บทที่ 1506 ฝันร้ายไร้สิ้นสุด
พร้อมกันนั้น ใบหน้าคนอื่นที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ดีขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายแข็งแกร่งมาก ถึงขั้นว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไปก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาทันที ยังมีคนบางส่วนที่พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอีกครึ่งขั้น เหมือนว่าทุกสิ่งก่อนนี้เป็นเรื่องโกหก เป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น!
เผ่าเทพมายาเป็นลำดับที่สามสิบในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ตลบตะแลงได้หลากหลาย ชำนาญการปลอมแปลงแสร้งทำ พวกเขายังสามารถลอกเลียนกลิ่นอายสายเลือดและกลิ่นอายดวงวิญญาณของคนอื่นได้ด้วย
ตอนนี้แสร้งทำว่าได้รับบาดเจ็บก็ง่ายดายอย่างยิ่ง
การเสแสร้งประเภทนี้เป็นขั้นเป็นตอน ทุกครั้งที่ประมือกันจะแสร้งว่าได้รับบาดเจ็บ แล้วสั่งสมไปทีละน้อย ทำให้ยากจะจับสังเกตได้
“การตอบโต้กลับต่อจากนี้จะต้องจัดการทุกคนในคราวเดียว ประมาทไม่ได้!”
ดวงตาจอมเทพฮ่วนไฉ่ฉายแววเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม
“นายท่านช่างมากแผนการเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเผ่าความลับสวรรค์จะใช้พวกเราเริ่มโจมตี แต่พวกเราแสร้งต่อสู้พ่ายแพ้ บีบบังคับให้พวกเขาลงมือ ตำแหน่งเปลี่ยนแปลงในพริบตา พวกเรากลายเป็น ‘ชาวประมง’ รอเก็บผลประโยชน์แล้ว” ชายชุดเหลืองเอ่ยด้วยใบหน้าเคารพนับถือ
จอมเทพฮ่วนไฉ่ระบายยิ้มพลางผงกศีรษะ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก ถ้าหากเป็นเหมือนแผนที่วางไว้จริงก็ดี
ในขณะที่ดำเนินการ ไพ่ตายของพวกจ้าวเฟิงยังทำให้นางตื่นตระหนกอยู่บ้าง ส่งผลให้พลังที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่ได้เก็บงำเอามากเหมือนในแผน แต่ทั้งหมดก็ไร้อุปสรรค ฟากเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าคงจะใช้ไพ่ตายทั้งหมดแล้ว
สถานการณ์การต่อสู้รุนแรงอย่างยิ่ง ดูผิวเผินแล้วเหมือนว่าเผ่าความลับสวรรค์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่จอมเทพฮ่วนไฉ่ไม่คิดเช่นนั้น อย่างน้อยสำหรับนางแล้ว ฝั่งเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าใช้ไพ่ตายหมดแล้ว แต่ฟากเผ่าความลับสวรรค์ยังคงลึกลับเกินหยั่งอยู่
โครม ตูม!
ฟากเผ่าความลับสวรรค์ ปราการป้องกันของเรือรบสีดำอ่อนระเบิดออก แต่เพื่อทำลายชั้นปราการนี้ ความเสียหายของฝั่งจ้าวเฟิงค่อนข้างหนักหนา
“คมอัสนีเทวะ!” จ้าวเฟิงเล็งเป้าตรงไปที่ป้อมปืนสีเหลืองทองแล้วฟันออกไป
ป้อมปืนขนาดใหญ่นั้นเป็นภัยคุกคามอย่างมหาศาล เพียงแค่พลังรุนแรงมากพอ เตรียมตัวแค่ช่วงหนึ่งก็ปลดปล่อยการโจมตีที่อันตรายยิ่งออกมาได้
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ข้าประมาทเจ้ามากไปก็จริง แต่การดิ้นรนทั้งหมดของเจ้าล้วนแต่ไร้ประโยชน์!” อวี่หลิวผิงแค่นเสียงต่ำ จากนั้นสะบัดมือส่งพลังเทพแก่กล้าออกมา
โครม ตูม! คมกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงถูกทำลายจนแหลกละเอียด
“จอมเทพขั้นสาม!” จ้าวเฟิงมองระดับของผู้นำคนนี้ออกจากกระบวนท่าโจมตีนี้
“พอดีเลย เผ่าเทพยักษ์ เผ่าแสง และเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ที่นี่กันหมด วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้หลานชายของข้าด้วยตัวเอง!”
อวี่หลิวผิงตะโกนกร้าว ร่างกายลอยขึ้นจากพื้น พลานุภาพของจอมเทพขั้นสามกระจายตัวออกมา
เผ่าความลับสวรรค์ไม่ชำนาญการต่อสู้ นั่นเพราะเปรียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในสิบลำดับแรกเท่านั้น หากพูดเรื่องกำลังรบแล้ว อย่างน้อยๆ เผ่าความลับสวรรค์ก็ประมือกับเผ่าพันธุ์ประมาณสี่สิบลำดับแรกได้
“หลานชาย?” ดวงตาจ้าวเฟิงฉายแววฉงนสงสัย
แต่เขาหวนระลึกถึงสิ่งที่เป่ยหมิงฮุยพูดกับเขาในตอนแรกได้อย่างรวดเร็ว อวี่เหิงที่จ้าวเฟิงสังหารไปเหมือนจะเป็นหลานชายของผู้อาวุโสสักคนในเผ่าความลับสวรรค์ ตอนแรกผู้อาวุโสท่านนี้เอาแต่จะสังหารจ้าวเฟิง เพียงแต่เจ้าสวรรค์ไม่เห็นด้วย
จ้าวเฟิงเข้าใจทุกสิ่งอย่าง เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนจากเผ่าความลับสวรรค์ผู้นี้ถึงมีความแค้นอย่างลึกซึ้งกับตนเอง
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงยิ่งระมัดระวังมากขึ้น สายเลือดเผ่าบรรพกาลของอวี่เหิงในตอนนั้นทิ้งภาพประทับที่ชัดเจนมากไว้ให้เขา
เช่นนั้นแล้ว ผู้อาวุโสของอวี่เหิงผู้นี้เล่า? จะมีสายเลือดที่แข็งแกร่งประเภทนี้หรือไม่
ในตอนนี้เอง อวี่หลิวผิงผลักฝ่ามือออกมา
ในฟ้าดินปรากฏฝ่ามือแสงทองใหญ่ยักษ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง ด้านบนนั้นยังเต็มไปด้วยอักขระเก่าแก่ และสาดพลังยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตออกมา
“ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” ทันทีที่ลงมือ จ้าวเฟิงก็รู้ว่าอวี่หลิวผิงไม่ธรรมดาเลย
“คมอัสนีเทวะ!” มืออีกข้างหนึ่งของจ้าวเฟิงสร้างกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ขึ้น แล้วกวัดแกว่งกระบี่สองข้างติดต่อกัน
โครม ตูม~ คมกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์ที่เกี่ยวกระหวัดกันหลายสายพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วรุนแรง ทำลายฝ่ามือแสงทองจนแหลกละเอียดไป
พลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงเทียบเท่าได้กับพลังเทพของจอมเทพขั้นสาม หลังจากหลอมรวมอัสนีเทวะเข้าไปแล้ว พลังทำลายล้างก็ยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น
แต่อวี่หลิวผิงก็ไม่ใช่จอมเทพขั้นสามทั่วไป ขณะที่ประมือกัน จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังของอวี่หลิวผิงอยู่ในระดับเดียวกันกับจอมเทพฮ่วนไฉ่
“ดูไปแล้วมรดกเผ่าทำนุฟ้าที่เจ้าได้ครอบครองจะโดดเด่นมากเลยทีเดียว!”
แววตาอวี่หลิวผิงเป็นประกาย
พรึ่บ! ในมือของเขาปรากฏชิ้นส่วนสีทองเจิดจ้าชิ้นหนึ่ง
วินาทีที่ของสิ่งนี้เผยออกมาก็เปล่งแสงทองพร่างพราย ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่นั่น
“เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่แฝงไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งทอง!” สีหน้าจ้าวเฟิงตึงเครียดเล็กน้อย
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่จอมเทพฮ่วนไฉ่เอาออกมาในตอนนั้น ไม่เหมาะกับกฎเกณฑ์ที่ฝึกฝนเป็นหลัก แต่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่อวี่หลิวผิงเอาออกมาตอนนี้เหมาะสมกับเขามาก
ฟุ่บ~ ปลายดาบสีทองที่บางราวปีกแมลง เกลี้ยงเกลาราวกระจก ตรงไปฟันจ้าวเฟิง
รู้สึกเพียงแสงสีทองสว่างวาบ ปลายดาบสีทองเหมือนมาปรากฏที่เบื้องหน้าสายตา ความเร็วในการโจมตีที่ราวสายอัสนีบาตนี้ เทียบเท่าได้กับกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ในฉบับวิชาดวงตาของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงรีบกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสองชิ้นในชุดคลุมมิติ แล้วส่งคมดาบมิติสายหนึ่งออกมา
เปรี๊ยะ แซ่ด แซ่ด~ การโจมตีสองฝั่งที่มีพลังทำลายล้างสูงและรวดเร็วว่องไวปะทะเข้าหากันอย่างจัง
พลังกฎเกณฑ์ที่แก่กล้ากระเพื่อมออกรอบบริเวณ ทำให้สมาชิกที่กำลังสู้รบในบริเวณใกล้เคียงถอยไปอย่างอดไม่ได้
“ไม่ได้ พวกเผ่าความลับสวรรค์ลึกล้ำเกินคาดเดา…”
ถึงแม้พลานุภาพที่ผู้เฒ่าของเผ่าความลับสวรรค์ปลดปล่อยออกมา ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าจอมเทพฮ่วนไฉ่มากเท่าไหร่นัก แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงเผ่าความลับสวรรค์ จะประมาทได้อย่างไรกัน จ้าวเฟิงมองรอบบริเวณ ครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา แต่กลยุทธ์ของเผ่าความลับสวรรค์รัดกุมมาก ยากจะเจอช่องโหว่
เผ่าความลับสวรรค์สองคนรับผิดชอบควบคุมเรือรบ ถึงแม้ปราการป้องกันจะพังทลายลงไป แต่ก็ยังฟื้นฟูได้
ส่วนจอมเทพซิงเซี่ยงรับผิดชอบ ‘ระเบิดเทพมรณะ’ ซึ่งก็เป็นภัยอันตรายอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
อวี่หลิวผิงที่เหลืออยู่คนสุดท้าย ยิ่งไม่มีใครมองเขาออก
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คงต้องทำแบบนี้แล้ว!” จ้าวเฟิงปรายตามองแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาที่อยู่ไกลออกไป
ครืน เปรี้ยง ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป จ้าวเฟิงค่อยๆ สู้อวี่หลิวผิงไม่ได้ และตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
อย่างไรเสีย เมื่อครู่หากไม่เอาไพ่ตายอย่างอื่นออกมาแล้วละก็ เขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวี่หลิวผิงแน่ๆ ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงรักษาพลังต่อไป ถึงขนาดให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ทางฟากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาที่อยู่ไกลออกไป
“เผ่าความลับสวรรค์แข็งแกร่งจริงๆ อีกฝ่ายจะแพ้แล้ว!” ชายชุดเหลืองใจเต้น เริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้ว
“เหตุใดจ้าวเฟิงถึงไม่ใช้พลังเนตรเทพเจ้า?” ดวงตาฝ้าฟางของหญิงชราผมเขียวทอประกายประหลาด
ทุกคนต่างรู้พลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากันทั้งนั้น หากสำแดงออกมาคงไม่โดนอวี่หลิวผิงกดดันขนาดนี้
“บางทีอาจจะใช้มากจนเกินไปกระมัง!” ผู้อาวุโสขั้นสองคนผู้หนึ่งเอ่ย
ตั้งแต่ตอนแรก จ้าวเฟิงใช้พลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไปหลายครั้ง ทุกครั้งส่งผลกระทบยิ่งใหญ่
“เป็นไปได้ว่าใช้มากจนเกินไป และเป็นไปได้ว่าจ้าวเฟิงก็รู้ตัวดี ต่อให้ใช้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากับจอมเทพขั้นสามจากเผ่าความลับสวรรค์ ก็ยากจะได้ชัยชนะมา ดังนั้นจึงแสร้งทำเหมือนจะพ่ายแพ้ ให้พวกเราลงมือ!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ยกมุมปากยิ้มบางๆ
อย่างไรเสียอวี่หลิวผิงก็เคยพูดเอาไว้ว่าจะสังหารจ้าวเฟิงให้ได้ หากจ้าวเฟิงถูกสังหารไป แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็จะไม่ได้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเหมือนกัน
เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็เดาใจจ้าวเฟิงออก
“เช่นนั้นแล้ว พวกเรา…” ชายชุดเหลืองสงสัยเล็กน้อย
“ลงมือ จับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาให้ได้ จากนั้นค่อยหนีออกจากอาณาจักรเทพเผ่าแสง!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยอย่างแน่วแน่
ถึงเดาออกว่าจ้าวเฟิงจงใจแสร้งทำเป็นอ่อนแอ หวังให้พวกเขายื่นมือช่วยคลี่คลายอันตรายครั้งนี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ยังคงเลือกลงมือ เพราะนางเองก็มีความมั่นใจอยู่เหมือนกัน
วู้ม โครม!
สมาชิกทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาพลันพุ่งทะยานขึ้นฟ้า และปลดปล่อยพลังสายเลือดเผ่าเทพมายา
“เป้าหมายคือเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ตะโกนเสียงต่ำ นำสมาชิกทั้งหมดพุ่งไปในทันที
ในระหว่างทาง ทุกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเกาะกลุ่มรวมกันเป็นกระบวนทัพประหลาด!
พลังสายเลือดของสมาชิกทั้งหมดสอดประสานเข้าหากัน เกิดเป็นระลอกกลิ่นอายที่ชวนสะพรึงขวัญอย่างช้าๆ ทั้งสองฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอยู่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ต่างพากันจ้องด้วยใจที่สั่นระรัว
“พวกเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสหรอกหรือ? ทำไมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!”
“เมื่อครู่ยังสู้กับพวกเราอยู่เลย ร่างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น จู่ๆ บาดแผลก็สมานตัวมากกว่าครึ่งอย่างรวดเร็วเช่นนี้!” คนทั้งหลายรู้สึกตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
“แย่ล่ะ พวกนั้นเหมือนจะสำแดงเคล็ดวิชาสายเลือดบรรพกาลของเผ่าเทพมายาออกมา!” ซินอู๋เหินรู้สึกได้ถึงสิ่งไม่ชอบมาพากลในการกระทำของเผ่าเทพมายา
แต่พวกเขาไม่เข้าใจเผ่าพันธุ์ที่ชำนาญการเสแสร้งแกล้งทำนี้มากเท่าไหร่
“ฝันร้ายไร้สิ้นสุด!” จอมเทพฮ่วนไฉ่แค่นเสียงต่ำ
ในเวลาเดียวกันนั้นก็ปรากฏผลึกห้าสีในมือของนาง
แกรก! เมื่อบีบผลึกห้าสีจนละเอียด พลังเทพสูงส่งที่แข็งแกร่งหมุนวนรอบศีรษะของบรรดาเผ่าเทพมายา
นี่คือผลึกพลังเทพที่ ‘ราชาเทพโยวอวิ๋น’ จากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาทิ้งไว้ให้ก่อนเขาจะจากไป ตอนนี้จอมเทพฮ่วนไฉ่ใช้มันแล้ว!
คนเผ่าเทพมายาเผาผลาญพลังสายเลือดกันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้สอดรับกับพลังเทพมหาศาลเหนือศีรษะ
ฟิ้ว! ประกายแสงห้าสีกระจายตัวออกมา ปกคุมรอบๆ ตัวพวกเขา ดูไปแล้วแปลกประหลาดอย่างยิ่ง หนำซ้ำหมอกแสงห้าสีที่บิดเบี้ยวกลุ่มนี้สาดกระจายออกอย่างรวดเร็ว ไม่นานเท่าไหร่นักก็ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ
คนรอบตัวจ้าวเฟิงที่อยู่ในพื้นที่มายาห้าสีแห่งนี้ค่อยๆ หายตัวไปทีละคน จนท้ายที่สุดเหลือเขาเพียงคนเดียว
‘นี่คือ ‘วิชาห้วงฝัน’ หรือ?’ จ้าวเฟิงพึมพำในใจ
มรดกระดับค่อนข้างสูงของเผ่าเทพมายา ก็รวมไปถึงศาสตร์ความฝันด้วย
ส่วนวิชาดวงตามายาของตัวจ้าวเฟิงอย่าง ‘สู่ห้วงความฝัน’ ก็ถือว่าเป็นศาสตร์ความฝัน และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขามองทะลุผ่านได้
เหตุผลที่สองคือจ้าวเฟิงมีเนตรเทพมายา จึงมีพลังต้านทานต่อวิชามายาที่แข็งแกร่งยิ่ง
จ้าวเฟิงไม่ได้รีบร้อนสลัด ‘โลกความฝัน’ นี้ทิ้ง ทำเพียงกระตุ้นความสามารถในการมองทะลุผ่านของเนตรเทพมายาเท่านั้น และดวงตาซ้ายของเขาก็มองเห็นภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นรอบบริเวณได้ช้าๆ
ฟ้าดินเงียบสงัด บรรดาผู้คนที่อยู่แถวนี้ยืนนิ่งแข็งด้วยความงุนงง จิตสำนึกของพวกเขาดำดิ่งเข้าไปในโลกความฝันเหมือนจ้าวเฟิง
ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงเห็นจอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมม่วงจากเผ่าเทพมายาเข้ามาใกล้ตนเองอย่างรวดเร็ว
เผ่าเทพมายาจ่ายด้วยมูลค่ามหาศาล ทำให้ทุกคนติดอยู่ใน ‘ฝันร้ายไร้สิ้นสุด’ แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือจับตัวจ้าวเฟิงให้ได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาคงจะไม่พลาดแน่
จ้าวเฟิงเตรียมจะบุกทำลายโลกความฝัน แต่ทันใดนั้น ในครรลองสายตาของเขาก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งเข้ามาใกล้จอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียวจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นก็คืออวี่หลิวผิง
‘เป็นไปได้อย่างไร? ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสามก็ไม่น่าจะหลุดออกจาก ‘ฝันร้ายไร้สิ้นสุด’ ได้เร็วขนาดนี้!’ จอมเทพฮ่วนไฉ่ตื่นตะลึงในใจ
ฝันร้ายไร้สิ้นสุดกระบวนท่านี้รวบรวมพลังของผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจากเผ่าเทพมายามากมาย มีจอมเทพจำนวนมาก รวมไปถึงจอมเทพขั้นสามสองคนด้วย
ขณะเดียวกัน ด้านในยังแฝงด้วยพลังมายาของราชาเทพโยวอวิ๋น
“ลูกเล่นหลอกลวงของพวกเจ้าเผ่าเทพมายา คิดรึว่าจะหลอกลวงเผ่าความลับสวรรค์ได้? แต่ ‘ฝันร้ายไร้สิ้นสุด’ ของพวกเจ้า ข้าเคยเห็นมันมาก่อนนี้แล้วครั้งหนึ่ง!”
อวี่หลิวผิงอดหัวเราะเยาะไม่ได้
ที่แท้พวกเขามองแผนการที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเสแสร้งว่าบาดเจ็บหนักออกนานแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังเคยเห็นเคล็ดวิชานี้ ดังนั้นจึงมีวิธีรับมือ