุมดำรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงโคจรขึ้น พลังบิดเบี้ยวกลืนกินที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายออกมาทำลายเขตแดนกฎเกณฑ์แห่งดินลง
“เมื่อครู่นั่นคือพลังผนึก!” จ้าวเฟิงมองไปยังถังไป๋ ยิ่งเชื่อมั่นในเคล็ดวิชาลับที่เขาพูดถึง
วูบ! หลังจากทำลายพันธนาการแล้ว
จ้าวเฟิงก็โจมตีไปยังจอมเทพจวี้หลิงและผู้เฒ่าสีชาด
คนพวกนี้คิดสังหารเขา แน่นอนว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางออมมือให้
“เจ้าทำร้ายสมาชิกของข้า ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!” ตอนนี้ถังไป๋หัวเราะเบาๆ จากนั้นทะยานไปยังจอมเทพจวี้หลิง
“สังหาร!” กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิงกวัดแกว่งไปอย่างบ้าคลั่ง ประกายกระบี่อัสนีมืดหม่นสายแล้วสายเล่าพุ่งไปข้างหน้า
“ผนึก!” ถังไป๋ยืนมือออกไป ปล่อยวงแสงสีขาวระยับที่แปลกประหลาดปกคลุมไปข้างหน้า
ทันใดนั้น พลังของจอมเทพจวี้หลิงและผู้เฒ่าสีชาดถูกผนึกไปส่วนหนึ่ง ความเร็วลดลง
“สังหาร!” จ้าวเฟิงพุ่งสังหารไปยังผู้เฒ่าสีชาด พลังของกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
จอมเทพจวี้หลิงเป็นจอมเทพขั้นสอง ทั้งมีกฎเกณฑ์แห่งดินทั้งเชี่ยวชาญด้านป้องกัน ค่อนข้างจัดการยาก ดังนั้นเขาจึงเลือกสังหารผู้เฒ่าสีชาดก่อน
“จอมเทพจวี้หลิง ช่วยข้าด้วย!” ผู้เฒ่าสีชาดรีบร้องขอความช่วยเหลือจากจอมเทพจวี้หลิง
ยามอยู่ภายใต้พลังผนึกของถังไป๋ ผู้เฒ่าสีชาดสำแดงพลังได้แค่ประมาณเจ็ดส่วนเท่านั้น ในยามนี้เอง พลังกฎเกณฑ์เวลาที่แปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งแผ่มายังรอบกายของผู้เฒ่าสีชาด หลังจากผู้เฒ่าพลังลดลง แรงต้านทานต่อกฎเกณฑ์เวลาก็อ่อนกำลังลงด้วย
“กฎเกณฑ์เวลา ท่าทางครั้งนี้จะหาคนได้ไม่เลว!” สีหน้าถังไป๋ลิงโลด
เขายังไม่เคยเห็นจอมเทพขั้นหนึ่งคนไหนมีกฎเกณฑ์เวลา แน่นอนว่าเผ่าแสงในตำนานอาจจะมีพลังนี้
ฉัวะ ครืน ครืน! ประกายกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ติดๆ กันหลายสายฟันไปบนร่างของผู้เฒ่าสีชาด
การโจมตีพวกนี้ไม่เพียงดูดซับพลังของเขา แต่ยังทำให้บาดแผลสมานตัวช้าเป็นอย่างยิ่ง
“หยุดนะ!” จอมเทพจวี้หลิงหลอมรวมพลังเทพขึ้น ก่อนจะซัดมังกรสีเหลืองหม่นร้องคำรามออกมา
“เจ้าอยู่นิ่งๆ ไปเสีย!”
พัดในมือถังไป๋สะบัดคลื่นแสงสีขาวระยิบระยับเป็นชั้นๆ ทะลุผ่านมังกรเหลืองตัวนั้น แล้วผนึกพลังของมันไม่หยุด
ครืน บึ้ม! สุดท้าย ถังไป๋บดขยี้มันลงอย่างง่ายดายด้วยฝ่ามือเดียว
อีกด้านหนึ่ง กระบี่ของจ้าวเฟิงแทงทะลุหน้าอกผู้เฒ่าสีชาด พลังอัสนีเทวะรวมศูนย์ที่แข็งแกร่งทำลายทุกสิ่งในร่างของเขาจนย่อยยับ
พรึ่บ! ร่างของผู้เฒ่าสีชาดถูกไฟของมหาสมุทรเพลิงสวรรค์เผาไหม้ สลายกลายเป็นธุลีอย่างรวดเร็ว
ครืน ครืน ครืน~
ตอนนี้เอง ระลอกคลื่นพลังที่แข็งแกร่งแผ่มาจากที่ไกล สามารถมองเห็นเงาของเรือรบลำหนึ่งได้อย่างรางๆ
“ต้องไปแล้ว!” ถังไป๋พูดเสียงต่ำ จากนั้นนำจ้าวเฟิงไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองจากไปได้ไม่นาน เรือรบเพลิงแดงทองที่น่าเกรงขามก็แล่นมาถึง
สตรีชุดแดงคนหนึ่งทะยานออกมาจากยอดเรือรบ
“เป็นอย่างไรบ้าง จอมเทพจวี้หลิง?”
“ถังไป๋กับจอมเทพอีกคนหนึ่งร่วมมือกันสังหารผู้เฒ่าสีชาด!” จอมเทพจวี้หลิงกำหมัดแน่น เพลิงโทสะพวยพุ่ง
“บัดซบ เจ้าถังไป๋นี่ หากไม่ได้อาศัยอาจารย์ของมันแล้วละก็…พวกเรากลับไปกันก่อนเถิด!” สตรีชุดแดงมีสีหน้าเคร่งเครียด
อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงตามถังไป๋มาถึงที่อีกแห่งหนึ่งในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์
วู้ม! ทางเดินสีฟ้าเข้มก่อตัวขึ้น ทั้งสองกระโดดเข้าไปในนั้น ในอาณาจักรเทพทิวทัศน์งดงาม ไกลออกไปคือมหาสมุทรกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
เมื่อประสาทสัมผัสเทพกวาดผ่าน จ้าวเฟิงก็พบว่าในอาณาจักรเทพแห่งนี้มีคนจำนวนไม่น้อย รวมทั้งจอมเทพสองคน ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกแปดคน!
“วางใจได้ นี่ไม่ใช่กำลังทั้งหมดของพวกเราหรอก!” ถังไป๋ยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็เรียกรวมสมาชิกในอาณาจักรเทพที่โถงตำหนักแห่งหนึ่ง
“สมาชิกคนใหม่ จอมเทพจ้าวหวาง!” ถังไป๋แนะนำจ้าวเฟิงกับทุกคน
จากการแนะนำของถังไป๋ ต่อมาจ้าวเฟิงก็ได้รู้จักคนที่เหลือที่นั่น คนพวกนี้ส่วนมากไร้สำนักไร้ลัทธิ ส่วนจอมเทพสองคน หนึ่งในนั้นมาจากเขตที่อยู่ข้างๆ เขตลำนำดารา
“ในเมื่อเจ้าตกลงเข้ากลุ่ม ก็ควรบอกเจ้าถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว!”
สีหน้าถังไป๋นิ่งสงบลง
“ปกติที่ต้องห้ามอันตรายเช่นมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ย่อมไม่มีทางมีคนมารวมตัวเยอะเช่นนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหนึ่งเดือนก่อนหน้า มีจอมเทพคนหนึ่งของหอหงส์เพลิงพบเงาของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์!”
ชายตัวโตเกราะดำพูดออกมาทันที
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน! จ้าวเฟิงตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์จะมีของล้ำค่าระดับนี้อยู่
แน่นอน พื้นที่ต้องห้ามอันตรายส่วนมากล้วนมีของล้ำค่าที่สูญหายไปแล้วในโลกภายนอกไม่น้อย หรือไม่ก็ของล้ำค่าที่ไม่ถูกแตะต้องมานาน นี่คือเหตุผลที่มีคนไปตามสถานที่ต้องห้ามบางแห่งอยู่ตลอดเวลา
“ตามรายงานข่าวน่าจะเป็นเศษเสี้ยวของอาวุธบรรพชนนรกเพลิง!”
ถังไป๋เอ่ยเสริมขึ้น