Skip to content

King of Gods 1511

King Of Gods

บทที่ 1511 เทียนอูปรากฏกาย

การตายของจอมเทพฮ่วนไฉ่ทำลายขวัญกำลังใจของสมาชิกที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาอย่างมหาศาล

และเมื่อจ้าวเฟิงสังหารจอมเทพฮ่วนไฉ่แล้วจับจ้องพวกเขา ก็ยิ่งทำให้ทุกคนขนลุกขนพอง ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

“หนีเร็ว!” หญิงชราผมเขียวไม่คิดหน้าคิดหลัง รีบกระตุ้นเคล็ดวิชาสายเลือด ตรงไปที่รอยโหว่ใหญ่ของอาณาจักรเทพเผ่าแสงเพื่อหนีเอาชีวิตรอด

รอยโหว่นี้เกิดขึ้นเพราะเผ่าความลับสวรรค์ระเบิดทำลาย ความเสียหายค่อนข้างมาก แต่มู่กู่จดจ่อกับการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่ได้มาซ่อมแซม

“จะหนีเรอะ?”

จ้าวเฟิงแค่นเสียงหยัน กระตุ้นกฎเกณฑ์มิติและเคลื่อนย้ายไปชั่วพริบตา

ขนาดจอมเทพฮ่วนไฉ่เขายังสังหารไปแล้ว จึงเรียกได้ว่าเขามีความแค้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาอย่างเป็นทางการแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องปรานีคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา สังหารได้ก็สังหารไป มิฉะนั้นในภายหน้าจะกลายมาเป็นศัตรูของตนเอง

เปรี๊ยะ~

ระลอกคลื่นกระเพื่อมในอากาศ ร่างของจ้าวเฟิงเข้าประชิดหญิงชราผมเขียวอย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาสามารถยกให้ร่างแยกและพวกเผ่าพันธุ์บรรพกาลจัดการได้ แต่หญิงชราผมเขียวผู้เป็นจอมเทพขั้นสอง มีเพียงจ้าวเฟิงเท่านั้นที่รับมือได้

หญิงชราผมเขียวที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด เมื่อเห็นจ้าวเฟิงตามมาประชิดที่ด้านหลัง ความเร็วขนาดนั้นเหมือนอีกเดี๋ยวก็ตามตนเองทันแล้ว กฎเกณฑ์ธาตุไม้หมุนโคจร นางโบกไม้เท้าหยกมรกตในมือติดต่อกัน

โครม ขวับ ขวับ!

รอบตัวนางเปล่งแสงสีเขียวมากมาย ภายในมีเถาวัลย์ไม้อวบหนาจำนวนมากพุ่งออกมา บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็วประหนึ่งมีชีวิต แล้วพุ่งตรงไปที่ด้านหลัง

จ้าวเฟิงไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด ถึงแม้ต้องเผชิญหน้ากับการขัดขวางจากวิชาหญิงชราผมเขียว

เมื่อมือกวัดแกว่งกระบี่อัสนีเทวะติดต่อกัน พลังทำลายล้างที่น่ากลัวก็ทำลายเถาวัลย์ทั้งหมดด้านหน้าลง

วู้ม ฟู่ ฟู่!

แต่ว่าพลังชีวิตของเถาวัลย์นี้สูงมากนัก เหมือนสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด พุ่งออกจากด้านใน ‘แสงเขียวสุกสกาว’ ไม่มีสิ้นสุด โจมตีจ้าวเฟิงไม่เลิก แต่ยามจ้าวเฟิงกำลังจะอ้อมไปนั้น เถาวัลย์ยักษ์ก็พุ่งมารัดจากรอบบริเวณ

เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จ้าวเฟิงทำได้เพียงทำลายแหล่งกำเนิดของมันเสีย

“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!” มือสองข้างของจ้าวเฟิงส่งกระแสพลังบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ออกมาสองกลุ่ม พุ่งไปหาแสงเขียวสุกสกาวที่อยู่ไกลๆ อย่างว่องไว ทันใดนั้นเอง กระแสพลังบริสุทธิ์หมุนวน ล้อมมันเอาไว้และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่จากการกดข่มของโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ พลังของแสงเขียวสุกสกาวเลยถูกกลืนกินอย่างช้าๆ เถาวัลย์ยักษ์ที่อยู่ด้านนอกค่อยๆ แห้งเหี่ยวลง

ไกลออกไป หญิงชราผมเขียวที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดตกตะลึงทันทีที่เห็นจ้าวเฟิงจัดการเคล็ดวิชาของนางได้เร็วไวเช่นนี้

ก่อนนี้ นางเห็นตอนที่จ้าวเฟิงสังหารจอมเทพฮ่วนไฉ่ด้วยตาตนเอง จึงพอจะเข้าใจความสามารถของจ้าวเฟิงอยู่ไม่น้อย รู้ว่าวิชาหลบหนีบางอย่างของเผ่าเทพมายาอาจไม่ได้มีผลอะไรกับเขา ดังนั้นนางจึงใช้วิธีนี้ขัดขวางฝ่ายตรงข้ามไว้ ถึงแม้ว่าจะได้ผล แต่จ้าวเฟิงก็ยังคงคลี่คลายมันได้อย่างรวดเร็ว

“ดาราทลายผืนดิน!” ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงรวบรวมพลังบริสุทธิ์เอาไว้จำนวนมาก ก่อนมันจะบิดเบี้ยวกลายเป็นลูกทรงกลมสีเงินเข้มลึกล้ำลูกหนึ่ง

ฟุ่บ~ ลูกทรงกลมนั้นพุ่งออกมาในพริบตา ตรงไปโจมตีหญิงชราผมเขียวที่กำลังหนีอยู่ด้านหน้า

หญิงชราผมเขียวสัมผัสการโจมตีจากวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงได้ ก็เตรียมจะหลบหลีก

โครม ตูม! แต่ยังไม่ทันรอให้นางเริ่มหลบ ลูกทรงกลมสีเงินที่มืดหม่นก็ระเบิดออกทันใด

หลังจากดาราทลายผืนดินโดนเป้าหมายแล้วจะระเบิดออกเอง จ้าวเฟิงเพียงแค่ทำให้มันระเบิดก่อนเวลาที่ควรเท่านั้น พลังเทพที่แก่กล้าและปั่นป่วนระเบิดออกมา แผ่ไปกระทบร่างหญิงชราผมเขียว

การโจมตีจากพลังเทพกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งมากมายนัก ไม่มากพอจะทำให้หญิงชราผมเขียวบาดเจ็บสาหัส แต่กฎเกณฑ์มิติกลับโดนตัวและส่งผลกระทบต่อนาง

“กฎเกณฑ์มิติน่ากลัวนัก!” หญิงชราผมเขียวร้อนรนกระวนกระวาย สบถออกมาอย่างหัวเสีย

หากไม่ใช่เพราะกฎเกณฑ์มิติ จ้าวเฟิงคงไม่ว่องไวขนาดนี้ ยามนี้นางก็คงไม่ดือดร้อน และสามารถหนีรอดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว

เวลานี้เอง ระลอกพลังยิ่งใหญ่ตรงเข้ามาหา

หญิงชราผมเขียวหมุนกายไปปลดปล่อยระลอกแสงเขียวมรกตหลายสาย

ครืน บึ้ม!

ระลอกแสงเขียวมรกตและดาบอัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง แต่ไม่นานเท่าไหร่ก็แหลกสลายเป็นผุยผง

“เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนจอมเทพฮ่วนไฉ่แล้วกัน!” จิตสังหารจ้าวเฟิงน่าพรั่นพรึง ฟันกระบี่อัสนีเทวะไปอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แกร่งขนาดนี้ของจ้าวเฟิง หญิงชราผมเขียวกระตุ้นพลังเทพจนเกิดเป็นเกราะแสงลายไม้รอบตัว

โครม~ แต่ทว่า เกราะแสงลายไม้รับพลังได้ไม่นานนัก ก็ถูกจ้าวเฟิงระเบิดทำลาย

หญิงชราผมเขียวถูกกระบี่ฟันไปสองครั้ง ทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่สองรอยไว้ ร่างม้วนกระเด็นออกไปไกล

“จ้าวเฟิง ราชาเทพโยวอวิ๋นกำลังจะมาแล้ว เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”

หญิงชราผมเขียวกระอักเลือด จ้องจ้าวเฟิงด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง

ไม่ต้องคิดก็รู้ราชาเทพโยวอวิ๋นเป็นราชาเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา

อันที่จริง จ้าวเฟิงเองก็ประหลาดใจอยู่เช่นกัน เหตุใดราชาเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ออกหน้า แต่จ้าวเฟิงกลับไม่เชื่อหญิงชราผมเขียว จะเชื่อคำพูดของศัตรูอย่างง่ายดายได้อย่างไร บางทีหญิงชราผมเขียวอาจกำลังจะใช้เรื่องนี้สร้างความวุ่นวาย เขย่าขวัญจ้าวเฟิง จะได้ฉวยโอกาสหนีไป

ทว่าเรื่องนี้ก็ทำให้จ้าวเฟิงตื่นตัวขึ้นมา จะต้องรีบแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ได้รวดเร็วที่สุด จากนั้นก็หนีไป

“เปลี่ยนมายา!” พลังดั้งเดิมในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักออกมา

หมอกแสงมายาหลายชั้นหมุนวนออกจากดวงตาซ้าย หลอมรวมเข้าไปในอากาศฉับพลันนั้น สิ่งของทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ในระยะหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยสีสันมายา โดยมีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง

“ความรู้สึกแบบนี้…” หญิงชราผมเขียวรู้สึกได้ทันทีว่าสภาวะในแต่ละด้านของตนเองเชื่องช้าลง และเกิดความรู้สึกอันตรายอย่างประหลาดขึ้นในใจ

“ทำลาย!” จ้าวเฟิงจ้องหญิงชราผมเขียว ขับเคลื่อนพลังความคิด จนกลายเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าอย่างหนึ่ง

“แย่แล้ว…” จู่ๆ หญิงชราผมเขียวก็นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงก็เคยใช้กระบวนท่านี้สังหารสมาชิกจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาลงอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ นางรีบกระตุ้นสายเลือด โคจรกฎเกณฑ์ต้านทานพลังที่ยากเกินเข้าใจกลุ่มนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ ก่อนนี้นางต่อสู้ยืดเยื้อ ทั้งยังใช้วิชา ‘ฝันร้ายไร้สิ้นสุด’ พลังสายเลือดจึงเหลือไม่มาก

เปรี๊ยะ!

จ้าวเฟิงจับกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ฟันฉับไปที่หญิงชราผมเขียว

พลังของตัวจ้าวเฟิงเองก็ลดลงไปเช่นกันเมื่อประคองวิชาเปลี่ยนมายาอยู่ แต่พลังของหญิงชราผมเขียวในตอนนี้เป็นเฮือกสุดท้ายแล้ว อ่อนแรงลงกว่าเดิม

โครม ตู้ม! หญิงชราผมเขียวกัดฟันกรอด ยื่นมือส่งกลุ่มแสงสีเขียวมรกตชั้นหนึ่งพุ่งไปปะทะการโจมตีของจ้าวเฟิง แต่ถัดจากนั้น คมกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์จำนวนมากกว่าเดิมก็พุ่งลงมา

เมื่อต้องตั้งรับเปลี่ยนมายาด้วย สภาพของหญิงชราผมเขียวก็ยิ่งย่ำแย่ลง

โครม บึ้ม~

หญิงชราผมเขียวต้านทานสุดแรง แต่ก็ยังมีคมกระบี่สามสายฟันใส่ร่างนาง

ในเวลาเดียวกัน เพราะนางแบ่งความสนใจมากจนเกินไป พลังของเปลี่ยนมายาจึงทะลักเข้ามา ทำให้ร่างกายของนางสลายไปบางส่วน ด้วยเหตุนี้อาการบาดเจ็บจึงหนักหนาสาหัสขึ้น

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะ ปลดปล่อยการโจมตีที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังออกมา

“ไม่…” หญิงชราผมเขียวร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว รีบร้อนสำแดงอาณาจักรเทพของตน

เมื่อกลางอากาศปรากฏอุโมงค์ทางเดินสีเขียวเข้ม นางจึงรีบหนีเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าจ้าวเฟิงรวดเร็วเกินจะเปรียบ ก่อนที่อุโมงค์จะปิดตัวลง เขาก็เข้าไปด้านในแล้ว

“ผู้อาวุโส?” ชายชุดเหลืองจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาที่อยู่ไกลๆ ร้องขึ้นทันควันตามเหตุผลแล้ว หนีเข้าไปในอาณาจักรเทพของตนเองน่าจะได้เปรียบมากกว่า

พรึ่บ! ไม่นานนัก ในอากาศก็ปรากฏอุโมงค์ทางเดินขึ้นอีกครั้ง ร่างในชุดสีเงินพุ่งออกมาจากด้านใน

เมื่อเห็นจ้าวเฟิงมีชีวิตรอดออกมา สมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็รู้ผลแล้ว

จ้าวเฟิงเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่นอน ต่อให้หญิงชราผมเขียวหนีเข้าไปในอาณาจักรเทพ ก็ยังคงหนีความตายไม่พ้น

กลับกลายว่าอาณาจักรเทพแห่งนี้กลายเป็นสิ่งของไร้นาย ถูกจ้าวเฟิงเก็บไปเรียบร้อย

หญิงชราผมเขียวคือจอมเทพขั้นสามคนที่สองที่จ้าวเฟิงสังหารหลังจากทะลวงขั้น แน่นอนว่าหญิงชราผมเขียวและจอมเทพฮ่วนไฉ่ต่างก็บาดเจ็บ ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม

เปรี๊ยะ!

หลังจากสังหารหญิงชราผมเขียวแล้ว จ้าวเฟิงก็ไล่ตามไปสังหารคนอื่นที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา

เห็นจ้าวเฟิงสังหารจอมเทพขั้นสามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากับตา ความน่าสะพรึงกลัวของจ้าวเฟิงตราตรึงในใจของพวกเขาอย่างลึกล้ำ เมื่อเห็นจ้าวเฟิงพุ่งมาจู่โจม พวกเขาพลันขวัญหนีดีฝ่อ ไม่สนใจใยดีสิ่งอื่น หลบหนีเอาชีวิตรอดอย่างลนลานแต่ด้วยความเร็วและการรุกโจมตีของจ้าวเฟิง จะสังหารคนพวกนี้ก็ง่ายดายมาก ไม่นานเท่าไหร่นัก แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ตายกันหมด!

จ้าวเฟิงมองไปที่สนามรบของเผ่าความลับสวรรค์ที่อยู่ไกลลิบ

พรึ่บ~ อวี่หลิวผิงและคนเผ่าความลับสวรรค์ที่เหลือหลายคนนั่งอยู่บนแท่นโลหะทรงกลมสีเทา กำลังรีบร้อนหนีเอาตัวรอด

ที่แท้ตอนที่จ้าวเฟิงกำลังสังหารจอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียว เผ่าความลับสวรรค์ก็เลือกถอยหนีไป

ความเร็วของแท่นโลหะทรงกลมสูงยิ่งนัก บินลิ่วออกไป แต่มู่กู่เองก็ไม่ช้า ตามหลังอีกฝ่ายไปติดๆ ทั้งสีหน้าเย็นชามาดร้าย

วูบ! จ้าวเฟิงรีบตามไป เตรียมเข้าขัดขวางอวี่หลิวผิง

“จ้าวเฟิง เจ้าสวรรค์กำลังเดินทางมา เจ้าได้ตายแน่!” อวี่หลิวผิงสีหน้าเคียดแค้น

“เจ้าสวรรค์!”

เมื่อพูดถึงชื่อนี้ ใจจ้าวเฟิงก็หวาดหวั่น

ช่วงเวลาที่อยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าความลับสวรรค์ ความทรงจำที่เจ้าสวรรค์ทิ้งไว้ให้เขาตราตรึงลึกอย่างยิ่ง เขาเชื่อมั่นว่าหากตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสวรรค์ เขาไม่มีความสามารถรับมืออีกฝ่ายได้เลย และต้องตายอย่างแน่นอน ความเป็นไปได้ที่จะหนีก็ไม่มี

“ผู้อาวุโสมู่กู่ ท่านไปฟื้นฟูพลังที่อาณาจักรเทพ หนีไปเถอะ ยกคนผู้นี้ให้ข้าจัดการ!” จ้าวเฟิงส่งเสียงบอก

เจ้าสวรรค์ต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอย่างยิ่งยวด ในฐานะที่อวี่หลิวผิงเป็นเผ่าความลับสวรรค์ จะต้องแจ้งเจ้าสวรรค์แล้วแน่นอน ดังนั้นจะอย่างไรจ้าวเฟิงก็กังวลใจอยู่ไม่น้อย

“ได้!” มู่กู่รีบจากไปไกลทันที

เผ่าความลับสวรรค์จัดการยากเอาการ แต่เขาสังหารคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตนได้ยากนัก อีกอย่าง ความน่าพรั่นพรึงต่างๆ ของเผ่าความลับสวรรค์ เขาก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หากฝ่ายตรงข้ามมีผู้แข็งแกร่งตามมาจริงๆ การย้ายฐานที่มั่นในตอนนี้ถือว่าสำคัญที่สุด

อวี่หลิวผิงใจชื้นเล็กน้อย หากต้องเผชิญหน้ากับมู่กู่และเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าพร้อมกัน เขาอาจจะตายได้ แต่หากสู้กับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ เขายังมีหวังจะหนีเอาชีวิตรอดได้

แต่ทันใดนั้น อวี่หลิวผิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่คุ้นเคย

“นี่มันกลิ่นอายสายเลือดเผ่าความลับสวรรค์…”

อวี่หลิวผิงตระหนกตกใจเล็กน้อย หรือว่าจะเป็นกำลังเสริม? แต่ว่าเขาไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือขอกำลังเสริมแต่อย่างใด

และยามนี้เอง แสงสีเงินเข้มเปล่งประกายออกมาจากรอยโหว่ของอาณาจักรเทพ

“กลิ่นอายเผ่าความลับสวรรค์ หนำซ้ำยังแข็งแกร่งมาก!” จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน

เมื่อครู่อวี่หลิวผิงบอกว่าเจ้าสวรรค์กำลังเดินทางมา ตอนนี้ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขาถึงขั้นสงสัยว่าเจ้าสวรรค์เดินทางมาแล้ว!

วู้ม ตูม! แสงเทพสีเงินเข้มกลุ่มนั้นลอยมาถึงกลางอากาศ พวยพุ่งไม่หยุดหย่อน จนกลายเป็นเงาขนาดใหญ่ แผ่พลานุภาพที่ไร้ขอบเขตออกมา

ชายชรารูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง มีเคราและผมสีขาวแซมดำ ด้านหลังมีเกราะกระดองสีเทาเก่าแก่ที่ด้านบนมีลวดลายโบราณจำนวนมาก และแฝงไปด้วยพลังไร้ขีดจำกัด ดวงตาสองข้างของผู้อาวุโสลึกล้ำราวจักรวาล จ้องมองมาด้านล่างเหมือนจะจับจ้องทั้งหมดไว้ในสายตา

“เผ่าความลับสวรรค์!”

ข้างในอาณาจักรเทพ พวกเผ่าเทพยักษ์ เผ่าแสง และเผ่าพันธุ์บรรพกาล แต่ละคนมีท่าทีเหมือนเห็นศัตรูตัวฉกาจมาเยือน

ดูจากลักษณะพิเศษของคนผู้นี้ จะต้องเป็นเผ่าความลับสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย หนำซ้ำกลิ่นอายและอานุภาพที่สาดมาจากเงายังทำให้ทุกคนที่นี่กดดันหาใดเปรียบ

‘ไม่ใช่เจ้าสวรรค์!’ จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่เผ่าความลับสวรรค์ก็ลึกล้ำเกินคาดเดา หากในนั้นมีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ตอนนี้ อวี่หลิวผิงที่อยู่อีกฟากกลับตกตะลึงยกใหญ่

“เทียนอู…” อวี่หลิวผิงอ้าปากกว้าง พูดจากระอึกกระอัก

เดิมทีเขายังครุ่นคิดว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากพวกฝืนชะตาฟ้าแถวนี้เดินทางมาหรือไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็น ‘อวี่เทียนอู’

“จ้าวเฟิง ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอกันอีก!”

อวี่เทียนอูมองจ้าวเฟิง ก่อนระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version