บทที่ 1519 ผนึกกำลังสู้ราชาเทพ
“แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ ราชาเทพจื้อเหยียน (อัคคี)!”
เป่ยหมิงฮุยพึมพำด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้อาวุโสที่อยู่ในกองเพลิง
“ดูแล้วจอมเทพสองคนเมื่อครู่น่าจะรายงานไป!”
สีหน้าซินอู๋เหินเคร่งขรึมทันใด หากรู้ก่อนหน้านี้ ตอนแรกคงจะสังหารพวกจอมเทพชื่อเสวี่ยไปแล้ว
“ราชาเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์?” จ้าวเฟิงถอนหายใจน้อยๆ
ในสายตาของเขา ราชาเทพฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้าแข็งแกร่งกว่าราชาเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปมากนัก
เมื่อผู้มาเยือนไม่ใช่ราชาเทพจากพวกฝืนชะตาฟ้า เรื่องทั้งหมดก็ยังมีจุดเปลี่ยนได้
ดูไปแล้วอาจเพราะเวลากระชั้นชิด แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์จึงมีเพียงราชาเทพจื้อเหยียนเดินทางมาเพียงคนเดียว และคนฝั่งพวกเขามีจำนวนมากมาย คงพอจะรับมือได้
“เจ้ารู้จักข้ารึ?” ราชาเทพจื้อเหยียนมองเป่ยหมิงฮุย
เขาจำจอมเทพขั้นสองที่มีสายเลือดเผ่าทำนุฟ้าผู้นี้ไม่ได้แม้แต่น้อย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร อย่างไรเสียตนเองก็เป็นราชาเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ จึงมีชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดังในดินแดนเทพรกร้าง
“เป่ยหมิงฮุย ดูแล้วคราวนี้พวกเจ้าเผ่าความลับสวรรค์จะทำพลาดอีกแล้ว!”
ในช่วงเวลาสำคัญ จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยออกมา
“เผ่าความลับสวรรค์?” ราชาเทพจื้อเหยียนอึ้งไปทันที สายตาเหี้ยมเกรียมจ้องไปที่เป่ยหมิงฮุย
หลายปีก่อนนี้ คนระดับสูงของขั้วอำนาจห้าดาวสองแห่งในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ต่างล้มหายตายจากไปหมดสิ้น หลังจากตรวจสอบไประยะหนึ่ง แดนศักดิ์สิทธิ์คาดเดาว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์
เป่ยหมิงฮุยเบิ่งตามองจ้าวเฟิง เดิมทีเขาอาจหลบหนีจากครรลองสายตาของราชาเทพได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามรู้สถานะของเขาแล้ว จึงทำให้สถานการณ์แตกต่างออกไป
ตอนนี้เป่ยหมิงฮุยสัมผัสจิตสังหารที่มาจากราชาเทพผู้นี้ได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าเป่ยหมิงฮุยรู้เป้าหมายของจ้าวเฟิงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จ้าวเฟิงอยากให้เขาร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อรับมือกับราชาเทพ
“ดูท่าทางพวกเจ้าคิดจะตอบโต้ล่ะสิ?” ราชาเทพจื้อเหยียนย่อมมองออกว่าพวกจ้าวเฟิงมีเจตนาจะตอบโต้ การกระทำเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงก็เพราะอยากจะลากกำลังรบอย่างเป่ยหมิงฮุยมาเป็นพวก
พรึ่บ! เป่ยหมิงฮุยมายังฝั่งของจ้าวเฟิง
คิดจะหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้คงทำได้เพียงร่วมมือต่อกรราชาเทพกับพวกจ้าวเฟิง
“ผู้เยาว์ทุกวันนี้ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!” ราชาเทพจื้อเหยียนทอดถอนใจเชิงเยาะหยัน
เพิ่งพูดจบ อุณหภูมิตรงนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นฉับพลัน เปลวเพลิงบ้าคลั่งมหาศาลพุ่งตรงไปหาพวกจ้าวเฟิงในทันที
พลังธาตุที่เหลือในอากาศแทบถูกขับออกไปจนหมด
แต่ราชาเทพจื้อเหยียนมีกฎเกณฑ์แห่งไฟที่สมบูรณ์ ทำให้เสวียนอ้าวอื่นๆ ถูกกดข่มด้วยเล็กน้อย
มีเพียงแค่พลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงและเป่ยหมิงฮุยเท่านั้นที่ถูกกดข่มไม่มาก
จ้าวเฟิงและเป่ยหมิงฮุยลงมือปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ที่ทรงพลังออกมาทันที
โครม บึ้ม! แสงเพลิงไร้ขอบเขตปะทะเข้ากับวงล้อมการป้องกันของพลังบริสุทธิ์ จนเกิดเป็นคลื่นเพลิงพุ่งทะลุฟ้า แต่ในอาณาเขตการป้องกัน ซินอู๋เหินและมู่กู่พลันบุกจู่โจมราชาเทพจื้อเหยียน
เปรี๊ยะ! มู่กู่รวบรวมพลังเวลา ส่งคมดาบกาลเวลาที่เป็นรูปธรรมสายหนึ่ง ทะลวงผ่านสรรพสิ่งออกไป
ซินอู๋เหินกระตุ้นสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ อาศัยพละกำลังที่ยิ่งใหญ่ระเบิดฝ่ามือแสงเพลิงจำนวนมากออกมาติดต่อกัน
“ยังกล้าจะโจมตีกลับอีก?” ราชาเทพจื้อเหยียนประหลาดใจ คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าโง่งมหรือไม่รู้เรื่องรู้ราว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าบุกโจมตีราชาเทพ
โครม! ราชาเทพจื้อเหยียนโบกฝ่ามือ พลังเพลิงที่ไม่มีสิ้นสุดรวมตัวด้วยกันจนเกิดเป็นลูกไฟร้อนระอุกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมา
“เป็นการโจมตีที่ทรงพลังจริงๆ!” สีหน้าซินอู๋เหินฉายแววตะลึงเล็กน้อย
ถ้าหากถูกการโจมตีของราชาเทพจื้อเหยียนเข้าจังๆ แล้วละก็ เขาต้องตายอย่างแน่นอน
โครม ตูม! ลูกเพลิงสุริยะขนาดยักษ์ เพียงแค่คลื่นหมุนตลบก็กลืนการโจมตีของซินอู๋เหินและมู่กู่ไปจนหมด และตัวของมันเองอับแสงลงไปหลายส่วนเท่านั้น
ลูกเพลิงสุริยะหอบแรงกดดันที่น่าทึ่งมาด้วย ซินอู๋เหินและมู่กู่ค่อยๆ ถอยหลังมา ใบหน้าซีดเผือด
“คลื่นพลังรวมศูนย์!”
“ดาบอัสนีเทวะ!”
จู่ๆ จ้าวเฟิงและมู่กู่ก็พลันลงมือ สำแดงการโจมตีที่ทรงพลัง พุ่งตรงไปหาลูกเพลิงสุริยะที่ร้อนระอุเกินบรรยาย
โครม บึ้ม~
ทั้งสองปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง พลังที่น่ากลัวเกี่ยวประสานเข้าหากัน จนสุดท้ายก็ขวางลูกเพลิงสุริยะเอาไว้ได้
“ไม่เลวเลย ข้าคงประมาทพวกเจ้าไปจริงๆ!” ราชาเทพจื้อเหยียนหัวเราะน้อยๆ
จ้าวเฟิงสีหน้าหนักอึ้งทันที ที่นั่นมีจอมเทพขั้นสามสองคน พลังของจ้าวเฟิงก็เทียบเท่ากับจอมเทพขั้นสาม ถึงแม้ว่าซินอู๋เหินจะเป็นจอมเทพขั้นสองสุดยอด ก็ใกล้จะถึงจอมเทพขั้นสามแล้ว
ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ กลับดึงดันต่อสู้กับราชาเทพ!
ก่อนนี้เขาคิดว่าจะเอาชนะราชาเทพ จากนั้นค่อยหลบหนีไป
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงพบว่าตนเองประมาทพลังของราชาเทพไปแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ความแข็งแกร่งของราชาเทพ ถึงพวกเราร่วมมือกันอย่างมากก็รับมือพอไหวแค่นั้น!”
เป่ยหมิงฮุยเอ่ยเสียดสี
“ฮึ ราชาเทพเองก็ยังอยู่ในขั้นที่สามเท่านั้น!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น
พวกเขาหลายคนร่วมมือกันมากพอจะรับมือกับราชาเทพจื้อเหยียนได้ แต่เพราะเป่ยหมิงฮุยบาดเจ็บหนักเกินไป และยังมีแผนร้ายในใจ ไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง
พรึ่บ! ชุดคลุมมิติโบกสะบัด จ้าวเฟิงเก็บร่างแยกทั้งสามเข้าไปในมิติเก็บของ
ระดับพลังฝึกตนของพวกเขาค่อนข้างต่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพจึงทำอะไรไม่ได้มาก ตรงกันข้าม จะถูกสังหารโดยง่ายด้วยซ้ำ แต่หลังจากเก็บทั้งสามคนเข้าไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เรียกมังกรทมิฬล้างโลกาออกมาแทน
มังกรทมิฬล้างโลกาในตอนนี้ทะลวงขั้นสองได้อย่างราบรื่นแล้ว
อย่างไรเสีย หลังจากเข้าไปในอาณาจักรเทพเผ่าแสงเมื่อคราวก่อน มังกรทมิฬล้างโลกาก็เป็นจอมเทพขั้นหนึ่งเรียบร้อย ต่อมาจ้าวเฟิงก็ยกทรัพยากรหลักที่ได้จากการสังหารจอมเทพขั้นสามสองคนให้อีก
“บุก!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ~ คนทั้งหมดบุกโจมตีอีกครั้ง
มังกรทมิฬล้างโลกา มู่กู่ และซินอู๋เหินรับผิดชอบบุกโจมตี
ส่วนจ้าวเฟิงกับเป่ยหมิงฮุยครอบครองพลังบริสุทธิ์ สามารถขัดขวางการโจมตีของราชาเทพจื้อเหยียนได้ดี โดยตั้งรับเป็นหลัก
ครืน ตู้ม! ในโลกเพลิงร้อนระอุ มีระเบิดสะเทือนฟ้าเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน เปลวเพลิงในอากาศคล้ายเดือดพล่าน ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง
ในวินาทีนั้น สถานที่ที่ทุกคนสู้รบกันกลายเป็นแดนต้องห้ามในระดับที่สูงกว่ามหาสมุทรเพลิงสวรรค์อีกขั้นหนึ่ง จอมเทพขั้นหนึ่งทั่วไปถึงขนาดไม่กล้าเข้าไปใกล้
“เจ้าคนพวกนี้!” สีหน้าราชาเทพจื้อเหยียนบึ้งตึง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกต้านเอาไว้ได้จากการร่วมมือของคนพวกนี้
หนึ่งในนั้น พลังในยามสุดยอดของมู่กู่เข้าใกล้ราชาเทพ สำนึกรู้สูงส่งลึกล้ำ มากประสบการณ์ การโจมตีจึงค่อนข้างมีผล
มังกรทมิฬล้างโลกาและซินอู๋เหินเป็นคนมากฝีมืออย่างยิ่งในบรรดาคนระดับเดียวกัน โดยเฉพาะพลังทำลายล้างดั้งเดิมของมังกรทมิฬล้างโลกา ผลกระทบที่ได้รับค่อนข้างน้อย อีกทั้งในที่ลับยังมีเจ้าแมวขโมยน้อยแอบซุ่มลอบโจมตี และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การโจมตีของราชาเทพจื้อเหยียนก็ถูกจ้าวเฟิงและเป่ยหมิงฮุยยับยั้งไว้ได้
พลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงไม่ด้อยกว่าเป่ยหมิงฮุย เทียบเท่าได้กับมีจอมเทพขั้นสามสองคนกำลังขัดขวางการโจมตีของราชาเทพจื้อเหยียนและลดทอนแรงโจมตี
หนำซ้ำทันทีที่มีช่องว่าง จ้าวเฟิงยังลอบโจมตีราชาเทพจื้อเหยียนไปด้วย
“กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์!” ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีกระบี่แสงอัสนีพลังบริสุทธิ์เล่มหนึ่งพุ่งทะยานออกมา
ราชาเทพจื้อเหยียนแค่นเสียงเย็น พลังเพลิงที่ไร้รูปร่างทะลักหลั่งไหล พยายามตัดกำลังและขัดขวางกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ไว้
“เคลื่อนย้าย…เคลื่อนย้าย…” ดวงตาซ้ายทะลักพลังดั้งเดิมออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังความคิด ในใจเกิดความปรารถนาอันแรงกล้า
เขาจินตนาการการย้ายกระบี่อัสนีไปเหนือราชาเทพจื้อเหยียน!
และในเวลานี้เอง อานุภาพแปรฝันให้เป็นจริงสำแดงเดช จินตนาการของจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นเรื่องจริงขึ้นมา!
ฟิ้ว! กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ที่ถูกเพลิงขวางเอาไว้อันตรธานหายไปทันที
“หืม?” ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ราชาเทพจื้อเหยียนตะลึงไปเล็กน้อย ถึงขั้นคิดว่าการตัดสินใจของตนเองคงมีข้อผิดพลาด เป็นเพราะการโจมตีของจ้าวเฟิงอ่อนแอเกินไป จึงถูกทำลายหายไปทันที แต่วินาทีต่อมา เขาก็สัมผัสได้ถึงระลอกกลิ่นอายกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์อีกครั้ง
ฉัวะ โครม! เหนือราชาเทพจื้อเหยียนปรากฏแสงอัสนีขึ้น กระบี่อัสนีพุ่งตรงไปยังศีรษะราชาเทพจื้อเหยียน
“อะไรกัน? ทำไมไปปรากฏกลางอากาศได้?” ราชาเทพจื้อเหยียนตื่นตะลึงยิ่งนัก
สถานการณ์ประเภทนี้ โดยปกติแล้วจะใช้พลังของกฎเกณฑ์มิติ แต่เมื่อครู่เขาสัมผัสถึงระลอกมิติใดๆ ไม่ได้เลย!
“อ๊าก~” ราชาเทพจื้อเหยียนร้องโหยหวน แววตาอำมหิตจ้องไปที่จ้าวเฟิง
‘เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!’ จ้าวเฟิงแอบตกใจ
กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ของเขาสามารถสังหารจอมเทพขั้นสองได้อย่างรวดเร็ว เป่ยหมิงฮุยที่เป็นจอมเทพขั้นสามยังต้องหวาดกลัว แต่กระบี่เทพพลังบริสุทธิ์พุ่งแทงศีรษะราชาเทพจื้อเหยียนได้อย่างแม่นยำ กลับเหมือนไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่นัก แต่ในสายตาเป่ยหมิงฮุย การกระทำเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงเขย่าขวัญคนใต้หล้าไปแล้ว
จอมเทพขั้นสองทำร้ายราชาเทพ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน
ในเวลาเดียวกัน เป่ยหมิงฮุยยิ่งเห็นความสำคัญในพลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิง กระทั่งราชาเทพยังยากจะสัมผัสได้
“มหาสมุทรเพลิง!” ราชาเทพจื้อเหยียนตะโกนกร้าว ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างปลดปล่อยกฎเกณฑ์แห่งไฟที่สมบูรณ์แบบออกมา
อุณหภูมิในฟ้าดินทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงทวีคูณขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เพลิงสีแดงฉานกลุ่มนั้นกระจายตัวออกโดยมีราชาเทพจื้อเหยียนเป็นจุดศูนย์กลาง
ซินอู๋เหิน มู่กู่ และมังกรทมิฬล้างโลกาถูกพลังที่จู่ๆ ก็ระเบิดออกมากลุ่มนี้กระแทกจนกระเด็นไปไกลสิบลี้ กระอักเลือดออกมา สีหน้าย่ำแย่กันหมด
“จ้าวเฟิง เจ้ายั่วโทสะราชาเทพเข้าแล้ว!” เป่ยหมิงฮุยตะโกนเสียงดัง
เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าราชาเทพจื้อเหยียนไม่ได้ลงมือสุดแรง แต่วินาทีนี้ต่างออกไปแล้ว
“ราชาเทพแล้วจะอย่างไร?” สีหน้าจ้าวเฟิงตึงเครียด
ในแท่นเทวะ เสี้ยวพลังกลุ่มหนึ่งปะทุออกมา
ฟิ้ว ฟิ้ว~ จ้าวเฟิงโบกมือเ พลังบริสุทธิ์ที่มืดมนวุ่นวายพวยพุ่งออกมา
ในวินาทีที่พลังพลุ่มนี้ปรากฏ พลังเพลิงในฟ้าดินถูกดูดซึมไปบางส่วน
พลังบริสุทธิ์กลุ่มนี้ก็คือเสี้ยวห้วงคิดของราชาเทพที่ผนึกเอาไว้ในร่างของจ้าวเฟิงจากมรดกเผ่าทำนุฟ้า
“นี่คือ…พลังบริสุทธิ์ขั้นราชาเทพ!”
ราชาเทพจื้อเหยียนสีหน้าตื่นตะลึง
พลังบริสุทธิ์ในขั้นราชาเทพกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดว่าน่าจะผ่านเวลามายาวนานอย่างยิ่ง จนพลานุภาพอาจจะอ่อนแอลงไปได้ แต่เป็นเพราะพลังบริสุทธิ์ดูดซึมเอาพลังเพลิงของราชาเทพไว้แล้ว พลานุภาพจึงเริ่มเพิ่มขึ้น
ฟิ้ว! พลังกลุ่มนี้ในมือจ้าวเฟิงเกาะกลุ่มรวมตัวกลายเป็นกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ พุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ในวินาทีนี้ ราชาเทพจื้อเหยียนรับมืออย่างระแวดระวัง ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
ขณะที่โบกมือสองข้าง แสงเพลิงก็รวมตัวกันกลายเป็นวิหคเพลิงตัวหนึ่ง
“ระเบิด!” จ้าวเฟิงตะโกนออกมาทันที
ราชาเทพจื้อเหยียนเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว ต่อให้แทงกระบี่เทพเข้าไป ก็เกรงว่าจะสามารถต้านเอาไว้ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ระเบิดพลังกลุ่มนี้ออกไปเสีย
บึ้ม! กระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ที่เพิ่งจะเข้าใกล้ราชาเทพจื้อเหยียนระเบิดออกทันที
กลุ่มพลังบิดเบี้ยวที่มืดหม่นกระจายตัวออกมา กลืนกินทุกสรรพสิ่งในละแวกใกล้เคียง
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังบริสุทธิ์ที่จู่ๆ ระเบิดออกมา วิหคเพลิงที่ราชาเทพจื้อเหยียนสรรสร้างแหลกละเอียดไปช้าๆ เลือดลมในร่างเขาปั่นป่วน ถอยร่นไปครึ่งก้าว
“เจ้าหนุ่ม ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกล้า…” ราชาเทพจื้อเหยียนบันดาลโทสะ ถูกจอมเทพขั้นสองคนหนึ่งทำร้ายเข้า นี่เป็นการดูหมิ่นและรอยด่างพร้อยในชีวิตเขาที่ยากจะลบทิ้ง
แต่เมื่อพูดมาได้กึ่งหนึ่ง สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมลง
อีกฟาก พวกซินอู๋เหินก็ตื่นตกใจงเกินจะเปรียบ
“ทำไมจ้าวเฟิงถึงมีพลังบริสุทธิ์ขั้นราชาเทพได้?” เป่ยหมิงฮุยตื่นตะลึงในใจ
หากตั้งแต่แรกเริ่มจ้าวเฟิงใช้พลังกลุ่มนี้ เขาคงจะตายไปนานแล้ว