Skip to content

King of Gods 1499

King Of Gods

บทที่ 1499 เค้าลางวิกฤต

พรึ่บ! หลังจากเข้าไปในอุโมงค์มิติที่มืดสลัวนั้น จ้าวเฟิงก็เข้ามาในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

“ก็แค่เสือกระดาษ!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลทำให้เขาประหลาดใจ แต่ในที่สุดจ้าวเฟิงก็สังหารสมาชิกทั้งหมดของหอเจ้าปีศาจ สังหารเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล และยังขโมยเอาข้อมูลข่าวสารบางส่วนมาได้ในขณะที่ปิดบังตัวตนอยู่

มู่กู่หัวเราะร่วนอย่างอดไม่ได้

เผ่าความลับสวรรค์เองก็เป็นศัตรูของเขาด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขารู้สึกว่าการร่วมมือกับจ้าวเฟิงเป็นทางเลือกที่ฉลาดอย่างมาก หากเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเติบโตขึ้นอย่างเต็มที่ ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเผ่าความลับสวรรค์ก็ไม่ต้องหวาดกลัว

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิลง เตรียมจัดการสินสงครามที่ได้มา

ในขณะนี้เอง

“แย่ล่ะ!” มู่กู่อุทานออกมาอย่างกะทันหัน

จ้าวเฟิงเพ่งมอง เรื่องที่ทำให้มู่กู่ผู้เป็นจอมเทพขั้นสามรู้สึกไม่ดีได้ ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่

“คนจากเผ่าความลับสวรรค์กำลังรุกล้ำเข้ามาในอาณาจักรเทพ!”

มู่กู่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

เขารู้สึกได้ว่าเผ่าความลับสวรรค์กำลังรุกล้ำเข้ามาในเขตที่เปราะบางของอาณาจักรเทพเผ่าแสงทีละน้อย

วิธีที่ฝ่ายตรงข้ามใช้รุกล้ำเข้ามาส่งผลอย่างรุนแรงต่อการพลานุภาพการป้องกันของอาณาจักรเทพ หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่นานเท่าไหร่นักฝ่ายตรงข้ามจะสร้างอุโมงค์มิติเข้าออกได้อย่างอิสระแน่

มู่กู่ตื่นตระหนกกับความสติปัญญาของเผ่าความลับสวรรค์อีกครั้ง

เปรี๊ยะ! ร่างมู่กู่สว่างวาบ ก่อนจะมาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างต้นไม้แห่งกาลเวลา ฝ่ามือกดด้านบนเอาไว้

สิทธิ์ในการควบคุมอาณาจักรเทพของเขาเพิ่มขึ้นมากผ่านต้นไม้แห่งกาลเวลา จนสามารถใช้มาตรการรับมือเพื่อต่อต้านเผ่าความลับสวรรค์ แต่ว่าการเตรียมตัวของเผ่าความลับสวรรค์ดูจะพร้อมอย่างยิ่ง ต่อให้เขาควบคุมอาณาจักรเทพแห่งนี้ ก็ยากจะขัดขวางการบุกรุกของฝ่ายตรงข้ามได้โดยสิ้นเชิง เพียงรับมือได้อย่างสูสีเท่านั้น

“มีอะไรที่ข้าช่วยได้หรือไม่?” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ

เขาเองก็มีความแค้นกับเผ่าความลับสวรรค์เช่นกัน

“เจ้าไปเฝ้าที่จุดเปราะบางเอาไว้!” มู่กู่ขมวดคิ้วมุ่น

จากนั้นจึงมอบข้อมูลของแผนที่ให้จ้าวเฟิง ตอนนี้หากเขารับมือจนสุดแรง ก็น่าจะขัดขวางฝ่ายตรงข้ามได้ชั่วคราว แต่เผ่าความลับสวรรค์เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

ฟิ้ว! ร่างจ้าวเฟิงสว่างวาบหายไป

ในเวลาเดียวกัน พื้นที่แถวแดนต้องห้ามของเผ่าแสงปรากฏระลอกคลื่นกระเพื่อมน้อยๆ เงาร่างคนหลายร่างโผล่ขึ้นมา

ในนั้นมีคนที่จ้าวเฟิงรู้จักคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่ร่วมสำรวจค้นหาอาณาจักรเทพเผ่าแสงกับเขาในตอนนั้น

เทพโบราณเฉิงอวิ๋น ในตอนนี้ควรจะเรียกว่าจอมเทพเฉิงอวิ๋น เพราะเขาทะลวงผ่านขั้นในอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้ตั้งนานแล้ว

จอมเทพเฉิงอวิ๋นนำทายาทเผ่าแสงหลายคนเดินทางออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ในคนกลุ่มนี้ พลังฝึกตนของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นสูงที่สุด เป็นจอมเทพขั้นหนึ่ง ส่วนคนอื่นที่เหลือเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพไม่ก็เทพโบราณ

อีกฟากของอาณาจักรเทพ

รอบบริเวณสลัวราง ไม่ไกลนักมีสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์ที่เก่าแก่ผุพังอยู่หลังหนึ่ง

ตอนแรกจ้าวเฟิงและพวกเผ่าเทพยักษ์ก็เจอสมบัติประเภทมิติอย่างหน่อไม้แสงจันทร์ในสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เช่นกัน

ยามนี้ ความว่างเปล่าด้านข้างสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้มีรอยบิดเบี้ยวเส้นหนึ่ง ประหนึ่งน้ำวนมิติที่หมุนวนไม่หยุด และยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที

พรึ่บ! จ้าวเฟิงพลันปรากฏตัวขึ้น สายตาจดจ้องที่ช่องโหว่มิติ

ไม่นานนักพวกจอมเทพเฉิงอวิ๋นก็รีบเดินทางมาที่นี่

“ไม่ได้การ จ้าวเฟิง ฝ่ายตรงข้ามบุกรุกเข้ามาด้านในได้สำเร็จแล้ว!” ในขณะนี้เอง เสียงของมู่กู่ดังขึ้นในหัวของจ้าวเฟิง

ด้านในน้ำวนมิติกลุ่มนั้นมีจุดดำเกิดขึ้น และขยายใหญ่อย่างช้าๆ

พรึ่บ! พรึ่บ! เงาสองร่างพุ่งออกจากด้านใน

“องครักษ์เทพมรณะ!” จ้าวเฟิงกวาดตามองก็รู้สถานะของทั้งสองคนนี้อย่างชัดเจน

องครักษ์เทพมรณะเป็นหุ่นเชิดในระดับที่สูงกว่า เกิดจากการรวมร่างกันของสิ่งมีชีวิตและเคล็ดวิชาหุ่นเชิดของเผ่าความลับสวรรค์ จึงมีข้อดีของทั้งสองสิ่งรวมเอาไว้ด้วยกัน

องครักษ์เทพมรณะสองคนตรงหน้านี้เป็นผู้อาวุโสชุดดำ ส่วนอีกคนเป็นชายฉกรรจ์ที่ถือง้าวยาวสีดำเอาไว้

หลังจากองครักษ์เทพมรณะสองคนเข้าไปในอาณาจักรเทพเผ่าแสงแล้ว จุดมิติสีดำนั้นจู่ๆ ก็หดเล็กลง แต่ไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับองครักษ์เทพมรณะถึงสองคน จ้าวเฟิงจึงไม่กล้าผลีผลามลงมือ เพราะเขารู้ว่าองครักษ์เทพมรณะถูกควบคุมจากผู้แข็งแกร่งเผ่าความลับสวรรค์ พูดได้ว่าสิ่งที่องครักษ์เทพมรณะมองเห็น ฝ่ายตรงข้ามก็มองเห็นเช่นกัน

โชคดีที่รูปลักษณ์ภายนอกของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป ฝ่ายนั้นจึงไม่รู้จักเขา

อีกฟากหนึ่ง

อวี่หลิวผิงและจอมเทพซิงเซี่ยงยื่นสองมือออกมา ปลดปล่อยอักขระยึกยือสีขาวนับไม่ถ้วน หลอมรวมเข้าไปในค่ายกลขนาดใหญ่หลายแห่ง

“สำเร็จแล้ว องครักษ์เทพมรณะสองคนเข้าไปได้แล้ว!” จอมเทพซิงเซี่ยงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ

ตอนนี้ส่งสององครักษ์เทพมรณะผู้เป็นจอมเทพขั้นสองเข้าไป ก็เป็นจำนวนจำกัดที่สุดแล้ว พวกเขาเฝ้ามองอาณาจักรเทพเผ่าแสงอยู่ที่นี่นานสองนาน ตอนนี้บุกเข้าไปด้านในได้สำเร็จแล้ว

มู่กู่จำเป็นต้องจดจ่อสมาธิเพื่อขัดขวางการรุกล้ำของพวกเขา จึงปลีกตัวไปรับมือองครักษ์เทพมรณะได้ยาก

แต่ตามที่พวกเขารู้มา นอกจากมู่กู่แล้ว คนอื่นที่เหลือของอาณาจักรเทพเผ่าแสงมีพลังฝึกตนค่อนข้างต่ำ จึงไม่จำเป็นต้องกังวล

ขอแค่องครักษ์เทพมรณะร่วมมือกันที่นี่ ทำให้ช่องโหว่ขยายใหญ่ขึ้น พวกเขาก็จะสามารถสร้างอุโมงค์มิติได้ ถึงตอนนั้นจะเข้าออกอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้ตามอำเภอใจ

“หืม? ยังมีจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดอีกคน!” สายตาอวี่หลิวผิงตกตะลึง เมื่อเห็นจ้าวเฟิงผ่านองครักษ์เทพมรณะ

“ถึงจะเป็นเช่นนั้น สององครักษ์เทพมรณะก็เหลือเฟือแล้ว!”

จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยยิ้มๆ

องครักษ์เทพมรณะมีสติปัญญาของสิ่งมีชีวิต เมื่อผสานกับวิชาหุ่นเชิดของเผ่าความลับสวรรค์แล้ว จึงทำให้ความสามารถในแต่ละด้านเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น และยังถูกผู้บงการควบคุมไว้อย่างสิ้นเชิง

“คนผู้นี้ไม่ธรรมดา!” อวี่หลิวผิงเอ่ยเสียง แววตาหนักอึ้งลง

ตอนที่มองประเมินจ้าวเฟิงผ่านองครักษ์เทพมรณะ เขาก็พบว่าตนเองอ่านอีกฝ่ายไม่ออก ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่จอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด ต่อให้เขาใช้สายตาของขององครักษ์เทพมรณะสำรวจ ก็ไม่มีทางอ่านอะไรไม่ออกเลย

ในอาณาจักรเทพเผ่าแสง

สององครักษ์เทพมรณะได้รับคำสั่งจากอวี่หลิวผิง ทันใดนั้นก็ลงมือจู่โจมพวกจ้าวเฟิงมีเพียงทำลายอุปสรรคเหล่านี้เท่านั้น ถึงจะสามารถทำภารกิจขยายช่องโหว่ได้ หนำซ้ำจากที่มองดู พลังของสององครักษ์เทพมรณะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

วู้ม ตูม! จ้าวเฟิงตรงไปหาผู้อาวุโสชุดดำผู้นั้นก่อน

ส่วนชายฉกรรจ์อีกคน เขายกให้จอมเทพเฉิงอวิ๋นและทายาทคนอื่นๆ ของเผ่าแสงจัดการ ถึงแม้พลังฝึกตนของคนเหล่านี้จะค่อนข้างต่ำ แต่อย่างไรความสามารถในแต่ละด้านของผู้มีสายเลือดเผ่าแสงก็ค่อนข้างแก่กล้า

โครม! จ้าวเฟิงปล่อยหมัดออกมา พลังบริสุทธิ์ทรงอานุภาพเหนี่ยวนำพลังในฟ้าดิน

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เผ่าความลับสวรรค์ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังผู้อาวุโสชุดดำรู้สถานะ เขาจำเป็นต้องปกปิดกลอุบายอื่นๆ เอาไว้

“พลังบริสุทธิ์!” ผู้อาวุโสชุดดำมีสีหน้าตะลึง

พลังบริสุทธิ์เป็นถึงพลังของเผ่าทำนุฟ้าเลยทีเดียว

เขายื่นมือออกมา ในฝ่ามือปรากฏหลุมเล็กๆ สาดซัดพลังที่แก่กล้ากลุ่มหนึ่งออกมาเกาะกลุ่มกันกลายเป็นเกราะป้องกันสีขาว

โครม บึ้ม! เพียงหมัดเดียวของจ้าวเฟิงก็สามารถทำลายเกราะป้องกันสีขาวให้แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ทันที พลังที่แข็งแกร่งซัดผู้อาวุโสชุดดำจนกระเด็นออกไปหลายสิบจั้ง

“เจ้าเป็นใครกัน?”

ฉับพลันนั้น ระลอกวิญญาณทรงพลังกระจายตัวออกมาจากร่างผู้อาวุโสชุดดำเห็นได้ชัดว่าคนที่เอ่ยเช่นนี้ก็คือสมาชิกเผ่าความลับสวรรค์ซึ่งควบคุมผู้อาวุโสชุดดำอยู่

จ้าวเฟิงไม่พูดอะไรตอบ

ฝ่ายตรงข้ามสามารถรุกล้ำเข้ามาอาณาจักรเทพเผ่าแสงได้ แสดงให้เห็นว่าวิชาและความสามารถแข็งแกร่ง ไม่อาจประมาทได้ หนำซ้ำเผ่าความลับสวรรค์ยิ่งชำนาญการพยากรณ์และอนุมานด้วย

ยิ่งจ้าวเฟิงพูดมาก จะยิ่งทำให้ช่องโหว่มากขึ้น

“เจ้าไม่ใช่คนจากเผ่าทำนุฟ้า มิฉะนั้นเมื่อครู่เจ้าก็คงลงมือซ่อมแซมรอยโหว่มิตินั่นไปแล้ว!” ผู้อาวุโสชุดดำหัวเราะน้อยๆ

สายตาจ้าวเฟิงวูบไหว เขาเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเช่นกัน เผ่าทำนุฟ้าเป็นเผ่ายอดฝีมือในด้านการซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติ ใน ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’ มีคำแนะนำมากมายในการซ่อมแซมมิติเหมือนกัน แต่จ้าวเฟิงไม่สนใจ ไม่แลตาดูเสียด้วยซ้ำ

‘ไม่เสียทีที่เป็นเผ่าความลับสวรรค์!’ ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้ง จิตสังหารทะลักออกมา

ตูม โครม! เขาซัดหมัดออกมา ส่งหมัดแสงที่บิดเบี้ยวมืดหม่นไปสายหนึ่ง

ผู้อาวุโสชุดดำสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงปลดปล่อยคลื่นสายเลือดที่ชวนสะพรึงขวัญ พัดเหล็กอันหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

ฟิ้ว โครม! ระหว่างพัดเหล็กโบกสะบัด คมดาบสีดำนับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มกันเป็นพายุรุนแรงแล้วพัดตรงเข้ามา

ในตอนนี้ หลังจากที่ผู้อาวุโสชุดดำเข้าใจพลังของจ้าวเฟิงแล้ว ก็ใช้พลังทั้งหมดออกมา จนเกือบแตะจอมเทพขั้นสองสุดยอด

โครม ตูม! หมัดเทพพลังบริสุทธิ์ปะทะลงบนพายุสีดำ สู้โรมรันกันไม่นานนักก็พุ่งทะลวงจนพายุแหลกเป็นเสี่ยง พลังบริสุทธิ์แทบไม่ถูกควบคุมจากพลังใดๆ ถึงขนาดสามารถกดพลังจำนวนมากได้

บึ้ม ตูม! จ้าวเฟิงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสหายใจหายคอ ส่งสองหมัดออกมาโจมตีติดต่อกัน

ในมิติลับอีกแห่งหนึ่ง

“เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง!” ใบหน้าอวี่หลิวผิงเหี้ยมเกรียมเกินจะเปรียบ

จากวิชาและพลังที่จ้าวเฟิงใช้ เขาเชื่อว่าผู้อาวุโสชุดดำไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิงในเวลาเดียวกัน ที่อาณาจักรเทพเผ่าแสง ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยทวนคำพูดของอวี่หลิวผิงออกมา

“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?” จอมเทพซิงเซี่ยงเกรี้ยวกราดไม่น้อยเช่นกัน

สถานการณ์ที่เดิมจะต้องชัยชนะ กลับวุ่นวายเพราะจอมเทพผู้ครอบครองพลังบริสุทธิ์เพียงคนเดียว

“ไม่ ยังไม่ชนะ เจ้าส่งคนไปตรวจสอบสักหน่อย ช่วงนี้มีใครได้รับมรดกที่เกี่ยวข้องกับเผ่าทำนุฟ้าบ้าง!” แววตาอวี่หลิวผิงลึกล้ำ ทอประกายแวววับ

ครอบครองพลังบริสุทธิ์ แต่กลับไม่ชำนาญการซ่อมรอยโหว่ของมิติ แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เผ่าทำนุฟ้า แต่เป็นคนที่ได้ครอบครองมรดกเผ่าทำนุฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

“รับทราบ!” ร่างจอมเทพซิงเซี่ยงค่อยๆ อันตรธานหายไปจากมิติแห่งนี้

ภายในอาณาจักรเทพ ผู้อาวุโสชุดดำถูกจ้าวเฟิงสังหารอย่างรวดเร็ว ส่วนชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งก็ถูกคนล้อมสังหารเช่นกัน อาศัยช่องว่างดังกล่าว จ้าวเฟิงเริ่มฝึกฝนวิชาที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมมิติจาก ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’

ถ้าคุ้นเคยบ้างเล็กน้อย ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยมู่กู่จัดการซ่อมแซมรอยโหว่ของมิติได้โดยสมบูรณ์ เพื่อขัดขวางแผนการของเผ่าความลับสวรรค์

ในเวลาเดียวนั้นเอง ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาของเขตดาราชาด ภายในวิหารทรงกลมที่เต็มไปด้วยหมอกควันกระจายตัว

ฟิ้ว! ภายในกลุ่มควันที่ขมุกขมัว เงาชายชุดเหลืองปรากฏกายขึ้นช้าๆ

“รายงานท่าน ‘ ฮ่วนไฉ่’ ที่หุบเขาวายุุอัสนีเคยเกิดการต่อสู้ของขั้นจอมเทพ!”

ชายชุดเหลืองคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น

บนที่นั่งผลึกแก้วด้านบน สตรีในกลุ่มควันขาวดำปรากฏกายขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้านาง แต่เรือนร่างแบบบางอรชร เย้ายวนใจมาก

“ยังมีเบาะแสอื่นอีกหรือไม่?” ในกลุ่มควันสีขาวดำมีเสียงชวนฝันดังออกมา

“จากการสำรวจ ความสัมพันธ์ของสถานที่แห่งนี้กับเผ่าความลับสวรรค์ไม่ธรรมดาเลย!” ชายชุดเหลืองเอ่ยเสียงต่ำ

“อ้อ?” จู่ๆ จอมเทพฮ่วนไฉ่ก็สนใจเรื่องนี้ขึ้นมา

พวกเขาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขตดาราชาด แต่ไม่รู้เลยว่ามีขั้วอำนาจนี้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวายุุอัสนี เห็นได้ชัดว่าขั้วอำนาจแห่งนี้อาจจะเป็นหนึ่งในเขี้ยวเล็บของเผ่าความลับสวรรค์

ส่วนศัตรู คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเผ่าความลับสวรรค์

“ทางตำหนักเทพยักษ์มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง?” จอมเทพฮ่วนไฉ่ถาม

“จากการบรรยายของคนในตำหนักเทพยักษ์ ซินอู๋เหินในช่วงนี้เอาแต่ปิดด่านฝึกตน ไปพบพวกผู้อาวุโสในโถงตำหนักเพียงครั้งหนึ่ง…เพียงแต่มีวันหนึ่ง จู่ๆ ปราการพลังของแดนต้องห้ามที่ซินอู๋เหินอยู่ก็เปิดออก จากนั้นก็ปิดลง…”

ชายชุดเหลืองเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียด

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็ต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเช่นกัน

แต่วิธีการที่พวกเขาใช้ต่างกัน พวกเขาเป็นมิตรกับตำหนักเทพยักษ์มาก ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ที่ทำแบบนี้ย่อมเพื่อช่วงชิงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิงมาจากตำหนักเทพยักษ์

ผู้กุมอำนาจส่วนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเป็นเผ่าเทพมายา

เผ่าเทพมายาอยู่ลำดับที่สิบสามในหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ชำนาญศาสตร์วิญญาณ ศาสตร์ลวงตา สามารถเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งนับหมื่น ทำของปลอมให้กลายเป็นของจริง กระทั่งกลิ่นอายดวงวิญญาณหรือกลิ่นอายสายเลือดยังลอกเลียนแบบได้ เกรงว่าซินอู๋เหินยังไม่สังเกตเห็น ในตำหนักเทพยักษ์ก็มีสายของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตามากมายแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version