Skip to content

King of Gods 1505

King Of Gods

บทที่ 1505 เจ้าเล่ห์เพทุบาย

วงหน้างามของจอมเทพฮ่วนไฉ่ฉายแววไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างอับจนหนทาง

“สังหาร!” จ้าวเฟิงตะโกนขึ้นทันที

เขาไม่มีทางใจอ่อน เมื่อศัตรูตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้ว ก็ควรฉกฉวยโอกาสนี้บุกเข้าไปโจมตี

จ้าวเฟิงและสมาชิกจำนวนมากเป็นฝ่ายบุกออกไปสังหารศัตรู

ครืน ตูม! เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนไปมาในอาณาจักรเทพ

ไม่นานเท่าไหร่นัก ฟากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทำให้ความเสียหายหนักหนาสาหัสขึ้น

“ถอย!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ทำได้เพียงถ่ายทอดคำสั่งลงไป

พวกนางไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย จะสู้รบต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร รังแต่จะทำให้การล้มตายที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น

ทันใดนั้น ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์จึงเลือกล่าถอยไป

แต่ทางฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงย่อมไม่อาจปล่อยศัตรูไปเช่นนี้ จึงตามไล่ล่า

ในระหว่างหลบหนี ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตามีคนบาดเจ็บอยู่เรื่อยๆ ขนาดจอมเทพฮ่วนไฉ่ยังถูกการโจมตีของจ้าวเฟิงทำร้ายไปหลายครั้ง

หญิงชราผมเขียวไม่ได้ควบคุมค่ายกล แต่คุ้มกันให้ทุกคนหนีไป ทำให้จำนวนการตายของสมาชิกทั้งหมดน้อยนิดนัก

จนที่สุดแล้วทางฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ถอยร่นกลับไปที่รอยโหว่ก่อนหน้านี้ เตรียมหนีออกไปจากอาณาจักรเทพเผ่าแสง

แต่ในเวลานี้เอง!

รอยโหว่ดังกล่าวค่อยๆ ประสานตัวติดกัน เห็นได้ชัดเจนว่ามู่กู่กำลังควบคุมอยู่

“รีบไปขวางมันเอาไว้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ตะโกนเสียงกร้าว ก่อนจะทะยานนำหน้าไป

หญิงชราผมเขียวตามหลังมาติดๆ เตรียมรวบรวมพลังเพื่อขัดขวางไม่ให้รอยโหว่นั้นปิดลง ทว่าพวกนางสองคนยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้รอยโหว่

ฟิ้ว โครม! ระลอกพลังที่ชวนให้หวาดกลัวพัดเข้ามาจากโลกภายนอก

พลังเทพที่น่ากลัวกลุ่มนี้ทำให้จอมเทพขั้นสามทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงอันตราย

“แย่ล่ะ รีบถอยเร็ว!” หญิงชราผมเขียวและจอมเทพฮ่วนไฉ่กระตุ้นเคล็ดวิชาป้องกันและถอยร่นไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เอง

โครม ตูม! ระลอกพลังเทพสีขาวกลุ่มยักษ์พวยพุ่งออกมาจากรอยโหว่

แรงทำลายที่น่ากลัว อาณาเขตการโจมตีกว้างใหญ่ กลืนกินทุกสรรพสิ่ง กวาดทำลายทุกอย่างแทบสิ้น

ขนาดอาณาจักรเทพเผ่าแสงยังมีรอยโหว่ใหญ่ยักษ์เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงและการโจมตีที่ทรงพลังนี้

ส่วนทางแดนศักดิ์สิทธิ์ จอมเทพขั้นสามสองคนถึงแม้ว่าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อป้องกันและหลบหลีก แต่ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บไม่เบา

“ใครกัน?” จอมเทพทั้งสองคนกระอักเลือดกันถ้วนหน้า ใบหน้าซีดเผือด

กำลังคนทั้งสองฝั่งด้านหลังมองทะลุผ่านรอยโหว่ขนาดใหญ่ ก็มองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกได้เช่นกัน

บนเรือรบสีดำอ่อนที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามและเก่าแก่มีป้อมปืนใหญ่สีทองหลังหนึ่ง ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยอักษรลึกลับของเผ่าความลับสวรรค์ และยังทอแสงประกายแวววาว เห็นได้ชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่มาจากป้อมแท่นปืนใหญ่หลังนั้น

สองข้างของป้อมปืนมีผู้อาวุโสแก่ชราสี่คนยืนอยู่ แวบแรกที่เห็นเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ใช้ชีวิตมาหลายปี

“เผ่าความลับสวรรค์?” ใบหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่ฉายแววตื่นตระหนกและเคียดแค้น ดวงตาจับจ้องผู้อาวุโสสี่คนบนเรือรบ ทว่าผู้อาวุโสสี่คนนี้เพียงแค่ปรายตามองจอมเทพฮ่วนไฉ่ผ่านๆ และไปหยุดลงที่ร่างจ้าวเฟิง

‘จอมเทพซิงเซี่ยง!’ จ้าวเฟิงมองเพียงปราดเดียวก็จำคนหนึ่งในนั้นได้

ผู้อาวุโสที่ค้ำไม้เท้าสีเงินในสี่คนนั้นก็คือจอมเทพซิงเซี่ยง

แต่ตำแหน่งของจอมเทพซิงเซี่ยงค่อนไปด้านหลัง จ้าวเฟิงจึงอดเบนสายตาไปยังผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำกลุ่มไม่ได้

ฝ่ายตรงข้ามจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง ในแววตาแฝงความตื่นเต้น โกรธเกรี้ยว รวมไปถึงจิตสังหารที่รุนแรง

ทุกคนในฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงตื่นตระหนกหวาดกลัว

การปรากฏกายของเผ่าความลับสวรรค์ช่างทรงอำนาจห้าวหาญ มาถึงก็เขย่าขวัญพวกเขาแล้ว

“พวกเจ้าถึงขั้นกล้าทำร้ายแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเชียวรึ?”

จอมเทพฮ่วนไฉ่พลันตะโกนขึ้น

เผ่าความลับสวรรค์โจมตีอย่างกะทันหันหลังจากพวกเขาเข้าใกล้รอยโหว่แล้ว ถ้าไม่ได้ป้องกันเอาไว้ จอมเทพขั้นสามอย่างพวกเขาจะบาดเจ็บสาหัสยิ่ง

“ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่สามารถชิงเอาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาได้ ก็ยกทั้งหมดนี้ให้พวกเราจัดการแล้วกัน!”

อวี่หลิวผิงไม่สนใจคำพูดจอมเทพฮ่วนไฉ่ เอ่ยอย่างสนใจแต่เรื่องของตนเอง

“จอมเทพฮ่วนไฉ่ แนะนำให้พวกเจ้าออกไปจากที่นี่จะดีที่สุด มิฉะนั้นต้องรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง!” จอมเทพซิงเซี่ยงพูดขู่เสียงเย็น

“จอมเทพฮ่วนไฉ่ พวกเราถอยก่อนแล้วกัน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก!” หญิงชราผมเขียวโน้มน้าว

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเพิ่งจะสู้รบครั้งใหญ่กับอาณาจักรเทพเผ่าแสง และถูกโจมตีจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่เผ่าความลับสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกอย่าง อาจจะถึงขั้นเรียกได้ว่าเตรียมตัวไว้นานแล้ว หากเข้าปะทะด้วยก็ไม่ต่างจากรนหาที่ จากนั้นสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ค่อยๆ ถอยออกไปด้านข้าง แค่สังเกตการต่อสู้อยู่ไกลๆ เท่านั้น

อวี่หลิวผิงกวาดสายตามองพวกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาที่อยู่ไกลๆ อย่างเฉยเมย ไม่ได้ไปสนใจพวกเขา

เขารู้ดีว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตายังไม่ได้ยอมแพ้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเป็นฝ่ายลงมือกับฝ่ายนั้นก่อน มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการผลักดันให้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าและแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาร่วมมือกัน

ในตอนนี้ ขอแค่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ พวกเขาก็ทำลายทุกสรรพสิ่งและสังหารเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้

“จ้าวเฟิง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหนีจากที่นั่นมาได้อย่างไร แต่ข้าไม่เหมือนคนพวกนั้น ข้าจะสังหารเจ้าเดี๋ยวนี้เลย!”

อวี่หลิวผิงมองจ้าวเฟิง น้ำเสียงเย็นเยียบ จิตสังหารเย็นจับขั้วกระดูก

ในเวลานี้เอง

บนเรือรบสีดำอ่อน ในหลุมเล็กจำนวนมากมีประกายสีขาวขยับวูบไหว แผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา

“รีบหนีเร็ว!” จ้าวเฟิงตะโกนออกมาในทันที

ทายาทเผ่าแสงเองก็รู้จักเผ่าความลับสวรรค์ไม่น้อย ปฏิกิริยาแรกที่มีก็คือล่าถอยกระจัดกระจายไป

วูบ วูบ วูบ~ ขณะเดียวกัน เรือรบสีดำอ่อนก็ส่งลำแสงขาววาบวับจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาทำลายล้างทุกสิ่ง

ลำแสงที่ปกคลุมเต็มผืนฟ้าพุ่งกระจายออกมา

ทุกคนเรียกเคล็ดวิชาความเร็วหลบหนีไป หลบหลีกการโจมตีจากลูกกระสุนของเรือรบ ในที่สุด ทุกคนก็รอดพ้นการจู่โจมระลอกแรกของเผ่าความลับสวรรค์

“เหอะๆ เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา ใช้กลอุบายต่างๆ ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ไม่ไหวแล้วหรือ?” จอมเทพซิงเซี่ยงหัวเราะเยาะ

“นี่เป็นแค่ความเข้าใจของพวกเจ้ากระมัง ยามเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา พวกเราไม่ได้ทำอะไรเต็มที่เลย!” จ้าวเฟิงตอบเสียงเรียบ

เขาเดาเอาไว้นานแล้ว ทั้งหมดนี้บางทีอาจจะเป็นการชักใยของเผ่าความลับสวรรค์ ดังนั้นจึงเก็บงำพลังเอาไว้ตลอดและไม่ลงมือจนสุดแรง

“ออกมาได้แล้ว!” จ้าวเฟิงผายมือสองข้างออก เผยอุโมงค์มิติของอาณาจักรเทพออกมา

พรึ่บ พรึ่บ~ ตอนแรกมีร่างสีแดงขนาดใหญ่หลายตัวพุ่งออกมาจากด้านใน

พวกมันก็คือเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิต ขอบเขตพลังของผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตเป็นจอมเทพนานแล้ว

“มีแค่ลิ่วล้อพวกนี้เองหรือ?” จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยอย่างเหยียดหยาม

สายเลือดกิเลนเพลิงโลหิตพวกนี้ธรรมดา พลังฝึกตนต่ำต้อย แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่จอมเทพขั้นหนึ่งเท่านั้น จะมีประโยชน์อะไร?

แต่จอมเทพซิงเซี่ยงเพิ่งจะพูดจบ ในอุโมงค์ก็มีร่างใหญ่ยักษ์หลายร่างกระโจนออกมา

วิหคสิงห์สีทองหลายตัวบินทะยาน ดูแข็งแกร่งทรงพลังยิ่ง จากนั้นเผ่าพันธุ์บรรพกาลรูปร่างประหลาดที่มีหลากสีหลายเผ่าพันธุ์ก็พุ่งออกมา ถึงแม้ว่าในนั้นจะมีจอมเทพจำนวนน้อยนิด แต่ส่วนมากแล้วเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าจอมเทพ

ในตอนที่กำลังพลกลุ่มนี้รวมตัวกัน ก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ทางฝั่งเผ่าความลับสวรรค์ พวกอวี่หลิวผิงและจอมเทพซิงเซี่ยงต่างตื่นตะลึงไปตามๆ กัน เพราะไม่สามารถคาดเดาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีบริวารมากมายขนาดนี้

พรึ่บ! ชุดคลุมมิติโบกสะบัด มังกรยักษ์ตัวหนึ่งมาพร้อมเพลิงมังกรสีแดงเข้ม พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว บนหัวของมันยังมีเจ้าแมวขโมยท่าทางประหลาดตัวหนึ่ง

กองกำลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

เผ่าแสงและพวกซินอู๋เหินมองจ้าวเฟิงอย่างตื่นเต้นดีใจเกินจะเปรียบ ก่อนนี้จ้าวเฟิงไม่เคยแพร่งพรายไม้เด็ดนี้มาก่อน ดูท่าทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเผ่าความลับสวรรค์ พวกเขาก็พอมีแรงตอบโต้อยู่

คนทั้งหลายจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าฉายแววอัศจรรย์ใจ

“ไม่เสียทีที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ประเมินด้วยหลักการทั่วไปไม่ได้เลย!”

หลังจากจอมเทพฮ่วนไฉ่ตื่นตะลึงแล้ว สีหน้าก็สงบลง

“จอมเทพซิงเซี่ยง เตรียม ‘ระเบิดเทพมรณะ’ !” แววตาอวี่หลิวผิงตึงเครียด

“รับทราบ!” จอมเทพซิงเซี่ยงประสานมือกระตุ้นเคล็ดวิชา ควบคุมป้อมปืนสีทองด้านข้าง

วู้ม วู้ม! รอบๆ ปืนใหญ่มีค่ายกลที่ซับซ้อนหลายแห่งลอยขึ้นมาและโคจรขึ้นช้าๆ

ป้อมปืนสีทองก็เปล่งแสงอ่อนจาง พลังงานมหาศาลกระเพื่อมออกมา

“สังหาร!” แววตาจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลง ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งลงไป

พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นพลานุภาพ ‘ระเบิดเทพมรณะ’ ไปเมื่อครู่ พลานุภาพเทียบเท่ากับการโจมตีอย่างสุดแรงของจอมเทพขั้นสาม

แต่ว่าพื้นที่การโจมตีของระเบิดเทพมรณะกว้างใหญ่ การโจมตีของกระสุนปืนทั่วไปบนเรือรบ อาณาจักรเทพเผ่าแสงสามารถหลบได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับระเบิดเทพมรณะ ความเป็นไปได้ที่จะหลบได้น้อยนิดอย่างยิ่ง

“สังหาร…”

ยามนั้น ทายาทเผ่าแสง เผ่าพันธุ์บรรพกาล รวมไปถึงพวกจ้าวเฟิงก็พุ่งไปทางเรือรบสีดำอ่อนทั้งหมด พลานุภาพที่น่ากลัวนี้สั่นสะเทือนทั้งอาณาจักรเทพเผ่าแสงตลอดเวลา หากไม่ใช่เพราะอาณาจักรเทพสูงส่งมั่นคง เกรงว่าคงจะพังทลายไปแล้วนานแล้วเมื่อทุกคนต่อสู้กัน

สมาชิกเผ่าความลับสวรรค์อีกสองคนควบคุมทั้งเรือรบเอาไว้

ฟิ้ว~ รอบๆ เรือรบปรากฏชั้นป้องกันสีเทาขึ้นชั้นหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน สองด้านของเรือรบมีทางเข้าออกปรากฏขึ้น

พรึ่บ พรึ่บ~ เงาร่างทั้งหกต่างพุ่งออกมาจากด้านใน

ทั้งหกคนนี้ล้วนแต่เป็นองครักษ์เทพมรณะ ซึ่งเป็นร่างที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของสิ่งมีชีวิตและวิชาหุ่นเชิด

ผู้ที่พลังต่ำที่สุดก็ยังเป็นจอมเทพขั้นสองกันทั้งหมด ส่วนพลังฝึกตนสูงสุดเทียบเท่าได้กับจอมเทพขั้นสาม บวกกับได้ปลูกถ่ายสายเลือดและหุ่นเชิดกลไกไว้ จึงไม่ควรดูแคลนกำลังรบ

โครม ตู้ม!

ฟากอาณาจักรเทพเผ่าแสง ร่างคนจำนวนมากหมุนวนรอบเรือรบปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกมา

สมาชิกที่กำลังสู้รบอยู่ของเผ่าความลับสวรรค์ ถึงแม้ว่าจะมีองครักษ์เทพมรณะหกคน แต่ทั้งหมดก็มีกำลังรบที่แข็งแกร่งทรงพลัง และในเรือรบสีดำอ่อนนี้ ยังมีกระสุนพลังยิงออกมาไม่หยุดหย่อน ปะทะทั่วบริเวณอย่างแม่นยำ

เผ่าพันธุ์บรรพกาลของจ้าวเฟิงล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากด้วยเหตุนี้

แต่ทว่าจ้าวเฟิงมีร่างแยกร่างหนึ่งนามว่าจ้าวหุย หรือผู้ครอบครองวัฏสงสารแห่งชีวิต พลังฝึกตนไม่สูงมากนัก แต่สามารถใช้วิชาตายแล้วเกิดใหม่กับทุกสิ่งมีชีวิตในขั้นต่ำกว่าจอมเทพ ยิ่งพลังฝึกตนต่ำเท่าไหร่ การฟื้นคืนชีพก็ยิ่งง่ายเท่านั้น

ฟิ้ว โครม!

จู่ๆ ในเรือรบสีดำอ่อนก็เปล่งแสงสีขาวสุกสกาว ระเบิดเทพมรณะพุ่งออกมาทันใด เสาแสงขนาดใหญ่ต้นหนึ่งทะยานหมุนกวาดไปด้านหน้า

อาณาเขตโจมตีวงกว้างกับแรงทำลายล้างที่น่ากลัวดังกล่าว ทำให้กลุ่มคนฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงใจสั่นระรัว

“เนตรเทพมายา…ทำลายล้าง!” จ้าวเฟิงย่อมไม่ปล่อยให้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เขาโคจรดวงตาซ้ายทันที หมอกแสงมายาคลี่กระจายตัวออกมา และแทรกซึมเข้าไปในฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล ทั้งหมดเบื้องหน้าจ้าวเฟิงหม่นแสงลง มีเพียงเสาแสงสีขาวที่ถูกปกคลุมด้วยแสงมายาพร่างพราย

“ทำลาย!” พลังความคิดหมุนโคจร วิชาดวงตามายาสำแดงฤทธิ์

ทันใดนั้น เสาแสงสีขาวเริ่มสลายไปทีละน้อย จนในที่สุดระเบิดเทพมรณะก็ไม่อาจทำร้ายใครได้สักคน

“พลานุภาพของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?” อวี่หลิวผิงจ้องที่ดวงตาของจ้าวเฟิงอย่างตื่นตกใจ

โครม บึ้ม! ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากันอย่างดุเดือด เขตปราการป้องกันของเรือรบเผ่าความลับสวรรค์เกิดความเสียหาย

องครักษ์เทพมรณะทั้งหกคนนั้นก็ยากจะต้านทานการโจมตีของคนจำนวนมากแน่นอนว่าจำนวนการตายของฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงก็ไม่ใช่น้อยๆ

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตามองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ไกลออกไปด้วยความนิ่งสงบ

“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะมีกลอุบายมากมายขนาดนี้ ทรงพลังจริงๆ ส่วนเผ่าความลับสวรรค์ก็ไม่ธรรมดาเลยเหมือนกัน!” จอมเทพฮ่วนไฉ่พึมพำเสียงต่ำ

“แล้วพวกเราจะลงมือได้เมื่อไหร่?” ใบหน้าหญิงชราผมเขียวซีดเผือด ก่อนจะค่อยๆ กลับเป็นปกติ แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาคาดเดาเรื่องนี้ได้นานแล้ว เผ่าความลับสวรรค์จงใจแพร่งพรายข้อมูลให้พวกเขาได้รับรู้ ส่วนเรื่องที่เผ่าความลับสวรรค์จะรอเก็บผลประโยชน์ทีหลัง พวกเขาก็เดาได้เช่นกัน

“รอก่อนแล้วกัน เมื่อครู่ข้าได้รับบาดเจ็บจากระเบิดเทพมรณะเล็กน้อย!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่ยิ้มชวนหลงใหล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version