บทที่ 1517 สังหารเจ้าตำหนัก
“ระลอกพลังรวมศูนย์!”
หลังจากกระตุ้นสายเลือดเผ่าทำนุฟ้าแล้ว กำลังรบเป่ยหมิงฮุยเพิ่มขึ้น สะบัดมือปล่อยกลุ่มแสงบิดเบี้ยวสลัวรางออกมา พลานุภาพเหนือกว่าปกติ
จ้าวเฟิงไม่ลนลาน ตรงไปรับมือก่อน กระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์ในมือพลานุภาพเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า
โครม ตูม! จ้าวเฟิงฟาดฟันกระบี่ลงมา สองฝ่ายโรมรันกันครู่หนึ่ง ระลอกแสงยุ่งเหยิงกลุ่มนั้นก็ถูกกระบี่ฟันออก
ครั้งนี้จ้าวเฟิงใช้กฎเกณฑ์สายฟ้า เพิ่มพลานุภาพของอัสนีเทวะ ทำให้แรงทำลายล้างของกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“กฎเกณฑ์สายฟ้า!” เป่ยหมิงฮุยชะงักไปเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากกฎเกณฑ์มิติ ตอนนี้จ้าวเฟิงยังบรรลุกฎเกณฑ์สายฟ้าอีก
และในเวลานี้เอง
เปรี๊ยะ! ด้านหลังเป่ยหมิงฮุยพลังมีประกายแสงสีเทาเงินกะพริบวูบวาบ และพุ่งมาจู่โจมเขา
“รนหาที่ตาย!” แววตาเป่ยหมิงฮุยเย็นเยียบ
ประสาทสัมผัสของเผ่าทำนุฟ้าว่องไวต่อพลังธาตุใดๆ มาก บวกกับที่ตัวเป่ยหมิงฮุยเองเป็นถึงจอมเทพขั้นสาม เขาจึงสังเกตเห็นการลอบโจมตีของเจ้าแมวขโมยน้อยในทันที
วู้ม!
ข้างหลังเป่ยหมิงฮุยมีพลังบริสุทธิ์หลั่งทะลักรวดเร็ว จนกลายเป็นปราการดำคล้ำที่หนาแน่นแถวหนึ่ง
ด้วยพลังของเจ้าแมวขโมยน้อย ยากจะทำลายปราการป้องกันของจอมเทพขั้นสามได้ แต่ยามนี้เอง ร่างของเจ้าแมวขโมยดำมืดลงคล้ายเงา ก่อนจะแยกออกจากกันจนกลายเป็นเงาสี่ร่าง อ้อมกำแพงพลังบริสุทธิ์ไป ระลอกเงาทั้งสี่มีกลิ่นอายเลือนรางยิ่ง อีกทั้งยังเหมือนกันทุกประการ ทำให้เป่ยหมิงฮุยแยกแยะได้ยาก
“เคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าเงาทมิฬ!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ ในการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์วิญญาณและเผ่าเปลวทอง จ้าวเฟิงเคยประมือกับเทพโบราณอั้นเมี่ยของเผ่าเงาทมิฬ จากนั้นขณะประมือกับเขาคลื่นเงา วิชาที่ใช้โดยมากก็เป็นเคล็ดวิชาของเผ่าเงาทมิฬ
เปรี๊ยะ ฟุ่บ!
ระลอกเงาสี่ร่างกลายเป็นแมวขโมยสีดำสี่ตัว ขณะเดียวกันก็รวมดาบสีดำสายหนึ่งออกมา แล้วฟันฉับไปที่ร่างของเป่ยหมิงฮุย เมื่อเข้าประชิดตัว การสังหารของเผ่าเงาทมิฬที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งมาถึงในพริบตา
“อ๊าก…” เป่ยหมิงฮุยร้องเสียงดัง บนร่างปรากฏร่องรอยบาดแผลสี่แห่ง หนำซ้ำยังสมานตัวได้อย่างยากเย็นยิ่ง
ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงจ้องเพ่งที่บาดแผลของเป่ยหมิงฮุย ตกตะลึงอยู่บ้าง “พลังสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้าแมวขโมยน้อยใช้พลังสายเลือดสิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์ อาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากมังกรทมิฬล้างโลกา อย่างไรเสียทั้งสองก็มักจะอยู่ด้วยกัน
ถึงแม้พลังกลุ่มนี้จะคล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา ทว่าก็ไม่ได้เหมือนกันไปเสียทีเดียว แต่ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว
“แมวความลับสวรรค์ตัวนี้กลับ…” เป่ยหมิงฮุยตระหนกตกใจ
แมวความลับสวรรค์ทั่วไปแค่มีสายเลือดเผ่าความลับสวรรค์เท่านั้น กำลังรบไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ ส่วนแมวความลับสวรรค์ที่ใช้ในแผนการฟื้นคืนชีพเผ่าบรรพกาล หากไม่ล้มเหลวแล้วตาย ก็ได้รับสายเลือดเผ่าบรรพกาลมา
แต่เจ้าแมวตัวตรงหน้านี้กลับใช้สายเลือดชนิดอื่นๆ เสียอย่างนั้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
พรึ่บ! จ้าวเฟิงฉวยโอกาสนี้พุ่งโจมตี กวัดแกว่งกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์ บุกโจมตีอย่างรุนแรง
โครม ตูม! การปะทะของพลังบริสุทธิ์ ทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือนน้อยๆ
การลอบโจมตีของเจ้าแมวขโมยน้อยส่งผลกระทบต่อสภาะของเป่ยหมิงฮุย บวกกับความสามารถในการมองทะลุผ่านของดวงตาเทพเจ้า การโจมตีของเป่ยหมิงฮุยจึงถูกจ้าวเฟิงทำลายลงไป เคล็ดวิชาป้องกันก็ถูกอ่านขาด และได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
“ตายซะ!” เป่ยหมิงฮุยตะโกนกร้าว ในมือของเขาปรากฏชิ้นส่วนสีดำหม่นขึ้นชิ้นหนึ่ง
เมื่อกำชิ้นส่วนนี้เอาไว้ในมือ พลังบริสุทธิ์ที่เป่ยหมิงฮุยควบคุมเอาไว้ก็มีอานุภาพและคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นทันควัน ทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล
“เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน!” จ้าวเฟิงตื่นตระหนก
สิ่งของที่เป่ยหมิงฮุยเอาออกมาครั้งนี้เกรงว่าจะไม่ใช่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนทั่วไป แต่เป็นชิ้นส่วนจากอาวุธบรรพชนของเผ่าทำนุฟ้า
“คมมีดฟ้าทลาย!” เป่ยหมิงฮุยกำเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแล้วพลันวาดออก ส่งคลื่นโจมตีพลังบริสุทธิ์ที่ชวนสะพรึงขวัญสายหนึ่งมา
คลื่นโจมตีพลังบริสุทธิ์ขนาดยักษ์นี้แข็งแกร่งชวนอกสั่นขวัญแขวน พลังที่หมุนกวาดในฟ้าดินอย่างรวดเร็วพุ่งตรงไปจัดการจ้าวเฟิง หลังจากหยิบเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกมา การโจมตีโดยพลังบริสุทธิ์ที่เป่ยหมิงฮุยใช้เกรงว่าจะเหนือกว่าจ้าวเฟิงเล็กน้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ให้เจ้าได้เห็นพลังของเนตรเทพมายาสักหน่อยแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงไม่ลนลาน พลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะกระเพื่อมอยู่ในตาซ้าย แล้วบิดเบี้ยวรวมเข้าด้วยกันทันตา
“กระบี่อัสนีบริสุทธิ์!” ทันใดนั้น ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีกระบี่อัสนีแสงหม่นสายหนึ่งสว่างวาบออกมา
ฟุ่บ! เหมือนมีกระบี่อัสนีมืดหม่นที่หนักอึ้งพุ่งออกไปในพริบตา ทะลวงผ่านทุกสรรพสิ่งไป
“เอาพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะสร้างเป็นวิชาดวงตาแล้วหรือ?”
เป่ยหมิงฮุยสะท้านในใจ
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในมือของเขาใช้เพื่อเพิ่มพลังบริสุทธิ์ แต่จ้าวเฟิงใช้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาเพิ่มพลานุภาพของพลังบริสุทธิ์อีกที
ตูม โครม! แสงอัสนีดำหม่นนั้นพุ่งเข้าใส่คลื่นโจมตีพลังบริสุทธิ์ พลังเทพที่น่ากลัวพลันระเบิดออก ทำให้โลกตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายจนไม่รู้ความเป็นไป แต่ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสามารถมองทะลุผ่านทุกสรรพสิ่ง เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในใจกลางสุดได้
เห็นแต่กระบี่แสงอัสนีพุ่งเข้าใส่พลังบริสุทธิ์จนเกิดเป็นรอยโหว่จุดหนึ่ง ทันใดนั้นกระบี่อัสนีก็พุ่งออกจากด้านใน ทะลวงผ่านสรรพสิ่ง
“การโจมตีของกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์เป็นกลุ่มก้อนยิ่งกว่าเดิม!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ
หากพูดเรื่องพลังทำลายล้าง บางทีกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์อาจจะเทียบเทียมการโจมตีจากเป่ยหมิงฮุยไม่ได้ แต่หากพลังของมันรวมกันเป็นจุดเดียว พลังทะลุผ่านและแรงระเบิดจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ไม่…” เป่ยหมิงฮุยร้องเสียงหลง การโจมตีทรงพลังจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่ตนเรียกออกมา ก็ยังถูกจ้าวเฟิงทำลายลงไป
แซ่ด! แสงอัสนีปรากฏขึ้น ทรวงอกเป่ยหมิงฮุยกลายเป็นโพรง เลือดสาดกระเซ็นออกมา
กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์จากวิชาดวงตาส่งผลเสียต่อชั้นวิญญาณอย่างหนักหนาเช่นเดียวกัน ทำให้วิญญาณเป่ยหมิงฮุยชาวาบวุ่นวายในทันที
ในวินาทีเดียวกัน จ้าวเฟิงตรงไปสังหารเป่ยหมิงฮุย กระบี่สังหารหลายสายฟันฉับลงมา
โครม บึ้ม! เป่ยหมิงฮุยยกฝ่ามือขึ้น พลังบริสุทธิ์มหาศาลต้านทานการโจมตีของจ้าวเฟิงเอาไว้ ประหนึ่งคลื่นสมุทรถาโถม
“เปลี่ยนมายา!” จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดวงตาดั้งเดิม
ในดวงตาซ้าย พลังดั้งเดิมทะลักขึ้นมา หมอกแสงมายาหลายชั้นหมุนวนกระจายตัวออก แล้วแทรกซึมเข้าไปในฟ้าดิน ชั่วพริบตา สีสันมายาก็ปกคลุมทุกอย่างในฟ้าดินโดยมีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง
“พิฆาต!” จ้าวเฟิงโจมตีเป่ยหมิงฮุยอีกครั้ง
ครั้งนี้สภาพของเป่ยหมิงฮุยอ่อนแอลงเมื่อถูกลดทอนกำลังลงจากเปลี่ยนมายา การป้องกันก็ระเบิดพังทลาย
โครม ตูม! คมกระบี่อัสนีเทวะสายหนึ่งระเบิดออกเหนือทรวงอกเป่ยหมิงฮุย
ร่างของเขาลอยกระเด็น กระอักเลือดสดๆ ออกมากองใหญ่
“พลังของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
เป่ยหมิงฮุยรู้สึกว่าฟ้าดินสุกสกาวเกินจะเปรียบ สภาวะของตนเองย่ำแย่นัก อ่อนแอลงไม่หยุด รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างประหลาด
พรึ่บ! จู่ๆ เป่ยหมิงฮุยก็ถอยร่นไปด้านหลัง
เขาเคยเห็น ‘เปลี่ยนมายา’ ของจ้าวเฟิงหลายครั้ง จึงพอมีความเข้าใจอยู่บ้าง
ยามนี้เขาบาดเจ็บสาหัส หากโดนผลกระทบจาก ‘เปลี่ยนมายา’ แล้วยังสู้รบพัวพันกับจ้าวเฟิงต่อ จะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเป่ยหมิงฮุยจึงเลือกล่าถอยไปก่อนชั่วคราว เพื่อยื้อสถานการณ์เอาไว้ก่อน เขาเชื่อว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางรักษาสภาวะเปลี่ยนมายาไว้ได้ตลอด!
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เป่ยหมิงฮุยประหลาดใจก็คือ ตนเองหมุนตัวถอยไป จ้าวเฟิงกลับไม่ได้ไล่ตามมา
ขวับ! จ้าวเฟิงหันไปไล่ล่าสังหารเจ้าตำหนักทั้งสามอย่างจอมเทพป้าหลง จอมเทพเทียนจี้ และสตรีชุดดำในฉับพลัน
เป้าหมายของพวกเขาในตอนนี้คือหลีกหนีจากอันตราย ไม่ใช่ต้องสังหารฝ่ายตรงข้ามในเมื่อเป่ยหมิงฮุยเลือกถอยร่น จ้าวเฟิงย่อมไม่ไล่ตามสังหารต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น เป่ยหมิงฮุยยังเป็นถึงจอมเทพขั้นสาม สายเลือดเผ่าทำนุฟ้าชำนาญการป้องกัน ความยากในการสังหารย่อมมากกว่าอวี่หลิวผิงก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ตูม เปรี้ยง! ร่างแยกทั้งสามร่างของจ้าวเฟิงร่วมมือกับซินอู๋เหิน สู้รบกับเจ้าตำหนักทั้งสามอย่างดุเดือด
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเข้าตาจน แต่จ้าวเฟิงรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ถึงอย่างไรพลังฝึกตนของร่างแยกทั้งสามของเขาก็ล้วนอยู่ต่ำกว่าขั้นที่สองลงไป
“สังหารเจ้าก่อน!” แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้องร่างจอมเทพเทียนจี้
ในสามคนนี้ ผู้ที่จ้าวเฟิงคุ้นเคยที่สุดคือจอมเทพเทียนจี้ ส่วนคนที่พลังอ่อนแอสุดก็คือจอมเทพเทียนจี้เช่นกัน
วูบ! จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นระลอกแสงสีเงิน บีบเข้าไปใกล้จอมเทพเทียนจี้อย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน?” จอมเทพเทียนจี้ตกใจ คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะเอาชนะทูตสวรรค์อย่างเป่ยหมิงฮุยได้!
ภยันตรายความตายกระจายตัวเข้าปกคลุมหัวใจ ทำให้จอมเทพเทียนจี้ไม่มีอารมณ์จะไปตื่นตกใจมากกว่านี้
“น้ำวนมรณะ!” จอมเทพเทียนจี้โคจรเนตรมรณะ ปลดปล่อยกระแสน้ำวนสีดำทมิฬขนาดยักษ์ออกมา ภายในเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์มรณะ ดึงให้ทุกสิ่งเดินเข้าหาความตายแต่ภายใต้พลังสมบูรณ์ ต่อให้เป็นความตายก็ยังต้องหลีกถอยไป
โครม ตูม! แสงพิฆาตอัสนีเทวะสายหนึ่งระเบิดบนน้ำวนมรณะให้กระเด็นถอยไปด้านหลัง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จอมเทพเทียนจี้ตื่นตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ก่อนจะเร้นกายหนีไป แต่แสงพิฆาตรวดเร็วจนเกินไป จอมเทพเทียนจี้ไม่สามารถหลบหนีไปได้
โครม บึ้ม~
แสงพิฆาตอัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ ตัดแขนขวาจอมเทพเทียนจี้ในทันที ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาต้องร้องโอดโอยติดต่อกัน
“การโจมตีนี้จะเอาชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้า!” ยังไม่ทันรอให้จอมเทพเทียนจี้ได้สติคืนมา เสียงจากจิตสังหารของจ้าวเฟิงก็ดังขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง คมกระบี่อัสนีเทวะที่พลานุภาพรุนแรงมากขึ้นก็พุ่งออกไป
ตูม เปรี้ยง! ร่างจอมเทพเทียนจี้ระเบิดออกจากการทำลายล้างของพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะ จนสลายเป็นผุยผง
ในขั้นตอนสังหารทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสองช่วงลมหายใจด้วยซ้ำ
“จ้าวเฟิง หยุเดี๋ยวนี้!” เป่ยหมิงฮุยร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะเป็นฝ่ายพุ่งทะยานมาหา
“กระบี่อัสนี!” จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้าย กระบี่แสงอัสนีสีหม่นสายหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เป่ยหมิงฮุยตื่นตัว หลบเร้นกายไปในทันที
เปรี๊ยะ โครม! กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์รวดเร็วมาก พุ่งผ่านบ่าขวาของเขาไป
กระบี่อัสนีบริสุทธิ์ไม่เพียงแต่รวดเร็ว พลานุภาพของมันยังแก่กล้าเกินจะเปรียบ ทำให้อาการบาดเจ็บของเป่ยหมิงฮุยหนักขึ้นอีก ในใจเกิดหวาดระแวงขึ้นมา
“ถึงคราวเจ้าตายแล้ว!”
แววตาของจ้าวเฟิงหยุดลงที่ร่างจอมเทพป้าหลงซึ่งอยู่ไม่ไกล
“ไม่…ช่วยข้าด้วย ท่านทูตสวรรค์!”
เมื่อครู่เห็นจอมเทพเทียนจี้ถูกจ้าวเฟิงสังหารด้วยตาของตนเอง ตอนนี้มาถูกจ้าวเฟิงจับจ้อง จอมเทพป้าหลงจึงอกสั่นขวัญแขวน ตรงไปขอความช่วยเหลือจากเป่ยหมิงฮุย
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าเป่ยหมิงฮุยดิ้นรนสับสนเจ็บปวด
“จ้าวเฟิง เจ้ากล้า…” เป่ยหมิงฮุยเอ่ยคาดโทษ กระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนบุกไปโจมตีจ้าวเฟิง
ในตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าใกล้จ้าวเฟิง แต่หากโจมตีระยะไกลเพื่อรบกวนยังพอเป็นไปได้
“หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงโคจรพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะ สร้างกลุ่มสายฟ้าพลังบริสุทธิ์สีดำมืดขึ้น
โครม ตู้ม! การโจมตีที่รุนแรงของเป่ยหมิงฮุยระเบิดออกมา แต่จ้าวเฟิงกระตุ้นเคล็ดวิชาป้องกันสุดแรง มากพอจะต้านเอาไว้ได้
ไกลออกไป จอมเทพป้าหลงทอดถอนใจอย่างโล่งอก
แต่ในเวลานี้เอง ภายในหลุมอัสนีสีเข้ม จู่ๆ ก็เกิดแสงอัสนีสายหนึ่งขึ้น
“นั่นมัน…”
จอมเทพป้าหลงจ้องแสงอัสนีสายนั้น พบว่าด้านในมีกระบี่แสงสายฟ้าที่บิดเบี้ยวมืดหม่นเล่มหนึ่งส่องสว่าง
นั่นไม่ใช่กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ที่พุ่งทะลวงผ่านบ่าเป่ยหมิงฮุยเมื่อครู่หรอกหรือ?
ฉัวะ! ตอนที่จอมเทพป้าหลงเข้าใจเรื่องนี้ กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ก็พุ่งผ่านศีรษะของเขาไป
ในทันใดนั้นเอง เสียงดัง ‘ตูม’ ก็ดังขึ้น ร่างจอมเทพป้าหลงระเบิด ปลดปล่อยเพลิงสีดำทมิฬออกมา สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันรวยรินของจอมเทพป้าหลง
นอกจากว่าเป็นร่างมังกรล้างโลกาที่เป็นหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณลำดับที่เก้า เกรงว่าจอมเทพป้าหลงจะถูกจ้าวเฟิงสังหารอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยะ! ซินอู๋เหินอาศัยโอกาสนี้พุ่งโจมตี ฝ่ามือแสงห้าสายขนาดใหญ่ระเบิดออกมา กลืนกินเพลิงทมิฬกลุ่มนั้นลงไปทั้งหมด
จนถึงตอนนี้ บนสนามรบของพวกซินอู๋เหิน เจ้าตำหนักสามคนตายไปสองคน สตรีร่างดำคนที่เหลือมีท่าทีหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี