Skip to content

King of Gods 1504

King Of Gods

บทที่ 1504 สถานการณ์ศึกพลิกผัน

ยามนี้จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ออกโรงลงมือ ทำให้สมาชิกแดนศักดิ์สิทธิ์ตั้งรับได้ไม่ทัน

แต่พลังของ ‘เปลี่ยนมายา’ ก็ทำให้ทุกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้ผลของวิชารุนแรงขึ้น

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ในที่สุด จอมเทพฮ่วนไฉ่ที่ไม่เคยลงมือมาก่อนฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็นั่งไม่ติดแล้ว นางเชื่อว่าพลังของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไม่ได้พิสดารอย่างที่คิดเอาไว้

มิฉะนั้นตั้งแต่แรกจ้าวเฟิงคงจะสามารถใช้พลังเนตรเทพเจ้ากำจัดพวกเขาอย่างซึ่งๆ หน้าได้

หลังจากเข้าไปในอาณาเขตเปลี่ยนมายาแล้ว จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ค้นพบว่าสายเลือดเผ่าเทพมายาของตนเองและกฎเกณฑ์ต่อต้านพลังที่ประหลาดประเภทต่างๆ ในฟ้าดินได้พอควร

“อย่าลนลานไป พลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ายังสามารถรับมือได้!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่ตะโกนเสียงดังในทันที

อิทธิพลที่จอมเทพฮ่วนไฉ่มีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดาเลย คำพูดของนางประหนึ่งยาชโลมใจ ทำให้สมาชิกจำนวนมากที่หวาดกลัวและลนลานสงบนิ่งลง หลังจากมีวิธีรับมือแล้ว พวกเขาก็สามารถต้านทาน ‘เปลี่ยนมายา’ ของจ้าวเฟิงได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาได้เป็นผลสำเร็จ อย่างน้อยในตอนนี้ ความต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ลดลงไปไม่น้อย

“โจมตีกลับ!” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงต่ำ

อาศัยช่วงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาตื่นตระหนกลนลานรีบโจมตีกลับในทันที ถึงจะเป็นแผนการที่วางเอาไว้ ส่วนเขาลงมือโจมตีจอมเทพฮ่วนไฉ่ก่อน คนที่สามารถยื้อนางเอาไว้ได้เห็นจะมีแค่จ้าวเฟิงแล้ว

“เหอะ ที่แท้คนที่อยู่ในกลุ่มหมอกควันก็คือเจ้าเพียงคนเดียว!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่หัวเราะเสียงต่ำ

ก่อนนี้นางคาดเดามาโดยตลอดว่าในหมอกควันชั้นหนึ่งที่ไม่อาจมองทะลุได้นั้นอาจจะมีผู้ช่วยหรือลูกเล่นอะไรซุกซ่อนอยู่

ผลก็คือตอนที่นางลงมือโจมตีชุดใหญ่ ก็มีแค่จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวออกมา ถึงแม้ว่าการลงมืออย่างกะทันหันของจ้าวเฟิงจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเสียหายค่อนข้างมาก แต่อย่างน้อยในที่สุดพวกเขาก็รู้ขีดความสามารถของฝ่ายศัตรู สถานการณ์ในตอนนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่

“กระบี่อัสนีเทวะ!” จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง

พลังบริสุทธิ์ในมือทะลักออกมา กลายเป็นกระบี่ยักษ์ที่หนักอึ้งและมืดหม่นเล่มหนึ่ง ด้านบนยังเต็มไปด้วยระลอกอัสนีเทวะด้วย ทันทีที่ฟันกระบี่ออกมา แรงกดดันและกฎเกณฑ์มิติที่ทรงพลังก็ปะทะบนร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่

นางเลิกประมาทในทันใด

จ้าวเฟิงไม่เพียงมีเนตรเทพเจ้าที่มากความสามารถ พลังและกลอุบายวิชาก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งเช่นกัน

จอมเทพฮ่วนไฉ่เคลื่อนตัวพลิ้วไหว หลบหลีกจากอาณาเขตการโจมตีของจ้าวเฟิงไป

และในเวลาเดียวกัน ในมือนางก็ปรากฏแถบผ้าห้าสีผืนหนึ่งขึ้นมา

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ~

บนแถบผ้ามีประกายแสงห้าสีระยิบระยับ พาพลังเทพอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงไปรัดรั้งร่างจ้าวเฟิงเอาไว้ แต่ความเร็วของจ้าวเฟิงก็ปราดเปรียวยิ่งเช่นกัน เขาหลบการโจมตีครั้งแรกของฝ่ายตรงข้ามได้

“รวดเร็วยิ่งนัก!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ยิ้มน้อยๆ ปล่อยพลังออกมาในทันที

โครม พรึ่บ พรึ่บ~

แถบผ้าพลันระเบิดออกกลายเป็นแถบสายรุ้งห้าสีพุ่งตรงไปโจมตีจ้าวเฟิง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ประเภทนี้ ถึงจะเป็นจ้าวเฟิงก็ยากจะหลบหลีกได้ นอกเสียจากว่าจะหนีไปเสีย

สังหาร! จ้าวเฟิงกวัดแกว่งกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ ฟาดฟันลงอย่างบ้าคลั่ง คมกระบี่อัสนีเทวะหลายสายกระจายตัวออกทั่วบริเวณ พุ่งเข้าไปปะทะแถบรุ้งที่วิจิตรตระการห้าเส้นเข้าอย่างจัง พายุแห่งการสู้รบที่น่ากลัวนี้ทำให้คนอื่นรอบบริเวณแตกฮือออกไป ในการประมือขั้นต้น จ้าวเฟิงแน่ใจว่าพลังของจอมเทพฮ่วนไฉ่อยู่เหนือจอมเทพจินหวงจากเขตปราการหยั่งรู้ในตอนนั้นบางส่วน

พลังวิญญาณของจอมเทพฮ่วนไฉ่แข็งแกร่ง ชำนาญศาสตร์วิญญาณ โจมตีได้ปราดเปรียวว่องไว แต่ในช่วงนี้พลังของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเหมือนกัน หากสู้กันตัวต่อตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร ทว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเอาชัยชนะมาให้ได้ก่อน

จอมเทพฮ่วนไฉ่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าจอมเทพจินหวงในตอนนั้น อยากจะสังหารอีกฝ่ายก็ยากเย็นไม่น้อยเลย แววตาของจ้าวเฟิงมองไปที่จุดอื่นๆ รวมไปถึงสมาชิกที่สู้รบกันอยู่และหญิงชราผมเขียวซึ่งอยู่ไกลออกไปด้วย

ครืน ตูม!

ฟ้าดินสั่นไหว พลังเทพที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายพุ่งปะทะออกไปรอบบริเวณ สมาชิกทั้งสองฝ่ายต่อสู้สังหารกันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะลงมืออย่างกะทันหัน แต่พลังเนตรเทพเจ้าที่สำแดงออกมานั้นก็ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเสียหายค่อนข้างหนัก แต่นอกจากชายประหลาดชั่วร้ายและจอมเทพขั้นสามสองคนแล้ว ฝ่ายศัตรูยังมีจอมเทพขั้นสองอีกสามคนและจอมเทพขั้นหนึ่งอีกคนหนึ่งด้วย

ผู้อาวุโสตำหนักเทพยักษ์และร่างแยกสามร่างของจ้าวเฟิงรับมือกับจอมเทพขั้นสองสามคน ก็ยังคงเปลืองแรงไม่น้อยอยู่ดี

ชายประหลาดได้ซินอู๋เหินคอยรับมือ ส่วนคนอื่นที่เหลือยกให้ทายาทเผ่าแสงจัดการไป

สรุปโดยรวมก็คือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเป็นฝ่ายได้เปรียบมากพอควร

“เจ้าหนุ่ม สู้กับข้าอยู่ยังมีเวลาไปห่วงใยคนอื่นอีกหรือ?” ใบหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่เต็มไปด้วยความเย็นชา

นางจำต้องยอมรับว่าจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม ในตอนที่จ้าวเฟิงสู้กับนางยังแบ่งสมาธิไปจดจ่อกับการต่อสู้ของคนอื่น นี่เป็นการมองข้ามและเหยียดหยามนางชัดๆ

“เหอะ!” จอมเทพฮ่วนไฉ่แค่นเสียงเย็นชา กลิ่นอายเลือดบรรพกาลที่แข็งแกร่งระเบิดออกจากในร่าง

ทันใดนั้นเอง ทั้งร่างจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ค่อยๆ หดเล็กลง รอบตัวปกคลุมไปด้วยแสงห้าสีชั้นหนึ่ง ให้ความรู้สึกลึกลับและสูงค่าอย่างมาก

ไม่เพียงเท่านั้น ในมือของนางยังปรากฏ ‘ผลึกเหมันต์’ ชิ้นหนึ่งที่สาดความเย็นเยียบชวนอกสั่นขวัญแขวนออกมา

ยามผลึกเหมันต์ชิ้นนี้ปรากฏขึ้น อากาศในละแวกใกล้เคียงเกาะตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง

“เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน?” แววตาจ้าวเฟิงทอประกายบางๆ

“ตายซะเถอะ!” จอมเทพฮ่วนไฉ่กระตุ้นสายเลือด พุ่งตรงไปสังหารจ้าวเฟิงพร้อมเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน

นางฝึกฝนกฎเกณฑ์ห้วงฝันเป็นหลัก จึงไม่ได้สอดคล้องกับคุณลักษณะของเศษเสี้ยวนั้น แต่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมีน้อยจนเกินไป ไม่ใช่นางต้องการแบบไหนแล้วจะได้ตามนั้น แต่ถึงคุณลักษณะจะไม่สอดคล้องกัน เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเองก็สูงส่งกว่าอาวุธเทพระดับสุดยอดทั่วไป

“เหี้ยมโหดจริงๆ!” สีหน้าจ้าวเฟิงตึงเครียด เขาฟันกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ติดต่อกัน แต่กลับยังสู้กระบวนท่าโจมตีอันดุดันของจอมเทพฮ่วนไฉ่ไม่ได้อยู่ดี

พรึ่บ~ จ้าวเฟิงสู้ไปพลางถอยไปพลาง

ไกลออกไป

“เหอะๆ ถึงจะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แต่พลังฝึกตนของผู้ครอบครองต่ำเกินไป จะรับมือกับจอมเทพฮ่วนไฉ่ได้อย่างไรกัน!”

หญิงชราผมเขียวโคจรค่ายกล ขณะเดียวกันก็ตรวจตราสถานการณ์ศึกทั้งหมดด้วย

เป็นจอมเทพขั้นสามเหมือนกัน ทว่าจอมเทพฮ่วนไฉ่แข็งแกร่งกว่าจอมเทพขั้นสามที่แก่ชรากว่ารุ่นหนึ่งอย่างนาง

“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามีความสามารถพียงเท่านี้เองหรือ?”

จอมเทพฮ่วนไฉ่สะบัดแถบผ้ามายาห้าเส้นในมือขวา ส่งพวกมันพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิงในหลายทิศทาง ส่วนมือซ้ายกำผลึกเหมันต์ชิ้นนั้นเอาไว้ แล้วปลดปล่อยกฎเกณฑ์เหมันต์นับไม่ถ้วนออกมาขัดขวางการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิง หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิงมีกฎเกณฑ์เวลา สามารถควบคุมจอมเทพฮ่วนไฉ่ไว้ได้ เกรงว่าคงถูกไล่ตามทันไปแล้ว

ตอนนี้ขอบเขตการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและจอมเทพฮ่วนไฉ่อยู่ใกล้หญิงชราผมเขียวเข้าไปทุกที

“หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงสำแดงเคล็ดวิชาป้องกันในฉับพลัน

พลังบริสุทธิ์ทะลักออกจากรอบตัวเขา รวมตัวกันเป็นหลุมดำมืดมิด จากนั้นจึงแผ่เส้นอัสนีเทวะออกมามากมาย

“หืม? มีเคล็ดวิชาป้องกันระดับนี้ด้วย?” จอมเทพฮ่วนไฉ่ย่อมสัมผัสได้ว่าหลุมดำของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา

“ไม่ใช่สิ ก่อนนี้มันแกล้งสู้ไม่ได้!” จู่ๆ จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง

จ้าวเฟิงมีเคล็ดวิชาป้องกันระดับนี้ น่าจะเอาออกมาใช้เสียตั้งแต่แรก และก็ไม่น่าจะถูกนางโจมตีจนต้องถอยร่นไปที่อื่น

มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวก็คือ จ้าวเฟิงจงใจหนีมาที่นี่

“แย่แล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ปรายตามองหญิงชราผมเขียวที่อยู่ไม่ไกลนัก ในใจเกิดความรู้สึกไม่ชอบมาพากล

นางรีบควบคุมแถบแสงหลากสีทั้งห้าเส้นให้ตรงไปรัดหลุมดำที่เต็มไปด้วยสายฟ้าด้านหน้าเอาไว้

วู้ม แซ่ด!

บนหลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์ พลังอัสนีเทวะและพลังสูบกลืนพากันกระจายออกมา ทำลายไปพลางสูบกินไปพลาง แต่พลังของจอมเทพฮ่วนไฉ่แข็งแกร่ง แต่ละด้านอยู่เหนือจอมเทพจินหวงไปไกล หลุมอัสนีก็ยังคงรับการโจมตีของนางไม่ไหวและเกิดการบิดเบี้ยว

จ้าวเฟิงที่อยู่ในหลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ดวงตาซ้ายของเขามองทะลุผ่านทุกสรรพสิ่ง จับจ้องค่ายกลที่หญิงชราผมเขียวควบคุมอยู่

“หายไปซะ!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องที่ตำแหน่งแกนกลางค่ายกล จากนั้นขับเคลื่อนพลังดั้งเดิมมายา โคจรพลังความคิด จนเกิดความตั้งใจที่แน่วแน่ขึ้น!

พลัง ‘แปรฝันให้เป็นจริง’ ของจ้าวเฟิงก็ระเบิดออกมาในพริบตา!

วูบ แซ่ด~

ทันใดนั้น บางส่วนในแกนกลางของค่ายกลอันตรธานหายไป ส่งผลให้การหมุนโคจรของทั้งค่ายกลเกิดความผิดปกติขึ้น

พลังสูบกินอันแรงกล้ากลุ่มหนึ่งสาดซัดออกมาจากภายใน

ตุบ ตุบ~ หญิงชราผมเขียวถอยไปหลายก้าว มุมปากมีคราบเลือดไหล

ในเวลาเดียวกัน ข้างๆ ค่ายกลก็ปรากฏเงาสีเทาเงินพุ่งโฉบเข้าไปในแกนกลางค่ายกลอย่างรวดเร็ว

ฟิ้ว! เงาสีเทาเงินไปถึงด้านบนผ้าหยกทองชิ้นหนึ่งในชั่วพริบตา ก่อนจะกลายร่างเป็นแมวขโมยตัวเพรียวลม แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ไม่ เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนของข้า!”

หญิงชราผมเขียวอุทานเสียงดังในทันที

พลังผนึกกลุ่มหนึ่งกระจายออกจากกรงเล็บสองข้างของเจ้าแมวขโมยน้อย หลังจากตัดทอนพลังของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแล้วก็คว้าสิ่งของชิ้นนั้นเอาไว้ แล้วกะพริบวูบไหวหายวับไป

“ทำได้ดี เจ้าแมวขโมยน้อย!” จ้าวเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ

เป้าหมายของเขาคือการได้ชัยชนะ จอมเทพฮ่วนไฉ่สังหารได้ค่อนข้างยาก จึงต้องจัดการจากด้านอื่นแทน

ขณะนี้ค่ายกลแหลกสลาย ชิ้นส่วนประเภทมิติก็ถูกเจ้าแมวขโมยฉกชิงเอาไป

พลังไร้รูปร่างกลางอากาศสลายหายไปทันที พร้อมกันนั้น ความสามารถในการควบคุมของมู่กู่ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา

ในชั่วพริบตา ทางฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล ส่วนทางฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสง พลังเพิ่มขึ้นมากราวเสือติดปีก!

“จ้าวเฟิง…เจ้าถึงกับกล้าใช้แผนชั่วพวกนี้เลยหรือ!” ในใจจอมเทพฮ่วนไฉ่โกรธแค้นเกรี้ยวกราด ร่างสั่นเทิ้มเบาๆ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

จ้าวเฟิงไม่พูดอะไร พลังบริสุทธิ์ที่ทรงอานุภาพกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมาจากในกายเทพ สลัดการรัดรั้งจากแถบรุ้งห้าสีของจอมเทพฮ่วนไฉ่

ต่อให้จอมเทพฮ่วนไฉ่เป็นจอมเทพขั้นสาม เมื่ออยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสงตอนนี้ก็ต้องแบกรับการจำกัดพลังบางส่วนด้วย

ทว่าในตอนนี้ จ้าวเฟิงก็ยังคงไม่ยอมปะทะกับจอมเทพฮ่วนไฉ่อย่างซึ่งหน้า

เปรี๊ยะ!

หลังกระตุ้นกฎเกณฑ์มิติ จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นเงาสีเงินสายหนึ่งย้อนกลับไปที่สนามรบ เพราะค่ายกลแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาถูกจ้าวเฟิงทำลายลงไป สมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาในสนามรบจึงต้องแบกรับการควบคุมที่รุนแรงอย่างก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ถึงจำนวนคนและพลังฝึกตนของพวกเขาจะได้เปรียบ ทางฝั่งอาณาจักรเทพเผ่าแสงก็ยังสามารถรับมือกับได้อยู่ดี และยังเป็นฝ่ายได้เปรียบเล็กน้อยด้วย และในเวลานี้เอง จู่ๆ จ้าวเฟิงก็พุ่งทะยานออกมา เป้าหมายเป็นชายประหลาดคนนั้น!

“ไม่…” ชายประหลาดผู้นั้นหวาดเกรงความสามารถของเนตรเทพเจ้าจ้าวเฟิงอยู่บ้าง

ตอนนี้เห็นจ้าวเฟิงบุกสังหารมา ในใจเขาจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้น

“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ออกมา สองมือประสานเข้าหากัน

พลังบริสุทธิ์กลุ่มนั้นพลันกลายเป็นระลอกพลังนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบตัวชายประหลาด และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

โครม ขวับ ขวับ! ชายประหลาดโบกพัดสีเงิน ส่งพายุหมุนสีเงินออกมาหลายกลุ่มทว่าพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงหนักแน่นมั่นคงราวขุนเขา หดลงอย่างรวดเร็ว

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ชายประหลาดได้รับบาดเจ็บมาพอควร บวกกับการควบคุมจากอาณาจักรเทพ จึงไม่สามารถต้านทานโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงได้ สุดท้ายก็ถูกกักเอาไว้ด้านใน

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงกำมือขวา ระลอกบริสุทธิ์เหล่านั้นหดเล็กลงอีกครั้ง ด้านบนยังมีพลังอัสนีเทวะด้วย

โครม บึ้ม!

กระแสบริสุทธิ์และพายุพลังอัสนีเทวะระเบิดออกมา ร่างชายประหลาดแหลกละเอียดไปเรียบร้อย

จ้าวเฟิงจ้องจุดที่ระเบิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววประหลาดวาบผ่าน จากนั้นจึงหันไปมองจอมเทพฮ่วนไฉ่ที่กำลังบุกทะลวงมาแล้ว

“ตอนนี้พวกเจ้าไม่คู่ต่อสู้ของพวกเราอีกแล้ว!”

จ้าวเฟิงหัวเราะน้อยๆ

ตอนนี้พวกเขาอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง ทำให้ได้เปรียบด้านยุทธศาสตร์ ฝ่ายศัตรูก็ถูกจำกัดควบคุมอย่างมหาศาล อีกทั้งชายประหลาดที่เป็นจอมเทพขั้นสองสุดยอดถูกจ้าวเฟิงจัดการไป แปลว่าซินอู๋เหินผละออกมาช่วยได้แล้ว!

หากสู้กันต่อไประยะยาว แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version