บทที่ 1501 แดนศักดิ์สิทธิ์บุกโจมตี
“ที่แท้ก็เป็นเขา จ้าวเฟิง!” อวี่หลิวผิงยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ
จากเบาะแสต่างๆ คนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของอวี่เหิงที่สุดเห็นจะเป็นจ้าวเฟิง
ส่วนคนที่อวี่หลิวผิงอยากจะสังหารที่สุดก็คือจ้าวเฟิงเช่นกัน เผ่าแสงเป็นแค่เป้าหมายในการล้างแค้นของเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น
“ยามเจ้าอยู่ข้างเจ้าสวรรค์ ข้ากลับสังหารเจ้าไม่ได้ คราวนี้เจ้าพาตัวเองมาถึงที่ขนาดนี้ ข้าจะทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็นเลยทีเดียว!”
น้ำเสียงอวี่หลิวผิงทุ่มต่ำน่าพรั่งพรึง
“นายท่าน จากข่าวที่ได้รับมา จ้าวเฟิงได้ครอบครองมรดกเผ่าทำนุฟ้าจากเขตปราการหยั่งรู้ พลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย บางทีอาจจะเข้าใกล้จอมเทพขั้นสามมากแล้ว!”
แววตาจอมเทพซิงเซี่ยงหนักอึ้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น
ในตอนที่เป่ยหมิงฮุยจับจ้าวเฟิงได้นั้น จ้าวเฟิงก็ได้สำแดงพลังที่แก่กล้าออกมา จากนั้นจ้าวเฟิงก็บังอาจยื่นเงื่อนไขต่างๆ ในอาณาจักรเทพของเผ่าความลับสวรรค์ ทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้เขาก็ได้ครอบครองมรดกเผ่าทำนุฟ้าอีก
ดังนั้นจอมเทพซิงเซี่ยงจึงคาดเดาเอาว่าพลังของจ้าวเฟิงคงจะแตะจอมเทพขั้นสามแล้ว
“อ้อ? ไม่เสียทีที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!” อวี่หลิวผิงค่อยๆ สงบลง
ถึงแม้ว่าเขาอยากล้างแค้นใจจะขาด แต่ก็ไม่มีทางเสียสติเพียงเพราะเรื่องนี้ หากพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้เทียบเท่าจอมเทพขั้นสาม บวกกับมู่กู่แห่งเผ่าแสงและซินอู๋เหิน จะต่อสู้ด้วยก็ถือว่ายุ่งยากเอาการ
และที่สำคัญก็คือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเองก็กำลังลอบจับตามองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า และสอดส่องดูเขตดาราชาดอย่างใกล้ชิด หากพวกเขาลงมือโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสง จะต้องสะดุดตาแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าแน่ พอถึงตอนนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก
“ถ้าพวกเราจะบุกเข้าโจมตีด้วยตนเอง ไม่สู้ให้แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแนวหน้าสู้รบไปก่อน…” อวี่หลิวผิงเอ่ยเสียงต่ำ
เขาปิดเปลือกตาสองข้างลงช้าๆ แล้วเริ่มทำการทำนาย
เขาไม่อาจคาดเดาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้เลย แต่เขาลักลอบผลักดันและแผ่อิทธิพลต่อขั้วอำนาจอื่นๆ ของเขตดาราชาด รวมไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์
หูตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาในเขตดาราชาดมีจำนวนมากนัก อวี่หลิวผิงชำนาญศาสตร์ทำนาย เขาเลยจงใจแพร่งพรายข้อมูลให้คนสำคัญของฝ่ายตรงข้ามอย่างชาญฉลาด
ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา
พอจอมเทพฮ่วนไฉ่ที่อยู่ในตำหนักทรงกลมได้รับข้อมูลแล้วก็ผุดลุกยืนขึ้นทันใด
“เรื่องนี้เป็นความลับใหญ่หลวง อย่าเอ่ยเรื่องนี้กับคนอื่นอีก!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยกำชับคนสนิท จากนั้นจึงติดต่อชายชุดเหลือง
ชายชุดเหลืองก็คือจอมเทพเผ่าเทพมายาที่ลอบสะกดรอยตามซินอู๋เหิน ตอนนี้เขาอยู่แถวๆ อาณาจักรเทพเผ่าแสง
“มีจอมเทพนิรนามสองคน ความกลมกลืนของสายเลือดค่อนข้างต่ำ คงจะปลูกถ่ายเพิ่มเข้ามาในภายหลัง อาจจะเป็นคนของเผ่าความลับสวรรค์ก็เป็นได้!”
ชายชุดเหลืองส่งเสียงตอบ
เมื่อล่วงรู้เรื่องนี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่เชื่อมั่นว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหลบซ่อนอยู่ในที่ตั้งเผ่าแสง ซินอู๋เหินล่วงหน้าไปช่วยเผ่าแสงเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า คนที่เขาจะไปช่วยจริงๆ คือเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าต่างหาก อีกอย่างขั้วอำนาจเผ่าความลับสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเขตดาราชาดก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่ข้าคิดเอาไว้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ตกอยู่ในห้วงความคิด
หากจะเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าความลับสวรรค์ นางจำเป็นต้องคิดให้ลึกซึ้งสักหน่อย
จู่ๆ ข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้ก็แพร่งพรายออกมา ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ มีความเป็นไปได้ว่าเกิดขึ้นเพราะการชักใยของเผ่าความลับสวรรค์
ไม่นานนัก เงาคนหลายร่างก็ปรากฏกายขึ้นในตำหนักใหญ่
“เจ้ารู้ที่ซ่อนของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแล้ว ข้อมูลเชื่อถือได้หรือไม่?”
ชายต่างเผ่าผมม่วงผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต
“ฮ่วนไฉ่ เล่ามาเถิด!” หญิงชราผมเขียวร่างท้วมเปิดปากเอ่ย
คนที่เหลือก็เผยสีหน้าเฝ้ารอคอย
“จอมเทพเยี่ยอวี่ (พิรุณราตรี) ล่ะ?” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยถาม
จอมเทพเยี่ยอวี่เป็นผู้แข็งแกร่งอาวุโสระดับจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังแท้จริงแข็งแกร่งมาก
“ไม่นานมานี้เขาเพิ่งออกเดินทางท่องยุทธภพพอดี!”
หญิงชราผมเขียวเอ่ยเสียงเรียบ
“เช่นนั้นข้าพูดตรงๆ เลยแล้วกัน เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง แต่อาจจะมีขั้วอำนาจของเผ่าความลับสวรรค์ซ่อนตัวอยู่…”
สีหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่นิ่งเฉย เสียงดังสะท้อนอยู่ภายในตำหนัก
“เหอะ พวกเขาชักจะดูถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเกินไปเสียแล้ว!”
“ในหุบเขาวายุุอัสนีก่อนนี้ ขั้วอำนาจเผ่าความลับสวรรค์ถูกทำลายลงไป สมาชิกของเผ่าความลับสวรรค์ที่ซ่อนตัวกันอยู่ก็ไม่น่าจะแกร่งเท่าไหร่นัก…”
คนระดับสูงจำนวนมากปรึกษากันเสียงต่ำ
ที่นี่คือเขตดาราชาด แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่หวาดกลัวขั้วอำนาจใดๆ แต่เผ่าความลับสวรรค์เจ้าเล่ห์แสนกล ต้องระวังเอาไว้ให้ดี
ครู่ใหญ่ๆ จากนั้น ทุกคนก็มีแผนการรับมือ
“ต้องแจ้งข่าวให้กับท่าน ‘โยวอวิ๋น’ หรือไม่?” ชายต่างเผ่าพลันเปิดปากเอ่ย
“รอพวกเราแน่ใจก่อนว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง แล้วค่อยติดต่อเขาก็ยังไม่สาย!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยอย่างเด็ดขาด
ราชาเทพโยวอวิ๋น (เมฆาทมิฬ) เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา
หลายวันก่อนนี้ หลังจากข่าวเรื่องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากระจายไปทั่วเขตปราการหยั่งรู้แล้ว ราชาเทพโยวอวิ๋นก็เดินทางจากไป
ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันได้ว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ที่เขตปราการหยั่งรู้ แต่พวกเขาก็ค้นหาในเขตดาราชาดเป็นระยะเวลาหลายปี จึงพอจะยืนยันได้ว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไม่ได้อยู่ที่เขตดาราชาด
“ลงมือกันเถอะ ลอบส่งคนไปได้แล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ถ่ายทอดคำสั่ง
ต่อมาสมาชิกจำนวนมากในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ได้รับข้อมูลลับ จากนั้นจึงเริ่มลงมือกันทันที
……
ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง
มู่กู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองจ้าวเฟิงด้วยรอยยิ้ม
ดีที่พวกจ้าวเฟิงสองคนร่วมมือกันผนึกรอยโหว่เอาไว้ หยุดแผนการของเผ่าความลับสวรรค์เอาไว้ได้ เดิมทีมู่กู่ครุ่นคิดว่าจะออกจากเขตดาราชาดไปก่อนชั่วคราวแต่มีจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ สามารถซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติให้ได้ ไม่ต้องหวาดกลัวการรุกรานจากเผ่าความลับสวรรค์อีกต่อไป
มู่กู่นั่งขัดสมาธิลงข้างต้นไม้แห่งกาลเวลา และดำดิ่งเข้าสู่สภาวะฝึกตน เขาสิ้นเปลืองกำลังจิตใจในขณะที่ประมือกับอวี่หลิวผิงไปมาก
ส่วนจ้าวเฟิงเองก็เริ่มปิดด่านฝึกตนในระยะเวลาอันสั้นเช่นกัน จากการซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติเป็นครั้งแรก เขาจึงได้การตระหนักรู้ใหม่มาอีกอย่าง
ตอนนี้เขาเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดแล้ว หากมีการตระหนักรู้อะไร ดีที่สุดคือหยุดทำเรื่องอื่นแล้วมาฝึกฝนทำความเข้าใจ ไม่แน่ว่าอาจทะลวงผ่านขั้นสองได้
ในชุดคลุมมิติ พวกแมวขโมยตัวน้อยและมังกรทมิฬล้างโลกาได้ครอบครองทรัพยากรจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล ก็เริ่มปิดด่านฝึกตนเช่นกัน
จะพูดอย่างไรเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็เป็นถึงจอมเทพของขั้วอำนาจห้าดาว และยังเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ จึงมีทรัพยากรที่มากมายอย่างยิ่ง
ด้านนอกอาณาจักรเทพเผ่าแสง ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหลายเดือน หากไม่มีอะไรผิดปกติก็จะจากไป
แต่ครึ่งเดือนต่อมา
ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสก็พลันสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนยืนขั้นในทันที ก่อนจะตรงดิ่งไปแจ้งเรื่องราวให้จ้าวเฟิงและมู่กู่ฟัง
ไม่นานนัก คนพวกนี้ก็ปรากฏกายขึ้นในอากาศเบื้องหน้าพวกเขา
“แต่ละท่านจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา มาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ?” ซินอู๋เหินสาวเท้ามาข้างหน้าก่อนจะเอ่ยถาม แต่ในใจ เขารู้สึกถึงสิ่งไม่ชอบมาพากล เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาจะรู้ข่าวของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเข้าแล้ว บางทีตอนที่จ้าวเฟิงเข้าไปในตำหนักเทพยักษ์ สายที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาส่งเข้าไปก็จับสังเกตได้แล้ว
“ซินอู๋เหิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะปิดบังแดนศักดิ์สิทธิ์ ลอบติดต่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
จอมเทพฮ่วนไฉ่ถามเสียงต่ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“เจ้าทำแบบนี้จะนำพาภัยพิบัติร้ายแรงมาสู่ตำหนักเทพยักษ์ หรืออาจจะเขตดาราชาดด้วยซ้ำไป!” หญิงชราผมเขียวก้าวเท้าออกมา
“ร่วมมือกับพวกเราจับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แล้วแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่ถือสาหาความเรื่องนี้อีก!” เสียงนุ่มนวลของชายต่างเผ่าดังมา
ยามนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเปิดเผยทุกอย่าง ท่าทางดุดัน
สามคนที่พูดอยู่นี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียวเป็นถึงจอมเทพขั้นสาม และยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแดนศักดิ์สิทธิ์รองจากราชาเทพโยวอวิ๋น
ส่วนชายประหลาดผู้นั้นเป็นจอมเทพขั้นสอง มาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับจอมเทพขั้นสามอีกสองคนได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ควรประมาทพลัง
เมื่อเผชิญกับพลานุภาพของจอมเทพแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา ยอดผู้อาวุโสและซินอู๋เหินใจสั่นอย่างหวาดกลัว
จอมเทพฮ่วนไฉ่เห็นแววตาฉงนสงสัยของซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ่งมั่นใจว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสงแน่ๆ
“เลือกสิซินอู๋เหิน ชะตาของตำหนักเทพยักษ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้ว!”
จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเสียงเย็นชา ต่างจากท่าทีเป็นมิตรและเอาใจใส่ตำหนักเทพยักษ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
สีหน้าซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสเคร่งเครียด
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเอ่ยความต้องการอย่างหมดเปลือก ถึงขั้นที่เอาตำหนักเทพยักษ์มาข่มขู่พวกเขา
ในเวลานี้เอง
พรึ่บ! ใกล้ๆ ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสมีระลอกน้ำวนมิติแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
“เข้าไป!” ซินอู๋เหินแค่นเสียงต่ำ ก่อนจะเข้าไปในอาณาจักรเทพเผ่าแสงพร้อมกับยอดผู้อาวุโส
เขาใช้การกระทำของตนเองบอกทางที่ตนเองเลือก
“ดีนี่ซินอู๋เหิน เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังกับทางเลือกของเจ้า!”
แววตาของจอมเทพฮ่วนไฉ่เย็นชา
นางคาดคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซินอู๋เหินจะเลือกเช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน ข้างในอาณาจักรเทพเผ่าแสง ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสปรากฏตัวขึ้นที่แดนต้องห้ามของเผ่าแสง
“สหายจ้าว คราวนี้ตำหนักเทพยักษ์ทำเจ้าลำบากแล้ว!”
ซินอู๋เหินทอดถอนใจ
เทพยักษ์ไม่มีทางก่อตั้งขึ้นได้ หากไม่มีความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง ดังนั้นคราวนี้ซินอู๋เหินยอมให้ตำหนักเทพยักษ์เผชิญหน้ากับอันตราย ก็ไม่มีทางทรยศจ้าวเฟิง ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
ขณะตัดสินใจเมื่อครู่ เขากระจายข่าวแจ้งให้คนตำหนักเทพยักษ์ทั้งหมดเข้าไปในอาณาจักรเทพเพื่อเตรียมการอพยพ
“ก็ไม่แน่ บางทีนี่อาจจะเกิดการชักใยของเผ่าความลับสวรรค์!”
สีหน้าจ้าวเฟิงนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีตัดพ้อต่อว่า
เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าเผ่าความลับสวรรค์อาจเพิ่งรู้ตัวตนของเขา แต่ฝ่ายที่บุกโจมตีเข้ามาในตอนนี้กลับเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา อีกอย่าง สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลวร้ายมากนัก จ้าวเฟิงอยากจะหนีไปก็ง่ายดายยิ่ง
ที่สำคัญก็คือซินอู๋เหินและพวกเผ่าแสงยากจะหนีให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ ไหนจะยังพวกตำหนักเทพยักษ์ที่อพยพก็ต้องใช้เวลาด้วย
“วางใจเถอะ ในช่วงสั้นๆ นี้ พวกมันยังบุกโจมตีเข้ามาไม่ได้หรอก!” มู่กู่เอ่ย
อาณาจักรเทพเผ่าแสงอยู่ในระดับสูงมาก แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเหมือนจะไม่ได้ส่งผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพมา ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งพวกเขา จ้าวเฟิงยังมีความสามารถในการซ่อมแซมมิติของเผ่าทำนุฟ้าอีก
สรุปโดยรวมก็คือ สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเลวร้ายมากนัก
“ทุกคน เชิญพวกเจ้าเลือกทรัพยากรในอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้ตามใจเลย”
มู่กู่เอ่ยอย่างใจกว้าง
แต่อันที่จริงก็มีเพียงแค่จ้าวเฟิง ซินอู๋เหิน และยอดผู้อาวุโสเข้ามาในนี้เท่านั้นถึงแม้แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่พลังของพวกเขาทุกคนก็ไม่อ่อนแอเหมือนกัน
ถือโอกาสในครั้งนี้เพิ่มขีดความสามารถและพลังฝึกตนเพื่อรับมือกับอันตรายในอนาคต จะได้มีความหวังเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
จ้าวเฟิงเองก็เข้าไปในอาณาจักรเทพมายา ใช้สิทธิ์ในการควบคุมของตนเริ่มต้นขยายขั้วอำนาจในครอบครอง
ในห้วงฝันบรรพกาลมีเผ่าพันธุ์ห้าสิบหรือยี่สิบลำดับแรกของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพก็มากด้วยเช่นกัน
ในขณะนั้นเอง
โครม ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นแต่ละระลอกลอดเข้ามาในอาณาจักรเทพเผ่าแสง
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเริ่มโจมตีแล้ว!
ที่โลกภายนอก เทพโบราณจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา รวมถึงจอมเทพขั้นหนึ่งและขั้นสองเจ็ดแปดคนกำลังรุกโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสง
พวกจอมเทพฮ่วนไฉ่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไร
ปรมาจารย์ค่ายกลหลายคนกำลังจัดแจงกางค่ายกลโจมตี
“ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ถึงจะบุกเข้าไปได้?” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเสียงราบเรียบ
“อาณาจักรเทพแห่งนี้มั่นคงยิ่ง และยังเป็นสิ่งของที่มีนาย น่าจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน!” ปรมาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งเอ่ยตอบ
“ครึ่งเดือน นานเกินไปแล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่แค่นเสียงต่ำ ก่อนจะทะยานออกไป
ในเวลาเดียวกัน หญิงชราผมเขียวก็ตามหลังมาติดๆ
จอมเทพขั้นสามสองคนบุกโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสงในฉับพลัน!
ทันใดนั้น ภาพเงาโลกอันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเทพเผ่าแสงก็สั่นไหว