Skip to content

King of Gods 1498

King Of Gods

บทที่ 1498 ถอนรากถอนโคน

วูบ! หลังจากที่ยืนยันเรื่องนี้แล้ว ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงขยายออกมา กระจายตัวเข้าไปในขั้วอำนาจที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มออกมาน้อยๆ

ตามการคาดเดาจากประสาทสัมผัสเทพของเขา สมาชิกในขั้วอำนาจแห่งนี้โดยมากแล้วจะเป็นขั้นเทพโบราณลงไป ผู้แข็งแกร่งที่เป็นจอมเทพไม่ได้มีมากนัก ต้องเป็นหอสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“อะไร? คนผู้นี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมุ่น ค่อนข้างฉุนเฉียว

ณ ส่วนลึกใต้ดิน ใจกลางตำหนักลับสีหม่น เงาร่างคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กลางหมอกควันสีดำสนิท เขาก็คือเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล

“ใครกัน?” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลสังเกตเห็นประสาทสัมผัสเทพของจอมเทพขั้นสอง ประสาทสัมผัสเทพของเขาก็ออกตรวจตราเหมือนกัน และไม่นานพวกเขาก็มองเห็นจ้าวเฟิง

เพียงแต่ตอนนี้รูปลักษณ์ของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป บวกกับการปกปิดจากผนึกฟ้าประสาน ทำให้เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่รู้สถานะของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงลังเลอยู่ในหุบเขาวายุุอัสนีครู่หนึ่ง แล้วจึงพุ่งลงไปใต้ดิน

ก็แค่เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล ในการต่อสู้ที่นรกเพลิงโลกันตร์ตอนนั้น เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลอย่างซึ่งหน้า แต่เขาในตอนนี้ต้องการจะสังหารฝ่ายตรงข้ามก็ง่ายดายอย่างยิ่งแล้ว

“ท่านผู้นั้น ท่านกำลังรนหาที่ตายอยู่!”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลแค่นเสียง พุ่งออกมาจากใต้ดินเพื่อรับมือกับจ้าวเฟิง

ตอนที่ตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกตำหนักเทพยักษ์ทำโจมตีเจ็บสาหัส ทำให้สมาชิกในตำหนักแตกฮือหนีไป เขาเองก็หลบหนีจากการไล่ล่าสังหารของผู้อาวุโสเผ่าเทพยักษ์และซินอู๋เหินอยู่นาน

แต่ใจเขาไม่ยอมยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะการปรากฏกายของจ้าวเฟิง ตำหนักวิญญาณบรรพกาลย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้

ดังนั้นจอมเทพซิงเซี่ยงจึงให้เขาอยู่ที่ ‘หอเจ้าปีศาจ’ ในเขตดาราชาดชั่วคราว ถ้าหากภายหน้ามีผลงาน เผ่าความลับสวรรค์จะช่วยเขาอีกครั้ง

เจ้าตำหนักตำหนักวิญญาณบรรพกาลตอบตกลงทันที ตั้งอกตั้งใจฝึกตนอยู่ที่หอเจ้าปีศาจ ด้วยคาดหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่สามารถทำลายตำหนักเทพยักษ์ได้

ในตอนนี้มีคนบุกรุกหอเจ้าปีศาจ เป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือ!

จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไร ปรากฏพลังบริสุทธิ์เกาะกลุ่มกันขึ้นในมือแล้วระเบิดออกมา

ตอนนี้เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลมองสถานะของเขาไม่ออก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่จ้าวเฟิงเลือกลงมือ ขอแค่สังหารเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลให้ได้ในขณะที่ปิดบังตัวตนอยู่ เผ่าความลับสวรรค์ก็จะไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้

ในวินาทีที่พลังบริสุทธิ์ปรากฏออกมา พลังธาตุอื่นๆ ในฟ้าดินก็พุ่งมารวมตัวกัน

“นี่มัน…พลังบริสุทธิ์!” ในฐานะที่เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเป็นจอมเทพขั้นสอง ย่อมสามารถมองเห็นจุดนี้

เขาตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ คนที่มาเป็นใครกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังบริสุทธิ์ด้วย

พรึ่บ! เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลรีบหลบคมดาบในทันที

เผ่าวิญญาณบรรพกาลชำนาญศาสตร์วิญญาณ เขาย่อมไม่โง่งมจนไปต่อสู้กับจอมเทพที่ครอบครองพลังบริสุทธิ์

ในขณะเดียวกัน เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลส่งกระแสจิตออกไป “จอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดนิรนามมาบุกโจมตีหอเจ้าปีศาจ!”

มิติที่มืดมิดดั่งราตรีอีกแห่ง จอมเทพซิงเซี่ยงได้รับข่าวเรื่องหนึ่ง

“มีเรื่องอะไรกัน?” อวี่หลิวผิงเอ่ยเสียงต่ำ

“จากข่าวของทางเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล จอมเทพนิรนามขั้นหนึ่งสุดยอดเจอหอเจ้าปีศาจแล้ว!”

จอมเทพซิงเซี่ยงตอบตามจริง

“ก็แค่ขั้นหนึ่งเท่านั้น ยกให้เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลจัดการก็พอแล้ว หลายวันมานี้อาณาจักรเทพเผ่าแสงเปิดออกสองครั้ง ทำให้พวกเราได้ข้อมูลมาเพิ่มขึ้น ขอแค่มันเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง…”

แววตาอวี่หลิวผิงลุ่มลึกดำมืด ท่าทางพร้อมจะออกไปโจมตีแล้ว

จอมเทพซิงเซี่ยงพยักหน้า แววตาจ้องค่ายกลความลับสวรรค์ที่ซับซ้อนเบื้องหน้าเขาเอาแต่จับจ้องอาณาจักรเทพเผ่าแสง คอยลอบสอดส่อง เพื่อมองหาช่องโหว่และลองบุกเข้าไปด้านใน แต่ต่อให้เป็นอวี่หลิวผิงผู้เป็นเผ่าความลับสวรรค์ระดับอาวุโส ก็ยังยากจะบุกเข้าไปด้านในได้

ทว่าทุกครั้งที่อาณาจักรเทพเผ่าแสงเปิดออก อวี่หลิวผิงก็จะได้ข้อมูลส่วนหนึ่งมา เขาเชื่อมั่นว่าทุกครั้งที่อาณาจักรเทพเปิดออก เขาก็มีความหวังว่าจะหาช่องโหว่ได้จากอาณาเขตที่อ่อนแอของอาณาจักรเทพ!

หอเจ้าปีศาจ

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลทะยานออกมาก่อนสะบัดฝ่ามือ แท่งแสงสีดำสนิทสายหนึ่งหอบเอากลิ่นอายแก่กล้าที่ทำลายล้างวิญญาณพุ่งทะลวงมา

จ้าวเฟิงมองเห็นค้างคาวสีดำสนิทขนาดใหญ่ตัวหนึ่งในแท่งแสงสีดำ ดวงตาสองข้างของมันเปล่งแสงสีม่วงหม่นเรืองรอง

เปรี๊ยะ! ร่างจ้าวเฟิงโฉบผ่านมา พุ่งลงไปโจมตีด้านล่าง

แท่งแสงสีดำพุ่งผ่านด้านข้างจ้าวเฟิง ค้างคาวสีดำภายในบินออกมา เปลี่ยนแปลงทิศทาง แล้วอ้าปากปลดปล่อยระลอกแสงสีดำออกมาโจมตี

ค้างคาวตัวนี้เป็นอสูรวิญญาณของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล ไม่ต้องให้เขาควบคุม มีสติปัญญา และรู้จักโจมตีศัตรู

แต่ทว่าความเร็วของจ้าวเฟิงทำให้สัตว์อสูรไล่ตามไม่ทัน

“รวดเร็วอย่างยิ่ง เป็นกฎเกณฑ์มิติ…ไม่ดีแล้ว เป้าหมายของเจ้าหนุ่มนี่เป็นหอเจ้าปีศาจ!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตื่นตะลึง หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

จ้าวเฟิงใช้เพียงกฎเกณฑ์มิติและซ่อนกฎเกณฑ์เวลาเอาไว้เพื่อจะอำพรางตัวตน

เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงมาถึงด้านบนของหอเจ้าปีศาจอย่างรวดเร็ว และฟาดฝ่ามือลงไปทำลายปราการป้องกัน

ลำดับต่อมา จ้าวเฟิงก็เข้าไปในหอเจ้าปีศาจ

พลังวิญญาณที่ขมุกขมัวกระจายออกมา กลายเป็นกระบี่วิญญาณหนึ่งเล่ม

ฟุ่บ! ในขณะที่โบยบินนั้นเอง สรรพชีวิตรอบบริเวณก็ล้มตายลงจากการทำลายล้างของพลังวิญญาณจ้าวเฟิง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ยามนี้เอง เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลรีบตะโกนและไล่ตามมาติดๆ

เหตุที่เขาอยู่ที่นี่เพราะยังมีภารกิจอีกอย่างหนึ่ง คือปกป้องคุ้มครองให้หอเจ้าปีศาจปลอดภัย เพราะการปรากฏตัวขึ้นของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ทำให้เขตดาราชาดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล แค่หอเจ้าปีศาจสำนักสี่ดาวระดับสุดยอด บางทีก็อาจจะถูกคนพบเห็นจนเกิดเหตุที่คาดคิดไม่ถึงขึ้น

เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงโฉบไปมาในหอเจ้าปีศาจ ผู้คนในทุกหนแห่งที่เขาผ่านไปล้มตายลงทั้งสิ้น

ไม่นานนัก นอกจากเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล สมาชิกทั้งหมดก็ถูกจ้าวเฟิงสังหาร ไม่มีใครเหลือรอด อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นแค่ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดเท่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่เกินครึ่งก้าวสู่จอมเทพ จึงไม่มีแรงต้านทานการโจมตีชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิง

หลังจากที่สมาชิกทุกคนตายลงไปแล้ผ จ้าวเฟิงก็กระโดดออกไปจากหอเจ้าปีศาจ

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

คราวนี้หอเจ้าปีศาจถูกทำลาย จอมเทพซิงเซี่ยงย่อมต้องโทษเขาแน่

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลรู้สึกว่าว่าคนตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา บางทีหากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็อาจจะยังพอทำดีไถ่โทษได้บ้าง

“รอเจ้าตายเสียก่อน ข้าค่อยบอกเจ้าแล้วกัน!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงต่ำ

“รนหาที่ตาย!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง

เขาเป็นถึงจอมเทพขั้นสอง ไหนเลยจะยอมถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารได้ อีกทั้งเพราะการฝึกฝนในช่วงนี้ พลังของเขาจึงแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาไม่น้อย

โครม~ เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลโบกมือสองข้างติดต่อกัน แท่งแสงสีดำหลายแท่งพุ่งโจมตีออกไป บริเวณใต้พื้นดินทั้งหมดระเบิดทรุดตัวลงในทันที

ฟิ้ว~ จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ออกมา ด้านหน้าก่อตัวเป็นกำแพงพลังบริสุทธิ์ ด้วยความพิเศษของพลังชนิดนี้ มากพอที่จะขวางกั้นการระเบิดที่บ้าคลั่งของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็โบยบินเข้าประชิดตัวตำหนักวิญญาณบรรพกาลอย่างรวดเร็ว

“เป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งเหลือเกิน!” สีหน้าเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลฉายแววยุ่งยากใจ แต่เขาก็ไม่ได้ล่าถอยไปแต่อย่างใด

“คลื่นทลายวิญญาณ!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลแค่นเสียงต่ำ เมื่อกระตุ้นวิชาออกมาก็ปรากฏระลอกแสงสีดำกลุ่มหนึ่งขึ้นในมือสองข้าง พร้อมสาดกลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัว ค้างคาวสีดำตนนั้นกลับมาข้างกายเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดำดิ่งเข้าไปในระลอกแสงสีดำดังกล่าว

โครม! ทันใดนั้นเอง สองฝ่ามือของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ปลดปล่อยพลังออกมา เห็นแต่ระลอกแสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งไปหาจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

คราวนี้ วิชาที่เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลปลดปล่อยออกมาก็คือวิชาโจมตีดวงวิญญาณล้วนๆ หนำซ้ำยังเป็นอาวุธไม้ตายของเขาอีกด้วย ส่วนระลอกแสงสีดำกลุ่มนี้ทะลวงผ่านกำแพงพลังบริสุทธิ์ และยังพุ่งเข้าโจมตีกายวิญญาณของจ้าวเฟิง

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เผ่าวิญญาณบรรพกาลชำนาญศาสตร์วิญญาณ ในบรรดาคนที่มีระดับขั้นเดียวกัน หากโดนกระบวนท่าโจมตีนี้ของเขาเข้าไป ถึงดวงวิญญาณไม่สูญสลายก็จะต้องบาดเจ็บสาหัส แต่ถัดจากนั้น สีหน้าเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปค้างแข็งในฉับพลัน

เมื่อภาพที่เขาคิดเอาไว้ไม่ได้เกิดขึ้น

จ้าวเฟิงดูท่าทางจะไม่ได้รับผลกระทบมากมายนัก เขากลับยื่นมือสองข้างปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ที่แก่กล้าอย่างยิ่ง

“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!”

พลังบริสุทธิ์ทะลักออกจากรอบๆ ตัวเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล ก่อนจะกลายเป็นคลื่นพลังบริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนล้อมเขาเอาไว้ด้านใน

ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังบริสุทธิ์ที่วุ่นวายก็หดกลับเข้ามา พุ่งตรงเข้าไปรัดรอบตัวเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลไว้ ความสามารถในการกลืนกินของพลังบริสุทธิ์พลันปะทะใส่ร่างเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเตรียมจะต่อต้าน แต่เพิ่งจะปล่อยพลังเทพ ก็ถูกพลังบริสุทธิ์รอบบริเวณดูดไปบางส่วน

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงค่อยๆ บินออกมา จ้องเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่ถูกห่อจนเหมือนขนมบ๊ะจ่าง

เมื่อครู่เขาจงใจปล่อยให้การโจมตีชั้นดวงวิญญาณของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลโดนร่าง เพื่อให้อีกฝ่ายชะล่าใจ อย่างไรเสีย ด้วยการป้องกันชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิง ทำให้แทบไม่เกิดเรื่องใดขึ้น

ผลัวะ! จ้าวเฟิงฟาดฝ่ามือลงบนโซ่ตรวน ควบคุมให้พลังบริสุทธิ์หดเล็กลงจนถึงขีดสุด

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่อยู่ด้านในโดนกดดันจากพลังที่ไม่มีสิ้นสุด ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส พลังเทพในร่างของเขาก็กำลังถูกโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ดูดซึมไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าก…เจ้าคือใครกัน?” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลร้องโหยหวน

เพื่อปกปิดอำพรางตัว จ้าวเฟิงแทบไม่ได้ใช้วิชาอะไรทั้งนั้น ถึงขั้นพุ่งไปต้านทานการโจมตีของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลด้วยตนเอง จนถึงตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเลยยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของจ้าวเฟิง

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลดิ้นรนสุดแรง แต่เขาในตอนนี้เป็นประหนึ่งหมูในอวย ไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน

“ตอนที่เจ้ามา ข้าได้แจ้งข่าวแก่เผ่าความลับสวรรค์แล้ว ตอนนี้เกรงว่าพวกเขาคงกำลังเดินทางมา หากเจ้าสังหารข้า จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน!”

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเอ่ยอย่างร้อนรนเขาหวังจะใช้เผ่าความลับสวรรค์ข่มขู่ผู้แข็งแกร่งที่ลึกลับคนนี้

“ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน ก่อนตายข้าจะบอกให้เจ้ารู้สถานะของข้าก็แล้วกัน!”

จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงต่ำ พลังวิญญาณหลุ่มหนึ่งหอบเอาพลังอัสนีเทวะที่น่าสะพรึงขวัญพุ่งทะยานออกมา

แซ่ด โครม! ทันใดนั้นเอง บนโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ก็เต็มไปด้วยพลังอัสนีเทวะจำนวนมหาศาล

วินาทีนี้ จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ระเบิดพลังออก แทบจะลงมือด้วยพลังทั้งหมดที่มี วิญญาณของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่อ่อนแออย่างยิ่งผู้นี้ก็ตายลงด้วยการโจมตีสองด้าน ทั้งจากพลังอัสนีเทวะและพลังบริสุทธิ์

ก่อนตายเขาก็ได้รู้สถานะของจ้าวเฟิง เพราะพลังดวงวิญญาณกลุ่มนี้มีพลังอัสนีเทวะ เขาจึงคุ้นเคยไม่น้อย แต่ก็เพราะรู้เรื่องนี้ เขาจึงตายตาไม่หลับ!

หลังจากยึดบรรณาการที่ได้มาจากการต่อสู้ของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล จ้าวเฟิงก็พุ่งลงไปที่หอเจ้าปีศาจด้านล่างทันที

อันที่จริง ก่อนนี้เขาสามารถทำลายหอเจ้าปีศาจได้ในทันที แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับใช้การโจมตีวิญญาณสังหารสมาชิกทั้งหมดแทน เพราะว่าเขาสนใจในข่าวสารข้อมูลที่หอเจ้าปีศาจเก็บสะสมเอาไว้อย่างมาก

จ้าวเฟิงเก็บข้อมูลข่าวสารส่วนหนึ่งของหอเจ้าปีศาจเข้าไป

ส่วนสิ่งของที่พิเศษบางอย่าง เขาไม่กล้าเอาไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถระบุตำแหน่งของเขาได้จากของเหล่านี้ หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว จ้าวเฟิงก็โบกมือเพื่อทำลายทั้งหอเจ้าปีศาจ

ย้อนนึกถึงตอนแรก เจ้าจอมเทพเทียนจี้เคยใช้วิชาสุดพิสดารเพื่อพาหอมารสวรรค์ขนาดใหญ่ไป ทำให้เขาตื่นตะลึงอย่างมากมาแล้ว แต่ตอนนี้เพียงแค่จ้าวเฟิงโบกมือ ก็สามารถทำลายทั้งหอเจ้าปีศาจที่อยู่ในระดับเดียวกันได้

ฟิ้ว~ จ้าวเฟิงเรียกวิชาเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางออกจากที่นี่

ในเวลาเดียวกัเขาก็ติดต่อกับมู่กู่ และเตรียมเดินทางกลับไปที่อาณาจักรเทพเผ่าแสง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version