Skip to content

King of Gods 1476

King Of Gods

บทที่ 1476 ทูตสวรรค์

ในตอนนี้ จอมเทพเทียนจี้ยิ้มชั่วร้ายน่าขนลุก ตะโกนบอกตัวตนที่แท้จริงของจ้าวเฟิงออกมา

“จ้าวเฟิง?”

ร่างของถังไป๋ชะงัก รู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างจะคุ้นหู

“จ้าวเฟิง ผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าตามข่าวลือก็มีชื่อนี้เหมือนกัน!”

แววตาของจอมเทพขวงเจี้ยนฉายประกายวาววับ มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่!”

ถังไป๋เงยหน้าทันใด จ้องไปยังจ้าวเฟิงอย่างตื่นตะลึง

ในขณะเดียวกันนี้เอง เจ้าหอหงส์เพลิงอีกทั้งเจ้าสำนักวายุลมกรดต่างอึ้งไปเช่นกัน จะอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึง จอมเทพลึกลับที่หลอกพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลับเป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าที่เล่าลือกัน

หากรู้เรื่องนี้แต่แรก พวกเขาจะมัวมาชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนทำไม จะตั้งเป้าหมายไว้ที่จ้าวเฟิงเป็นอันดับแรกแน่นอน

หากมีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็สามารถกลายเป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า แค่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนจะมาเทียบอะไรได้

‘หนี!’ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของจ้าวเฟิง

พวกจอมเทพป้าหลงทั้งสามคนจะต้องมีแผนอะไรแน่นอน

อีกทั้งตอนนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย คนอื่นต้องวางมือจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมาจัดการเขาแน่

“สายไปแล้ว!” มุมปากของจอมเทพป้าหลงยกยิ้มชั่วร้าย

“หืม?” จู่ๆ เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสายเลือดที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง

“แย่แล้ว มีผู้แข็งแกร่งคนอื่นอีก นี่คือแผนของพวกเขางั้นรึ?”

ในที่สุดจ้าวเฟิงก็ได้รู้ว่าเหตุใดพวกจอมเทพป้าหลงจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขาเพราะเป้าหมายของพวกเขาก็คือยื้อจ้าวเฟิงเอาไว้ และรอการมาเยือนของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง

ในตอนนี้เอง จอมเทพเทียนจี้ จอมเทพป้าหลง และสตรีเผ่าวิหคทองปะทุสายเลือดพลังเทพขึ้นทำลายพันธนาการของคนอื่นๆ

ฟิ้ว ฟิ้ว~ พวกเขาทั้งสามมาถึงยังข้างหลังจ้าวเฟิง ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป

“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าหอหงส์เพลิงมองไปยังที่ไกลๆ ร่างสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ในฐานะที่เป็นจอมเทพขั้นสอง เสี้ยวขณะนี้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่งที่กำลังใกล้เข้ามา

“แย่แล้ว!” เจ้าสำนักวายุลมกรดมีสีหน้าหนักอึ้ง ถอยไปข้างหลังทันใด

สายเลือดเผ่าผนึกเทพในกายของถังไป๋ก็สั่นสะท้านเตือนเขาเช่นกัน

ทันใดนั้น คลื่นวนมิติก็ปรากฏขึ้นตรงที่ไม่ไกลนัก

ขวับ! ชายสูงใหญ่ชุดขาวที่ตัวอยู่ในแสงเทพสีขาวเป็นชั้นๆ ปรากฏกายขึ้นในท้องฟ้า

วู้ม ครืน!

เสี้ยวขณะนี้ ฟ้าดินพลันสั่นไหว กดดันเป็นอย่างมาก เปลวเพลิงทั่วทั้งมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ถูกสะกดไว้หลายร้อยจั้ง ทั่วบริเวณล้านลี้ สรรพชีวิตล้วนถูกกดทับจากพลังที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง

ผู้ที่พลังฝึกตนต่ำกว่าจอมเทพยิ่งล้มลุกคลุกคลานไปบนพื้น ตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด

“จอมเทพขั้นสาม!” จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน

ถึงแม้จะไม่เคยเห็นจอมเทพขั้นสามมาก่อน แต่เขาก็มั่นใจได้ คนที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นคนนี้เป็นขั้นสามแน่นอน กระทั่งอาจเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งกว่านั้น

วูบ! จ้าวเฟิงกระตุ้นกฎเกณฑ์มิติ แปลงกายเป็นลำแสงถอยไปข้างหลัง

ชั่วขณะนี้ ความเร็วของจ้าวเฟิงสูงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ฝันไปเถอะ!” จอมเทพป้าหลง สตรีเผ่าวิหคทอง และจอมเทพเทียนจี้ปะทุสายเลือดพลังเทพในกายออกมา ก่อขึ้นเป็นฉากกั้นขนาดมหึมาขวางเอาไว้ข้างหน้า

ถึงแม้ ‘ทูตสวรรค์’ จะปรากฏตัวขึ้นแล้ว จ้าวเฟิงหนีไปไหนไม่รอด แต่ตอนนี้คือช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้แสดงฝีมือ ถึงแม้รู้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์แต่พวกเขาก็ต้องทำ

“ไสหัวไป!” กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิงฟันประกายดาบหลายร้อยสายออกมาในชั่วพริบตา

ครืน ตูม บึ้ม!

ประกายกระบี่รวมศูนย์ส่วนมากฟันไปยังร่างของสตรีเผ่าวิหคทอง เฉือนเป็นรอยแผลมากมาย แต่แผลพวกนี้พลันมีเปลวเพลิงสีทองแดงลามเลีย บาดแผลก็สมานตัวอย่างช้าๆ

เผ่าวิหคทองอยู่อันดับแปดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มี ‘กายเพลิงอมตะ’ บาดแผลที่ได้รับหนักเพียงใดก็ล้วนสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

กระทั่งว่ากันว่า ต่อให้ทั่วทั้งร่างถูกทำลายก็สามารถ ‘ถือกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน’ ได้

“กายเพลิงอมตะแล้วอย่างไร?” จ้าวเฟิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งออกไปพร้อมด้วยหลุมอัสนีรวมศูนย์ เพลิงวิหคทองทั้งหมดตามรายทางถูกหลุมอัสนีรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงบิดม้วนและสูบกิน

ขณะนี้จ้าวเฟิงปะทุความเร็วสูงที่สุดและพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา

ครืน บึ้ม! จ้าวเฟิงพุ่งปะทะร่างของสตรีเผ่าวิหคทอง พลังแข็งแกร่งของหลุมอัสนีเทวะรวมศูนย์โจมตีออกมาทันที ต่อให้เป็นความเร็วในการฟื้นฟูของกายเพลิงอมตะก็สู้ความเร็วในการทำลายของจ้าวเฟิงไม่ได้

ขณะเดียวกัน ฝ่ามือของจ้าวเฟิงพลิกขึ้น หยิบเอาแผ่นกระจกสีขาววาววับออกมา

เมื่อกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน พลังกฎเกณฑ์มิติโอบล้อมไปยังร่างของสตรีเผ่าวิหคทอง ทำให้พลังต้านทานกับพลังสมานตัวของนางลดลงทันใด

“คมดาบกาลเวลา!” จ้าวเฟิงกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน วาดคมมีดเลือนรางสีขาวสะอาดส่งไปหลายสาย

สตรีเผ่าวิหคทองคนนั้นร้องอย่างน่าอนาถ เปลวเพลิงบนร่างอ่อนกำลังลง เผยให้เห็นร่างอ้อนแอ้นยั่วยวนที่มีเลือดอาบ

เมื่อเห็นภาพนี้ จอมเทพที่เหลือตรงนั้นสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“มันมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนอย่างนั้นรึ!” เจ้าสำนักวายุลมกรดและเจ้าหอหงส์เพลิงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาไม่มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อมัน แต่จ้าวเฟิงที่เป็นจอมเทพขั้นหนึ่งกลับมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทเวลาในครอบครอง

แต่ว่าทั้งหมดนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?

ถังไป๋อดทอดถอนใจไม่ได้ เขาย่อมมองออกว่าจอมเทพขั้นสามปรากฏตัวขึ้นกะทันหันก็เพื่อจับจ้าวเฟิง

“หึ!” ทูตสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยื่นฝ่ามือออกไป กฎเกณฑ์และพลังเทพที่แข็งแกร่งแผ่มายังรอบกายจ้าวเฟิง ชั่วเวลานั้น หลุมอัสนีรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงถูกพลังแข็งแกร่งไร้เทียมทานโจมตีจนรูปร่างเปลี่ยนไป

“ไม่ ยังมีโอกาสอยู่!”

สายตาของจ้าวเฟิงจ้องเพ่ง พลังเนตรเทพมายาดั้งเดิมขับเคลื่อนออกมา

“เปลี่ยนมายา!” หมอกแสงมายาเป็นชั้นๆ หมุนวนออกมาจากตาซ้าย ก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในฟ้าดิน

ส่วนตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็กลายเป็นสีพร่างพรายโดยสมบูรณ์แบบ

โลกเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนไปราวกับภาพความฝัน รวมถึงสตรีเผ่าวิหคทองเบื้องหน้า เปลวไฟบนร่างถูกย้อมเป็นสีรุ้งเช่นกัน

“ทำลาย!” เขาชี้นิ้วออกไป ทั้งยังโคจรพลังความคิด

“เกิดอะไรขึ้น?”

ดวงตาของสตรีเผ่าวิหคทองเบิกกว้าง รู้สึกถึงอันตรายแห่งความตาย

ฟู่! เปลวเพลิงบนร่างของนางหายวับไป จากนั้นแขนก็หายไปทีละน้อย

ภายใต้อันตรายความเป็นความตาย สตรีเผ่าวิหคทองกระตุ้นพลังทุกชนิดเพื่อต้านทาน สุดท้ายนางก็พบว่ามีเพียงกฎเกณฑ์เท่านั้นที่สามารถต้านทานการหายไปอย่างแปลกประหลาดนี้ได้

ณ ท้องฟ้าไกลลิบ สายตาของทูตสวรรค์ฉายประกายคมกล้า

“นี่คือพลังของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหรือ?”

แม้กระทั่งเขาก็มองไม่ออกว่าร่างของสตรีเผ่าวิหคทองหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร

“ว่ากันว่าสายเลือดเนตรเทพเจ้าเทียบได้กับบรรพชนผู้ให้กำเนิดสายเลือดบรรพกาลสิบอันดับแรก!”

สีหน้าของทูตสวรรค์ฉายแววมุ่งมาดปรารถนา จากนั้นสายตาของเขาก็จ้องไปยังร่างของจ้าวเฟิง

ครืน! ตอนนี้เขากระตุ้นพลังสายเลือดในกาย ปะทุกลิ่นอายบรรพกาลที่เก่าแก่บริสุทธิ์ออกมา

ถึงแม้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจะเป็นเพียงแค่จอมเทพขั้นหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ประมาทแม้แต่น้อย แม้กระทั่งสายเลือดก็ยังกระตุ้นขึ้นโดยพลัน

ครืน! กลิ่นอายสายเลือดพวยพุ่งไปยังขอบฟ้า ปั่นป่วนไปทั่วทั้งมหาสมุทรเพลิงสวรรค์

ร่างของเขาค่อยๆ อ่อนจางลง กายช่วงล่างหายไปกลายเป็นหมอกแสงที่บิดเบี้ยวมืดหม่น

ร่างทั้งร่างของทูตสวรรค์ขยายใหญ่ถึงสิบจั้งในชั่วพริบตา

วู้ม ครืน!

พลังแข็งแกร่งดั้งเดิมปะทุออกมาจากในกายของทูตสวรรค์ หอบม้วนไปยังทั่วทุกทิศในฟ้าดิน

เสี้ยวขณะนั้น สรรพชีวิตในโลกที่สืบทอดสายเลือดมาต่างส่งเสียงร้องน่าสังเวชอย่างหวาดกลัว

วิหคเพลิงมากมายในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ร่างกายบิดเบี้ยว ถึงขนาดระเบิดตัวออกภายใต้พลังสายเลือดกลุ่มนี้

อั้ก~ จอมเทพหลายคนที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับทูตสวรรค์ต่างกระอักเลือด ส่งเสียงร้องขึ้นจมูก

“สายเลือดกลุ่มนี้ หรือจะเป็นสายเลือดอันดับหกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…”

แม้แต่เลือดในกายของถังไป๋ก็ยังพุ่งพล่านขึ้นเช่นกัน

จ้าวเฟิงที่อยู่ไกลออกไปก็ได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อยเช่นกัน

ครืน! ทูตสวรรค์โคจรพลังเทพทรงพลังแล้วผลักฝ่ามือออกไป เห็นเพียงพลังเทพที่มืดหม่นและบิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่งพุ่งทะยาน

ครืน วูบ วูบ!

ฟ้าดินสั่นไหว พลังเทพมืดหม่นบิดเบี้ยวกลุ่มนั้นดูดซับพลังทั้งหมดในท้องฟ้า

ลักษณะการสูบกินของพลังเทพกลุ่มนี้ค่อนข้างคล้ายกับพลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิง แต่ทรงพลังยิ่งกว่า

“พลังเทพแข็งแกร่งนัก!”

พลังเทพในกายของเจ้าหอหงส์เพลิงสั่นสะท้านรุนแรง

คนต่ำกว่าจอมเทพขั้นสองลงมายิ่งรู้สึกว่าพลังเทพของตนแทบจะแข็งตัว ไม่อาจขับเคลื่อนได้เลย

พลังบิดเบี้ยวมืดหม่นแผ่กระจายมาถึงรอบกายจ้าวเฟิง

ครืน บึ้ม! หลุมอัสนีรวมศูนย์รอบกายเขาบิดม้วนแล้วแหลกสลายทันที

“ตายเสีย!” จ้าวเฟิงกัดฟัน พลังมายาดั้งเดิมทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง

พลังของเนตรเทพมายาและพลังความคิดยกระดับขึ้นขั้นหนึ่งทันใด

ฟู่! ความเร็วในการหายไปของร่างสตรีเผ่าวิหคทองเพิ่มขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว

“หืม?” แววตาของทูตสวรรค์อึ้งตะลึง

ถึงแม้เขาจะขังจ้าวเฟิงเอาไว้ แต่วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงและพลังกฎเกณฑ์เวลากลับไม่หยุดลงด้วย

ตอนนี้ร่างและวิญญาณของสตรีเผ่าวิหคทองสลายไปกว่าครึ่งแล้ว อ่อนแอยิ่งนัก

“สังหาร!” จ้าวเฟิงกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทเวลา ปล่อยลำแสงโจมตีออกไป

ครืน! คมดาบสีขาววาวระยับฟันไปยังสตรีเผ่าวิหคทองที่บาดเจ็บหนักจนร่างแหลกสลายไปทันที อีกทั้งผลจากพลังเวลาต่อชั้นวิญญาณรุนแรงมาก วิญญาณของนางก็แตกดับไปแล้วเช่นกัน

ฟุ่บ! หลังจากสังหารไปคนหนึ่ง จ้าวเฟิงก็โคจรพลังโบยบินสุดกำลัง

“ตายแล้ว?” จอมเทพเทียนจี้และจอมเทพป้าหลงตัวสั่นสะท้าน

แต่เดิมพวกเขาคิดว่าทูตสวรรค์อยู่ที่นี่คงไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เกินกว่าการคาดเดาของพวกเขา

“อะไรกัน?” สายตาของทูตสวรรค์ตะลึงงัน โทสะพวยพุ่ง จ้าวเฟิงสังหารบริวารของเขาภายใต้สายตาเขา

“โซ่พลังรวมศูนย์!” ทูตสวรรค์ประกบมือ ควบคุมพลังเทพที่มืดหม่นบิดเบี้ยว

ฟู่ ฟิ้ว!

พลังเทพบิดเบี้ยวมืดหม่นกลุ่มนั้นแผ่กระจายแรงดูดที่แข็งแกร่งยิ่ง แม้แต่ฟ้าดินก็ยังเกิดคลื่นวนที่บิดเบี้ยวขึ้นมา พลังเทพกลุ่มนั้นพุ่งไปข้างหน้า บีบเข้าใกล้จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยผลกระทบจากแรงดูดที่แข็งแกร่ง การเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงถูกขัดขวาง

วู้ม! พริบตาเดียว พลังเทพที่มืดหม่นวุ่นวายกลุ่มนี้ก็ก่อร่างเป็นมิติทรงกลมที่พิเศษขึ้น แล้วขังจ้าวเฟิงเอาไว้ข้างใน

ครืน บึ้ม! จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพ ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่เขาพบว่าพลังเทพรวมศูนย์ของตัวเองไม่ได้สร้างผลกระทบกับพลังเทพของจอมเทพขั้นสามแม้แต่น้อย กระทั่งในตอนที่ทะลักพลังเทพรวมศูนย์ออกมา ก็ถูกพลังเทพของอีกฝ่ายดูดซับเอาไว้

“นี่คือพลังเทพอะไรกัน แม้แต่พลังเทพรวมศูนย์ของข้าก็ยังทำอะไรไม่ได้”

จ้าวเฟิงค่อนข้างตกใจ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็มีวิธีรับมืออยู่ นั่นก็คือเนตรเทพมายา เขาเชื่อว่าเนตรเทพมายาทำลายล้างจะต้องมีผลกับมันอย่างแน่นอน

“ช่างเป็นการดิ้นรนที่ไร้ค่านัก!”

ทูตสวรรค์หัวเราะเหยียดหยาม มืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปปลดปล่อยพลังเทพแข็งแกร่ง

พลังเทพที่มืดหม่นบิดเบี้ยวผสานเข้าไปในลูกทรงกลมที่ขังจ้าวเฟิงไว้

ทันใดนั้น ทั่วกายของจ้าวเฟิงก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งกดทับ พลังกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ดูดซับพลังเทพบนร่างของเขาเท่านั้น แต่ยังทรมานเขาไม่หยุด ทำให้เขาไม่อาจเยือกเย็นได้อีกต่อไป

ฟุ่บ! ทูตสวรรค์มายังข้างกายจ้าวเฟิงทันที

ลูกทรงกลมมืดหม่นที่ขังจ้าวเฟิงเอาไว้ค่อยๆ หดเล็กลง เปลี่ยนเป็นลูกทรงกลมเล็กๆ ลอยมาในมือของทูตสวรรค์ จากนั้นทูตสวรรค์กระตุ้นเคล็ดวิชา สำแดงตราผนึกหลายสายแทรกซึมเข้าไปข้างใน

“ขอแสดงความยินดี ท่านทูตสวรรค์สามารถจับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้อย่างราบรื่น!”

จอมเทพป้าหลงและจอมเทพเทียนจี้ต่างคุกเข่าลงด้วยใบหน้าเคารพนบนอบ

ผู้ที่เป็นทูตสวรรค์ได้ จะต้องเป็นผู้ที่สุดยอดที่สุดในจอมเทพขั้นสามอย่างแน่นอน การผสานสายเลือด กำลังรบ เคล็ดวิชาด้านต่างๆ ทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

“ท่านทูตสวรรค์ คนพวกนี้จะทำอย่างไร?”

สายตาของจอมเทพป้าหลงกวาดไปรอบด้าน

เวลานี้ สีหน้าของจอมเทพทั้งหมดที่นั่นในฉายแววหวาดกลัว จอมเทพขั้นหนึ่งอีกหลายคนยิ่งขาสั่นจนยืนไม่อยู่

“ฆ่าทิ้งให้หมด!” สีหน้าของทูตสวรรค์ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version