บทที่ 1521 เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์
พวกมู่กู่และซินอู๋เหินสั่นเทิ้มเล็กน้อย
เป้าหมายที่ผู้คุมกฎต้องการจะจับมีเพียงแค่จ้าวเฟิงเท่านั้น เช่นนั้นแล้วจุดจบของพวกเขาก็อาจจะเป็นความตาย
ตอนที่ผู้คุมกฎเดินใกล้เข้ามา ขนาดในใจของจ้าวเฟิงก็ยังลนลานเล็กน้อย
ถ้าเป็นราชาเทพทั่วไป หากปล่อยไพ่ตายออกมา บางทีพวกเขาอาจสามารถต้านรับได้ แต่ผู้คุมกฎไม่ใช่ราชาเทพทั่วไป และยิ่งมีของทรงพลังอย่างอาวุธบรรพชนเทียม เกรงว่าการโจมตีแบบส่งๆ ก็อาจสามารถสังหารทุกคนได้แล้ว
“จ้าวเฟิง ข้าจะทำข้อตกลงกับเจ้า ถ้าหากเจ้ายินดีให้ความร่วมมือกับพวกเรา มอบเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามา ข้าจะไว้ชีวิตคนที่เหลือ!”
ผู้คุมกฎระบายยิ้มเยือกเย็นขณะแนะนำ
สีหน้าพวกจ้าวเฟิงค้างแข็งไปในทันที
ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าผู้คุมกฎจะยื่นข้อเสนอแบบนี้เอาในตอนนี้
‘ผู้คุมกฎของเผ่าความลับสวรรค์เจ้าเล่ห์แสนกลเหลือเกิน!’ จ้าวเฟิงก่นด่าในใจ
ข้อเสนอนี้ยากจะเลือกได้จริงๆ
“อ้อ ลืมไป เจ้าสวรรค์ยังถ่ายทอดคำสั่งให้ข้าทำลายพลังฝึกตนของเจ้าก่อน เจ้าจงคิดพิจารณาให้ดี…” ผู้คุมกฎเอ่ยอีกครั้งด้วยใบหน้าประดับยิ้มชั่วร้าย
เห็นได้ชัดเจนว่าผู้คุมกฎกำลังเตือนจ้าวเฟิง หากเห็นด้วยกับคำชี้แนะเมื่อครู่ ก็จะไม่ถูกทำลายพลังฝึกตน
ขอบเขตพลังขั้นจอมเทพถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในดินแดนเทพรกร้าง หากถูกทำลายพลังฝึกตน ก็ต้องฝึกฝนใหม่อีกครั้ง โหดร้ายกว่าสังหารฝ่ายตรงข้ามเสียอีก
อีกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นจ้าวเฟิงยังคงครุ่นคิดว่าหากถูกจับอีกครั้งอาจจะได้ใช้ ‘ส่งวิญญาณ’ หนีไป แต่หากถูกทำลายพลังฝึกตนแล้ว จะทำสำเร็จหรือไม่ก็ไม่แน่นอนแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังเผชิญหน้ากับตัวเลือกที่ยากเย็นนัก
แต่ในทันใดนั้นเอง ฟ้าดินก็ทะลักกลิ่นอายที่ทำให้ใจหนักอึ้งมา
“ไม่ว่าใครก็ห้ามทำอะไรเขา!” เสียงหนักแน่นชัดเจนดังสะท้อนในฟ้าดิน อากาศสั่นสะเทือน
ทันใดนั้น ฟ้าดินพร่าเลือนดำมืด เปลวเพลิงสูญสลายไป กลิ่นอายของราชาเทพทั้งสองถูกคนลึกลับผู้นี้กดข่มไว้
“กลิ่นอายกลุ่มนี้…หรือว่าเป็นเขา?” สีหน้าผู้คุมกฎเคร่งขรึม มืดทะมึนลงไป
พวกราชาเทพจื้อเหยียนที่อยู่ไกลลิบหัวใจหนักอึ้งเกินจะเปรียบ
“ระ…หรือว่าจะเป็นนายเหนือหัว?” ราชาเทพจื้อเหยียนเบิกตากว้างมองฟ้าดิน
ในบรรดาราชาเทพ สามารถพูดได้ว่าผู้คุมกฎเผ่าความลับสวรรค์มีคนต่อสู้ด้วยได้จำนวนน้อยนิด มีเพียงนายเหนือหัวราชาเทพถึงจะมีพลังเอาชนะผู้คุมกฎของพวกฝืนชะตาฟ้าได้
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน?’
จ้าวเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย หรือว่ายังมีผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจกว่ามาแย่งชิงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอีก?
ฟิ้ว! ฉับพลันนั้น ชายร่างกำยำสูงสง่าในชุดขาวปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของทุกคน
เขาอยู่ในแสงอัสนีสีทองสุกสว่าง สาดซัดพลานุภาพมากมายออกมา
ตอนแววตาทุกคนจ้องไปที่คนผู้นี้ ในใจก็สัมผัสได้ถึงการโจมตีที่ไร้รูปร่าง ความผิดต่างๆ ที่เคยทำมาก็ปรากฏขึ้น ค่อยๆ รู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกผิด รอบบริเวณสงัดเงียบ สรรพสิ่งเหมือนกำลังยอมศิโรราบต่อหน้าคนผู้นี้
‘นี่ก็คือพลังทัณฑ์สวรรค์ของเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์หรือ?’
ผู้คุมกฎทอดถอนใจในใจ
ด้วยทัณฑ์สวรรค์ ความผิดทั้งหมดก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้อีกต่อไป
ตลอดชีวิตของคนเราไม่มีทางจะไม่ทำผิดพลาด ด้วยหตุนี้เมื่อคนหลายคนต้องเผชิญหน้ากับเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์จึงโดนกดดันกันทั้งสิ้น
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนายเหนือหัวผู้ครองเนตรทัณฑ์สวรรค์!”
ในใจราชาเทพจื้อเหยียนหลังค่อมตื่นตะลึงเกินจะเปรียบ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องวันนี้จะดึงดูดเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์ผู้เป็นหนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้ามาที่นี่ด้วย
“เนตรเทพเจ้า!”
จ้าวเฟิงมองชายวัยกลางคนผู้นี้ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยเหลือประมาณ
แต่ทว่าตามหลักเหตุผล ผู้ที่ครอบครองเนตรเทพเจ้าแล้ว ยังจะต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอีกหรือ?
“คนจากเผ่าความลับสวรรค์ รีบไปเสียเถอะ!”
นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เอ่ยเสียงราบเรียบ เหมือนกำลังประกาศคำสั่งที่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
“คิดไม่ถึงว่านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จะเดินทางมาเอง ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็คงทำได้เพียงหนีไปแล้ว!” ผู้คุมกฎถอนหายใจ ท่าทางค่อนข้างสงบ
“อะไรนะ?” ใบหน้าเป่ยหมิงฮุยฉายแววตื่นตะลึง ค่อนข้างขัดใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้พวกเขาจะไม่สามารถจับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้!
ทว่าผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้ายื่นมือเข้ามายุ่ง ก็เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้
ได้รับสมญานามว่านายเหนือหัว จะต้องเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งสูงสุดของดินแดนเทพรกร้าง อยู่เหนือกว่าราชาเทพมาก
นายเหนือหัวแทบจะเป็นอมตะ ตั้งแต่ยุคบรรพกาลนานมา ตอนนี้ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีนายเหนือหัวคนไหนตายลงไป ดังนั้นจึงเห็นได้ว่านายเหนือหัวราชาเทพแข็งแกร่งมากขนาดไหน
หลังจากที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ปรากฏตัว จึงแข็งแกร่งประหนึ่งผู้คุมกฎยังไม่มีจิตคิดต่อสู้ เลือกจากไปอย่างไม่ลังเล
“ไป!” ผู้คุมกฎตะโกนเสียงต่ำ พาคนของพวกฝืนชะตาฟ้าไปจากที่นี่
ถึงเขาจะมีอาวุธบรรพชนเทียม แต่ยังห่างไกลจากนายเหนือหัวเอาการ
ส่วนผู้ครอบครองเนตรทัณฑ์สวรรค์แน่วแน่กับเรื่องที่ตนเองสนใจนัก พวกเขาอยู่ต่อที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไร
พวกจ้าวเฟิงมองเผ่าความลับสวรรค์หนีไป ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งมากยิ่งขึ้น
ผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกผู้คุมกฎแน่นอน
“พวกเจ้าไปกับข้าเถอะ!”
หลังจากพวกฝืนชะตาฟ้าหนีไปแล้ว นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์มองทางพวกจ้าวเฟิง
“ไปไหน?” จ้าวเฟิงเอ่ยถาม
“พาพวกเจ้ากลับไปหาอวี่เทียนอู!”
คำตอบนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ทำให้ทุกคนอัศจรรย์ใจ
ที่แท้แล้วนายเหนือหัวผู้นี้ไม่ใช่ศัตรู แต่มาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สาเหตุ แต่สามารถหนีพ้นจากอันตรายได้ก็มากเพียงพอแล้ว
“ไปกันเถอะ!” เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์สะบัดฝ่ามือ พาพวกจ้าวเฟิงหายไปจากสถานที่แห่งนี้
ที่นั่นเหลือเพียงแค่พวกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์
“เฮ้อ!” ราชาเทพจื้อเหยียนถอนหายใจเล็กน้อย
คนที่แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ไม่กล้ายั่วโทสะปรากฏขึ้นถึงสองคนติดต่อกันในพื้นที่ของตน ครั้งนี้นับว่าขายหน้าถึงบ้านแล้ว
เขตพันหุบเขา ที่ดินแดนลับของพวกผู้ทรงภูมิ
ฟิ้ว! แสงอัสนีคลี่กระจายปกคลุมในอากาศ เงาคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นด้านในนั้น
ใบหน้าทุกคนฉายแววตื่นตะลึง ตอนแรกพวกเขายังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จะส่งพวกเขากลับมาจริงๆ
จากนั้นทุกคนก็ไปที่ยอดหอคอยหกเหลี่ยม
“นักปราชญ์ ข้าพาพวกเขากลับมาแล้ว!”
นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เอ่ยส่งๆ
“ลำบากเจ้าแล้ว!” อวี่เทียนอูระบายยิ้มเล็กน้อย
ดูท่าทางคนทั้งสอง ไม่เพียงแต่รู้จักกัน หนำซ้ำน่าจะคุ้นเคยกันด้วย
ตอนนี้ทุกคนถึงเพิ่งเข้าใจ ที่แท้อวี่เทียนอูเป็นคนเชิญนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์มาเอง
ที่จริงอวี่เทียนอูได้วางแผนการที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว หนำซ้ำยังเตรียมการเอาไว้ ในตอนที่ทุกคนกำลังจะพ่ายแพ้ เนตรทัณฑ์สวรรค์จะปรากฏกายขึ้นเพื่อช่วยเหลือทุกคน
“อย่างไรเสียข้าก็ติดหนี้บุญคุณเจ้า คราวนี้ถือว่าหมดหนี้บุญคุณต่อกัน!”
นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์สีหน้าค่อนข้างจริงจัง
ทุกคนที่นี่ล้วนแต่สงสัย นายเหนือหัวราชาเทพก็เช่นกัน เขาเคยขอคำชี้แนะส่วนหนึ่งจากอวี่เทียนอู และติดหนี้บุญคุณคนผู้นี้
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ให้ความช่วยเหลือ!” จ้าวเฟิง มู่กู่ และซินอู๋เหินเอ่ยออกมาทันที
ก่อนนี้พวกเขาไม่เชื่อว่านายเหนือหัวราชาเทพที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะมาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้วพวกเขาถึงขอบคุณ
“อย่าเพิ่งรีบร้อนชดใช้บุญคุณ ข้ายังจะขอให้เจ้ามาช่วยข้าสักหน่อย!”
จู่ๆ อวี่เทียนอูก็ระบายยิ้ม
“เพื่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหรือ?”
แววตาของเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์จดจ้องที่ร่างจ้าวเฟิง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จ้าวเฟิงประเมินเนตรเทพเจ้าของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ ในดวงตาเหมือนว่ามีแสงอัสนีสีทองสุกสกาวนับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มออกมา ความรู้สึกผิดต่างๆ นานาปรากฏขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองเล็กจ้อย ส่วนคนตรงหน้ายิ่งใหญ่เกินจะเปรียบ
“เจ้าไม่สนใจเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าหรือ? เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเจ้าเนตรเทพเจ้า!” ใบหน้าอวี่เทียนอูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“หนึ่งในเนตรเทพเจ้า?” เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์มองประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด
ในแปดเนตรเทพเจ้า ก่อนนี้มีแค่สองคนเท่านั้นที่เชื่อเรื่องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าถึงแม้ว่านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากตัวจ้าวเฟิง แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี…
“ได้ เช่นนั้นข้าพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวก่อนแล้วกัน!”
นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์โพล่งขึ้น
สำหรับความช่วยเหลือพวกนั้นที่อวี่เทียนอูพูดถึง นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เองก็พอจะเดาออก คงจะเป็นพวกช่วยจ้าวเฟิงเพิ่มพลังฝึกตนและพลังแท้จริงให้ได้เร็วที่สุด…
เมื่อเป็นเนตรเทพเจ้าเหมือนกัน นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์สามารถให้ในสิ่งที่คนอื่นให้จ้าวเฟิงไม่ได้
เหตุที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ตอบตกลง หนึ่งเพื่อมิตรไมตรีจากอวี่เทียนอู อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า
ในฐานะที่เป็นเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์ เขาไม่ต้องการเนตรเทพเจ้าอื่นๆ
แต่ว่าเนตรเทพเจ้าคนใดๆ ในภายหน้าสามารถกลายเป็นนายเหนือหัวราชาเทพได้ สถานะของนายเหนือหัวผู้หนึ่งในดินแดนเทพรกร้างไม่ต้องพูดอะไรมากนัก
ในดินแดนเทพรกร้างมีแปดเนตรเทพเจ้า แต่ระหว่างแปดเนตรเทพเจ้ามีบุญคุณความแค้นจำนวนมากต่อกันด้วย
แปดเนตรเทพเจ้าในตอนนี้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งเนตรชีวิต เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์ เนตรมิติ ส่วนอีกฝ่ายคือเนตรมรณะ เนตรสังสารวัฏ รวมไปถึงเนตรดับสูญ
ส่วนเนตรหมื่นปรากฏการณ์และเนตรทำนายไม่อยู่ในฝ่ายใด
พวกเขาเคยทดลองชักชวนทั้งสองฝ่ายนี้ แต่ขนาดจะหาพวกเขาให้เจอยังค่อนข้างลำบากยากเย็น โดยเฉพาะเนตรทำนาย
หากในตอนนี้นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เชื่อมสัมพันธ์กับจ้าวเฟิงแล้วชักจูงมาเป็นพวก รอให้จ้าวเฟิงกลายเป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า เท่ากับว่าจะเพิ่มความสามารถทั้งหมดของกองกำลังที่เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์อยู่
ไม่นานเท่าไหร่นัก กลุ่มคนก็แยกย้ายกันไป
จ้าวเฟิงพาจ้าวหยูเฟยออกมาจากอาณาจักรเทพ
“พี่เฟิง พวกเราปลอดภัยแล้วหรือ?”
จ้าวหยูเฟยอยู่ในอาณาจักรเทพก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก เพราะนางรู้ดีว่าพวกจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินกำลังเผชิญภยันอันตรายที่ไม่รู้อยู่ด้านนอก
“ที่นี่คือสถานที่ของพวกผู้ทรงภูมิเผ่าความลับสวรรค์ ตอนนี้พวกเราปลอดภัยดี!”
จ้าวเฟิงอมยิ้มเอ่ย
ที่นี่มีการปกป้องจากพลังศาสตร์ทำนาย พวกฝืนชะตาฟ้ายากจะหาเจอ ยิ่งไปกว่านั้นนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย
ในเวลาเดียวกัน
กลุ่มคนที่นำโดยผู้คุมกฎก็กลับไปที่อาณาจักรเทพของผู้ฝืนชะตาฟ้า
เจ้าสวรรค์อยู่ที่นี่โดยตลอด ณ ยอดเขาในเกาะความลับสวรรค์
“ผู้คุมกฎจั่ว คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดเจ้ายังพ่ายแพ้!” สีหน้าเจ้าสวรรค์ตื่นตะลึงเล็กน้อย เอ่ยอย่างตะขิดตะขวงใจ
พวกเขาไม่ได้ลิ้มรสชาติของความล้มเหลวติดต่อกันมานานแล้ว และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าปรากฏขึ้น
สำหรับผู้คุมกฎ เจ้าสวรรค์ไม่มีเจตนาจะกล่าวโทษ เพราะว่าเขาเข้าใจในพลังของผู้คุมกฎ กระทั่งผู้คุมกฎยังล้มเหลว นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาอาจจะเผชิญหน้ากับกำลังรบขั้นนายเหนือหัวราชาเทพ
“นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ออกหน้า!” ผู้คุมกฎส่ายศีรษะเล็กน้อย
“แปดเนตรเทพเจ้า?” เจ้าสวรรค์สีหน้าทะมึนลงเล็กน้อย ฉายแววกราดเกรี้ยว
“แต่ข้าได้เลือดส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงมา หวังว่าจะมีประโยชน์…”
ผู้คุมกฎพลิกฝ่ามือ ปรากฏหลอดแก้วโปร่งแสงชิ้นหนึ่ง ภายในมีผลึกเลือดสีแดงเม็ดหนึ่ง
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเปลี่ยนแปลงดวงวิญญาณ เลือดเนื้อของจ้าวเฟิง ในเลือดนี้บางทีอาจจะซุกซ่อนความลับที่เกี่ยวของกับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเอาไว้…”
สายตาเจ้าสวรรค์เป็นประกายวาววับ