Skip to content

King of Gods 1477

King Of Gods

บทที่ 1477 เข้าถ้ำเสือ

“ฆ่าทิ้งให้หมด!”

สีหน้าของทูตสวรรค์ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าความตายของจอมเทพพวกนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยด้อยค่า ไม่สลักสำคัญสำหรับเขา

เมื่อทูตสวรรค์พูดออกไปเช่นนี้ หัวใจของคนที่เหลือที่นั่นสั่นสะท้าน

“ไม่…เจ้าไม่กล้าฆ่าพวกเราหรอก พวกเราคือขั้วอำนาจห้าดาวของเขตลำนำดารา!”

สีหน้าของเจ้าหอหงส์เพลิงฉายแววหวาดกลัว อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจอมเทพขั้นสามจะพูดว่าจะฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดเช่นนี้

ต้องรู้ว่าพวกเขาต่างเป็นขั้วอำนาจห้าดาวของเขตลำนำดารา หากตายทั้งหมดจะสร้างผลกระทบต่อพลังของเขตลำนำดาราอย่างมหาศาล

แดนศักดิ์สิทธิ์ของลำนำดาราจะต้องโมโหเป็นอย่างมากแน่นอน

หรือคนเบื้องหน้าพวกนี้จะไม่เกรงกลัวแดนศักดิ์สิทธิ์?

“รับทราบ!” จอมเทพป้าหลงกับจอมเทพเทียนจี้ไม่ประหลาดใจเท่าใด เหมือนกับว่าคำตอบของทูตสวรรค์อยู่ในการคาดการณ์ของพวกเขาอยู่แล้ว

เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เรื่องนี้สำคัญนัก

เทียบกับการยุแหย่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์โมโห การรักษาข่าวที่เขาจับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้เอาไว้สำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นคนทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์นี้ต้องตาย!

“สถานการณ์ไม่สู้ดี…” ใจของจอมเทพขวงเจี้ยนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

ตอนนี้แม้แต่ขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสองของเขตลำนำดารายังหวาดกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาซึ่งเป็นจอมเทพที่ไม่ขึ้นกับขั้วอำนาจใดเลย

“แย่แล้ว…” จอมเทพคนอื่นๆ เช่นพวกเจ้าหอหงส์เพลิงและเจ้าสำนักวายุลมกรดสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ไร้รูปร่าง พวกเขาเชื่อว่าจอมเทพขั้นสามคนนี้ต้องการจะฆ่าพวกตนจริงๆ

“หนี!” สายเลือดพลังเทพของเจ้าสำนักวายุลมกรดเดือดพล่าน ทั่วร่างเปล่งแสงลมกรดชั้นหนึ่งออกมา เตรียมตัวหนีไป

ผู้แข็งแกร่งที่เหลือต่างสำแดงไพ่ตายรักษาชีวิตออกมา

ภาพที่จอมเทพขั้นสามคนลงมือเมื่อครู่ยังฝังอยู่ในหัวของพวกเขา ต่อให้จอมเทพขั้นสองทั้งหมดที่นั่นร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่มือของทูตสวรรค์อยู่ดี

อีกอย่างนอกจากจอมเทพขั้นสามคนนั้นแล้ว ยังมีจอมเทพป้าหลงและจอมเทพเทียนจี้ที่พลังแข็งแกร่งนั่นอีก

สามารถพูดได้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นั่นไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย

“อย่าได้คิดจะหนีแม้แต่คนเดียว!” สายตาทูตสวรรค์เย็นชา เขากางแขนสองข้าง ปลดปล่อยพลังเทพปั่นป่วนยุคดึกดำบรรพ์ออกมาเหนี่ยวนำพลังทุกอย่างในฟ้าดิน

วู้ม ครืน!

พลังฟ้าดินทั้งหมดในบริเวณล้านลี้สั่นสะเทือน ถูกทูตสวรรค์ควบคุมเอาไว้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนอื่นที่เหลือสูญเสียการสนับสนุนจากพลังฟ้าดิน พลังแท้จริงลดลงมาก

แน่นอนว่าเรื่องยังไม่จบสิ้น

ทูตสวรรค์ควบคุมพลังทั้งหมดในบริเวณนี้ และหลอมปราการสลัวรางขึ้นเชื่อมต่อกันนอกบริเวณล้านลี้ สร้างเป็นพื้นที่ปิดล้อม

เสี้ยวขณะนี้ ทุกคนล้วนถูกขังอยู่ที่ใจกลางของมหาสมุทรเพลิงสวรรค์

“ทำลาย!” เจ้าสำนักวายุลมกรดมาถึงชายขอบของปราการก่อน เขาโคจรกฎเกณฑ์สายลมและพลังเทพ แทงพายุแสงกระบี่สีเขียวเป็นชั้นๆ ออกไป

ครืน ตูม บึ้ม!

กระบวนท่าโจมตีที่แข็งแกร่งของจอมเทพขั้นสองซัดไปยังปราการมืดหม่นที่ทูตสวรรค์สร้างขึ้น แต่ทว่าการโจมตีของเจ้าสำนักวายุลมกรดยังไม่ทันได้เข้าใกล้ พลังในนั้นก็ถูกปราการมืดหม่นกลืนกินไป

ในยามที่พายุแสงกระบี่โจมตีลงบนปราการ

เจ้าสำนักวายุลมกรดรู้สึกว่าปราการนั้นดูดซับพลังของพายุแสงกระบี่สีเขียวไปส่วนหนึ่ง และพลังที่เหลือจากการโจมตีก็ไม่มากพอที่จะทำลายปราการแล้ว

“บัดซบ พลังที่ยืดหยุ่นและกลืนกินทุกสิ่งนี่มัน…พลังรวมศูนย์!”

สีหน้าเจ้าสำนักวายุลมกรดร้อนรน

ยามนี้เขามั่นใจแล้วว่าจอมเทพขั้นสามคนนั้นคือ ‘เผ่าทำนุฟ้า’ ที่อยู่ในอันดับหกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

หากพูดถึงพลังดั้งเดิม พลังรวมศูนย์บริสุทธิ์ที่เผ่าทำนุฟ้ามีแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ กระทั่งว่าอยู่ในสามอันดับแรกด้วยซ้ำ

“สมกับที่เป็นทูตสวรรค์ที่หลอมรวมสายเลือด ‘เผ่าทำนุฟ้า’ แล้ว พลังนี้แข็งแกร่งจริงๆ!”

จอมเทพเทียนจี้ทอดถอนใจ

เผ่าทำนุฟ้าเป็นสายเลือดบรรพกาลที่หลอมรวมได้ยากยิ่ง ทูตสวรรค์เบื้องหน้าคนนี้หลอมสายเลือดเผ่าทำนุฟ้าได้มากถึงห้าส่วน ด้วยเหตุนี้จึงได้เป็นทูตสวรรค์

ฟุ่บ! ฟุ่บ! จอมเทพเทียนจี้และจอมเทพป้าหลงลงมืออย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทูตสวรรค์สกัดคนทั้งหมดไว้ได้อย่างราบรื่นแล้ว ต่อไปก็แค่จัดการทีละคนเมื่อครู่ในตอนที่หลบหนี หลายคนหนีกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ ตอนนี้พวกเขาแยกกันอยู่ หากเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นจอมเทพเทียนจี้และจอมเทพป้าหลงก็แทบจะไม่มีแรงต่อต้าน

แน่นอน พลังในพื้นที่ที่ทูตสวรรค์ควบคุมไปตามอารมณ์ก็สามารถลงมือโจมตีได้เช่นกัน

เสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นไม่ขาดสาย จอมเทพดับดิ้นกันไปคนแล้วคนเล่า

“หึ คนเช่นเจ้าก็คู่ควรที่จะครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนอย่างนั้นรึ?”

จอมเทพป้าหลงซัดมังกรยักษ์เพลิงทมิฬออกไปกลืนร่างของจอมเทพเสียอวี่

ครืน! เขาพุ่งออกไปทันที แล้วแย่งเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนนรกเพลิงมาจากมือของจอมเทพฝ่ายตรงข้าม

“ไม่…” ร่างของจอมเทพเสียอวี่ไหม้เกรียม ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

อุตส่าห์ชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมาได้ทั้งที ตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกชิงไป แม้กระทั่งชีวิตก็ยังต้องทิ้งไว้ที่นี่ ยามนี้เขานึกเสียใจภายหลังมากยิ่งนัก

แต่เรื่องทั้งหมดไม่อาจพลิกผันได้แล้ว!

อีกด้านหนึ่ง “ฮ่าๆ เผ่าผนึกเทพ ตามข้าไปเสียดีๆ เถอะ!”

เนตรมรณะของจอมเทพเทียนจี้จ้องเพ่งไปยังร่างของถังไป๋

“เฮ้อ!” ถังไป๋ถอนหายใจปลงอนิจจัง คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายศึกชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนจะเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้

เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า การปรากฏตัวขึ้นของผู้ครอบครองสายเลือดเผ่าวิหคทองและเผ่ามังกรล้างโลกา อีกทั้งจอมเทพขั้นสามสายเลือดเผ่าทำนุฟ้า ต่อให้เป็นเขาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอดก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน

“หึ รู้ว่าไม่มีปัญญาต้านทานก็ยอมเสียเถอะ!”

จอมเทพเทียนจี้หัวเราะเยาะหยัน

เขาคิดว่าที่ถังไป๋ทอดถอนใจก็เพราะรู้สึกไร้ความสามารถ

“ข้าไปก่อนก็แล้วกัน ไม่เล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าแล้ว!”

สีหน้าของถังไป๋เปลี่ยนไปทันใด ก่อนป้ายหยกสีขาวทองจะปรากฏขึ้นในมือ

เหตุที่เขาทอดถอนใจก็เพราะไม่อยากใช้ไพ่ตายใบนี้ จอมเทพเทียนจี้เข้าใจผิดไปอย่างสิ้นเชิง

วู้ม! ป้ายหยกสีขาวทองส่องแสงสีขาวทองเจิดจ้า มือยักษ์สีขาวที่เปล่งแสงทองข้างหนึ่งพลันพุ่งออกมา

“แย่แล้ว!” จอมเทพเทียนจี้หน้าเปลี่ยนสีไปทันที รีบถอยไปข้างหลัง

พลังที่แผ่ออกมาจากในป้ายหยกทำให้เขากลัวเกรงยิ่งนัก

ครืน ฟู่~ มือยักษ์แสงทองพุ่งออกมาจากในป้ายหยกพร้อมด้วยพลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ก่อนจะชี้นิ้วไป

ครืน บึ้ม!

ปราการสลัวรางถูกทะลวงกลายเป็นรูใหญ่ขึ้นทันที

ขณะเดียวกัน พลังของทั้งปราการก็ถูกคลื่นพลังผนึกกลุ่มหนึ่งแผ่กระทบจนอานุภาพลดลง

วู้ม ฟู่ ฟู่!

ร่างของถังไป๋ได้รับการสนับสนุนจากพลังเทพสีขาวระยิบระยับนี้ พลังแท้จริงจึงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

แต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ยังไม่มีทางเป็นคู่มือของทูตสวรรค์ได้

ฟิ้ว! เขาแปลงเป็นลำแสงเร็วรี่สายหนึ่งหายไปในฟ้าไกล

หลังจากที่หนีมาได้ระยะหนึ่ง ถังไป๋สัมผัสได้ว่าไม่มีคนตามมาแล้ว จึงค่อยใช้เคลื่อนย้ายมิติหนีไปไกล

“เผ่าทำนุฟ้าไยจึงสนใจเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?”

ถังไป๋สงสัยเป็นอย่างมาก จากที่เขารู้มา เผ่าทำนุฟ้าในยุคบรรพกาลคือผู้รักสันติ

น้อยครั้งที่เผ่านี้จะเข้าร่วมช่วงชิงผลประโยชน์ในยุทธภพ แต่จะออกเดินทางฝึกฝนไปในจักรวาล ซ่อมแซมรอยรั่วของฟ้าดิน รักษาครรลองคลองธรรมของทั้งจักรวาลเอาไว้

คิดไม่ถึงว่าเผ่านี้จะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งยังลงมือกับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

แต่ถังไป๋รู้สึกว่าผู้ครอบครองสายเลือดทำนุฟ้าทำให้เขารู้สึกพิกลนัก บางทีอาจจะมีเงื่อนงำอื่นซ่อนอยู่

ในใจกลางมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ ตรงรูโหว่ของปราการเลือนราง

“นายท่าน ข้าน้อยไร้ความสามารถ ปล่อยให้มันหนีไปได้…”

จอมเทพเทียนจี้เอ่ยอย่างลนลาน

“ไม่เป็นไร!” ทูตสวรรค์มีสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นหมุนตัวจากไป

จู่ๆ ถังไป๋ก็สำแดงไพ่ตายทำลายปราการมิติของเขา กระทั่งสร้างผลกระทบกับพลังทั้งหมดของปราการ

เมื่อครู่เขาก็สามารถไล่ตามไปได้ แต่หากทำเช่นนั้นคนอื่นๆ ที่เหลือในที่มิติแห่งนี้ก็จะหนีไปได้เหมือนกัน ปล่อยคนมากกว่าไปเพื่อจับคนคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่คุ้มค่า

ฟุ่บ! ทูตสวรรค์มุ่งหน้าไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว และสังหารผู้รอดชีวิตทีละคน

“ไป!” หลังทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ทั้งสามก็สำแดงเคลื่อนย้ายมิติจากไปทันที

นับจากนี้ ศึกช่วงชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์จะกลายเป็นปริศนา ว่ากันว่าจอมเทพที่ช่วงชิงเศษเสี้ยวอาวุธตายในนั้นทั้งหมด ไม่มีใครได้กลับมาสักคน

เรื่องนี้ถึงขั้นทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ของเขตลำนำดาราแตกตื่น พวกเขายังส่งจอมเทพมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะด้วย

……

อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงที่ถูกทูตสวรรค์จับมาตามพวกเขาทั้งสามไปยังที่ที่ไม่รู้จัก

‘พวกมันฆ่าคนพวกนั้นเสียเกลี้ยง!’

จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

ถึงแม้จะถูกทูตสวรรค์ขังไว้ในเคล็ดวิชาพิเศษ แต่เขาสามารถรับรู้เหตุการณ์ข้างนอกได้

พวกจอมเทพป้าหลงสังหารผู้นำระดับสูงของขั้วอำนาจห้าดาวทั้งหมดอย่างไม่กังวลสักนิด

นอกจากนั้น หลังจากที่ถูกทูตสวรรค์จับได้ พลังทั้งหมดในกายของจ้าวเฟิงถูกลูกทรงกลมมืดหม่นที่ขังเขาเอาไว้ดูดซับไป

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทูตสวรรค์จึงคลายความระแวงต่อจ้าวเฟิงลง

แน่นอน ถึงแม้ตอนนี้จ้าวเฟิงจะถูกอีกฝ่ายจับไว้ พลังเทพในกายก็ถูกดูดจนแห้ง แต่เขาก็ไม่ลนลาน

เพราะเขายังมีวิธีหนีออกไปอีก นั่นก็คือ ‘ส่งวิญญาณ’

นี่คือความสามารถพิเศษของเนตรเทพมายา เพียงแค่มีพลังมายาและพลังความคิดก็สามารถใช้ได้แล้ว

“ไม่ต้องรีบร้อนไป ไปดูขั้วอำนาจที่พวกเขาอยู่สักหน่อย สืบตื้นลึกหนาบางสักนิด!”

จ้าวเฟิงไม่รีบร้อนจากไป

ขั้วอำนาจที่อยู่เบื้องหลังจอมเทพป้าหลงแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทั้งยังจะครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าให้ได้ ถูกขั้วอำนาจเช่นนี้จับจ้อง เล่นเอาเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ สิ่งที่สำคัญคือเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับขั้วอำนาจนี้เลยสักนิด ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงวางแผนว่าจะเข้าถ้ำเสือเพื่อสืบสถานการณ์สักหน่อย หากรู้อะไรเกี่ยวกับขั้วอำนาจนี้บ้าง ยามรับมือก็จะง่ายขึ้นเยอะ

หลังจากนั้นหนึ่งวัน ทั้งสามก็มาถึงยังที่ที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งหนึ่ง

“พวกมันกำลังวางค่ายกล!”

จ้าวเฟิงอยู่ในลูกทรงกลมมืดหม่น สำรวจสถานการณ์ภายนอก

หลังจากนั้นสามวันค่ายกลก็วางสำเร็จ และเปิดอออกเป็นทางลับเส้นหนึ่ง

จ้าวเฟิงตามพวกเขามาถึงยังอีกที่หนึ่ง

“นี่มันคือที่ไหนกัน?” จ้าวเฟิงสำรวจสรรพสิ่งทุกอย่างที่ไม่คุ้นเคยรอบกาย

ฟ้าดินรางเลือน เมฆขาวลอยล่อง ท่ามกลางท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต มีภูเขายักษ์ลอยอยู่สามลูก บนภูเขามีสิ่งก่อสร้างประเภทต่างๆ นับไม่ถ้วน

มองไปแล้วราวกับว่าสิ่งก่อสร้างแน่นขนัดพวกนั้นก่อขึ้นเป็นภูเขาลูกยักษ์!

“สิ่งก่อสร้างเผ่าความลับสวรรค์!” ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

ใช่แล้ว บนภูเขายักษ์ทั้งสามเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างของเผ่าความลับสวรรค์ เทียบกับเมืองความลับสวรรค์ที่เขาได้เห็นในตอนนั้นแล้ว สิ่งก่อสร้างพวกนี้ยิ่งใหญ่อลังการและวิจิตรกว่า เต็มไปด้วยกลิ่นอายประเภทต่างๆ ทำให้ตาลายไปหมด

“สิ่งก่อสร้างเผ่าความลับสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ หรือว่า…”

ในใจของจ้าวเฟิงเกิดความคิดที่น่าตกใจขึ้น

ฟิ้ว ฟิ้ว~ รอบสิ่งก่อสร้างทั้งสามมีกองกำลังที่นั่งเรือรบเกือบสิบลำตรวจตราไปมา สมาชิกของกองกำลังเป็นหุ่นเชิดกลไกทั้งหมด พลังที่ต่ำที่สุดคือเทพโบราณขั้นเจ็ด

“ยินดีต้อนรับท่านทูตสวรรค์” หุ่นเชิดกลไกทั้งหมดในเรือรบล้วนคุกเข่าลงบนพื้นทำความเคารพ

จากนั้นจอมเทพเทียนจี้ก็บินมายังกลางเขาลูกหนึ่ง

เขายักษ์ลูกนี้กว้างไกลนัก ต่อให้เข้ามาใกล้แล้ว เนตรเทพมายาของจ้าวเฟิงก็ยังมองไม่เห็นขอบเขตของเขาลูกนี้ ไม่ถึงเสี้ยวขณะ จอมเทพเทียนจี้ก็มาถึงในวังสีดำแห่งหนึ่งบนยอดเขา

“เจ้ากลับมาแล้ว!” เพิ่งจะเข้ามาในวังแห่งนี้ เสียงเลือนรางก็ดังมาจากข้างใน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version