Skip to content

King of Gods 1520

King Of Gods

บทที่ 1520 อาวุธบรรพชนเทียม

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกจ้าวเฟิงก็เอาชนะราชาเทพจื้อเหยียนได้ยากเย็นอยู่ดี

พลังเทพของขั้นราชาเทพในร่างจ้าวเฟิงต้องมีขีดจำกัดแน่ หากต่อสู้ไปนานๆ ทุกคนยังต้องพ่ายแพ้อยู่ดี

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ เป่ยหมิงฮุยสัมผัสอะไรได้ เขาระบายยิ้มน้อยๆ “ผู้คุมกฎ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”

ไกลออกไป สีหน้าราชาเทพจื้อเหยียนตึงเครียด ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“เหมือนว่า…จะมีอะไรไม่ชอบมาพากล!” จ้าวเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติ ในเวลาเดียวกัน ดวงตาซ้ายของเขาเต้นกระตุกเบาๆ

ฉับพลันนั้น แรงกดดันที่สะเทือนดินฟ้าก็มาเยือน

ทั้งผืนฟ้าค้างแข็งไปทันที พวกจ้าวเฟิงเหมือนถูกกระแทกโจมตีอย่างรุนแรง ร่างพุ่งดิ่งลงด้านล่าง

“ระวัง…” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง เตรียมตัวจะหนีไป

และในเวลานี้เอง ชายชราร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังทุกคน

หลังเขาค่อม ผิวพรรณหยาบกร้านราวไม้โบราณพันปี ด้านบนมีลวดลายประหลาดเรียบง่ายนับไม่ถ้วน เขาคือผู้คุมกฎจากฝ่ายฝืนชะตาฟ้านั่นเอง

วินาทีที่ผู้คุมกฎปรากฏตัวขึ้น เขาโบกมือ มีลำแสงสีเงินลักษณะคล้ายพัดพุ่งออกมา

โครม!

พวกจ้าวเฟิงได้รับผลกระทบจากการลอบโจมตีอย่างกะทันหันของผู้คุมกฎ โดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกคนต่างรีบร้อนสำแดงเคล็ดวิชาป้องกัน แต่ภายใต้แสงสีเงินนั้น การป้องกันของทุกคนก็เป็นเหมือนกระดาษบางๆ อ่อนแอยิ่งนัก แหลกเป็นเสี่ยงทั้งหมด

พลั่ก~ พวกจ้าวเฟิงถูกโจมตีจนกระเด็นไปไกลหลายสิบลี้ ใบหน้าซีดเผือด พากันกระอักเลือดออกมา

ดีที่เมื่อครู่ผู้คุมกฎลงมือกะทันหัน ยังไม่ได้รวบรวมพลังทั้งหมด มิฉะนั้นชีวิตของทุกคนคงน่าเป็นห่วงแล้ว

ฟิ้ว! ผู้คุมกฎโบกมือเบาๆ อากาศในฟ้าดินทั้งหมดแข็งค้าง แล้วจึงเชื่องช้าลงเกินจะเปรียบ

ในขณะนั้นเอง เลือดที่จ้าวเฟิงกระอักออกมาเมื่อครู่เกาะกลุ่มกันเป็นเม็ดโลหิต ลอยไปที่มือของผู้คุมกฎ

“ผู้คุมกฎเผ่าความลับสวรรค์!” สีหน้าจ้าวเฟิงหนักอึ้ง

ตอนนี้ราชาเทพสองคนมาถึงที่นี่ แต่จ้าวเฟิง มู่กู่ และซินอู๋เหินได้รับบาดเจ็บสาหัส แทบไม่อาจโต้กลับได้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับจ้าวเฟิงแล้วพลังของผู้คุมกฎจากเผ่าความลับสวรรค์แกร่งกว่าราชาเทพทั่วไปมากนัก

ส่วนเพราะอะไรผู้คุมกฎถึงต้องเก็บเอาเลือดของตนเองไป เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก

“ผู้คุมกฎ ท่านมาทันเวลาพอดี!” เป่ยหมิงฮุยหัวเราะทันที

เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ชีวิตของตนเองถูกราชาเทพคนอื่นควบคุมเอาไว้

“ทูตสวรรค์เป่ยหมิง คนอื่นที่เหลือล่ะ?”

สีหน้าผู้คุมกฎราบเรียบ เอ่ยถามช้าๆ

สีหน้าเป่ยหมิงฮุยแข็งค้างทันใด ใจสั่นเล็กน้อย

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คุมกฎ เขาไม่กล้าพูดปดแม้แต่น้อย “ทูตสวรรค์ฉาง เทียนจี้ และป้าหลง พวกเจ้าตำหนักทั้งสามถูกพวกจ้าวเฟิงสังหารไปแล้ว!”

“พวกไร้ประโยชน์!” น้ำเสียงผู้คุมกฎเย็นชา

เห็นชัดว่าขอแค่ยื้อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้ก็พอแล้ว แต่พวกเป่ยหมิงฮุยกลับล้มตายมากมายเพียงนี้ เกือบจะปล่อยให้จ้าวเฟิงหนีไปได้

เป่ยหมิงฮุยคุกเข่าลงบนพื้นทันที ใบหน้าฉายแววหวาดกลัว “ขอผู้คุมกฎระงับโทสะด้วย!”

“ท่านจะไม่เห็นหัวข้าเกินไปแล้วกระมัง!”

ในตอนนี้เอง ราชาเทพจื้อเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

หลังจากผู้คุมกฎมาถึงก็ไม่สนใจราชาเทพจื้อเหยียนแม้แต่น้อย เอาแต่ตำหนิบริวารประหนึ่งไม่มีบุคคลอื่นอยู่ ทำให้ราชาเทพจื้อเหยียนรู้สึกเสียหน้ามาก

แต่ทว่าประโยคต่อมาของผู้คุมกฎเกือบทำให้ราชาเทพจื้อเหยียนต้องกระอักเลือดออกมา

“ข้าก็ไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาจริงๆ นั่นแหละ!” ผู้คุมกฎเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เผ่าความลับสวรรค์กำเริบเสิบสานเกินไปแล้วกระมัง ที่นี่เป็นพื้นที่ของแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์!”

ราชาเทพจื้อเหยียนสีหน้าโมโหเล็กน้อย ไม่เกรงใจใคร ตะโกนออกมาทันที

และในขณะนี้เอง ระลอกกลิ่นอายทรงพลังหลายกลุ่มปรากฏขึ้นในที่ไกลๆ ไม่นานเท่าไหร่ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพหลายคนก็เดินทางมาถึงที่นี่

ในนั้นมีจอมเทพขั้นสามสองคน ขั้นสองสี่คน คนทั้งหมดเป็นจอมเทพระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์

“ในดินแดนเทพรกร้าง ทุกอย่างดูที่พลัง!”

ผู้คุมกฎปะทะคารม

เมื่อผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์เดินทางมาถึงได้ไม่นาน ฟากฝืนชะตาฟ้าก็มีทูตสวรรค์ในชุดขาวผู้หนึ่งพาเจ้าตำหนักสามคนเร่งรุดมาที่นี่เช่นกัน

เผ่าความลับสวรรค์ส่งกองกำลังมาเช่นนี้เพื่อจับจ้าวหยูเฟย เห็นได้ว่าฝ่ายตรงข้ามให้ความสำคัญกับจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยมาก

พลังของขั้วอำนาจทั้งสองยิ่งแกร่งขึ้นทุกที

ยามนี้ต่อให้พวกจ้าวเฟิงยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ก็รับมือฝ่ายไหนไม่ได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์

แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์และพวกฝืนชะตาฟ้าอยากครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า อีกทั้งที่นี่คือถิ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ กำลังคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มีค่อนข้างมากอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งพวกจ้าวเฟิงถูกผู้คุมกฎทำร้ายบาดเจ็บไปเมื่อครู่ สำหรับขั้วอำนาจทั้งสองแล้ว พลังของพวกเขาในตอนนี้เล็กจ้อยจนไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง กระทั่งถูกมองข้ามไป

“เจ้าแน่ใจนะว่าจะแย่งชิงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากับข้า?”

ราชาเทพจื้อเหยียนถามด้วยใบหน้าประดับยิ้มน้อยๆ

ที่นี่คือถิ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ เพียงเขาเอ่ยสั่งคำเดียว ก็จะมีผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ

“แย่งชิง? เจ้าไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของข้า ไม่มีคุณสมบัติอะไรมาแย่งชิงกับข้า!”

ผู้คุมกฎสงบเหมือนปกติตั้งแต่เริ่ม

“ฮ่าๆ งั้นให้ข้าได้เห็นเป็นบุญตาหน่อยเถอะว่ายอดฝีมือจากเผ่าความลับสวรรค์จะแข็งแกร่งขนาดไหนเชียว!”

ราชาเทพจื้อเหยียนหัวเราะดังลั่น

เพิ่งจะพูดจบ ฟ้าดินก็ลุกโชนขึ้นมา เปลวเพลิงไร้ขอบเขตมุ่งตรงไปที่ราชาเทพจื้อเหยียนเป็นจุดเดียว

ราชาเทพจื้อเหยียนเป็นประหนึ่งดวงอาทิตย์ร้อนระอุดวงหนึ่ง ส่องแสงสว่างพร่างพราย สะท้อนแสงเพลิงสีแดงสดออกมา

หนำซ้ำพลังที่รวมตัวอยู่รอบกายเขาก็ยิ่งทรงอานุภาพมากขึ้นทุกที เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า ความร้อนเพิ่มขึ้นไม่หยุด จนจอมเทพแถวนั้นต่างรู้สึกหายใจไม่ออก ทั้งมิติแห่งนี้ร้อนขึ้นเหมือนกำลังหลอมละลาย

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาเทพเผ่าความลับสวรรค์ ราชาเทพจื้อเหยียนไม่ออมมือแม้แต่น้อย เขาถึงขั้นทุ่มพลังทั้งหมดที่มี ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา

พวกจ้าวเฟิงรีบถอยไประยะหนึ่งทันที

“เพียงแค่นี้เองหรือ?” สีหน้าผู้คุมกฎยังนิ่งสงบดังเดิม

ขวับ! เมื่อเขาโบกมือ พัดขนนกสีแดงอมทองเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ

พัดขนนกนั้นก่อตัวขึ้นจากขนนกทับซ้อนกันหลายชั้น แผ่เพลิงสีแดงทองที่ทั้งร้อนและแสบตาออกมา

ชั่วขณะที่พัดขนนกนั้นปรากฏขึ้น เพลิงสีแดงทองทั้งหมดก็ระเบิดออก เพลิงสีแดงทองในฟ้าดินพลันถอยกลับ พลานุภาพอ่อนลงช้าๆ ส่วนพลานุภาพเพลิงที่รวมตัวกันบนร่างราชาเทพจื้อเหยียนก็อับลงไปหลายส่วน

พลังเพลิงที่ไร้รูปร่างตรงดิ่งไปรวมยังพัดขนนกทองแดงนั้นเป็นจุดเดียว เพลิงสีแดงทองยิ่งโชติช่วงขึ้นไปทุกที จนเห็นเงาวิหคตัวหนึ่งได้อย่างเลือนราง ชวนเขย่าขวัญผู้คน

“นี่หรือว่าจะเป็น…อาวุธบรรพชนนรกเพลิง!”

แววตาราชาเทพจื้อเหยียนเบิ่งค้าง ใจเต้นระรัว

นรกเพลิง…อาวุธบรรพชนสุดยอดของกฎเกณฑ์แห่งไฟ เป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้ฝึกฝนกฎเกณฑ์แห่งไฟยังคะนึงหาแม้แต่ในฝัน!

แต่ว่าอาวุธบรรพชนชิ้นนี้แหลกละเอียดไปตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว…

“อาวุธบรรพชนนรกเพลิง?” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววตกตะลึง

ด้วยพลานุภาพที่ไร้รูปร่างของพัดขนนกเล่มนี้ เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามชิ้นที่ตนเองครอบครองสั่นสะเทือนเล็กน้อย

ฟิ้ว! ผู้คุมกฎโคจรพลังเทพหลอมรวมเจ้าไปในพัดขนนก

ในทันใดนั้น เงาเพลิงรอบๆ พัดขนนกเพิ่มพุ่งพรวดมากกว่าร้อยเท่าตัว ประหนึ่งพัดเพลิงขนาดใหญ่ บดบังจนมืดฟ้ามัวดิน

โครม! ผู้คุมกฎสะบัดมืออย่างสุดแรง เห็นเพียงวิหคทองตัวหนึ่งโผบินออกมาจากพัดขนนก

เปลวไฟไร้พรมแดนเพิ่มขึ้นทันที กลายเป็นแรงช่วยเหลือของมัน

ราชาเทพจื้อเหยียนรู้สึกว่าตนเองค่อยๆ สูญเสียการควบคุมที่มีต่อฟ้าดินแห่งนี้ ถึงขั้นที่ปลดปล่อยการโจมตีเพลิงออกมาติดต่อกันก็ยังถูกกดข่มเอาไว้

“ไม่…นี่ไม่น่าจะเป็นอาวุธบรรพชนนรกเพลิง!”

ราชาเทพจื้อเหยียนตะโกนกร้าว

ฟิ้ว! ในมือเขาปรากฏขนนกสีทองแดงชิ้นหนึ่ง นี่เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของอาวุธบรรพชนนรกเพลิง

เมื่อต้องเผชิญการโจมตีอันทรงพลังของผู้คุมกฎ ราชาเทพจื้อเหยียนทุ่มเทจนสุดพลัง สำแดงดวงอาทิตย์สีแดงเจิดจ้าที่ร้อนเกินจะเปรียบออกมา

โครม ตู้ม~ วิหคตัวสีแดงทองฝืนพุ่งไปหาดวงอาทิตย์สีแดงเจิดจ้า พายุเพลิงที่ไร้จุดสิ้นสุดพุ่งกวาดออกไปรอบบริเวณในวินาทีนี้

“ถอยไป!”

“รีบถอยเร็ว!”

นอกเหนือจากราชาเทพสองคนตรงนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างถอยร่นไป

จอมเทพขั้นสองหลายคนที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับราชาเทพจื้อเหยียน ยังไม่ทันถอยไปก็ถูกเพลิงเผาไหม้

พวกจ้าวเฟิงอยู่ค่อนข้างไกลจากสนามรบ แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ว่าทั้งร่างร้อนระอุขึ้นมาเพราะพายุเพลิงกลุ่มนี้ พลังเทพสายเลือดในร่างเหมือนกำลังเผาไหม้อยู่อย่างนั้น

จ้าวเฟิงรีบกระตุ้นดวงตาซ้าย มองส่วนกลางของสนามรบทันที

แล้วจึงเห็นวิหคตัวยักษ์สีทองแดงทำลายดวงอาทิตย์สีแดงฉานออกเป็นสองส่วน ก่อนจะโผไปหาราชาเทพจื้อเหยียน

แต่ขณะนี้วิหคทองก็อับแสงลงไปหลายส่วน พลานุภาพอ่อนแอลงไป

“เปลวเพลิงคุ้มกาย!”

ราชาเทพจื้อเหยียนกระตุ้นเคล็ดวิชาป้องกันทันที

เพลิงรอบตัวเขาเกิดเป็นวงแหวนแสงเพลิงสีแดงป้องกันเขาเอาไว้ภายใน

โครม ตูม! วิหคทองโผบินเข้ามา ร่างราชาเทพจื้อเหยียนทะยานมาใกล้ วงแหวนแสงป้องกันส่งเสียงดังแล้วแหลกละเอียดไป

ราชาเทพจื้อเหยียนรีบประคองร่างให้มั่นคงเอาไว้ จ้องผู้คุมกฎด้วยแววตาอำมหิต

“นี่ไม่ใช่อาวุธบรรพชนจริงๆ แต่เป็น ‘อาวุธบรรพชนเทียม’!”

ราชาเทพจื้อเหยียนเอ่ยยืนยัน

เขายังมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนอย่างนรกเพลิงชิ้นหนึ่ง ถึงยืนยันได้ว่าของในมือผู้คุมกฎไม่ใช่อาวุธบรรพชนนรกเพลิง แต่ใช้ชิ้นส่วนส่วนมากของอาวุธบรรพชนนรกเพลิงสร้างอาวุธบรรพชนเทียมขึ้นมา

ราชาเทพที่ครอบครองอาวุธบรรพชนแท้จริง จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัว

แต่ว่าของผู้คุมกฎไม่ใช่ของจริง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พลานุภาพของอาวุธบรรพชนเทียมจึงใกล้เคียงอาวุธบรรพชนที่แท้จริงมาก ราชาเทพจื้อเหยียนไม่สามารถรับมือได้

ผู้คุมกฎไม่ชำนาญกฎเกณฑ์แห่งไฟ แต่กระตุ้นอาวุธบรรพชนเทียมและโจมตีราชาเทพจื้อเหยียนจนบาดเจ็บสาหัส

ถ้าหากผู้คุมกฎชำนาญกฎเกณฑ์แห่งไฟแล้วละก็ เกรงว่าราชาเทพจื้อเหยียนคงจะไม่มีท่าทีแบบในตอนนี้แล้ว

“เป็นอาวุธบรรพชนเทียมจริงๆ ด้วย!” มู่กู่เอ่ยพึมพำ

จ้าวเฟิงตื่นตกใจ พลานุภาพที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังเป็นแค่อาวุธบรรพชนเทียม

ในเวลาเดียวกัน เขาก็นึกได้ว่าจอมเทพเทียนจี้ครอบครองชิ้นส่วนนรกเพลิงอยู่ชัดๆ แต่กลับไม่ใช้ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้

ที่แท้เผ่าความลับสวรรค์เอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนที่มีหลอมรวมเข้าไปสร้างอาวุธบรรพชนเทียมชิ้นหนึ่งแล้ว

“ถูกต้อง!” ผู้คุมกฎพยักหน้า อาวุธบรรพชนเทียมในมืออันตรธานหายไป

ที่ไกลออกไป ราชาเทพจื้อเหยียนมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าดิ้นรน ถึงจะไม่ใช่อาวุธบรรพชนนรกเพลิงที่แท้จริง เขาเองก็ปรารถนาอาวุธบรรพชนเทียมชิ้นนั้น สิ่งของชิ้นนี้อาจจะเย้ายวนใจเขามากกว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเสียอีก อย่างไรเสีย เนตรเทพเจ้าอาจจะหลอมรวมได้ไม่สำเร็จ แต่อาวุธบรรพชนเทียมไม่มีปัญหานี้มาก่อน ทันทีที่ได้มาครอบครองก็ยึดครองให้กลายเป็นของตนเองได้

แต่ว่าราชาเทพจื้อเหยียนก็รู้ดีว่า ตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้คุมกฎจากพวกฝืนชะตาฟ้า เขาไร้วาสนากับอาวุธบรรพชนเทียมแล้ว

ราชาเทพจื้อเหยียนและจอมเทพจำนวนมากจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ค่อยๆ ถอยร่นไป พวกเขายอมแพ้ถอนตัวจากการแย่งชิงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแล้ว

“จ้าวเฟิง พวกเราเจอกันอีกแล้ว คราวนี้กลับมาที่อาณาจักรเทพ ก็อย่าออกไปอีกเลย!”

ในเวลานี้ ผู้คุมกฎมองจ้าวเฟิง เผยรอยยิ้มที่ชวนขวัญผวา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version