Skip to content

King of Gods 1523

King Of Gods

บทที่ 1523 ขั้นสองระดับสุดยอด

ในอาณาจักรเทพของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในเขตแดนอัสนีเทวะแห่งหนึ่ง ยามนี้เขากำลังปลดปล่อยกายวิญญาณของตนเองไปซึมซับทำความเข้าใจพลังอัสนีเทวะที่ทรงพลังรอบกาย จากการฝึกพลังอัสนีเทวะเป็นระยะเวลานาน ในตอนนี้พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงถึงจอมเทพขั้นสองสุดยอดไปแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากขั้นสามมากนัก

การดูดซับและรับรู้ในช่วงเวลานี้ทำให้กฎเกณฑสายฟ้าของจ้าวเฟิงมีพัฒนาการมาก ใกล้จะทะลวงผ่านระดับต่ำได้แล้ว

ส่วนวิชาดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิง รวมไปถึงการประยุกต์ใช้พลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะด้วยกัน ก็ไปถึงอีกระดับขั้นหนึ่งแล้ว

พูดโดยรวมก็คือ พลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย หากในตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเป่ยหมิงฮุย จ้าวเฟิงมีโอกาสสูงมากที่จะเอาชนะหรืออาจถึงขั้นสังหารอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

ยากจะจินตนาการได้ว่าจ้าวเฟิงที่อยู่ในระดับขั้นจอมเทพจะมีพัฒนาการมากขนาดนี้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่จ้าวเฟิงที่มีพัฒนาการ

มังกรทมิฬล้างโลกา ร่างแยกจำนวนมาก รวมไปถึงเผ่าพันธุ์บรรพกาลในอาณาจักรเทพมายาก็มีพัฒนาการอย่างมากเช่นกัน

ก่อนหน้านี้พวกจ้าวเฟิงสังหารทูตสวรรค์ผู้หนึ่งกับเจ้าตำหนักจำนวนมาก เมื่อแบ่งสรรปันส่วนสินสงครามตามผลงาน จ้าวเฟิงได้รับทรัพยากรล้ำค่ามาเป็นจำนวนมาก เขายกของเหล่านี้ให้บริวารไปจนหมด

โดยในนี้จ้าวเฟิงยังเอาสมบัติล้ำค่าส่วนหนึ่งแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนอาวุธบรรพชนที่ได้มาจากจอมเทพป้าหลง แล้วยกให้มังกรทมิฬล้างโลกา

เผ่าแสงและเผ่าเทพยักษ์ในตอนนี้ต่างต้องเพิ่มพลังอย่างเร่งด่วน จึงต้องการทรัพยากรมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนยังแฝงกฎเกณฑ์ทำลายล้าง พวกเขามีคนที่ใช้มันได้น้อยนิดนัก ด้วยเหตุนี้จึงยกให้จ้าวเฟิงเสีย

ด้วยเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนพิเศษและทรัพยากรต่างๆ มังกรทมิฬล้างโลกาทะลวงจอมเทพขั้นสองได้อย่างราบรื่น พลังเพิ่มขึ้นมหาศาล

นอกจากนี้แล้ว พลังของร่างแยกที่เหลือยังยกระดับขึ้นด้วยประโยชน์จากมิติลับจำนวนมากและทรัพยากรต่างๆ ของพวกผู้ทรงภูมิ จ้าวหุยที่ครอบครองเนตรสังสารวัฏทะลวงขั้นเป็นจอมเทพ ส่วนร่างแยกอื่นๆ เป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด ใกล้แตะขั้นสองอย่างยิ่งแล้ว

ส่วนจ้าวหยูเฟยก็ไม่ได้อยู่เฉย เวลาส่วนมากของนางก็หมดไปการฝึกฝนเช่นกัน

นางที่เพิ่งจะทะลวงผ่านขั้นจอมเทพ ใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็สามารถประคองระดับพลังให้เสถียรมั่นคงได้แล้ว

จ้าวหยูเฟยมีมรดกเผ่าเทพสงคราม ได้รับคำชี้แนะจากผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่นี่ ทำให้หนทางการฝึกฝนราบรื่นไร้อุปสรรค มีพัฒนาการราวติดปีก

และยังมีตำหนักเทพยักษ์

ตำหนักเทพยักษ์ปักหลักอยู่ที่นี่ ขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝน

ผู้อาวุโสที่ไปถึงจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดเมื่อนานมาแล้ว ทะลวงไปขั้นสองได้เป็นผลสำเร็จจากการชี้แนะของคนระดับสูงฝ่ายผู้ทรงภูมิ

แต่สิ่งที่ทำให้ตำหนักเทพยักษ์ฮึกเหิมที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าตำหนักของพวกเขาซินอู๋เหินทะลวงไปขั้นสามแล้ว!

ในวันนี้ จ้าวเฟิงออกจากอาณาจักรเทพของนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ไปหาซินอู๋เหินและมู่กู่เพื่อประลองฝีมือ

เวลาอยู่ในที่ของพวกผู้ทรงภูมิ จ้าวเฟิงมักจะฝึกปรือฝีมือกับสองคนนี้ ในระหว่างประลองพลังกัน เขาจะไม่ใช่พลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

ตอนเพิ่งเริ่มต้น จ้าวเฟิงเคยแพ้ครั้งหนึ่ง อย่างไรเสียพลังของมู่กู่ก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ มู่กู่ลงมือสุดแรง บวกกับมีซินอู๋เหิน แล้วจ้าวเฟิงยังไม่ใช้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอีก จึงค่อนข้างเอาชนะได้ยาก

แต่ในครั้งที่สอง จ้าวเฟิงพลิกสถานการณ์กลับมาได้ นับจากนั้นเขาก็ไม่เคยแพ้อีกเลย

“เข้ามา!” มู่กู่เอ่ยเสียงเรียบ

“สหายจ้าว คราวนี้จะไม่ให้เจ้าชนะง่ายๆ หรอก!” ซินอู๋เหินหัวเราะเล็กน้อย

ฟิ้ว แซ่ด!

จ้าเวฟิงก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ทันทีที่พลิกฝ่ามือ พลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะก็ทะลักออกมา ก่อนรวมตัวกันเป็นกระบี่อัสนีเทวะเล่มหนึ่งทันที ฝั่งตรงข้าม สีหน้ามู่กู่และซินอู๋เหินคร่ำเคร่ง พวกเขากระตุ้นสายเลือด และโผทะยานออกไปสุดแรง

หากให้คนนอกมาเห็นจะต้องเหลือเชื่อเป็นแน่ ผู้แข็งแกร่งขั้นสามของเผ่าแสงและเผ่าเทพยักษ์รับมือกับจอมเทพขั้นสองผู้หนึ่ง กลับกระตุ้นสายเลือดและยังรับมืออีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ

ฟุ่บ! มู่กู่กลายร่างเป็นระลอกแสงสีขาวสว่าง พุ่งกวาดไปหาจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นโบกมือส่งคมดาบกาลเวลาออกมาติดต่อกัน ประหนึ่งผืนน้ำระยิบระยับ

แววตาจ้าวเฟิงตึงเครียด เขาแทงดาบอัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ในมือออกไปเต็มแรง

ตูม! การระเบิดที่น่ากลัวทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน

กระบี่ของจ้าวเฟิงทำลายดาบกาลเวลาตรงหน้าทั้งหมดลง แต่ว่าในบริเวณอื่นยังมีดาบจำนวนมากกว่าพุ่งเข้ามา ถ้าอาศัยเพียงกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์เล่มหนึ่ง เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือได้

ฟิ้ว แซ่ด~

ตอนนี้เอง สายฟ้าบนกระบี่อัสนีเทวะในมือจ้าวเฟิงกำลังทะลักบ่าอย่างบ้าคลั่ง

สายฟ้าอันไม่มีจุดสิ้นสุดแผ่กระจายออกจากกระบี่ เคลื่อนไหวไปในอากาศ จากนั้นเกี่ยวกระหวัดเข้าหากันเป็นตาข่ายอัสนีผืนหนึ่ง

มองจากที่ไกลๆ ของในมือจ้าวเฟิงไม่ใช่กระบี่อีกแล้ว แต่เหมือนเป็นร่มคันหนึ่งเสียมากกว่า นี่เป็นผลจากการฝึกในช่วงนี้ของจ้าวเฟิง ทำให้พลังอัสนีเทวะที่อยู่ในกระบี่เทพเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายแบบ

ขณะนี้พลังอัสนีเทวะแผ่ออก เกาะกลุ่มกันเป็นตาข่ายผืนหนึ่ง ช่วยเพิ่มอาณาเขตการโจมตีของกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย

โครม แซ่ด แซ่ด!

เขากวัดแกว่งกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ ในอาณาเขตโจมตีของอัสนีเทวะที่กว้างใหญ่มีดาบกาลเวลาจำนวนมากขึ้นปรากฏออกมาในทันที ไม่นานนัก ดาบกาลเวลาในอากาศก็ถูกจ้าวเฟิงทำลายลงหมดสิ้น

ตอนนั้นซินอู๋เหินที่อยู่อีกฟากก็พลันปลดปล่อยพลังออกมา

แรงกดดันหนักอึ้งไร้ที่สิ้นสุดลอยไปปกคลุมจ้าวเฟิง ในเวลาเดียวกันเขาก็รวบรวมพลังเทพและสายเลือด ชี้สองนิ้วมือออกมาติดต่อกัน ดัชนีวายุทรงพลังจำนวนมากพุ่งออกไปหาจ้าวเฟิง

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ~

จ้าวเฟิงเห็นเช่นนี้จึงสะบัดกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ ฟันคมกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ออกมาหลายสาย จากการสอดส่องของเนตรเทพเจ้า คมกระบี่ทุกสายพุ่งไปโจมตีซินอู๋เหินอย่างแม่นยำ

โครม ตูม! การระเบิดอย่างรุนแรงของพลังทำให้ซินอู๋เหินถอยร่นไปหลายก้าวอย่างควบคุมไม่ได้

“เป็นพลังที่แข็งแกร่งเหลือเกิน!” ซินอู๋เหินตะลึงเล็กน้อย

เขาทะลวงผ่านเป็นจอมเทพขั้นสาม แต่การโจมตีด้วยพลังเทพด้อยกว่าจ้าวเฟิงมากในการต่อสู้ต่อมา การโจมตีทั้งหมดของซินอู๋เหินและมู่กู่ถูกจ้าวเฟิงทำลายไปทีละฝ่าย

ในด้านความเร็ว ขนาดมู่กู่ยังสลัดการไล่ล่าของจ้าวเฟิงไม่ได้ จนท้ายที่สุดแล้ว มู่กู่และซินอู๋เหินจึงยอมรับความพ่ายแพ้

“เจ้าเด็กนี่ พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปแล้ว!” มู่กู่อดสะท้อนใจไม่ได้

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาที่เป็นจอมเทพขั้นสามจากเผ่าแสงร่วมมือกับจอมเทพขั้นสาม ก็ยังถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนต้องยอมแพ้ อีกทั้งยังเป็นสถานการณ์ที่จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าด้วย

“ข้าไปก่อนล่ะ!”

จ้าวเฟิงเพิ่งกลับไปอาณาจักรเทพของผู้ครองเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์เพื่อเตรียมฝึกตนต่อ แต่หลังจากกลับไปถึง นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่อยู่แล้ว

“ดูท่าทางเขาจะไปแล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยพลางทอดถอนใจ

ก่อนนี้นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็เคยพูดเรื่องนี้กับจ้าวเฟิง สามารถได้การชี้แนะจากนายเหนือหัวคนหนึ่งเป็นเวลาถึงสามปี จ้าวเฟิงพอใจอย่างมากแล้ว หนำซ้ำพลังศาสตร์อัสนีเทวะของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เมื่อนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์จากไปแล้ว จ้าวเฟิงจึงเริ่มฝึกฝนตำราเทพพลังบริสุทธิ์ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นวิชาที่เขาฝึกฝนเป็นหลัก

สะสมพลังมาเป็นระยะเวลาสามปี ศักยภาพของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งยิ่งนัก ยามนี้จึงทดลองเพิ่มระดับพลังฝึกตนได้แล้ว

เขาแบ่งห้วงความคิดออกเป็นสองส่วน แบ่งส่วนหนึ่งใช้เพื่อฝึกฝนวิชาและทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ส่วนอีกส่วนหนึ่งแบ่งไปศึกษาเคล็ดวิชาลึกล้ำในตำราเทพบริสุทธิ์

จ้าวเฟิงเข้าใจโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์อย่างลึกซึ้งนานแล้ว ได้เวลาไปศึกษาเคล็ดวิชาพลังบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเสียที จากการเลือกสรร จ้าวเฟิงเลือกฝึกกลยุทธ์การต่อสู้ประเภทอาณาเขตชื่อว่า ‘เขตแดนพลังบริสุทธิ์’ หากใช้เมื่อใดจะสามารถสร้าง ‘เขตแดนพลังบริสุทธิ์’ ขึ้นได้

ยามอยู่ในอาณาเขตนี้ พลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง หนำซ้ำพลังยังหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย แต่ศัตรูกลับถูกต่อต้านจากฟ้าดิน พลังเทพธาตุต่างๆ จะโดนเขตแดนสูบกลืนและควบคุมไว้

เวลาผ่านไปอีกสามปี

ในระยะเวลาสามปีนี้ จ้าวเฟิงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตน

เคล็ดวิชา ‘เขตแดนพลังบริสุทธิ์’ ประสบความสำเร็จแล้ว กฎเกณฑ์และพลังเทพก็ไปแตะอีกระดับขั้นหนึ่ง…ขั้นสองสุดยอด

“เขตแดนพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงต่ำ พลังบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลพวยพุ่งจากภายในร่างกาย และหลอมรวมเข้าไปในฟ้าดิน

ไม่นานเท่าไหร่ ในรัศมีหลายแสนลี้มืดสลัวลง ของทั้งหมดถูกพลังบริสุทธิ์ดูดซึมไป กระแสพลังบริสุทธิ์วิ่งปั่นป่วนอยู่ในอากาศ

จ้าวเฟิงซึ่งอยู่ในนี้กระตุ้นพลังบริสุทธิ์มหาศาลออกมาได้อย่างง่ายดาย กำลังรบเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น วัตถุทุกอย่างที่เข้ามาในอาณาเขตแห่งนี้จะถูกกดข่มและสูบกิน

ในวันนี้ จ้าวเฟิงจบการปิดด่านฝึกตน เตรียมตัวไปหามู่กู่และซินอู๋เหินเพื่อทดสอบพลานุภาพของเคล็ดวิชาใหม่อีกครั้ง

ทว่าเขาเพิ่งจะจบการปิดด่าน ก็ค้นพบว่าจ้าวหยูเฟยอยู่แถวนั้น ดูเหมือนรออยู่นานแล้ว“หยูเฟย มีอะไรหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยถาม

“ก่อนนี้ข้าติดต่อกับผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณ รับรู้มาว่าช่วงนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณเจอปัญหานิดหน่อย!” จ้าวหยูเฟยตอบตามจริง

ออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณมานานขนาดนี้ จะติดต่อกันสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติแต่จ้าวหยูเฟยกลับรับรู้ว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น

ในฐานะที่จ้าวหยูเฟยเป็นคนเผ่าพันธุ์วิญญาณ หลังจากมาที่ดินแดนเทพรกร้างแล้ว ก็แทบจะอยู่ที่เผ่านี้ตลอด เผ่าพันธุ์วิญญาณดีกับนางอย่างมาก ถึงขั้นที่ฝากฝังอนาคตของเผ่าไว้ที่จ้าวหยูเฟย

จ้าวหยูเฟยรู้สึกผูกพันกับเผ่านี้ยิ่งนัก

“ข้าจะกลับไปดูเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสนอ

“แต่ว่าพี่เฟิง ท่าน…” จ้าวหยูเฟยสีหน้าตกใจเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานี้พลังของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังคงไม่ถึงขั้นปกป้องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าให้ปลอดภัยได้โดยสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกฝืนชะตาฟ้ายังต้องการครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแล้วละก็ แถวๆ เผ่าพันธุ์วิญญาณต้องมีหูตาอยู่แน่

“ไม่ต้องกังวล!” จ้าวเฟิงหัวเราะเบาๆ

นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ไม่เพียงแต่ชี้แนะปัญหาในด้านอัสนีเทวะและด้านการฝึก พร้อมกันนั้นยังช่วยจ้าวเฟิงขุดค้นพลังเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าออกมา

ในเวลาสามปีที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ชี้แนะ ความสามารถเนตรเทพมายาจ้าวเฟิงพัฒนาขึ้นเยอะมาก

ยกตัวอย่างเช่นเปลี่ยนมายา มีอาณาเขตกว้างขึ้น ผลของมันก็แข็งแกร่งขึ้น การสิ้นเปลืองพลังก็ลดลงไม่น้อย

ส่วนแปรฝันให้เป็นจริงยิ่งทรงพลังเกินความคาดหมาย ที่ผ่านมาพลังแปรฝันให้เป็นจริงส่งผลกับสิ่งของที่มีขนาดค่อนข้างเล็กเท่านั้น แต่หลังจากผ่านการขุดค้นฝึกฝนระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ เป้าหมายของแปรฝันให้เป็นจริงในตอนนี้ ต่อให้มีขนาดใหญ่เท่าเรือนทั่วไปก็ยังทำได้สำเร็จ

และยังมี ‘ส่งวิญญาณ’

ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่จำเป็นต้องดำดิ่งลงในฝัน แค่สร้างโลกความฝันขึ้นก็สามารถใช้ได้แล้ว ซึ่งช่วยลดระยะเวลาที่ส่งวิญญาณจำเป็นต้องใช้ลงไปมากนัก นั่นแปลว่าโอกาสที่จ้าวเฟิงจะหนีรอดจากอันตรายจะเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นต่อให้ในเผ่าพันธุ์วิญญาณมีเครือข่ายที่พวกฝืนชะตาฟ้าจัดวางเอาไว้ จ้าวเฟิงก็มีโอกาสค่อนข้างมากที่จะหนีรอดได้

แต่เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง จ้าวเฟิงจึงไปสอบถามนักปราชญ์อีก

“จ้าวเฟิง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต่อให้เป็นข้าก็อนุมานอะไรไม่ได้มาก!”

อวี่เทียนอูเอ่ยเสียงเรียบ

“เกิดเรื่องใหญ่อะไรหรือ” จ้าวเฟิงรู้สึกว่าช่วงที่เขาฝึกฝนเหมือนจะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นอีกมากมาย

“สามปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาเขตดาราชาดเปิดฉากสู้กับพวกฝืนชะตาฟ้า ท้ายที่สุดแล้วแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกโจมตี ตอนนี้พวกฝืนชะตาฟ้าเคลื่อนไหวในดินแดนเทพรกร้างอย่างกำเริบเสิบสานแล้ว…” อวี่เทียนอูเอ่ยเนิบนาบ

ถึงแม้พวกฝืนชะตาฟ้าเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นเหมือนขั้วอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป แต่ขั้วอำนาจจำนวนมากต่างก็รู้ว่าทั้งหมดไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นจากภายนอก

“ถึงแม้ข้าไม่แนะนำให้เจ้าเดินทางไป แต่ข้าเดาได้ว่าตอนนี้พวกฝืนชะตาฟ้าคล้ายไม่ได้ต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามากนัก…” อวี่เทียนอูเอ่ยสำทับอีก

หรือบางที ความเป็นไปได้ที่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจะถูกแย่งชิงไปจะยิ่งลดน้อยลงตามการพัฒนาของจ้าวเฟิง พวกฝืนชะตาฟ้าเลยยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version