Skip to content

King of Gods 1510

King Of Gods

บทที่ 1510 สังหารจอมเทพขั้นสาม

ต้องมาเห็นสมาชิกของตนเองตายไปทีละคนๆ อย่างไร้สาเหตุ จอมเทพฮ่วนไฉ่และอวี่หลิวผิงตื่นตระหนกกันมาก พุ่งออกมาไล่ตามจ้าวเฟิงทันที

พวกเขารู้ดีว่านี่คือพลังของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแน่นอน มิฉะนั้นจะเกินความคาดหมายขนาดนี้ได้อย่างไร พวกเขามองไม่ออกแม้แต่น้อย

ทุกแห่งหนที่จ้าวเฟิงผ่านไป สมาชิกของเผ่าความลับสวรรค์และแดนศักดิ์สิทธิ์จะล้มตายลงติดต่อกัน แต่คนฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงกลับปลอดภัย

พรึ่บ! พรึ่บ! จอมเทพฮ่วนไฉ่และอวี่หลิวผิงเข้าไปใกล้จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

จิตสำนึกหลักของจ้าวเฟิงในตอนนี้อยู่ในมิติห้วงฝัน ส่วนร่างไม่มีพลังความสามารถเท่าไหร่นัก ดังนั้นจอมเทพฮ่วนไฉ่และอวี่หลิวผิงจึงไล่ตามมาทันได้อย่างรวดเร็ว

“เป็นโอกาสอันดี ไม่รู้ว่าเจ้านี่กำลังใช้วิชาดวงตาอะไร ร่างหลักจึงอ่อนแอลงอย่างยิ่ง!”

นัยน์ตาอวี่หลิวผิงฉายแสงแรงกล้า

เคล็ดวิชาที่ประเภทคล้ายกับจ้าวเฟิงในตอนนี้ ยังมีเนตรข้ามนภาอีกอย่าง ตอนที่ใช้เนตรข้ามนภา ดวงวิญญาณจะหลุดออกจากร่างจริงจนเกือบหมด ถ้าหากโจมตีร่างหลักยามนี้จะได้ผลที่สุด

จ้าวเฟิงในตอนนี้ การป้องกันของร่างหลักน้อยนิดยิ่ง แทบจะไม่มีแรงต้านทานอะไร

“ตายซะ!” สีหน้าอวี่หลิวผิงเหี้ยมโหด ตวัดชิ้นส่วนสีทองในมือเป็นคลื่นดาบแสงทองที่สุกสว่างสายหนึ่งพุ่งออกไป

และในเวลานี้เอง เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็มีแสงเทพวูบผ่าน

ถึงแม้ห้วงความคิดส่วนมากของเขาจะอยู่ในมิติห้วงฝัน แต่ร่างหลักก็ยังรับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน

“ได้แล้ว!” จ้าวเฟิงพึมพำ

เมื่อครู่เขาสังหารคนฝั่งศัตรูไปเป็นจำนวนมากแล้ว

ในวินาทีที่มิติห้วงฝันถูกถอนออกไป จิตสำนึกของพวกเผ่าแสงและแดนเผ่าพันธุ์บรรพกาลก็กลับเข้าร่าง อย่างไรเสีย สู่ห้วงความฝันก็เป็นการโจมตีในวงกว้าง คนที่ถูกดึงเข้าไปในความฝันมีทั้งศัตรูและฝ่ายตนเอง

คนพวกนี้รู้สึกเหมือนกับว่าเมื่อครู่ฝันไป คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาและเผ่าความลับสวรรค์ในห้วงฝันล้มตายไปทีละคนติดต่อกัน ผลคือหลังจากตื่นขึ้นมา คนพวกนั้นก็ตายไปแล้วจริงๆ

เปรี๊ยะ! คลื่นดาบแสงสีทองที่พราวพร่างเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

สมาชิกจำนวนไม่น้อยถูกกฎเกณฑ์แห่งทองสายนี้พุ่งใส่จนได้รับบาดเจ็บ รีบล่าถอยไปในทันที

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามชิ้นในชุดคลุมมิติ ปลดปล่อยคมดาบแสงเงินที่เกี่ยวประสานออกมาสายหนึ่ง

ขณะนี้ชุดคลุมมิติของเขาหลอมรวมเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามชิ้นเข้าไป ในนั้นมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทมิติสองชิ้น ทำให้พลานุภาพการโจมตีของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย

โครม ตู้ม! ดาบแสงเงินปะทะใส่คลื่นดาบทองอย่างรุนแรง ไม่นานเท่าไหร่นักก็พุ่งทะลวงผ่านไป

“เจ้าเด็กนี่มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามชิ้น!” อวี่หลิวผิงค่อนข้างหัวเสีย

เพิ่งทะลวงขั้นสองมาได้ ก็มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามชิ้นแล้ว นับว่าหายากไม่น้อยจะต้องรู้ว่า ถึงเป็นจอมเทพขั้นสามก็อาจไม่มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในครอบครอง

ตู้ม ตู้ม! สองหมัดของอวี่หลิวผิงระเบิดออกติดต่อกัน ทำลายการโจมตีของจ้าวเฟิงจนแหลกไป

“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก คนผู้นี้เก่งกาจเกินไปแล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่มองดูการประมือระหว่างจ้าวเฟิงและอวี่หลิวผิง แล้วมองการต่อสู้อื่นๆ อีกครั้ง

เมื่อครู่จ้าวเฟิงเกือบจะสังหารคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้มีระดับพลังต่ำกว่าจอมเทพขั้นสองไปทั้งหมด และทางฟากเผ่าความลับสวรรค์ก็มีองครักษ์เทพมรณะผู้เป็นจอมเทพขั้นสองอีกสามคนที่ถูกจ้าวเฟิงสังหาร

สถานการณ์ในตอนนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาและเผ่าความลับสวรรค์ร่วมมือกัน ก็ยังไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้!

จอมเทพฮ่วนไฉ่มองจ้าวเฟิงเฟิงและเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าดวงนั้น ในใจหวาดเกรงยิ่งนัก

“จอมเทพฮ่วนไฉ่ มีเพียงเจ้ากับข้าร่วมมือเอาชนะจ้าวเฟิง จึงจะกู้สถานการณ์ได้!”

อวี่หลิวผิงส่งกระแสจิตบอก

“ได้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ผงกศีรษะ

อวี่หลิวผิงเองก็ยอมถอยให้แล้ว เมื่อครู่เขาไม่ได้บอกว่าสังหารจ้าวเฟิง แต่เป็นเอาชนะจ้าวเฟิง

เมื่อรู้สึกได้ว่าจอมเทพขั้นสามสองคนเปลี่ยนมาร่วมแรงร่วมใจกัน จ้าวเฟิงก็จริงจังขึ้นหลายส่วน อย่างไรเสีย ศัตรูก็เป็นจอมเทพขั้นสามถึงสองคน หนำซ้ำยังไม่ธรรมดามากด้วย

แต่ในตอนนี้เอง

วู้ม ฟู่ ฟู่! ลมเมฆในท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง แรงกดดันมิติที่ประหลาดค่อยๆ อ่อนแรงลง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ที่สนามรบ ใบหน้าพวกศัตรูฉายแววสงสัย แรงกดข่มบนร่างพวกเขาอันตรธานหายไปทันที ทำให้รู้สึกเบาสบายเกินบรรยาย

“การต่อสู้ก็ใกล้จะจบลงแล้ว ข้าคงต้องลงมือด้วยตนเอง!”

จู่ๆ ก็มีอุโมงค์มิติแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เสียงหัวเราะดังลั่นลอยออกมา

พรึ่บ! เงาคนสีขาวร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากด้านใน คนผู้นั้นก็คือมู่กู่

ในตอนนี้ นอกจากการประจันหน้ากันของกำลังรบที่สูงๆ แล้ว สมาชิกฝั่งศัตรูตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเรียบร้อย ต่อให้ไม่มีแรงกดข่มจากอาณาจักรเทพ พวกเขาก็ยากจะกู้สถานการณ์กลับมา

หนำซ้ำฝ่ายตรงข้ามเหลือยอดฝีมือไม่มาก จำนวนคนน้อยนิดอย่างยิ่ง

ก่อนนี้ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่า มู่กู่คนเดียวก็ควบคุมพลังทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่สถานการณ์ในตอนนี้ หากให้มู่กู่กดข่มผลจากพลังที่คนเหล่านั้นปล่อยออกมา ไม่สู้เขาออกรบด้วยตนเองจะดีกว่า

จะต้องรู้ก่อนว่า มู่กู่เองก็เป็นจอมเทพขั้นสาม และยังมีสายเลือดเผ่าแสงด้วย

อวี่หลิวผิงและจอมเทพฮ่วนไฉ่สีหน้าตึงเครียดลงทันที

ถึงแม้ว่าแรงกดข่มของพวกเขาจะหายไปแล้ว แต่กลับมีความยุ่งยากมากกว่าเดิม

“จ้าวเฟิง ยกตาแก่นี่ให้ข้าจัดการ!”

มู่กู่มองอวี่หลิวผิง ในสายตาฉายจิตต่อสู้เย็นชา

“ตกลง!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ ขยับกายตรงไปหาจอมเทพฮ่วนไฉ่

“ถอย!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ถ่ายทอดคำสั่งออกมาทันใด

สถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่ขึ้นทุกที หากยังอยู่ที่นี่ต่อ คนที่นางพามาด้วยคราวนี้อาจถึงขั้นตายกันหมด และตัวนางเองก็อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย

“คิดหนีร? จะทำได้หรือ?” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น กระตุ้นพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะ รวบรวมขึ้นเป็นกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์เล่มหนึ่ง

ฟึ่บ ฟึ่บ!

คมดาบอัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน แผ่พวยพุ่งออกมาขวางทางหนีของจอมเทพฮ่วนไฉ่เอาไว้ แถบแสงห้าสีผืนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือจอมเทพฮ่วนไฉ่ นางโบกมันติดต่อกัน ทำให้แถบแสงห้าสีกลายเป็นระลอกแสงสว่างเจิดจ้าห้าเส้นหมุนวนรอบตัวนาง ขวางคมกระบี่อัสนีเทวะทั้งหมดไว้

“เหอะๆ เจ้าในตอนนี้เหลือแค่แรงเฮือกสุดท้ายแล้ว!” จ้าวเฟิงหัวเราะเย็นชา

ฝันร้ายไร้สิ้นสุดเดิมก็สิ้นเปลืองพลังมากอยู่แล้ว จากนั้นนางยังได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับอวี่หลิวผิง และยังถูกระเบิดเทพมรณะทำร้ายด้วย

ในตอนนี้ ถึงแม้จะไม่มีการควบคุมจากอาณาจักรเทพ แต่จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ยากจะสำแดงพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้

“จ้าวเฟิง เหลือทางรอดให้ตัวเจ้าเองด้วย ตอนนี้เจ้าปล่อยข้าไป ตัวเจ้าเองก็หนีออกไปจากที่นี่ได้เหมือนกัน!” น้ำเสียงจอมเทพฮ่วนไฉ่อ่อนลง

ตอนนี้นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้จ้าวเฟิงรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์ก็บุกโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสงช่วงหนึ่งแล้ว ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่รอการปรากฏตัวของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่เขตดาราชาด บางทีอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วกำลังเดินทางมาที่นี่ก็เป็นได้

“เช่นนั้นข้าจะรีบสังหารเจ้าให้เร็วที่สุด แล้วค่อยหนีออกจากที่นี่!”

ใบหน้าจ้าวเฟิงแข็งกระด้าง เมื่อจอมเทพฮ่วนไฉ่เตือนเช่นนี้ เขาจึงต้องรับมือเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากจอมเทพฮ่วนไฉ่กระตุกถี่ คิดไม่ถึงว่าการเกลี้ยกล่อมของตนจะให้ผลตรงกันข้าม ทำให้จ้าวเฟิงลงมือกับนางสุดแรง

“ฮึ จ้าวเฟิง คิดจะสังหารข้าก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น พอถึงเวลาผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็จะมาที่นี่ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะรับมือกับทั้งเขตดาราชาดได้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่แค่นเสียงหยัน เอ่ยอย่างดูถูก

“ง่ายหรือไม่ง่าย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า!” แววตาจ้าวเฟิงเคร่งขรึม โคจรดวงตาซ้าย กระบี่เทพบริสุทธิ์ที่เป็นรูปเป็นร่างเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงออกมา

ฟึ่บ! แสงสว่างเป็นประกาย กระบี่เทพบริสุทธิ์ทะลุผ่านร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่ไป

“อ๊าก…” จอมเทพฮ่วนไฉ่กรีดร้องโหยหวน ข่มความเจ็บปวดและเดินหน้าหนีต่อไป

พื้นฐานของเผ่าเทพมายาพิเศษอย่างยิ่ง ชำนาญศาสตร์ลวงตา พลังดวงวิญญาณก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง จึงสามารถต่อต้านพลังกระบี่เทพได้

“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์มหาศาลออกมา กลายเป็นกระแสธารพลังบริสุทธิ์นับไม่ถ้วนไหลบ่าจากหลายทิศทางตรงไปล้อมจอมเทพฮ่วนไฉ่เอาไว้

“แปรเปลี่ยนทุกสรรพสิ่ง!” จอมเทพฮ่วนไฉ่กัดฟันเผาผลาญพลังสายเลือด

ทันใดนั้น ร่างของนางก็ค่อยๆ ทับซ้อนกัน เงาหลายร่างพุ่งออกมาจากด้านใน ใบหน้าของร่างเหล่านั้นก็คือจอมเทพฮ่วนไฉ่ ทว่าถัดจากนั้น ร่างเงาร่างที่สอง ร่างที่สามที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนก็พุ่งมาจากด้านใน

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

ในร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่พลันมีร่างที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนพุ่งออกมานับร้อย หนำซ้ำกลิ่นอายสายเลือดและดวงวิญญาณของแต่ละร่างเหมือนกับจอมเทพฮ่วนไฉ่ไม่มีผิดเพี้ยน ในที่สุดจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็สร้างเงาพันร่างที่เหมือนตนทุกประการออกมา และหนีออกไปไกล

“โง่งมเหลือเกิน!” จ้าวเฟิงตกตะลึงไปเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะเหยียดหยามหากเป็นคนอื่นคงจะสับสน ไม่สามารถแยกแยะได้

เพียงหนึ่งช่วงลมหายใจก็มากพอให้จอมเทพฮ่วนไฉ่ผู้ชำนาญความเร็วหนีเอาชีวิตรอดไปได้ แต่เงาร่างที่ชวนให้สับสนจำนวนมากนี้กลายเป็นแค่อากาศธาตุในสายตาจ้าวเฟิง ทำให้จอมเทพฮ่วนไฉ่ตัวจริงไม่มีทางหนีได้!

“ตรึงเป้าหมาย!”

จ้าวเฟิงควบคุมกระแสธารพลังบริสุทธิ์ ตรงดิ่งไปรัดรั้งร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่ตัวจริงไว้ทันใด

“เป็นไปได้อย่างไร?” จอมเทพฮ่วนไฉ่หน้าถอดสี

เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น จ้าวเฟิงก็หาร่างจริงของนางเจอแล้ว

โครม ตูม~

จอมเทพฮ่วนไฉ่หยิบเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกมา สำแดงกฎเกณฑ์เหมันต์ที่หนาวเหน็บออกมา พยายามขัดขวางการโจมตีของจ้าวเฟิง แต่พลังบริสุทธิ์ไม่ถูกพลังใดๆ ควบคุม พลังเหมันต์กลุ่มนี้จึงไม่สามารถขัดขวางพลังบริสุทธิ์ได้เลย ถึงขนาดที่ยังมีพลังบางส่วนถูกพลังบริสุทธิ์สูบกลืนไป ในที่สุด ระลอกพลังบริสุทธิ์มากมายก็ล้อมจอมเทพฮ่วนไฉ่เอาไว้โดยสิ้นเชิง

“จ้าวเฟิง หากเจ้าสังหารข้า แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่เอาเจ้าไว้แน่!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่หมดหวัง มองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเคียดแค้นและอับจนหนทาง ใบหน้ายังฉายแววอ้อนวอนด้วย

“เล็งเป้าหมาย!” จ้าวเฟิงสีหน้าไม่สะทกสะท้าน จิตสังหารพวยพุ่งออกมา

เปรี๊ยะ ฟู่!

กระแสพลังบริสุทธิ์มหาศาลหดเล็กลง จากนั้นพลันเข้าไปรุมล้อมจอมเทพฮ่วนไฉ่

“ไม่…” จอมเทพฮ่วนไฉ่ร้องโหยหวนอย่างหมดหวัง

กลิ่นอายต้องห้ามที่อันตรายอย่างยิ่งในกระแสพลังบริสุทธิ์ค่อยๆ ทะลักออกมาจ้าวเฟิงรู้ดีว่าจอมเทพฮ่วนไฉ่ต้องการจะระเบิดตัวตาย เพื่อสังหารเขาให้ตายตกไปตามกัน!

“สู่ห้วงความฝัน!”

วิชาดวงตาดั้งเดิมอย่างเนตรเทพมายาถูกกระตุ้นออกมาอีกครั้ง แรงฉุดดึงวิญญาณปกคลุมบนร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่

“ฝันไปเถอะ…มาตายด้วยกันซะ จ้าวเฟิง!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่ทุ่มเทพลังทั้งหมดขวางเอาไว้สุดแรง และเก็บสะสมพลังเพื่อเตรียมจะระเบิดตัวเองตาย แต่กระแสพลังบริสุทธิ์ที่ปกคลุมร่างนางกลืนกินพลังทั้งหมดในร่างตลอดเวลา บวกกับจิตสำนึกของนางก็ถูกดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงฉุดดึงเอาไว้ ในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ นางไม่สามารถระเบิดตัวเองได้สำเร็จ จากนั้นไม่นาน พลังที่เหลือในร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็มีไม่มากแล้ว ต่อให้ระเบิดตัวตาย จ้าวเฟิงก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ พลังบริสุทธิ์กลายเป็นกระบี่เทพรวมศูนย์นับไม่ถ้วนทำลายร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่จนแหลกละเอียด

“จอมเทพฮ่วนไฉ่!” หญิงชราผมเขียวกับชายผมเหลืองที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดเห็นจอมเทพฮ่วนไฉ่ถูกจ้าวเฟิงสังหาร ใจก็สั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว

แต่ในเวลาต่อมา พวกเขาก็ต้องหนีเอาชีวิตรอดกันหัวซุกหัวซุน นั่นเพราะจ้าวเฟิงสังหารจอมเทพฮ่วนไฉ่แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองพวกเขา แววตานั้นทำให้พวกเขาใจสั่น ขนพองสยองเกล้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version