บทที่ 1475 ต่างคนต่างมีแผน
ไม่ว่าจะเป็นจอมเทพป้าหลงหรือจอมเทพเทียนจี้ล้วนแข็งแกร่งไร้เทียมทานทั้งสิ้น จ้าวเฟิงคิดจะสังหารเพียงลำพังก็ค่อนข้างลำบาก แต่ตอนนี้ เพราะการปรากฏขึ้นของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน จอมเทพจำนวนมากจึงมารวมตัวอยู่ที่นี่
หากสามารถใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้ได้ ก็อาจถึงขั้นให้พวกเขาช่วยตนกำจัดศัตรูทั้งสองได้!
“ส่งเศษเสี้ยวนรกเพลิงมาเสียดีๆ มิฉะนั้นพวกเจ้าจะถูกฝังอยู่ที่นี่!”
สายตาที่เหี้ยมโหดของจอมเทพป้าหลงกวาดไปยังเบื้องล่าง แผ่กลิ่นอายทรงอำนาจน่ากลัวออกมา
ภายใต้การจับตามองดูจากจอมเทพป้าหลง จอมเทพขั้นหนึ่งหลายคนเกิดความกลัวขึ้น
“หึ ช่างคุยโวนัก!” เจ้าสำนักวายุลมกรดตัวสั่น โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
การช่วงชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนต้องเจอกับเหตุการณ์เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาโมโหมากมานานแล้ว และตอนนี้ จอมเทพขั้นสองสามคนที่จู่ๆ มาเยือน ในสายตาไม่มีผู้ใด กำเริบเสิบสานอย่างยิ่ง เปิดปากมาก็จะให้พวกเขามอบเศษเสี้ยวอาวุธให้เสียดีๆ
จอมเทพของหอหงส์เพลิงก็มองว่าพวกจอมเทพป้าหลงขัดหูขัดตายิ่งนัก
พวกเขาเคยเห็นคนที่กำเริบเสิบสานวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่กำแหงได้ถึงขั้นนี้ มีแค่สามคน แต่กล้าข่มขู่ว่าจะฝังทุกคนเอาไว้ที่นี่
ถังไป๋ที่อยู่ไกลออกไปแววตาเคร่งเครียด สีหน้าหวาดหวั่น “คนพวกนี้ไม่ธรรมดา!”
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ถังไป๋เท่านั้นที่ค้นพบถึงเรื่องนี้ จอมเทพขั้นสองคนอื่นๆ ที่นั่นต่างรู้สึกบ้างไม่มากก็น้อย
เพียงแต่ว่าคำพูดของจอมเทพป้าหลงทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์นัก ดังนั้นท่าทีจึงแข็งกร้าวมาก
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยปากขึ้น “เจ้าสำนักวายุลมกรด พวกเจ้าสำนักวายุลมกรดรักษาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเอาไว้ไม่ได้หรอก มอบออกไปเสียเถอะ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บล้มตายกันหนัก!”
ตอนนี้จ้าวเฟิงยังคงปกปิดรูปลักษณ์ อำพรางกลิ่นอายเอาไว้ ดังนั้นคนอื่นๆ จึงมองหน้าตาที่แท้จริงของเขาได้ไม่ชัด
“อะไรนะ? เจ้า…” เจ้าสำนักวายุลมกรดไฟโทสะคุกรุ่น กัดฟันกรอด อยากจะสับจ้าวเฟิงเป็นหมื่นชิ้นเสียเดี๋ยวนั้น หากไม่ใช่จ้าวเฟิง สำนักวายุลมกรดคงได้เศษเสี้ยวอาวุธไปครอบครองสำเร็จนานแล้ว
ตอนนี้จ้าวเฟิงกลับพูดจาถากถางสำนักวายุลมกรด ให้พวกเขามอบเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกไป หากสำนักวายุลมกรดทำตามที่จ้าวเฟิงพูด ทุกคนก็จะรู้สึกอัปยศอดสู ไม่มีหน้าไปพบผู้คนอีก
จ้าวเฟิงแอบหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของจอมเทพสำนักวายุลมกรดและจอมเทพเสียอวี่
ประโยคแรกของเขาเป็นการยั่วยุสำนักวายุลมกรด ทำให้พวกเขาไม่ยอมศิโรราบโดยง่าย
“หอหงส์เพลิงทุกคน พวกเจ้าก็ช่างไร้ความสามารถเสียจริงๆ เมื่อครู่ข้าช่วยขวางสำนักวายุลมกรดเอาไว้ แต่พวกเจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จ แม้กระทั่งแตะเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนก็ยังทำไม่ได้ สลายตัวไปกันเสีย อย่าอยู่ที่นี่ให้อับอายเลยจะดีกว่า!”
หลังจากตำหนิสำนักวายุลมกรดแล้ว จ้าวเฟิงก็พุ่งเป้าไปยังหอหงส์เพลิง
“อะไรนะ? เจ้านี่…รนหาที่ตาย!” เจ้าหอหงส์เพลิงหน้าแดงก่ำ ไฟโทสะที่ไร้รูปร่างข้างหลังพวยพุ่ง ราวกับสามารถลงมือกับจ้าวเฟิงได้ทุกเมื่อ
จอมเทพจวี้หลิงและจอมเทพหอหงส์เพลิงที่เหลือหน้าแดง สายตาอำมหิตจ้องไปยังจ้าวเฟิง จิตสังหารแผ่กระจายออกมา
“เจ้าเองก็ไม่ได้แตะเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเหมือนกันไม่ใช่รึอย่างไร?”
จอมเทพจวี้หลิงมองจ้าวเฟิงตาเขียวพลางพูดเย้ยหยัน
“แต่ว่าผลเก็บเกี่ยวของข้าครั้งนี้มากมายพอแล้ว…” จ้าวเฟิงพูดอย่างไม่สนใจสักนิด
ศึกชิงอาวุธบรรพชนครั้งนี้ จ้าวเฟิงสังหารจอมเทพสี่คนสำเร็จ ทรัพย์สมบัติที่ได้รับมาก็มากมายจริงๆ
“พวกเจ้าพูดมากความเสียจริง หากไม่ส่งเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมา ก็อย่าโทษข้าว่าสังหารล้างหมู่ก็แล้วกัน!”
สายตาเหี้ยมโหดของจอมเทพป้าหลงพลันมองมายังคนสำนักวายุลมกรด
ตอนนี้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนยังอยู่ในมือของจอมเทพเสียอวี่
“ส่งให้? ฝันไปเถอะ!” ความโกรธในใจเจ้าสำนักวายุลมกรดยังไม่หายไป ตวาดออกมาทันที หากเขาส่งเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกไปเช่นนี้ จะยังมีหน้าอะไรเหลืออีก
“ใครจะชนะก็ยังไม่แน่!” เจ้าหอหงส์เพลิงหัวเราะเหยียดหยาม
เขาจะต้องเอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมาให้ได้
“รนหาที่ตาย!” สายตาของจอมเทพป้าหลงจ้องเพ่ง ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมด้วยเพลิงมังกรสีแดงเข้มมหาศาล
เสี้ยวขณะนี้ กลิ่นอายสายเลือดภัยพิบัติต้องห้ามหอบม้วนไปยังท้องฟ้าทั่วทุกทิศ พุ่งปะทะไปยังสายเลือดของจอมเทพทุกคน
“เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!” สำนักวายุลมกรดและหอหงส์เพลิงต่างร้องออกมาอย่างตกใจ
วู้ม วู้ม! เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่ถูกจอมเทพเสียอวี่ควบคุมอยู่สั่นเล็กน้อย พุ่งใส่กำแพงแสงสีแดงเลือดชั้นนั้นไม่หยุด
“ลงมือพร้อมกัน!” เจ้าสำนักวายุลมกรดตะโกนอย่างรีบร้อน
ในตอนที่จอมเทพป้าหลงพุ่งมา เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่าย แต่สมาชิกของสำนักวายุลมกรดมีมากมาย
ฟุ่บ ฟุ่บ~ จอมเทพสำนักวายุลมกรดต่างทะยานออกไปทั้งหมด
จอมเทพเสียอวี่ที่เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นแนวหน้าตรงไปพร้อมกับสำนักวายุลมกรด
จอมเทพเสียอวี่ซัดฝ่ามือออกไป เกิดเป็นคลื่นโลหิตใหญ่ยักษ์โจมตีไปข้างหน้า
เจ้าสำนักวายุลมกรดกวัดแกว่งกระบี่หยกในมือ สำแดงฝนกระบี่แสงสีเขียวที่สอดประสานแน่นหนาออกมา
สมาชิกหอวายุลมกรดข้างหลังต่างโจมตีออกไปอย่างห้าวหาญ
ครืน ตูม!
การโจมตีพลังเทพจำนวนมากโจมตีไปยังจอมเทพป้าหลงราวกับสัตว์ร้ายบรรพกาล
“ลมหายใจมังกรทำลายล้าง!”
จอมเทพป้าหลงกระตุ้นสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา เคลื่อนย้ายพลังดั้งเดิมมหาศาล พ่นเพลิงต้องห้ามสีดำออกมาจากปาก
ครืน บึ้ม! เพลิงดำนั้นแปรเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์สีดำ แผ่กระจายกลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งออกมา
พลังแข็งแกร่งสองกลุ่มปะทะเข้าด้วยกัน ก่อเป็นพายุโหมกระหน่ำหอบม้วนไปทั่วทุกทิศ
“เป็นไปได้อย่างไร?” สีหน้าเจ้าหอหงส์เพลิงที่อยู่ข้างๆ ฉายแววพรั่นพรึง
จอมเทพป้าหลงใช้กำลังคนเพียงคนเดียวต้านทานการโจมตีจากผู้แข็งแกร่งของสำนักวายุลมกรดทั้งหมดได้
พลังเช่นนี้มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง!
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สำนักวายุลมกรดได้แพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแน่!”
เจ้าหอหงส์เพลิงเปลี่ยนสีหน้าท่าทีไปเล็กน้อย
สำนักวายุลมกรดพ่ายแพ้ แน่นอนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา แต่หากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนตกไปอยู่ในมือของพวกจอมเทพป้าหลง หอหงส์เพลิงก็ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวความหวัง
หอหงส์เพลิงติดต่อสมาชิกคนอื่นอย่างลับๆ อธิบายแผนของตน และได้รับการสนับสนุนจากทุกคนทันที
“ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง!” จอมเทพเทียนจี้มองแผนของหอหงส์เพลิงออก ร่างกะพริบไหววูบออกมาทันที
วู้ม! ดวงตาของเขาโคจรขึ้น กฎเกณฑ์แห่งความตายอบอวลทั่วฟ้า ทั่วทั้งทะเลเพลิงหนักอึ้งขึ้น หมอกดำมหาศาลแทรกซึมเข้ามา
“ก็แค่ทายาทเนตรมรณะเท่านั้น!”
สีหน้าของเจ้าหอหงส์เพลิงเย็นชา โจมตีออกไปพร้อมกับสมาชิกคนอื่นที่เหลือ
เป็นเพียงแค่ทายาทเนตรเทพเจ้าเท่านั้น เมื่อเทียบกับสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาแล้วด้อยกว่าไม่น้อย
“เช่นนั้นรึ?” จอมเทพเทียนจี้หัวเราะเหยียดหยาม เมื่อพลิกฝ่ามือ ขนนกสีทองแดงอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นทันที
หลังกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน เปลวเพลิงในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ถูกมันเหนี่ยวนำมาทันที
“เกลียวน้ำวนเพลิงมรณะ!” จอมเทพเทียนจี้กระตุ้นเนตรมรณะ เพิ่มพลังของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนลงไปอีก แล้วปล่อยคลื่นวนมหึมาสีแดงเข้มออกมา
ครืน บึ้ม บึ้ม! คลื่นวนตลบม้วน พลังประเภททำลายล้างและเปลวเพลิงทำลายทุกสิ่งจนแหลกละเอียด
“เศษเสี้ยวนรกเพลิง!” เจ้าหอหงส์เพลิงตกใจจนร้องเสียงหลง
เขาคิดไม่ถึงว่าในมือของทายาทเนตรเทพเจ้าจะมีเศษเสี้ยวนรกเพลิงอยู่ด้วยชิ้นหนึ่ง
รวมกับมีเนตรมรณะระดับเนตรปฐมเทพ พลังของจอมเทพเทียนจี้ไปถึงจอมเทพขั้นสามแล้ว
ถังไป๋ที่อยู่ไกลออกมาตกใจเล็กน้อย “ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
สองคนที่ลงมือล้วนมีพลังจอมเทพขั้นสาม สตรีเย็นชาที่ยังไม่ได้ออกระบวนท่า พลังก็คงไม่ด้อยเช่นกัน
ในตอนนี้เอง ในหัวของถังไป๋ก็มีเสียงดังขึ้น “ถังไป๋ ในมือพวกมันมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน พวกเราร่วมมือกันจัดการพวกมัน หากได้มา ถึงตอนนั้นเราค่อยแบ่งกันคนละชิ้น”
คนที่ส่งกระแสจิตมาให้ถังไป๋ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้าหอหงส์เพลิงนั่นเอง
จอมเทพเทียนจี้เอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกมาไม่ได้สยบพวกเขา แต่กลับเพิ่มความละโมบให้มากยิ่งขึ้น
ถังไป๋ไม่ได้ตอบกลับ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าทั้งสามคนนี้จัดการยาก
“สหายถัง หากพวกเราร่วมมือกับสำนักวายุลมกรดและหอหงส์เพลิงโจมตีสามคนนี้ น่าจะได้ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ส่งกระแสจิตไปให้ถังไป๋
“พวกเราจะลงมือเมื่อใด?” จิตกระบี่ในกายของจอมเทพขวงเจี้ยนพวยพุ่ง
พวกเขาเฉยเมยนิ่งดูดาย รอตักตวงผลประโยชน์จากความวุ่นวายมาโดยตลอด บางทีเมื่อศึกชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนจบสิ้นลง พวกเขาอาจไม่มีโอกาสลงมือแล้ว
“ลงมือ!” ถังไป๋กัดฟันกรอด ร้องลั่นทันที
เขาก็ไม่ใช่คนที่ขี้ขลาดตาขาวเช่นเดียวกัน
“ดี!” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ ไล่โจมตีไปยังสตรีเย็นชาที่ยังไม่ได้ลงมือคนนั้น
ครั้นแล้วพวกถังไป๋ก็ตามออกมา
“รนหาที่ตาย!” ดวงตาสีแดงของสตรีเย็นชาจ้องเพ่งมา
วู้ม ฟู่! ลายขนนกสีทองแดงบนผิวกายของนางพลันลุกไหม้ แปรเปลี่ยนเป็นขนนกเพลิงปกคลุมร่างกายเอาไว้ ส่วนแขนทั้งสองของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นปีกไฟบดบังท้องฟ้า ปลดปล่อยพลังสายเลือดที่ร้อนระอุออกมา
ครืน ฟู่ ฟู่! เปลงเพลิงลุกโหมอย่างบ้าคลั่งในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์
ส่วนเศษเสี้ยวนรกเพลิงในมือของจอมเทพเสียอวี่ก็ยิ่งสั่นรุนแรงจนแทบจะทะลวงพันธนาการของเขาออกมาได้
“เผ่าวิหคทอง!” นัยน์ตาถังไป๋ฉายประกายไหววูบ
สมาชิกคนอื่นในกลุ่มก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เตรียมพร้อมสู้รบ
“ทั้งสามคนนี้มีพลังสายเลือดต่างแตกต่างกันไป เหตุใดจึงมารวมตัวอยู่ด้วยกันได้?”จ้าวเฟิงสงสัยเล็กน้อย
นอกเสียจากสามคนนี้จะอยู่ขั้วอำนาจเดียวกัน?
จ้าวเฟิงอดคาดเดาไม่ได้ว่าทั้งสามคนนี้น่าจะเป็นสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์หรือขั้วอำนาจที่เทียบเท่ากับแดนศักดิ์สิทธิ์
“ประตูผนึก!” มือทั้งสองของถังไป๋ประสานกระตุ้นเคล็ดวิชา ปล่อยพลังแปลกประหลาดถาโถมไปยังรอบกายสตรีเย็นชานางนั้น
วู้ม! แสงสีขาวบิดเบี้ยวก่อเป็นประตูสีขาววาววับบานหนึ่ง อักษรเผ่าผนึกเทพนับไม่ถ้วนพลันแผ่ไปยังประตูสีขาววาววับ สุดท้ายกลายเป็นประตูทั้งบานปิดล้อมเอาไว้
ผนึก! พลังพิเศษกลุ่มหนึ่งแทรกซึมเข้าไปในกายของสตรีเย็นชา ก่อนผนึกพลังทุกด้านของนาง
“สังหาร!” จ้าวเฟิงและสมาชิกคนอื่นฉวยโอกาสนี้โจมตีไปทันที
หากจ้าวเฟิงใช้พลังเทพรวมศูนย์ เกรงว่าจะทำให้จอมเทพป้าหลงจำได้ ในเมื่อตอนนั้นทั้งสองเคยประมือกันมาก่อน ด้วยเหตุนี้ จ้าวเฟิงจึงใช้เพียงพลังเทพทั่วไปโจมตี เป็นพลังเทพเทียบเท่ากับจอมเทพขั้นหนึ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกเล็กน้อย อีกอย่าง วิชาของถังไป๋เป็นวิชาผนึก วิชาโจมตีไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ชั่วขณะนั้น พวกเขาทั้งหลายรุมโจมตีไปยังสตรีเย็นชา แต่กลับไม่ได้เปรียบ ทว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็มีคนมาก หากยืดเยื้อต่อไปสตรีเผ่าวิหคทองจะต้องแพ้อย่างแน่นอน
“ดีมาก!” สีหน้าของจ้าวเฟิงลิงโลด มองไปยังอีกสองข้าง
ถึงแม้จอมเทพป้าหลงและจอมเทพเทียนจี้จะแข็งแกร่งมาก แต่คู่มือก็ใช่ว่าจะจัดการง่าย
‘เป็นเช่นนี้ต่อไป สามคนนี้จะต้องพ่ายแพ้!’ จ้าวเฟิงคิดวางแผนในใจ
หากจอมเทพป้าหลงและจอมเทพเทียนจี้พ่ายแพ้ เขาจะสามารถเปิดเผยตัวตนอย่างไม่ต้องกังวลใดๆ และสำแดงไพ่ตายสังหารพวกเขาไปพร้อมๆ กัน
สมาชิกหอหงส์เพลิงและสำนักวายุลมกรดก็จะยินดีเป็นอย่างมากเช่นกัน
ในฝั่งศัตรูสามคน จอมเทพป้าหลงและจอมเทพเทียนจี้ต่างมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนขอเพียงแค่สังหารพวกเขา ถึงตอนนั้นจะมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนถึงสามชิ้น หอหงส์เพลิง สำนักวายุลมกรด และถังไป๋ แบ่งกันไปคนละชิ้นก็สามารถทำได้
ยามนี้พวกจอมเทพป้าหลงค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พ่ายแพ้กันไปติดๆ
จ้าวเฟิงอดรนทนไม่ไหวเต็มที เตรียมจะสำแดงพลังทั้งหมดสังหารพวกเขาทุกเวลา
แต่จู่ๆ จอมเทพป้าหลง จอมเทพเทียนจี้ และสตรีเผ่าวิหคทองคนนั้นกลับหัวเราะเย้ยหยันออกมาพร้อมกัน ก่อนจะมองมายังจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง ไม่เจอกันเสียนาน พลังของเจ้าถดถอยลงจนถึงขั้นนี้เชียวรึ?” เสียงแหบแห้งของจอมเทพเทียนจี้ลอยมา
ครั้นได้ยินประโยคนี้ จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
‘แย่แล้ว พวกเขารู้ตัวตนของข้านานแล้วนี่!’
ฝั่งศัตรูทั้งสามรู้ตัวตนของจ้าวเฟิงมาแต่แรกเริ่ม กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ จะต้องมีเหตุอะไรแน่นอน ตอนนี้จอมเทพเทียนจี้พลันเผยความจริงออกมา จ้าวเฟิงจึงเกิดความรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย