Skip to content

King of Gods 1501

King Of Gods

บทที่ 1501 แดนศักดิ์สิทธิ์บุกโจมตี

“ที่แท้ก็เป็นเขา จ้าวเฟิง!” อวี่หลิวผิงยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ

จากเบาะแสต่างๆ คนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของอวี่เหิงที่สุดเห็นจะเป็นจ้าวเฟิง

ส่วนคนที่อวี่หลิวผิงอยากจะสังหารที่สุดก็คือจ้าวเฟิงเช่นกัน เผ่าแสงเป็นแค่เป้าหมายในการล้างแค้นของเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น

“ยามเจ้าอยู่ข้างเจ้าสวรรค์ ข้ากลับสังหารเจ้าไม่ได้ คราวนี้เจ้าพาตัวเองมาถึงที่ขนาดนี้ ข้าจะทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็นเลยทีเดียว!”

น้ำเสียงอวี่หลิวผิงทุ่มต่ำน่าพรั่งพรึง

“นายท่าน จากข่าวที่ได้รับมา จ้าวเฟิงได้ครอบครองมรดกเผ่าทำนุฟ้าจากเขตปราการหยั่งรู้ พลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย บางทีอาจจะเข้าใกล้จอมเทพขั้นสามมากแล้ว!”

แววตาจอมเทพซิงเซี่ยงหนักอึ้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น

ในตอนที่เป่ยหมิงฮุยจับจ้าวเฟิงได้นั้น จ้าวเฟิงก็ได้สำแดงพลังที่แก่กล้าออกมา จากนั้นจ้าวเฟิงก็บังอาจยื่นเงื่อนไขต่างๆ ในอาณาจักรเทพของเผ่าความลับสวรรค์ ทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้เขาก็ได้ครอบครองมรดกเผ่าทำนุฟ้าอีก

ดังนั้นจอมเทพซิงเซี่ยงจึงคาดเดาเอาว่าพลังของจ้าวเฟิงคงจะแตะจอมเทพขั้นสามแล้ว

“อ้อ? ไม่เสียทีที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!” อวี่หลิวผิงค่อยๆ สงบลง

ถึงแม้ว่าเขาอยากล้างแค้นใจจะขาด แต่ก็ไม่มีทางเสียสติเพียงเพราะเรื่องนี้ หากพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้เทียบเท่าจอมเทพขั้นสาม บวกกับมู่กู่แห่งเผ่าแสงและซินอู๋เหิน จะต่อสู้ด้วยก็ถือว่ายุ่งยากเอาการ

และที่สำคัญก็คือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเองก็กำลังลอบจับตามองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า และสอดส่องดูเขตดาราชาดอย่างใกล้ชิด หากพวกเขาลงมือโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสง จะต้องสะดุดตาแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าแน่ พอถึงตอนนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

“ถ้าพวกเราจะบุกเข้าโจมตีด้วยตนเอง ไม่สู้ให้แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแนวหน้าสู้รบไปก่อน…” อวี่หลิวผิงเอ่ยเสียงต่ำ

เขาปิดเปลือกตาสองข้างลงช้าๆ แล้วเริ่มทำการทำนาย

เขาไม่อาจคาดเดาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้เลย แต่เขาลักลอบผลักดันและแผ่อิทธิพลต่อขั้วอำนาจอื่นๆ ของเขตดาราชาด รวมไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์

หูตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาในเขตดาราชาดมีจำนวนมากนัก อวี่หลิวผิงชำนาญศาสตร์ทำนาย เขาเลยจงใจแพร่งพรายข้อมูลให้คนสำคัญของฝ่ายตรงข้ามอย่างชาญฉลาด

ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา

พอจอมเทพฮ่วนไฉ่ที่อยู่ในตำหนักทรงกลมได้รับข้อมูลแล้วก็ผุดลุกยืนขึ้นทันใด

“เรื่องนี้เป็นความลับใหญ่หลวง อย่าเอ่ยเรื่องนี้กับคนอื่นอีก!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยกำชับคนสนิท จากนั้นจึงติดต่อชายชุดเหลือง

ชายชุดเหลืองก็คือจอมเทพเผ่าเทพมายาที่ลอบสะกดรอยตามซินอู๋เหิน ตอนนี้เขาอยู่แถวๆ อาณาจักรเทพเผ่าแสง

“มีจอมเทพนิรนามสองคน ความกลมกลืนของสายเลือดค่อนข้างต่ำ คงจะปลูกถ่ายเพิ่มเข้ามาในภายหลัง อาจจะเป็นคนของเผ่าความลับสวรรค์ก็เป็นได้!”

ชายชุดเหลืองส่งเสียงตอบ

เมื่อล่วงรู้เรื่องนี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่เชื่อมั่นว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหลบซ่อนอยู่ในที่ตั้งเผ่าแสง ซินอู๋เหินล่วงหน้าไปช่วยเผ่าแสงเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า คนที่เขาจะไปช่วยจริงๆ คือเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าต่างหาก อีกอย่างขั้วอำนาจเผ่าความลับสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเขตดาราชาดก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่ข้าคิดเอาไว้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ตกอยู่ในห้วงความคิด

หากจะเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าความลับสวรรค์ นางจำเป็นต้องคิดให้ลึกซึ้งสักหน่อย

จู่ๆ ข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้ก็แพร่งพรายออกมา ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ มีความเป็นไปได้ว่าเกิดขึ้นเพราะการชักใยของเผ่าความลับสวรรค์

ไม่นานนัก เงาคนหลายร่างก็ปรากฏกายขึ้นในตำหนักใหญ่

“เจ้ารู้ที่ซ่อนของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแล้ว ข้อมูลเชื่อถือได้หรือไม่?”

ชายต่างเผ่าผมม่วงผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต

“ฮ่วนไฉ่ เล่ามาเถิด!” หญิงชราผมเขียวร่างท้วมเปิดปากเอ่ย

คนที่เหลือก็เผยสีหน้าเฝ้ารอคอย

“จอมเทพเยี่ยอวี่ (พิรุณราตรี) ล่ะ?” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยถาม

จอมเทพเยี่ยอวี่เป็นผู้แข็งแกร่งอาวุโสระดับจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังแท้จริงแข็งแกร่งมาก

“ไม่นานมานี้เขาเพิ่งออกเดินทางท่องยุทธภพพอดี!”

หญิงชราผมเขียวเอ่ยเสียงเรียบ

“เช่นนั้นข้าพูดตรงๆ เลยแล้วกัน เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง แต่อาจจะมีขั้วอำนาจของเผ่าความลับสวรรค์ซ่อนตัวอยู่…”

สีหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่นิ่งเฉย เสียงดังสะท้อนอยู่ภายในตำหนัก

“เหอะ พวกเขาชักจะดูถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเกินไปเสียแล้ว!”

“ในหุบเขาวายุุอัสนีก่อนนี้ ขั้วอำนาจเผ่าความลับสวรรค์ถูกทำลายลงไป สมาชิกของเผ่าความลับสวรรค์ที่ซ่อนตัวกันอยู่ก็ไม่น่าจะแกร่งเท่าไหร่นัก…”

คนระดับสูงจำนวนมากปรึกษากันเสียงต่ำ

ที่นี่คือเขตดาราชาด แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่หวาดกลัวขั้วอำนาจใดๆ แต่เผ่าความลับสวรรค์เจ้าเล่ห์แสนกล ต้องระวังเอาไว้ให้ดี

ครู่ใหญ่ๆ จากนั้น ทุกคนก็มีแผนการรับมือ

“ต้องแจ้งข่าวให้กับท่าน ‘โยวอวิ๋น’ หรือไม่?” ชายต่างเผ่าพลันเปิดปากเอ่ย

“รอพวกเราแน่ใจก่อนว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง แล้วค่อยติดต่อเขาก็ยังไม่สาย!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยอย่างเด็ดขาด

ราชาเทพโยวอวิ๋น (เมฆาทมิฬ) เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา

หลายวันก่อนนี้ หลังจากข่าวเรื่องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากระจายไปทั่วเขตปราการหยั่งรู้แล้ว ราชาเทพโยวอวิ๋นก็เดินทางจากไป

ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันได้ว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ที่เขตปราการหยั่งรู้ แต่พวกเขาก็ค้นหาในเขตดาราชาดเป็นระยะเวลาหลายปี จึงพอจะยืนยันได้ว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไม่ได้อยู่ที่เขตดาราชาด

“ลงมือกันเถอะ ลอบส่งคนไปได้แล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ถ่ายทอดคำสั่ง

ต่อมาสมาชิกจำนวนมากในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ได้รับข้อมูลลับ จากนั้นจึงเริ่มลงมือกันทันที

……

ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

มู่กู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองจ้าวเฟิงด้วยรอยยิ้ม

ดีที่พวกจ้าวเฟิงสองคนร่วมมือกันผนึกรอยโหว่เอาไว้ หยุดแผนการของเผ่าความลับสวรรค์เอาไว้ได้ เดิมทีมู่กู่ครุ่นคิดว่าจะออกจากเขตดาราชาดไปก่อนชั่วคราวแต่มีจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ สามารถซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติให้ได้ ไม่ต้องหวาดกลัวการรุกรานจากเผ่าความลับสวรรค์อีกต่อไป

มู่กู่นั่งขัดสมาธิลงข้างต้นไม้แห่งกาลเวลา และดำดิ่งเข้าสู่สภาวะฝึกตน เขาสิ้นเปลืองกำลังจิตใจในขณะที่ประมือกับอวี่หลิวผิงไปมาก

ส่วนจ้าวเฟิงเองก็เริ่มปิดด่านฝึกตนในระยะเวลาอันสั้นเช่นกัน จากการซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติเป็นครั้งแรก เขาจึงได้การตระหนักรู้ใหม่มาอีกอย่าง

ตอนนี้เขาเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดแล้ว หากมีการตระหนักรู้อะไร ดีที่สุดคือหยุดทำเรื่องอื่นแล้วมาฝึกฝนทำความเข้าใจ ไม่แน่ว่าอาจทะลวงผ่านขั้นสองได้

ในชุดคลุมมิติ พวกแมวขโมยตัวน้อยและมังกรทมิฬล้างโลกาได้ครอบครองทรัพยากรจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล ก็เริ่มปิดด่านฝึกตนเช่นกัน

จะพูดอย่างไรเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็เป็นถึงจอมเทพของขั้วอำนาจห้าดาว และยังเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ จึงมีทรัพยากรที่มากมายอย่างยิ่ง

ด้านนอกอาณาจักรเทพเผ่าแสง ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหลายเดือน หากไม่มีอะไรผิดปกติก็จะจากไป

แต่ครึ่งเดือนต่อมา

ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสก็พลันสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนยืนขั้นในทันที ก่อนจะตรงดิ่งไปแจ้งเรื่องราวให้จ้าวเฟิงและมู่กู่ฟัง

ไม่นานนัก คนพวกนี้ก็ปรากฏกายขึ้นในอากาศเบื้องหน้าพวกเขา

“แต่ละท่านจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา มาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ?” ซินอู๋เหินสาวเท้ามาข้างหน้าก่อนจะเอ่ยถาม แต่ในใจ เขารู้สึกถึงสิ่งไม่ชอบมาพากล เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาจะรู้ข่าวของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเข้าแล้ว บางทีตอนที่จ้าวเฟิงเข้าไปในตำหนักเทพยักษ์ สายที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาส่งเข้าไปก็จับสังเกตได้แล้ว

“ซินอู๋เหิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะปิดบังแดนศักดิ์สิทธิ์ ลอบติดต่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่ถามเสียงต่ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“เจ้าทำแบบนี้จะนำพาภัยพิบัติร้ายแรงมาสู่ตำหนักเทพยักษ์ หรืออาจจะเขตดาราชาดด้วยซ้ำไป!” หญิงชราผมเขียวก้าวเท้าออกมา

“ร่วมมือกับพวกเราจับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แล้วแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่ถือสาหาความเรื่องนี้อีก!” เสียงนุ่มนวลของชายต่างเผ่าดังมา

ยามนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเปิดเผยทุกอย่าง ท่าทางดุดัน

สามคนที่พูดอยู่นี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียวเป็นถึงจอมเทพขั้นสาม และยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแดนศักดิ์สิทธิ์รองจากราชาเทพโยวอวิ๋น

ส่วนชายประหลาดผู้นั้นเป็นจอมเทพขั้นสอง มาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับจอมเทพขั้นสามอีกสองคนได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ควรประมาทพลัง

เมื่อเผชิญกับพลานุภาพของจอมเทพแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา ยอดผู้อาวุโสและซินอู๋เหินใจสั่นอย่างหวาดกลัว

จอมเทพฮ่วนไฉ่เห็นแววตาฉงนสงสัยของซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ่งมั่นใจว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอยู่ในอาณาจักรเทพเผ่าแสงแน่ๆ

“เลือกสิซินอู๋เหิน ชะตาของตำหนักเทพยักษ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้ว!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเสียงเย็นชา ต่างจากท่าทีเป็นมิตรและเอาใจใส่ตำหนักเทพยักษ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

สีหน้าซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสเคร่งเครียด

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเอ่ยความต้องการอย่างหมดเปลือก ถึงขั้นที่เอาตำหนักเทพยักษ์มาข่มขู่พวกเขา

ในเวลานี้เอง

พรึ่บ! ใกล้ๆ ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสมีระลอกน้ำวนมิติแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น

“เข้าไป!” ซินอู๋เหินแค่นเสียงต่ำ ก่อนจะเข้าไปในอาณาจักรเทพเผ่าแสงพร้อมกับยอดผู้อาวุโส

เขาใช้การกระทำของตนเองบอกทางที่ตนเองเลือก

“ดีนี่ซินอู๋เหิน เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังกับทางเลือกของเจ้า!”

แววตาของจอมเทพฮ่วนไฉ่เย็นชา

นางคาดคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซินอู๋เหินจะเลือกเช่นนี้

ในเวลาเดียวกัน ข้างในอาณาจักรเทพเผ่าแสง ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสปรากฏตัวขึ้นที่แดนต้องห้ามของเผ่าแสง

“สหายจ้าว คราวนี้ตำหนักเทพยักษ์ทำเจ้าลำบากแล้ว!”

ซินอู๋เหินทอดถอนใจ

เทพยักษ์ไม่มีทางก่อตั้งขึ้นได้ หากไม่มีความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง ดังนั้นคราวนี้ซินอู๋เหินยอมให้ตำหนักเทพยักษ์เผชิญหน้ากับอันตราย ก็ไม่มีทางทรยศจ้าวเฟิง ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง

ขณะตัดสินใจเมื่อครู่ เขากระจายข่าวแจ้งให้คนตำหนักเทพยักษ์ทั้งหมดเข้าไปในอาณาจักรเทพเพื่อเตรียมการอพยพ

“ก็ไม่แน่ บางทีนี่อาจจะเกิดการชักใยของเผ่าความลับสวรรค์!”

สีหน้าจ้าวเฟิงนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีตัดพ้อต่อว่า

เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าเผ่าความลับสวรรค์อาจเพิ่งรู้ตัวตนของเขา แต่ฝ่ายที่บุกโจมตีเข้ามาในตอนนี้กลับเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา อีกอย่าง สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลวร้ายมากนัก จ้าวเฟิงอยากจะหนีไปก็ง่ายดายยิ่ง

ที่สำคัญก็คือซินอู๋เหินและพวกเผ่าแสงยากจะหนีให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ ไหนจะยังพวกตำหนักเทพยักษ์ที่อพยพก็ต้องใช้เวลาด้วย

“วางใจเถอะ ในช่วงสั้นๆ นี้ พวกมันยังบุกโจมตีเข้ามาไม่ได้หรอก!” มู่กู่เอ่ย

อาณาจักรเทพเผ่าแสงอยู่ในระดับสูงมาก แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเหมือนจะไม่ได้ส่งผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพมา ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งพวกเขา จ้าวเฟิงยังมีความสามารถในการซ่อมแซมมิติของเผ่าทำนุฟ้าอีก

สรุปโดยรวมก็คือ สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเลวร้ายมากนัก

“ทุกคน เชิญพวกเจ้าเลือกทรัพยากรในอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้ตามใจเลย”

มู่กู่เอ่ยอย่างใจกว้าง

แต่อันที่จริงก็มีเพียงแค่จ้าวเฟิง ซินอู๋เหิน และยอดผู้อาวุโสเข้ามาในนี้เท่านั้นถึงแม้แดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่พลังของพวกเขาทุกคนก็ไม่อ่อนแอเหมือนกัน

ถือโอกาสในครั้งนี้เพิ่มขีดความสามารถและพลังฝึกตนเพื่อรับมือกับอันตรายในอนาคต จะได้มีความหวังเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

จ้าวเฟิงเองก็เข้าไปในอาณาจักรเทพมายา ใช้สิทธิ์ในการควบคุมของตนเริ่มต้นขยายขั้วอำนาจในครอบครอง

ในห้วงฝันบรรพกาลมีเผ่าพันธุ์ห้าสิบหรือยี่สิบลำดับแรกของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพก็มากด้วยเช่นกัน

ในขณะนั้นเอง

โครม ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นแต่ละระลอกลอดเข้ามาในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเริ่มโจมตีแล้ว!

ที่โลกภายนอก เทพโบราณจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา รวมถึงจอมเทพขั้นหนึ่งและขั้นสองเจ็ดแปดคนกำลังรุกโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสง

พวกจอมเทพฮ่วนไฉ่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไร

ปรมาจารย์ค่ายกลหลายคนกำลังจัดแจงกางค่ายกลโจมตี

“ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ถึงจะบุกเข้าไปได้?” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเสียงราบเรียบ

“อาณาจักรเทพแห่งนี้มั่นคงยิ่ง และยังเป็นสิ่งของที่มีนาย น่าจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน!” ปรมาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งเอ่ยตอบ

“ครึ่งเดือน นานเกินไปแล้ว!” จอมเทพฮ่วนไฉ่แค่นเสียงต่ำ ก่อนจะทะยานออกไป

ในเวลาเดียวกัน หญิงชราผมเขียวก็ตามหลังมาติดๆ

จอมเทพขั้นสามสองคนบุกโจมตีอาณาจักรเทพเผ่าแสงในฉับพลัน!

ทันใดนั้น ภาพเงาโลกอันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเทพเผ่าแสงก็สั่นไหว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version