Skip to content

King of Gods 1500

King Of Gods

บทที่ 1500 ซ่อมแซมมิติ

องครักษ์เทพมรณะที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาจักรเทพเผ่าแสงต่างถูกสังหารไปจนหมด แต่รอยโหว่ยังคงดำรงอยู่ การต่อสู้ระหว่างมู่กู่และเผ่าความลับสวรรค์ยังไม่จบลง

ระดับอาณาจักรเทพแห่งนี้สูงส่งเกินจะเปรียบ นอกจากมู่กู่ที่ซ่อมแซมรอยโหว่ได้แล้ว คนอื่นที่เหลือไม่มีความสามารถเช่นนี้ แต่มู่กู่จดจ่อความคิดทั้งหมดไว้กับการขัดขวางไม่ให้คนจากเผ่าความลับสวรรค์รุกล้ำเข้าไปด้านใน ไม่สามารถแบ่งความสนใจไปได้

ทางฟากจ้าวเฟิงยังดำดิ่งอยู่ใน ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’ ข้อมูลมหาศาลถาโถมเข้ามาในสมองของเขา

สำหรับความสามารถในการซ่อมแซมมิติของเผ่าทำนุฟ้า ในนั้นไม่มีคำแนะนำอย่างละเอียด ถึงขั้นซับซ้อนชวนงุนงง อย่างไรเสีย ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’ ก็เป็นมรดกที่มีวิชาและกลยุทธ์การต่อสู้เป็นหลัก

ดังนั้นเมื่อจ้าวเฟิงศึกษาวิชาซ่อมแซมมิติของเผ่าทำนุฟ้าจึงยากเย็นเอาการ ถึงเป็นเช่นนั้น ตอนนี้จ้าวเฟิงก็ต้องศึกษาให้ได้

“ที่แท้เผ่าทำนุฟ้าซ่อมแซมมิติจักรวาล ก็เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง!”

จ้าวเฟิงเข้าใจแล้ว ในตอนที่เผ่าทำนุฟ้าใช้พลังบริสุทธิ์ซ่อมแซมมิติจักรวาล ก็เป็นการฝึกฝนตระหนักรู้ประเภทหนึ่งเช่นกัน ทั้งผืนฟ้าจักรวาล สามารถพูดได้ว่าเกิดขึ้นจากพลังบริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน

ในขณะเดียวกับที่ทำความเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ จ้าวเฟิงก็แบ่งห้วงความคิดส่วนหนึ่งมาอ่านรายงานข่าวที่ได้มาจากหอเจ้าปีศาจอย่างคร่าวๆ ในนั้นรวมเรื่องราวที่มีอายุเกือบล้านปีหรือหลายสิบล้านปีในเขตดาราชาดเอาไว้ แน่นอนว่าเรื่องที่มีรายละเอียดชัดเจนที่สุดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

ในนี้ยังรวมไปถึงข่าวลับในขั้วอำนาจห้าดาวหรือกระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ในเขตดาราชาด ทั้งยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้อีกเป็นจำนวนมาก

“เอ๋?” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ค้นพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเทพยักษ์

หลังจากที่อ่านคร่าวๆ ไปครั้งหนึ่ง สีหน้าจ้าวเฟิงก็เปลี่ยนไป

ที่แท้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาช่วยตำหนักเทพยักษ์มาครั้งแล้วครั้งเล่า อันที่จริงก็เพื่อลดความระแวดระวังของตำหนักเทพยักษ์ลง

คนจากเผ่าเทพมายาจำนวนมากเข้าไปในตำหนักเทพยักษ์อย่างเงียบเชียบแล้ว เพื่อจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจนี้

เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

จ้าวเฟิงพอเข้าใจเผ่าเทพมายาอยู่บ้าง พวกเขาเป็นสิบเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์โบราณ สามารถสร้างภาพลวงมากมาย เต็มไปด้วยอุบายลวง และยังชำนาญการแทรกซึมปลอมแปลงด้วย

“รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งเครียด

จากคำพูดของซินอู๋เหินในตอนนั้น เขาฟังออกว่าซินอู๋เหินเชื่อมั่นในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาพอควร

“ต้องบอกซินอู๋เหินให้ได้!” แววตาจ้าวเฟิงเปล่งประกาย

เขาไม่รู้ว่าตอนที่ตนเองเข้าไปตำหนักเทพยักษ์ ถูกสายลับเผ่าเทพมายาจับได้หรือไม่ แต่เขาต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกซินอู๋เหินให้ได้

ในตอนนั้นเอง

โครม บึ้ม~ เสียงกัมปนาทดังขึ้น สะท้อนไปทั่วอาณาจักรเทพ

“แย่ล่ะ ด้านนอกมีผู้แข็งแกร่งกำลังโจมตีอาณาจักรเทพ!”

สีหน้ามู่กู่ย่ำแย่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาและเผ่าความลับสวรรค์ประมือกันได้สูสี แต่ขั้วอำนาจของเผ่าความลับสวรรค์ยิ่งใหญ่ สามารถเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระด้านนอกอาณาจักรเทพ ตอนนี้พวกเขาส่งสมาชิกบางส่วนออกมาโจมตีอาณาจักรเทพของมู่กู่จากด้านนอก

ถึงแม้ว่ามู่กู่จะควบคุมเคลื่อนย้ายอาณาจักรเทพได้ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ไม่ได้รวดเร็วมากนัก เกรงว่าคงไม่ได้ผลมาก จากการโจมตีของผู้แข็งแกร่งที่โลกภายนอก อาณาจักรเทพได้รับอิทธิพลอย่างช้าๆ รอยโหว่ขยายใหญ่ไม่หยุด

จากการวิเคราะห์ของจ้าวเฟิง เผ่าความลับสวรรค์ในตอนนี้สามารถส่งจอมเทพเข้ามาได้แล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น

“พวกมันคิดจะขยายรอยโหว่ให้ใหญ่ระดับหนึ่งแล้วสร้างอุโมงค์มิติ จะได้เข้าออกอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้อย่างอิสระ!”

มู่กู่เม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ย

จ้าวเฟิงตกตะลึง หากกลายเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นหมูในอวยทันที

“คงต้องขอให้ตำหนักเทพยักษ์ยื่นมือเข้าช่วยแล้ว!” สีหน้าจอมเทพเฉิงอวิ๋นร้อนรนอย่างยิ่ง

เผ่าแสงและตำหนักเทพยักษ์ร่วมมือกันเป็นการชั่วคราว ตอนนี้อาณาจักรเทพเผ่าแสงกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ในข้อตกลง ตำหนักเทพยักษ์มีพันธกิจต้องให้ความช่วยเหลือ

“ให้ข้าทำเอง ข้ามีเรื่องต้องบอกซินอู๋เหินพอดี!” จ้าวเฟิงเอ่ยอาสา รีบหยิบป้ายส่งข่าวอันหนึ่งออกมา

“มีเวลาเพียงแค่หกวัน หากซินอู๋เหินไม่รีบมา ทุกอย่างก็จะไม่ทันกาลแล้ว!”

มู่กู่เอ่ยด้วยอาการตึงเครียดณ ตำหนักเทพยักษ์

ในวันนี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่ผู้มีตำแหน่งสูงสุดในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตามาเยือนด้วยตนเอง

การมาเยือนครั้งนี้เขย่าขวัญขั้วอำนาจห้าดาวแห่งอื่นในเขตดาราชาดอีกครั้ง ทำให้พวกเขาไม่กล้ายั่วโทสะตำหนักเทพยักษ์ในตอนนี้

“จอมเทพฮ่วนไฉ่มาเยือนด้วยตนเอง ตำหนักเทพยักษ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”

ซินอู๋เหินออกมาต้อนรับจอมเทพฮ่วนไฉ่ด้วยตนเอง

ตำแหน่งของจอมเทพฮ่วนไฉ่สูงส่งมากในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา พลังฝึกตนอยู่จอมเทพขั้นสาม ความเข้มข้นของสายเลือดรวมไปถึงพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในสิบล้านปีที่ผ่านมานี้ของเผ่าเทพมายา แน่นอนว่าใบหน้างดงามของจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็ขึ้นชื่ออย่างยิ่งในเขตดาราชาดเช่นกัน ชายหนุ่มมากมายทางฟากตำหนักเทพยักษ์จับจ้องจอมเทพฮ่วนไฉ่ที่อยู่กลางอากาศ

ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในกลุ่มหมอกควันขาว มองไม่เห็นวงหน้างดงาม แต่เรือนร่างอรชรเย้ายวนใจกลับปรากฏขึ้นในสายตาอย่างชัดเจน

พวกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเข้าไปในตำหนักใหญ่ใจกลางภายใต้การต้อนรับของคนระดับสูงฝั่งตำหนักเทพยักษ์

ทั้งสองฝั่งต่างเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ

“ไม่รู้ว่าจอมเทพฮ่วนไฉ่เดินทางมาคราวนี้มีเรื่องอะไรหรือไม่?”

ซินอู๋เหินเอ่ยเข้าประเด็นทันที

“ตำหนักเทพยักษ์เป็นขั้วอำนาจห้าดาวที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นในเขตดาราชาด ที่ข้ามาคราวนี้ก็เพื่อดูว่าตอนนี้พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“ทั้งหมดเข้าที่เข้าทางนานแล้ว ในแต่ละด้านของตำหนักเทพยักษ์ไม่ต่างอะไรกับขั้วอำนาจห้าดาวแห่งอื่นในเขตดาราชาดมากนัก!” ซินอู๋เหินอมยิ้มเอ่ย

ตอนที่ตำหนักเทพโบราณยังไม่ถูกเผ่าวิญญาณบรรพกาลเข้าครอบงำ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาดูแลเผ่าเทพยักษ์ได้ไม่เลวเลย ตอนนี้ตำหนักเทพยักษ์ก่อตั้งขึ้น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ให้ความช่วยเหลืออยู่หลายครั้ง ซินอู๋เหินซาบซึ้งใจมาก

“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าเจ้าตำหนักซินและเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามีความเกี่ยวข้องกันบ้าง แต่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าดึงเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยมากเกินไป หากตำหนักเทพยักษ์ติดต่อกับเขาอีกครั้ง เกรงว่าการออกหน้าของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็คงไม่มีประโยชน์อะไร!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเรียบๆ

ความหมายของประโยคนี้คล้ายกังวลว่าเนตรเทพเจ้าจะนำพาความวุ่นวายมาให้ตำหนักเทพยักษ์

“จุดนี้ ข้าแซ่ซินก็เข้าใจ!” ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงเรียบ

“หากเจ้าตำหนักซินและเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ายังไปมาหาสู่กัน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาสามารถเป็นผู้ปกปักพวกเจ้าได้!”

จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยต่อ ในคำพูดฟังดูเป็นมิตรมาก

ซินอู๋เหินกำลังจะเอ่ยตอบก็ได้รับข่าวมา เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นในหัวเขา สีหน้าซินอู๋เหินเคร่งขรึมลงในทันที

ทางฝั่งจอมเทพฮ่วนไฉ่เองก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของซินอู๋เหินเช่นกัน อันที่จริง นางเดินทางมาคราวนี้ก็เพื่อมาสอดส่องสถานการณ์

ปราการในสถานที่ปิดด่านฝึกตนของซินอู๋เหินก็เปิดออก หลังจากนั้นปิดลงไป ในระหว่างนั้นคนเผ่าเทพมายาก็ไม่เห็นใครเข้าไปด้านใน ที่นี่จะต้องมีลูกเล่นอะไรแน่ บวกกับช่วงก่อนนี้เขี้ยวเล็บของเผ่าความลับสวรรค์ในหุบเขาวายุุอัสนีก็ถูกทำลายลง

จอมเทพฮ่วนไฉ่รู้สึกว่าบางทีอาจไม่ได้มีอะไรเกี่ยวโยงกัน ดังนันจึงมาที่ตำหนักเทพยักษ์ด้วยตนเอง

“จอมเทพฮ่วนไฉ่ ข้ายังมีธุระต้องทำ ต้องขอตัวก่อน!” ซินอู๋เหินเปิดปากเอ่ย

ยามนี้อาณาจักรเทพเผ่าแสงขอความช่วยเหลือจากเขา ซินอู๋เหินจำต้องรีบให้ความช่วยเหลือ แต่ในตำหนักเทพยักษ์มีแต่หูตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา เขาอยากจะแอบออกไปก็ออกจะยากเย็นอยู่

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ซินอู๋เหินจึงไม่เอ่ยอ้อมค้อม

“เจ้าตำหนักซินรีบร้อนจะไป เพราะเรื่องอะไรหรือ?” สีหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่ตกตะลึงเล็กน้อย รีบเอ่ยถามทันที

“สหายของข้าคนหนึ่งเจออันตราย มาขอความช่วยเหลือจากข้า!”

ซินอู๋เหินเอ่ยง่ายๆ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ จอมเทพฮ่วนไฉ่ย่อมไม่สามารถขัดขวางอะไร อย่างไรเสียฟากนั้นก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของจอมเทพผู้หนึ่ง จากนั้นจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็พาสมาชิกอีกจำนวนมากเดินทางออกจากตำหนักเทพยักษ์ ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโส ออกเดินทางไปที่อาณาจักรเทพเผ่าแสง

“ท่านฮ่วนไฉ่ ‘สหาย’ ที่ซินอู๋เหินพูดถึงคงจะเป็นเผ่าแสง!”

ชายชุดเหลืองเอ่ยเสียงต่ำ

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็พอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงและตำหนักเทพยักษ์อยู่ส่วนหนึ่ง

“เจ้าไปตามเขา คอยดูสถานการณ์เอาไว้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่เอ่ยเสียงเบา ร่างค่อยๆ อันตรธานหาย

“ขอรับ!” ชายชุดเหลืองตอบตกลง

แต่เขาออกจะเหนื่อยล้า การติดตามซินอู๋เหินยากไม่น้อย เป้าหมายของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาไม่ใช่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหรอกหรือ? ทำไมถึงยังต้องไปจับตาดูเรื่องของซินอู๋เหินและเผ่าแสง

ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

โครม บึ้ม! เสียงกึกก้องกัมปนาทดังไม่ขาดสาย รอยโหว่นั้นก็ค่อยๆ กว้างขึ้น

มู่กู่รับมืออย่างสุดความสามารถ ก็ไม่อาจขัดขวางทั้งหมดนี้ได้ นี่เป็นวันที่ห้าแล้ว ตอนนี้เกรงว่ารอยโหว่จะใหญ่จนจอมเทพขั้นสองสามคนเข้าไปด้านในได้

“ซินอู๋เหินมาแล้ว!” จ้าวเฟิงพลันเอ่ยขึ้น

“ดี!” ใบหน้ามู่กู่ฉายแววยินดี

โครม ตูม! ด้านนอกอาณาจักรเทพมีเสียงต่อสู้ครึกโครมดังขึ้น

จากข่าวคราวของซินอู๋เหิน ด้านนอกมีจอมเทพขั้นสองชั้นยอดทั้งหมดสองคนถึงแม้ซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสจะไม่สามารถได้ชัยชนะมา แต่ยื้ออีกฝ่ายเอาไว้และค่อยๆ ลดการขยายใหญ่ของรอยโหว่ได้

ครึ่งวันต่อมา

“ผู้อาวุโสมู่กู่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว!”

และในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงก็ลุกขึ้นยืน

“ได้ ต้องดูที่เจ้าแล้ว!” ในแววตามู่กู่เปล่งประกายแวววับ

เขารู้ว่าจ้าวเฟิงได้มรดกเผ่าทำนุฟ้ามาครอบครอง ก่อนนี้จ้าวเฟิงเอาแต่ศึกษาเคล็ดวิชาด้านการซ่อมแซมมิติ ดูท่าทางจ้าวเฟิงน่าจะเรียนจนสำเร็จแล้ว และสามารถซ่อมแซมรอยโหว่ได้

ฟิ้ว! ร่างจ้าวเฟิงอันตรธานหายไป ก่อนจะไปปรากฏขึ้นที่ด้านนอกรอยโหว่ เมื่อเขาพลิกฝ่ามือ พลังบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งก็ทะลักออกมา

“เปลี่ยนแปลงหมื่นสรรพสิ่ง!” จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา พลังบริสุทธิ์กลุ่มนั้นกระจายออกไปที่มิติช้าๆ เคล็ดลับในการซ่อมแซมรอยโหว่มิติจะใช้ลักษณะพิเศษของพลังบริสุทธิ์เปลี่ยนแปลงหมื่นสรรพสิ่งเป็นหลัก

ฟิ้ว ฟิ้ว!

พลังบริสุทธิ์กลุ่มนี้ปรากฏขึ้นในรอยโหว่ และยังหลุดลอยออกมาไม่หยุด ในพลังบริสุทธิ์ปรากฏพลังจากธาตุต่างๆ ทะลักออกมา รวมไปถึงมิติ น้ำ และไม้เป็นต้น

พลังกลุ่มนี้สอดประสานและหลอมรวมเข้ากับรอยโหว่รอบบริเวณอย่างเชื่องช้า ไม่นานนัก รอยโหว่ของมิติแห่งนี้ก็ถูกจ้าวเฟิงซ่อมแซมสำเร็จ

“สำเร็จแล้ว!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ

อย่างไรก็เป็นแค่รอยโหว่แห่งหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ช่องโหว่ใหญ่โตขนาดนั้น

ในเวลาเดียวกัน ที่มิติลี้ลับอีกแห่งหนึ่ง

“อะไรกัน? รอยโหว่…” มือสองข้างของอวี่หลิวผิงสั่นสะท้าน

เขารีบขัดขวางอย่างสุดแรง แต่รอยโหว่ก็ยังคงถูกซ่อมแซมไปอย่างช้าๆ จนสมบูรณ์

“หืม ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาจักรเทพที่มีเจ้าของ ยากเย็นเหลือเกิน…”

อวี่หลิวผิงทอดถอนใจ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็กระจายข่าวให้จอมเทพรอบๆ อาณาจักรเทพเผ่าแสง ให้รอโอกาสในคราวต่อไป

ยามนี้เอง จอมเทพซิงเซี่ยงปรากฏตัวขึ้นที่มิติแห่งนี้

“ท่านหลิวผิง จากข่าวคราวที่เชื่อถือได้ เวลาก่อนนี้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าปรากฏกายขึ้นที่เขตปราการหยั่งรู้ และได้รับมรดกเผ่าทำนุฟ้ามาครอบครอง!”

จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยด้วยความตื่นเต้นเกินจะเปรียบ

ได้ยินเช่นนี้แล้ว ท่าทางอวี่หลิวผิงก็อึ้งตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง กลิ่นอายกดดันที่ไร้รูปร่างคลี่กระจายออกมาอย่างไร้การควบคุม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version