Skip to content

King of Gods 1492

King Of Gods

บทที่ 1492 แดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทอง

กลางอากาศเหลือเพียงแต่อ๋าวหงกวง เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ และเจ้าเขาคลื่นเงา

เจ้าเขาคลื่นเงาและเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์สูญสิ้นจิตกระหายต่อสู้ไปแล้ว จิตใจท้อแท้สิ้นหวัง ทุกคนล้อมสังหารยังตายไปครึ่งหนึ่ง

แล้วพวกเขาที่เหลือจะทำอะไรจ้าวเฟิงได้?

ถ้าหากเวลาสามารถย้อนกลับไปได้ เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ย่อมไม่กล้าเป็นศัตรูกับจ้าวเฟิง

ในที่ไกลออกไป อ๋าวหงกวงเผชิญหน้ากับอันตรายภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของมังกรทมิฬล้างโลกา และอาจตายลงได้ตลอดเวลา

“พอเถอะ!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยขึ้น

ทางฟากมังกรทมิฬล้างโลกาก็หยุดในทันที ร่างกายอ๋าวหงกวงบาดเจ็บสาหัส รีบถอยร่นไป

“อะไรกัน?” เจ้าเขาคลื่นเงามีสีหน้าตื่นตะลึง

สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะหยุดลงมือ?

อ๋าวหงกวงกับเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ใจสั่นระรัวเล็กน้อย

“เรื่องในวันนี้ก็จบลงในวันนี้ ถ้าหากมีคราวหน้าอีก ข้าก็จำเป็นต้องกำจัดตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์และเขาคลื่นเงาให้สิ้นซาก!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ เน้นย้ำคำสุดท้ายช้าๆ ชัดๆ

เขาก็ไม่ใช่คนกระหายเลือดอะไร วันนี้จะปล่อยคนทั้งสามไปสักครั้งเป็นการชั่วคราว ถ้าหากเขาใช้พลังทั้งหมด สามารถสังหารคนพวกนี้ได้ตั้งแต่เริ่มแล้ว

ตอนนี้จ้าวเฟิงบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ควรรีบเดินทางออกจากที่นี่โดยเร็ว

ถึงแม้ว่าจะปล่อยคนพวกนี้ไป แต่กำลังรบชั้นยอดในขั้วอำนาจของพวกเขา ในภายภาคหน้าคงอยู่กันอย่างไม่สบายมากนัก

ผู้ดูแลสองขั้วอำนาจห้าดาวรู้สึกยินดีในทันที ใจเต้นระรัวไปพร้อมกัน เตือนตัวเองว่าอย่ายั่วโทสะคนผู้นี้อีก มิฉะนั้นทั้งขั้วอำนาจห้าดาวจะถูกทำลายราบคาบ

ฟิ้ว! ชุดคลุมมิติโบกสะบัด หลังจากนำมังกรทมิฬล้างโลกาเข้าไปในมิติ จ้าวเฟิงก็โบยบินขึ้นฟ้าไป

เมื่อพึ่งพากฎเกณฑ์มิติ จ้าวเฟิงสังเกตเห็นประตูทางออกจึงบินตรงไป

พรึ่บ! วินาทีต่อมา จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าลับในมิติลับมังกรทองของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ แต่ในเวลานี้เอง ระลอกพลังเทพที่ทรงพลังและกดดันอย่างยิ่งกระทบบนร่างจ้าวเฟิง ทำให้เขารู้สึกถึงภัยอันตรายกลุ่มหนึ่ง

กลางอากาศมีมังกรแสงทองตัวหนึ่งบินวนอยู่ ทรงพลานุภาพอย่างยิ่ง ทั้งยังเปล่งแสงเรืองรองจนโลกกลายเป็นสีทองอร่าม

“แย่แล้ว มีกับดัก!” จ้าวเฟิงใจเต้นรัว รีบกระตุ้นหลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์ออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามรอคอยอยู่นาน และเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว

โครม! มังกรแสงริ้วทองตัวนั้นส่งเสียงคำราม พุ่งลงด้านล่างด้วยความรวดเร็ว ทำให้ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ หลุมอัสนีที่ถูกโคจรอย่างรีบร้อนบิดม้วนพังทลายจากพลังของมังกรทองกลุ่มนี้

โครม ตูม! หลุมอัสนีแหลกละเอียด ร่างของจ้าวเฟิงกระเด็นออกไป เลือดลมในกายปั่นป่วนพลุ่งพล่าน ใบหน้าซีดขาว

ในตอนนั้น สายตาเขามองเห็นเงาห้าร่างที่ลอยอยู่ในอากาศไกลๆ เข้าพอดี

คนทั้งห้านี้มีจอมเทพขั้นหนึ่งและขั้นสองอย่างละสองคน ชายผิวทองลายมังกรตรงกลางนั้นเป็นถึงจอมเทพขั้นสาม!

จ้าวเฟิงไม่รู้จักห้าคนนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามรู้จักเขา

“หืม?” จอมเทพขั้นหนึ่งในกลุ่มนั้นมองอย่างประหลาดใจ จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่บาดเจ็บหนักมาก

และในเวลานี้เอง!

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ~ บริเวณทางออกของมิติลับมังกรทอง ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์กับเขาคลื่นเงาที่เหลือกันสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าตื่นตะลึงลาน

ตอนที่พวกเขามองเห็นจอมเทพทั้งห้าในอากาศ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“จอมเทพจินหวง (จักรพรรดิทอง)!” จอมเทพขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสองอุทานด้วยความนับถือ

จอมเทพจินหวงเป็นจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทอง

ในฐานะที่เป็นขั้วอำนาจภายใต้แดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเห็นจอมเทพจินหวงที่เป็นขั้นสามย่อมต้องทำความเคารพ เพียงแต่พวกเขาแปลกใจเล็กน้อย

หรือว่าจอมเทพจินหวงก็ล่วงรู้ว่ามีมรดกเผ่าทำนุฟ้าซุกซ่อนอยู่ที่นี่? มิฉะนั้นจอมเทพขั้นสามจะมาที่นี่เฉยๆ ได้อย่างไร

“จ้าวเฟิง ยอมมอบตัวแต่โดยดีเสียเถอะ!”

จอมเทพจินหวงไม่สนใจพวกเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ จ้องจ้าวเฟิงตาเขม็ง

“จ้าวเฟิง?” เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์และอ๋าวหงกวงชะงักไป

พวกเขาเดาเอาไว้แล้วว่าจ้าวเฟิงอาจปกปิดชื่อเสียงเรียงนามของตนเอง แต่ชื่อจ้าวเฟิงนี้ฟังแล้วคุ้นหูพิกล

เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!

วินาทีต่อมา พวกเขาพลันเข้าใจถ่องแท้ จ้องจ้าวเฟิงด้วยแววตาตื่นตะลึง ที่แท้การมาเยือนของจอมเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทองไม่ใช่เพราะมรดกเผ่าทำนุฟ้า แต่มาเพื่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

“หรือว่าเขาก็คือผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”

เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

ในดินแดนเทพรกร้าง แปดเนตรเทพเจ้าได้รับสมญานามว่าเป็นนายเหนือหัว การถือกำเนิดขึ้นของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แปลว่าจะต้องมีนายเหนือหัวอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

ในสายตาของพวกเขา นายเหนือหัวสูงส่งเกินเอื้อมมาก!

พวกเขาคาดคิดไม่ถึงว่าบุรุษหนุ่มที่เคยต่อสู้กับพวกเขาจะเป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า และเป็นบุคคลที่อาจกลายเป็นนายเหนือหัวราชาเทพได้

แต่ตอนที่จ้าวเฟิงสู้กับพวกเขา จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังของดวงตาแม้แต่น้อย กระทั่งคุณสมบัติที่จะบีบให้จ้าวเฟิงใช้เนตรเทพเจ้า พวกเขาอาจยังไม่มีด้วยซ้ำไป ไกลลิบจากตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ ดวงตาของเทพแท้จริงหลงหวงเบิกว้าง ร่างกายสั่นเทิ้ม

“นี่…ท่านบรรพชน ท่านเชิญยอดฝีมือมาต่อกรกับจ้าวเฟิงกี่คนกันแน่!”

หลงหวงเป็นแค่เทพแท้จริงขั้นสี่ เห็นไม่ละเอียดชัดเจนนัก เพียงรู้สึกได้ถึงพลานุภาพในฟ้าดินที่อยู่ไกลออกไป เกรงว่าตนเองเข้าไปใกล้กว่านี้ก็คงจะโดนระลอกพลังที่เหลือสังหารได้

จ้าวเฟิงเช็ดคราบเลือดมุมปากที่กลางอากาศ

“ยอมให้จับแต่โดยดี? ก็ต้องดูแล้วว่าพวกเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!” ใบหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา เขาย่อมมองออกอยู่แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

เมื่อครู่เขาถูกจอมเทพจินหวงทำร้ายจนบาดเจ็บก็เพราะป้องกันไม่ทัน หากประมือกันซึ่งๆ หน้าแล้วละก็ จ้าวเฟิงอาจไม่พ่ายแพ้ก็ได้

ยามอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าความลับสวรรค์ เขาพอจะรับมือเป่ยหมิงฮุยได้บ้างหลังออกจากอาณาจักรเทพแล้ว วิชาของเขาสมบูรณ์แบบ แถมยังเจอตำราเทพสูงสุด และยังสามารถเอาชิ้นส่วนอาวุธบรรพชนสองชิ้นหลอมรวมเข้าไปในชุดคลุมมิติ ทำให้พลังเพิ่มขึ้นสูงยิ่ง

ขณะนี้จ้าวเฟิงมั่นใจว่าจะต่อสู้กับจอมเทพขั้นสามได้!

“หากเจ้ายอมโอนอ่อนแต่โดยดี มอบเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามา บางทีอาจมีมีชีวิตรอดไปได้!” จอมเทพจินหวงเอ่ยคุกคามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฮ่าๆ มอบตัวหรือ? พวกเจ้าลอบทำร้ายข้า เรื่องวันนี้ข้าไม่ยอมปล่อยให้จบไปแน่!”จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะโบยบินขึ้นมา

วู้ม! ในเวลานี้เอง ผนึกฟ้าประสานบนร่างเขาแตกกระจายออก

เรือนผมค่อยๆ กลับคืนเป็นสีเงินสว่างเจิดจ้า เปล่งแสงหลากสีสันออกมา สะบัดพลิ้วเป็นระลอกในอากาศ ดวงตาซ้ายข้างนั้นเปล่งแสงสีเงินมายาพร่างพราย ทำให้คนอดมองไม่ได้ และถูกมันสะกดสายตาเอาไว้

โครม ตูม ตูม!

พลังธาตุต่างๆ ในฟ้าดินถูกจ้าวเฟิงกระตุ้นและดูดซึมไปอย่างบ้าคลั่ง

“นี่มันอะไร? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะท้าประลองกับจอมเทพขั้นสาม!”

“ถึงมันจะมีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แต่เพิ่งมีพลังฝึกตนขั้นหนึ่งสุดยอด ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของจอมเทพจินหวงได้กระมัง!”

เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์และอ๋าวหงกวงต่างอุทานอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน

ในดินแดนเทพรกร้าง เรื่องที่จอมเทพขั้นสองท้าประลองขั้นสามเกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนเรื่องที่จอมเทพขั้นหนึ่งท้าประลองขั้นสามระดับสุดยอดยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ฮ่าๆ ถึงเจ้าจะมีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ก็ไม่เห็นต้องยโสโอหังขนาดนี้กระมัง!”จอมเทพจินหวงไม่โมโหแต่กลับหัวเราะลั่น

เปรี๊ยะ! เสี้ยวเงาขยับประกาย มีแสงสีทองเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งไปทางจ้าวเฟิง

ทันใดนั้น ทั้งตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์พลันสั่นไหว เทพโบราณที่อยู่ไกลลิบออกไปถูกซัดกระเด็น เทพแท้จริงจำนวนไม่น้อยร่างระเบิดออกตายลงทันที

ฟิ้ว โครม~

พลังบริสุทธิ์ที่ขมุกขมัวกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมา กระบี่อัสนีเทวะที่พร่าเลือนปรากฏขึ้นในมือจ้าวเฟิง หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์หมุนวนอยู่รอบตัว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมเทพขั้นสาม เขาจึงไม่เก็บงำฝีมือเอาไว้อีกต่อไป

โครม บึ้ม!

วินาทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากัน ฟ้าดินสั่นสะเทือนขึ้นมา พายุทรงพลังหมุนกวาดทั่วบริเวณ

สองจอมเทพจากตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ปลดปล่อยวิชาป้องกันออกมาสุดชีวิต พยายามปกป้องรากฐานตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ไว้อย่างสุดความสามารถ

โครม! หลังจากประมือกันกระบวนท่าหนึ่ง จ้าวเฟิงก็ถอยร่นไปหลายก้าว หลุมอัสนีของเขาบิดเบี้ยวเสียหาย ก่อนจะฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

จอมเทพจินหวงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตกตะลึง

“จอมเทพขั้นสามก็ไม่เท่าไหร่นี่!” จ้าวเฟิงมองจอมเทพจินหวง ยกมุมปากยิ้มเย็นชา

เขาไม่ได้คาดคะเนพลังของตนเองผิดไป ในตอนนี้เขาสามารถประมือกับจอมเทพขั้นสามได้แล้ว!

ทางฟากสี่จอมเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทองก็อึ้งตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน

จอมเทพจินหวงประมือกับจ้าวเฟิงครั้งแรกกลับแค่เสมอกัน ไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบแต่อย่างใด!

ส่วนเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์และเจ้าเขาคลื่นเงานิ่งเป็นท่อนไม้ไปแล้ว

“ผู้เยาว์ เจ้าโอหังเกินไปแล้ว เจ้าก็แค่ต้านพลังเจ็ดส่วนของข้าได้เท่านั้น ข้ายอมรับว่าข้าประมาทเจ้าไป แต่ต่อไปนี้เจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว…”

จอมเทพจินหวงแค่นเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว

อันที่จริง พลังที่เขาปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่เกือบจะสิบส่วนด้วยซ้ำไป แต่จ้าวเฟิงกลับตั้งรับได้ ทำให้เขาเสียหน้าครั้งใหญ่ จึงต้องพูดเช่นนี้

แต่นับจากนี้ไป เขาจะไม่ให้โอกาสจ้าวเฟิงอีก

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ~

แสงทองปรากฏขึ้นด้านหลัง จอมเทพขั้นสองสองคนเผยกายออกมา

ในกลุ่มจอมเทพขั้นสองสองคน หนึ่งในนั้นคือสตรีร่างสูงโปร่งที่พลังเทียบเท่ากับขั้นสองสุดยอด ลายสีทองบนร่างเปล่งแสงสว่างเรืองรอง ดูล้ำค่าสูงส่งอย่างยิ่ง

ครั้งนี้จอมเทพลงมือถึงสามคน จ้าวเฟิงจะยังได้ตอบโต้กลับได้หรือ?

“สังหาร!” จอมเทพจินหวงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะขวางการโจมตีของเขาไว้ได้ แต่เขาก็ยังคงมีหวังจะเอาชนะจ้าวเฟิงได้แน่ เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องจับจ้าวเฟิงให้ได้ เพื่อชิงเอาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามา ดังนั้นเขาถึงให้คนอื่นลงมือเพื่อเลี่ยงไม่ให้จ้าวเฟิงหนีไปได้

พรึ่บ~ สามจอมเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทองกลายร่างเป็นแสงทองสามสาย เข้ามาล้อมจ้าวเฟิงเอาไว้

เมื่อจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับกระบวนทัพเช่นนี้ก็ลำบากเอาการ

“ออกมาเถอะ” ชุดคลุมมิติโบกสะบัด บุรุษตัวเป็นเกล็ดสีดำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายจ้าวเฟิง พร้อมด้วยบุรุษหนุ่มท่วงท่าองอาจตาสีเงิน และแมวตัวหนึ่ง

ใบหน้าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทองฉายแววประหลาด

ถึงแม้ผู้ช่วยของจ้าวเฟิงจะไม่ธรรมดา แต่พลังฝึกตนต่ำจนเกินไป ไม่มีใครเป็นจอมเทพขั้นสอง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจ

“ฆ่า!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ และพุ่งไปหาจอมเทพจินหวงก่อน

จ้าวคงรับผิดชอบยื้อจอมเทพขั้นสองผู้นั้น นับว่าไม่ง่ายเลยสำหรับเขา แต่ในฐานะที่เป็นทายาทเนตรมิติ จึงได้เปรียบในด้านความเร็ว อย่างน้อยๆ ก็รับรองได้ว่าเขาจะไม่ตายไปเสียก่อน

ส่วนมังกรทมิฬล้างโลกาและเจ้าแมวขโมยน้อยรับผิดชอบจัดการสตรีลายทองที่เป็นจอมเทพขั้นสองนางนั้น

โครม ตูม!

ระลอกพลังของกฎเกณฑ์แต่ละประเภทกระเพื่อมขึ้นจนฟ้าดินสั่นสะเทือน เกิดความผิดปกติขึ้นมา

ศิษย์ทั้งหมดของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ต่างเร้นกายออกไปไกลไม่รู้เท่าไหร่ คนที่ไม่หลบไปก็ตายกันหมดแล้ว

“จ้าวเฟิง ผู้ช่วยพวกนี้ของเจ้าออกมาก็แค่การรนหาที่ตายเท่านั้น!”จอมเทพจินหวงหัวเราะเยาะเสียงเย็น

สถานการณ์การต่อสู้อีกฝั่ง ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์มังกรทองได้เปรียบมากกว่าจริงๆ!

ฟิ้ว! หนามแสงสีทองรวมตัวขึ้นในมือเขา ภายในมีริ้วลายมังกรสีทองขยับวิบวับจ้าวเฟิงฟันกระบี่อัสนีเทวะออกมาทันที ในทุกครั้งที่ประมือกัน กฎเกณฑ์มิติและกฎเกณฑ์แห่งแสงพาดผ่านไปทั่วทุกหนแห่ง สะเทือนทั้งแปดทิศ เมื่อประมือกันสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว พลานุภาพกระบี่อัสนีเทวะของจ้าวเฟิงก็แข็งแกร่งขึ้นทุกที เมื่อปะทะกับจอมเทพจินหวงอย่างดุเดือดก็ไม่ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย

‘เจ้านี่มีพลังระดับนี้เชียวรึ!’ จอมเทพจินหวงตกตะลึง

จ้าวเฟิงสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้ บางทีอาจจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อรับกระบวนท่าโจมตีนี้ไว้

แต่เมื่อประลองกันติดต่อกันไปเรื่อยๆ เขาก็ยังไม่เสียเปรียบ แสดงให้เห็นว่าพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงไม่ต่างกับเขามากนัก

โครม! สีหน้าจอมเทพจินหวงเดือดดาลเล็กน้อย

พลังสายเลือดในร่างเขาระเบิดออกอย่างรุนแรง แสงสีทองเจิดจ้าแสบตาหมุนวนออกมา ด้านบนยังมีริ้วลายมังกรสีทองปรากฏ หลังจากกระตุ้นสายเลือด กำลังรบจอมเทพจินหวงเพิ่มขึ้นทันใด!

โครม ตูม!

ในวินาทีที่ปะทะกัน จ้าวเฟิงก็ถูกกระแทกจนถอยไปหลายก้าว ไม่นึกเลยว่ากระบี่อัสนีเทวะในมือจ้าวเฟิงจะสั่นและมีรอยร้าวบางส่วน

ถึงแม้สายเลือดจอมเทพจินหวงจะอยู่นอกยี่สิบแรก แต่ก็แข็งแกร่งอย่างมาก

ฟิ้ว! เมื่อสถานะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว จ้าวเฟิงจึงไม่เก็บงำพลังอีกต่อไป ระลอกแสงมายาผุดขึ้นในเนตรเทพมายา!

“เปลี่ยนมายา!” พลังดั้งเดิมถูกกระตุ้นและปลดปล่อยออกมา ดวงตาซ้ายแผ่หมอกแสงมายาหลายชั้น แทรกซึมเข้าไปในอากาศ โลกตรงหน้าจ้าวเฟิงถูกปกคลุมด้วยสีสันมายาอันเลือนรางชั้นหนึ่งในพริบตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version