Skip to content

King of Gods 1522

King Of Gods

บทที่ 1522 การชี้แนะจากนายเหนือหัว

หลังจากย้ายจ้าวหยูเฟยออกมาจากอาณาจักรเทพมายาแล้ว จ้าวเฟิงจึงเล่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องก่อนนี้ทั้งหมด

พวกฝืนชะตาฟ้ามุ่งร้ายจ้าวหยูเฟยเพื่อบีบจ้าวเฟิง ทำให้นางรับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้สมเหตุสมผล

สำหรับเรื่องของหลิวฉินซิน จ้าวเฟิงก็บอกเล่าตามความเป็นจริง

อย่างไรเสีย เมื่ออยู่ในพื้นที่ลับของพวกผู้ทรงภูมิ สตรีทั้งสองก็ต้องเจอหน้ากันเข้าสักวัน

“อะไรนะ หลิวฉินซิน…”

ใบหน้าจ้าวหยูเฟยฉายแววตะลึง งุนงงทำอะไรไม่ถูก นางย่อมจดจำชื่อนี้ได้ เป็นชื่อคู่หมั้นของจ้าวเฟิงในตอนนั้น เพียงแต่จ้าวหยูเฟยคิดไม่ถึงว่าชื่อนี้จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง หนำซ้ำตัวหลิวฉินซินเองก็อยู่ที่นี่

“ตอนนี้นางอยู่กับพวกผู้ทรงภูมิ ภารกิจคราวนี้นางก็มีส่วนช่วยไม่น้อย…”จ้าวเฟิงเอ่ยต่อ

ถ้าหากไม่มีพลังศาสตร์โชคชะตาพวกผู้ทรงภูมิ ทุกคนก็คงไม่เจอจ้าวหยูเฟยก่อน แต่จะเป็นพวกฝืนชะตาฟ้าเจอนางก่อน หากเป็นเช่นนั้น จ้าวหยูเฟยต้องถูกจับตัวไปที่อาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้าแน่ ต่อให้นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ยื่นมือเข้าช่วย ก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์แค่ตอบแทนบุญคุณอวี่เทียนอูเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปะทะกับพวกฝืนชะตาฟ้าที่แกร่งขนาดนั้นอย่างซึ่งหน้า

“หลิวฉินซิน นางทำเพื่อข้า…”

นัยน์ตางามของจ้าวหยูเฟยเบิกกว้าง มีละอองน้ำเอ่อคลอ นางไม่นึกเลยว่าหลิวฉินซินจะช่วยชีวิตนางอยู่ลับๆ

คราวนี้จ้าวเฟิง เผ่าแสง เผ่าเทพยักษ์ พวกผู้ทรงภูมิ และหลิวฉินซินทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อนางเพียงคนเดียว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ในใจจ้าวหยูเฟยเกิดความรู้สึกผิดขึ้นเล็กน้อย

และในเวลานี้เอง หญิงชุดขาวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า

“ดีเหลือเกินที่เจ้าไม่เป็นอะไร!” หลิวฉินซินมองจ้าวหยูเฟย แล้วเอ่ยขึ้นก่อน

ทั้งสองเคยเจอกันที่งานชุมนุมเซียนมังกร ณ ทวีปบุปผาคราม ต่างรู้จักกันและกัน

“ขอบคุณเจ้าที่ยื่นมือช่วยเหลือ!”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายก็ถือได้ว่าเคยช่วยเหลือตนเอง สีหน้าจ้าวหยูเฟยเผยความตื้นตัน

จ้าวเฟิงยืนอยู่ด้านข้างด้วยใจที่ไม่สงบนัก สำหรับเขาแล้ว นับว่าเป็นเรื่องเกินคาดจริงๆ ที่ทั้งสองไม่ทะเลาะกัน

ถึงอย่างไรตอนนั้นจ้าวหยูเฟยก็แยกไปคนละทางกับเขาช่วงหนึ่งเพราะเรื่องของหลินฉินซิน

“สหายยูเฟย เจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ข้ามาดูว่าเจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือไม่”

หลิวฉินซินยิ้มเรียบๆ

จ้าวหยูเฟยปั้นหน้าไม่ค่อยถูก นางมองจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าสับสน “ข้าไม่ต้องการอะไร ขอบคุณที่เจ้าเป็นห่วง!”

จ้าวหยูเฟยมองออกว่าตอนนี้จ้าวเฟิงสับสนมาก

ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงและหลิวฉินซินคงเพิ่งเจอกันเมื่อไม่นานมานี้

เปรียบกันแล้วจ้าวหยูเฟยรู้จักกับจ้าวเฟิงเร็วกว่า ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันก็มากกว่า ถึงแม้ว่านางไม่ยินยอมให้ในใจจ้าวเฟิงมีใครอีก แต่จ้าวหยูเฟยคิดจะสู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้จะโยนปัญหาไปให้จ้าวเฟิงต้องปวดหัว ต้องเลือกใครสักคน

ดังนั้นจ้าวหยูเฟยจึงเลือกเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมด

อีกด้าน ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววประหลาดใจ

คำพูดจ้าวหยูเฟยและหลิวฉินซินราบเรียบมาก ไม่มีการแย่งชิงหรือหึงหวงใดๆ อยู่เหนือความเข้าใจของจ้าวเฟิงไปโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดที่ว่าจ้าวเฟิงคิดว่าสตรีสองนางนี้ไม่ได้ชื่นชอบตนเองเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นพวกนางจึงไม่สนใจ

แน่นอนว่าความคิดนี้ถูกจ้าวเฟิงลบทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มดังก้องขึ้นในพื้นที่ของจ้าวเฟิง “จ้าวเฟิง มาหาข้าที่นี่หน่อย!”

“หยูเฟย นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เรียกข้า ข้าต้องไปก่อน!”

จ้าวเฟิงตื่นเต้นในใจเล็กน้อย นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เรียกหาเขาก่อนเร็วขนาดนี้เลย

จากการสนทนาระหว่างนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์และอวี่เทียนอูก่อนนี้ จ้าวเฟิงมั่นใจได้ว่าเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์อยู่ที่นี่ต่อก็เพื่อตนเอง

จ้าวเฟิงมาถึงที่พักของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์รวดเร็วมาก

“คารวะผู้อาวุโสเนตรทัณฑ์สวรรค์!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเคารพ

“อืม จะให้ข้าชี้แนะเจ้า เจ้าต้องตอบคำถามที่ข้าถามโดยไม่ปิดบัง!”

สีหน้านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จริงจัง เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย เนตรเทพเจ้าเป็นความลับอย่างที่สุดของเขา การรักษาความลับกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว แต่ตัวนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ครอบครองเนตรเทพเจ้า รับรู้เรื่องร่างแยกของเขาเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ทว่าไม่ได้อยากจะหยั่งเชิงแต่อย่างใด

จนท้ายที่สุดแล้ว จ้าวเฟิงจึงผงกศีรษะ

เขายังต้องพึ่งพานายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ เพิ่มพลังความสามารถของตนเองในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

ได้รับคำชี้แนะจากนายเหนือหัวผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นความฝันของคนจำนวนเท่าไหร่

“พลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของเจ้าคืออะไร?”

นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ถามอย่างตรงไปตรงมา

แปดเนตรเทพเจ้าต่างมีความชำนาญที่แตกต่างกันออกไป เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าคงจะไม่ต่างกัน

“น่าจะเป็นศาสตร์วิญญาณและศาสตร์ความฝัน…”

เมื่อถูกถามคำถามเช่นนี้อย่างกะทันหัน จ้าวเฟิงก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์ตะลึงไปเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เหมือนจ้าวเฟิงก็ยังไม่แน่ใจในความสามารถของเนตรเทพเจ้าอย่างชัดเจน

แต่ศาสตร์วิญญาณและศาสตร์ความฝันที่จ้าวเฟิงพูดถึง ก็ทำให้เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์พอเข้าใจในเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้คร่าวๆ

“ข้าไม่ชำนาญด้านนี้มากนัก!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ส่ายศีรษะเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมาะที่จะชี้แนะจ้าวเฟิง ราชาเทพที่ชำนาญศาสตร์ความฝันและวิญญาณน่าจะมีประโยชน์กับจ้าวเฟิงมากกว่าเขา

แต่ว่าอวี่เทียนอูคงจะไม่ทำเรื่องที่โง่งมเช่นนี้

ดวงตาซ้ายนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จ้องจ้าวเฟิงอย่างละเอียด ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าประหลาดใจ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ค่อนข้างคุ้นเคยจากร่างจ้าวเฟิง

“พลังทัณฑ์สวรรค์ของท่านผู้อาวุโส คงจะมีความเชื่อมโยงในระดับหนึ่งกับพลังอัสนีเทวะ นอกจากผู้เยาว์จะฝึกฝนศาสตร์วิญญาณเป็นหลักแล้ว ยังฝึกฝนศาสตร์อัสนีด้วย…”

จ้าวเฟิงสังเกตเห็นความสงสัยของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ จึงชิงบอกก่อน

วู้ม แซ่ด แซ่ด~

ในเวลาเดียวกัน เขากระตุ้นกายวิญญาณอัสนี ปลดปล่อยพลังอัสนีเทวะออกมา

“กายวิญญาณศาสตร์อัสนีพิเศษ ไม่เลวเลย!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์พยักหน้า

พลังอัสนีเทวะนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพลังทัณฑ์สวรรค์ ถึงจะไม่แข็งแกร่งเท่าพลังทัณฑ์สวรรค์ แต่พลังทำลายล้างก็นับได้ว่าเป็นลำดับต้นๆ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ในฐานะที่เป็นนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ เขาไม่เพียงแต่สามารถชี้แนะเรื่องเนตรเทพเจ้ากับจ้าวเฟิงได้ ยังเพิ่มความสามารถในการใช้อัสนีเทวะให้กับจ้าวเฟิง นับว่าเหมาะสมที่จะชี้แนะให้เขาอย่างยิ่ง

“ได้ เจ้าฝึกอยู่กับข้าที่นี่ก่อนแล้วกัน!”

นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เอ่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ในฐานะที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เขาไม่มีพลังมากพอ ก็ต้องกังวลว่าคนอื่นจะสนใจเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงคาดหวังว่าจะเพิ่มพลังฝึกตนของตนเอง

“ข้ามีตำราเทพสูงสุดเล่มหนึ่งชื่อว่า ‘ตำราศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ’ จะแสดงให้เจ้าดูก่อนทำความเข้าใจได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!”

นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ชันกายลุกขึ้น โบกมือครั้งหนึ่ง พาจ้าวเฟิงเข้าไปในอาณาจักรเทพของเขา

ในอาณาจักรเทพ สรรพสิ่งนับหมื่นอาบแสงอาทิตย์ กระแสธารชีวิตพวยพุ่ง ปั่นป่วนรุนแรง

กลางอากาศไม่มีริ้วเมฆใดๆ มีแค่แสงอัสนีสีทองขาวเป็นชั้นๆ กระจายออกไปรอบบริเวณ

“ดูให้ดี!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ตะโกนทันที

จ้าวเฟิงรวบรวมสติอย่างรวดเร็ว ลอบกระตุ้นเนตรเทพมายา

คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเริ่มต้น นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็ปลดปล่อยเคล็ดวิชาในระดับขั้นตำราเทพสูงสุด บางทีเขาอาจไม่ได้สนใจของชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่ตำราเทพสูงสุดเป็นสมบัติล้ำค่าต่อผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพลงมา

การใช้พลังทัณฑ์สวรรค์ของนายเหนือหัวผู้นี้ลึกล้ำเกินกว่าผู้ใดในดินแดนเทพรกร้าง ส่วนพลังอัสนีเทวะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพลังทัณฑ์สวรรค์ ความเข้าใจที่เขามีย่อมไม่มีใครเทียบเทียมได้

วิ้ง แซ่ด~

แสงอัสนีสีขาวทองจำนวนมากในฟ้าดินค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นสายฟ้าสีทองขาว

เป็นพลังอัสนีเทวะเหมือนกัน แต่พลงอัสนีเทวะที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ควบคุมอยู่แข็งแกร่งสูงส่งกว่าของจ้าวเฟิงมากนัก

จ้าวเฟิงกระตุ้นดวงตาซ้ายสำรวจทุกสิ่งอย่างละเอียด

วิ้ง แซ่ด~

ถึงแม้ว่านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จะนิ่งไม่ไหวติง ไม่ขยับกายแม้แต่น้อย แต่พลังอัสนีเทวะในฟ้าดินกลับโคจรทะลักอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนแปลงเป็นสภาวะต่างๆ เหมือนกำลังแสดงให้จ้าวเฟิงเห็นหลักการในฟ้าดินของเสวียนอ้าวประเภทใดๆ ก็ตาม

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าในทุกการแลบแปลบปลาบของสายฟ้ามีข้อมูลต่างๆ อัดแน่นอยู่ภายใน ทำให้ยากจะเข้าใจได้ทัน

แต่หลังจากที่เขาพอจะเข้าใจในเนื้อหาบางส่วนแล้ว เนื้อหาเหล่านี้ก็ตีตราประทับลงไปในดวงวิญญาณของเขา กลายเป็นประสาทสัมผัสกลุ่มหนึ่ง ทำได้เพียงเข้าใจแต่ไม่อาจบอกเล่าได้

พลังอัสนีเทวะในฟ้าดินสงบลงอย่างช้าๆ

“เจ้าฝึกอยู่ที่นี่ สองเดือนให้หลังข้าจะมาดูผล!”

นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เอ่ยทิ้งท้าย แล้วจึงออกจากอาณาจักรเทพไป

แต่จ้าวเฟิงรู้สึกว่านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ชี้แนะเขาอย่างเปิดเผยและใจกว้างมากนัก

พลังอัสนีเทวะที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบกระจายเต็มผืนฟ้า นี่คือสิ่งที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ทิ้งไว้ให้จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ในหัวปรากฏเนื้อหาบางส่วนของ ‘ตำราศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ’ ก่อนจะเริ่มฝึกฝน

การลึกซึ้งในพลังอัสนีเทวะส่งผลดีอย่างอัศจรรย์ต่อกายวิญญาณอัสนีของตนเองหนำซ้ำวิชาดวงตาโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิงเกี่ยวข้องกับพลังอัสนีเทวะ สามารถหลอมรวมเขากับพลังบริสุทธิ์อัสนีและพลังอัสนีเทวะได้

การเพิ่มพลังอัสนีเทวะ ส่งผลอย่างมากต่อการเพิ่มพลังของตัวจ้าวเฟิงเอง ด้วยเพราะต้องแสดงผลสำเร็จในสองเดือนถัดไป ในระยะสองเดือนนี้จ้าวเฟิงจึงตั้งอกตั้งใจฝึกฝนตำราศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ

สองเดือนต่อมา พลังอัสนีเทวะที่จ้าวเฟิงครอบครองคุณภาพดีขึ้นไม่น้อย และยังใช้พลังอัสนีเทวะได้มากขึ้นอีกขั้น

ฟิ้ว! จู่ๆ นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้น

“เริ่มกันเถอะ!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เอ่ยเสียงราบเรียบ

วิ้ง แซ่ด!

จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะขึ้นโดยพลัน ไม่นานนัก กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์เล่มหนึ่งก็หลอมรวมออกมา

ในตอนแรก จ้าวเฟิงรวบรวมพลังบริสุทธิ์สร้างกระบี่เทพบริสุทธิ์ออกมาก่อน จากนั้นถึงผสานพลังอัสนีเทวะเข้าไปด้านใน แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงสามารถทำทั้งหมดได้เพียงในพริบตา

วิ้ง แซ่ด แซ่ด!

ในวินาทีต่อมา กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ฟุ้งกระจายกลายเป็นกระบี่บริสุทธิ์ เป็นกระบี่อัสนีเทวะเล่มหนึ่ง

“ดีมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะฝึกฝนพลังบริสุทธิ์ด้วย!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์มองจ้าวเฟิงอย่างชื่นชม

ดูไปแล้วตนเองคงจะดูถูกเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไปสักหน่อย จ้าวเฟิงไม่เพียงครอบครองพลังเนตรเทพเจ้า ยังครอบครองพลังอื่นที่แกร่งกล้าด้วย

เมื่อได้รับการยอมรับจากนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ ต่อมานายเหนือหัวจึงยิ่งใส่ใจจ้าวเฟิงมากขึ้น มักจะชี้แนะแนวทางให้เสมอ

การชี้แนะของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ไม่เพียงมีด้านอัสนีเทวะ ยังชี้แนะการเลื่อนขั้นของพลังฝึกตน ประสบการณ์ในการฝึกฝน รวมไปถึงเรื่องเนตรเทพเจ้าด้วย

เวลาสามปีผ่านไปเพียงพริบตา

ในระหว่างนั้น นอกจากจ้าวเฟิงจะฝึกฝนอยู่กับนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ บางทียังแอบหาเวลาไปเยี่ยมพวกซินอู๋เหิน จ้าวหยูเฟย และหลิวฉินซินด้วย

ในช่วงระยะเวลานี้ จ้าวเฟิงจดจ่ออยู่กับการฝึกเป็นหลัก เรื่องที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือเขาพบว่าจ้าวหยูเฟยและหลิวฉินซินเหมือนจะสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ไม่ได้ดูกระอักกระอ่วนอย่างที่เขาคิดเอาไว้

บางทีอาจเพราะทั้งสองต่างเป็นคนของทวีปบุปผาคราม จ้าวหยูเฟยไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นี่มากนัก บวกกับทั้งสองต่างเป็นสตรี ย่อมสนิทสนมกันไปโดยปริยาย

ณ ใจกลางของหอคอยสูงหกเหลี่ยม

นักปราชญ์ผู้มากประสบการณ์ผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง ด้านบนมีอวี่เทียนอูนั่งอยู่ด้วยท่าทางสงบ

“รายงานเจ้าสวรรค์ พวกฝืนชะตาฟ้าเคลื่อนไหวแล้ว!”

ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยเสียงต่ำ

“หืม? พวกเขาทำไม?” แววตาอวี่เทียนอูเป็นประกายแวววับ

“แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาของเขตดาราชาดถูกพวกเขาตีแตกไปแล้ว!”

นักปราชญ์ชุดดำรีบตอบทันที

แดนศักดิ์สิทธิ์ถูกโจมตี การกระทำครั้งนี้ของพวกฝืนชะตาฟ้าโอหังเกินไปจริงๆเรื่องนี้ย่อมดึงดูดความสนใจจากแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ

แต่เหตุผลที่เผ่าความลับสวรรค์ประกาศศึกก็คือ จอมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเคยสังหารจอมเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า แต่พวกฝืนชะตาฟ้าเจรจาแล้วไม่ได้ข้อสรุป สุดท้ายถึงเปิดฉากโจมตี

สมเหตุสมผลอย่างมาก หลักฐานก็พร้อมสรรพ ขั้วอำนาจอื่นๆ จึงไม่สามารถตำหนิการกระทำของพวกฝืนชะตาฟ้าได้

“ดูท่าพวกเขาใกล้จะลงมือแล้ว!” อวี่เทียนอูหลับตาลงครู่หนึ่งพลางถอนหายใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version