Skip to content

King of Gods 1524

King Of Gods

บทที่ 1524 เผ่าพันธุ์วิญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แต่ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง นั่นก็คือพวกฝืนชะตาฟ้าเปลี่ยนเป้าหมายหลักไปแล้ว

“แบบนี้เองหรือ?” จ้าวเฟิงแปลกใจเล็กน้อย

หากพวกฝืนชะตาฟ้าถอดใจเรื่องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าย่อมเป็นเรื่องดี เช่นนั้นคราวนี้ที่เขาเดินทางไป อันตรายก็จะลดลงไปมาก

“เฟิง ไว้เจอกันวันหน้า!” หลิวฉินซินบอกลาก่อน

“พี่ฉินซิน ไว้พบกันอีก!” จ้าวหยูเฟยหัวเราะร่าเริง

ช่วงที่อยู่กับพวกผู้ทรงภูมิ ความสัมพันธ์ของนางและหลิวฉินซินไม่ได้ขัดเขินอย่างเช่นเมื่อก่อนอีก ถึงขั้นที่มีมิตรภาพเกิดขึ้น

แต่ภายในใจ จ้าวหยูเฟยยังเห็นหลิวฉินซินเป็นคู่แข่งอยู่

หลังจากจ้าวเฟิงบอกลาทุกคน ก็เตรียมออกเดินทาง

พวกเขาเดินทางกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณย่อมไม่บินไป ต่อให้ใช้ค่ายกลส่งข้ามก็ยังใช้เวลานานมาก แต่ใช้ ‘ส่งวิญญาณ’ จะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

เมื่อย้ายจ้าวหยูเฟยเข้าไปในอาณาจักรเทพมายาแล้ว จ้าวเฟิงหลับตาลงเล็กน้อย ก่อนจะสร้างโลกความฝันออกมา รอบๆ ห้วงความฝันปรากฏภาพของที่พักจ้าวเฟิงในตอนนั้น

ทว่าคราวนี้ส่งวิญญาณกลับล้มเหลว

เหตุผลอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบที่พักของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงไป

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็น ‘ตำหนักหมื่นวิญญาณ’ ของเผ่าพันธุ์วิญญาณแทน

ตำหนักหมื่นวิญญาณเป็นสถานที่เก็บตำราเคล็ดวิชาของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ตอนนั้นจ้าวเฟิงเลือก‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ซึ่งอยู่ในชั้นบนสุดมา

เขาเชื่อว่าสถานที่สำคัญระดับนี้ไม่มีทางเกิดการเปลี่ยนแปลงตามอำเภอใจแน่และเป็นไปตามที่คาด

พรึ่บ! ส่งวิญญาณประสบผลสำเร็จ จ้าวเฟิงกลับมาที่ชั้นสูงสุดของตำหนักหมื่นวิญญาณเรียบร้อย

วิชาในชั้นสูงสุดนี้ใช้ได้กับคนที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ตอนนี้จึงว่างเปล่าไม่มีใครหลังจากกลับมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว จ้าวเฟิงจึงนำจ้าวหยูเฟยออกมา

“ถึงแล้วหรือ?” จ้าวหยูเฟยตกตะลึง

เมื่อครู่นางยังครุ่นคิดว่าเจอเรื่องอะไรหรือเปล่า จ้าวเฟิงถึงได้ย้ายนางออกมา

จ้าวหยูเฟยก็เคยมาที่ชั้นบนสุดของตำหนักหมื่นวิญญาณ ยามเห็นทุกสิ่งเบื้องหน้า นางไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

“พี่เฟิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

บนวงหน้างามที่ขาวและอ่อนเยาว์ของจ้าวหยูเฟยเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจกลับมาที่เผ่าพันธุ์วิญญาณได้ในพริบตาเดียว หากเป็นคนอื่นคงตกตะลึงงันไปแล้ว

“พลังพิเศษของเนตรเทพเจ้า!” จ้าวเฟิงอธิบายสั้นๆ

จากนั้นเขาจึงเดินออกจากตำหนักหมื่นวิญญาณพร้อมกับจ้าวหยูเฟย

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เล็กน้อย อย่างไรเสียที่เผ่าพันธุ์วิญญาณก็มีคนมากมาย

ในเวลาต่อมา สมาชิกในชั้นล่างของตำหนักหมื่นวิญญาณมองทั้งสองคนเพียงชั่วครู่ ใบหน้าก็ฉายแววตกใจออกมา

“นั่นไม่ใช่จ้าวหยูเฟยหรือ?”

สมาชิกเผ่าพันธุ์วิญญาณในระดับเทพโบราณขั้นเจ็ดผู้หนึ่งตกตะลึงเกินจะเปรียบ

ได้ยินมาว่าเนิ่นนานก่อนนี้จ้าวหยูเฟยออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณไปท่องยุทธภพแล้วมิใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงมาโผล่ที่ตำหนักหมื่นวิญญาณได้

อีกอย่าง ชายหนุ่มข้างกายจ้าวหยูเฟยเป็นใคร? ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน หรือว่าเป็นคนรักใหม่ที่เจอจากด้านนอก?

“น้องหยูเฟย เจ้ากลับมาเมื่อไหร่?”

ชายหน้าขาวผ่องผู้หนึ่งในกลุ่มคนสาวเท้ามาช้าๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ

คนผู้นี้ก็คือเทพโบราณปิงหยวน เป็นกำลังหลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณในการประลองเดิมพันระหว่างสองเผ่าพันธุ์ ในศึกใหญ่ของสองเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในลำดับต่อมา ตอนที่เขาและบิดาเผชิญหน้ากับอันตราย ก็หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด และกลายเป็นตัวตลกของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

“เพิ่งกลับมา ช่วงนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณเกิดเรื่องอะไรหรือไม่?”

จ้าวหยูเฟยตอบสั้นๆ กำลังจะเดินหนีไป แต่จู่ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา

เทพโบราณปิงหยวนนับว่าเป็นผู้มากความสามารถในเผ่าพันธุ์วิญญาณ สถานะสูงส่ง คงพอจะรู้บ้าง

“ถ้าจะพูดถึงเรื่องใหญ่ก็มีอยู่เรื่องเดียว หลายวันก่อนนี้ยอดผู้อาวุโสทะลวงเป็นจอมเทพขั้นสอง เอาชนะเอาชนะผู้อาวุโสสูงสุด แล้วเข้ามาแทนที่เขาได้!”

เทพโบราณปิงหยวนตอบทันควัน

“หืม? เป็นแบบนี้เองหรือ?” จ้าวหยูเฟยแปลกใจเล็กน้อย

ต่อให้ยอดผู้อาวุโสจะเพิ่งทะลวงขั้นที่สอง ก็ยังยากจะเอาชนะจอมเทพขั้นสองคนเก่าแก่ได้กระมัง

“หยูเฟย คนผู้นี้เป็นใคร?” เทพโบราณปิงหยวนมองจ้าวเฟิงอย่างไม่เป็นมิตร

ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกว่าในเผ่ามีคนผู้นี้อยู่ ดูไปแล้วมีท่าทีสนิทสนมกับจ้าวหยูเฟยมาก

จ้าวหยูเฟยไม่ได้ตอบอะไร พาจ้าวเฟิงออกไปจากตำหนักหมื่นวิญญาณ กลับไปในพื้นที่ใจกลางของเผ่า

“เหอะๆ จ้าวหยูเฟย เจ้าไม่ใช่สตรีผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์วิญญาณเหมือนที่ผ่านมาแล้ว!”

เทพโบราณปิงหยวนมองจ้าวหยูเฟยจากไป ระบายยิ้มเยาะหยัน

‘หยูเฟย สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลนัก!’ จ้าวเฟิงส่งเสียงบอก

เมื่อครู่ในตำหนักหมื่นวิญญาณ สายตาคนจำนวนมากที่มองจ้าวหยูเฟยต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในแววตาเหมือนซุกซ่อนแผนการอะไรอยู่

“ข้ารู้ ข้าจะไปหาอาจารย์!” จ้าวหยูเฟยก็เห็นเงื่อนงำบางอย่างเช่นกัน

อาจารย์ของนางคือผู้อาวุโสที่สามของเผ่า เป็นผู้เรืองอำนาจและมีตำแหน่งสูง

แต่ในเวลานี้เอง มีผู้อาวุโสร่างท้วมเดินมาพร้อมกับครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกสี่คน

แรงกดดันที่ไร้รูปร่างสาดซัดออกมาจากทั้งห้าคนตรงหน้า สมาชิกทั้งหมดในรัศมีหลายหมื่นลี้ใจสั่น รีบถอยไปทันที

“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสด้วย!”

ไกลออกไป สมาชิกเผ่าพันธุ์วิญญาณต่างตะโกนเซ็งแซ่

ผู้อาวุโสร่างท้วมคนนี้ก็คือยอดผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เพียงแต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดปกครองทั้งเผ่าแล้ว

“ยอดผู้อาวุโส นี่หมายความว่าอะไร?” จ้าวหยูเฟยสีหน้าเย็นชา

นางรู้ว่าตอนนี้ยอดผู้อาวุโสเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว แต่ตนเองเพิ่งจะกลับมา ฝ่ายตรงข้ามก็ออกหน้าด้วยตนอง และไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด

“จ้าวหยูเฟย ในฐานะที่เจ้าเป็นศิษย์คนสำคัญของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ออกไปด้านนอกโดยพลการและยังก่อเรื่อง ยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?”

สีหน้ายอดผู้อาวุโสเคร่งขรึม วางอำนาจบาตรใหญ่ อำนาจกดดันจากจอมเทพกระจายตัวปกคลุมทั้งเผ่า ทำให้คนทั้งหมดเงียบงัน

“ข้าไปก่อเรื่องอะไรเข้า?”

จ้าวหยูเฟยจ้องยอดผู้อาวุโส ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน ต่อให้นางทำอะไรผิดพลาด เผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่ลงโทษนาง อาจจะถึงขั้นปกป้องเสียด้วยซ้ำไป แต่คราวนี้ยอดผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณจัดการอย่างเคร่งครัดขนาดนี้ ถึงกับมาสอบถามด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวหยูเฟยจำไม่ได้ว่าตนเองเคยไปก่อเรื่องอะไรไว้

“ฮึ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับผิด ผู้อาวุโสจะลงมือจับเจ้าด้วยตนเอง!” ยอดผู้อาวุโสตะโกนกร้าว

ผู้อาวุโสคุมกฎสี่คนข้างกายเขารีบขยับตัวมายืนนิ่งรอบตัวจ้าวหยูเฟย

สวบ! ยอดผู้อาวุโสโบยบินขึ้นในทันที โบกมือเล็กน้อย ชิ้นส่วนผลึกเหมันต์นับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มกันเป็นอสูรขนาดใหญ่ เสียงดังโครมคราม

จ้าวหยูเฟยแค่นเสียงหยัน ร่างลอยขึ้นมา ดาบแสงสีม่วงอ่อนเล่มหนึ่งรวมตัวขึ้นในฝ่ามือและพุ่งออกมา

โครม ตูม!

พลังรุนแรงสองกลุ่มปะทะเข้าหากันอย่างจัง ชิ้นส่วนผลึกมากมายสาดกระจายออกรอบบริเวณ

เทพแท้จริงชั้นยอดหลายคนที่ดูการต่อสู้ถูกควันหลงพายุผลึกทำร้ายจนบาดเจ็บ ยังไม่ทันได้หลบหนีก็ถูกสังหาร

“อาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหน?” จ้าวหยูเฟยตะโกนถาม

หลังจากทะลวงเป็นจอมเทพแล้ว จ้าวหยูเฟยก็เก็บตัวฝึกในที่ของพวกผู้ทรงภูมิ พลังเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้เป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดแล้ว

“จ้าวหยูเฟย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เจ้าจะลงมือทำร้ายผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณ โอหังเหลือเกิน ล่วงเกินผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่า!”

ยอดผู้อาวุโสไม่ตอบคำถามของจ้าวหยูเฟย แต่ประกาศความผิดของนางอีกครั้ง

วู้ม! ดาบยักษ์สีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือยอดผู้อาวุโส ไอเหมันต์หนาวเหน็บที่แผ่ออกมา ทำให้อุณหภูมิของทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณลดลงไปหลายส่วนทันที

ด้านหลัง จ้าวเฟิงค่อยๆ โคจรดวงตาซ้าย

ทุกสิ่งในตอนนี้ผิดปกติจริงๆ การหลับมาของจ้าวหยูเฟย ถึงกับทำให้ยอดผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณลงมือด้วยตนเอง

ยอดผู้อาวุโสในตอนนี้เป็นถึงจอมเทพขั้นสอง ก่อนหน้าจ้าวหยูเฟยจะออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ เหมือนจะเป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้าเท่านั้น

พูดได้ว่ายอดผู้อาวุโสรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอกของจ้าวหยูเฟย มิฉะนั้นคงไม่ลงมือด้วยตนเอง

“นี่มัน…” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องไปที่ร่างของยอดผู้อาวุโส ใบหน้าฉายแววตระหนก เขาเข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดทันที

ตูม บึ้ม! ยอดผู้อาวุโสและจ้าวหยูเฟยประมือกันอย่างดุเดือดในอากาศ

ถึงแม้พลังฝึกตนของจ้าวหยูเฟยจะลดลงเล็กน้อย แต่ความสามารถในการใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ขั้นเทพของนาง ทั้งพลังรบและเคล็ดวิชาถึงขั้นอยู่เหนือยอดผู้อาวุโสที่อายุมากกว่ามากมายนัก

ในสถานที่ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณจำนวนมากที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างอกสั่นขวัญแขวน

“จ้าวหยูเฟย ไม่นึกเลยเลยว่าจะประมือกับยอดผู้อาวุโสได้แล้ว!”

ร่างเทพโบราณปิงหยวนสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

โชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ทำอะไรจ้าวหยูเฟย มิฉะนั้นผลเสียที่ตามมาคงหนักหนาเกินจะคาดคิด แต่ถึงแม้จ้าวหยูเฟยจะแข็งแกร่ง ก็ยังคงต้องติดอยู่ที่นี่

“อาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหน?” จ้าวหยูเฟยถามยอดผู้อาวุโสอีกครั้ง

สำหรับคำถามมากมายของจ้าวหยูเฟย ยอดผู้อาวุโสแสร้งไม่ได้ยิน จิตกระหายต่อสู้เต็มใบหน้า ลงมือโจมตีจ้าวหยูเฟยอย่างไม่ออมมือ

“ฝ่ามือฟ้ากระจ่าง!” จ้าวหยูเฟยกระตุ้นสายเลือดสุดแรง โคจรพลังเทพในร่าง ส่งฝ่ามือทรงพลังสายหนึ่งออกมา

พลังในฟ้าดินเกาะกลุ่มกันที่ฝ่ามือแสงสีม่วงอ่อน พลานุภาพของฝ่ามือนี้เหนือจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด ไปถึงขั้นสองด้วยซ้ำ

“เมฆาทลายฟ้าดิน!” ยอดผู้อาวุโสฟันดาบเหมันต์ในมือติดต่อกัน พายุผลึกที่หนาวเหน็บนับไม่ถ้วนระเบิดออกเสียงดัง

โครม! การโจมตีที่ทรงพลังทั้งสองกลุ่มปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง

ฟ้าดินทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณสั่นสะเทือน หากไม่ใช่เพราะสิ่งปลูกสร้างของเผ่าค่อนข้างพิเศษ ทั้งยังมีค่ายกลคอยประคองอยู่ เกรงว่าจะเสียหายไปแล้ว

การต่อสู้ระหว่างจ้าวหยูเฟยและยอดผู้อาวุโส ทำให้คนระดับสูงในเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือตื่นตระหนกกันมาก คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้ถูกเลือกของเผ่าจะมีความสามารถถึงระดับขั้นนี้แล้ว

แต่ในเวลานี้ ยอดผู้อาวุโสควบคุมทั้งเผ่า ทั้งหมดต้องฟังคำเขา

ตอนนั้นผู้อาวุโสที่สามและผู้อาวุโสที่สองละเมิดคำสั่งของยอดผู้อาวุโส จึงถูกกักขังเอาไว้ในแดนต้องห้าม

“ชายคนที่มากับจ้าวหยูเฟยเป็นใครกัน?”

แววตาเทพโบราณผู้หนึ่งจับจ้องที่จ้าวเฟิงทันใด เพราะจ้าวเฟิงอยู่ใกล้สนามรบของจอมเทพค่อนข้างมาก แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่าพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดาแน่

“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ตายดีแน่!” เทพโบราณปิงหยวนหัวเราะเสียงเย็น

เหตุที่ยอดผู้อาวุโสสามารถมาแทนที่ผู้อาวุโสคนก่อน ยึดครองตำแหน่งนี้มาได้ เพราะเบื้องหลังยอดผู้อาวุโสมีจอมเทพที่แกร่งกว่าหนุนหลังอยู่ และเพราะเหตุนี้เอง สมาชิกส่วนมากของเผ่าพันธุ์วิญญาณจึงต่างยอมสนับสนุนยอดผู้อาวุโส

ตอนนี้เอง

ฟิ้ว! จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนชุดขาวปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

“นั่นเขา!” ใบหน้าเทพโบราณปิงหยวนฉายแววตื่นเต้น

“ผู้อาวุโส ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณคนนี้ยกให้ข้าจัดการเถอะ!” ชายวัยกลางคนชุดขาวระบายยิ้มบาง จ้องไปที่จ้าวหยูเฟย

“นั่นเจ้า!” จ้าวหยูเฟยเปลี่ยนสีหน้าไปทันที

นางจำได้ว่าคนตรงหน้านี้ ตอนอยู่ในมหาสมุทรเพลิงสวรรค์ คนทั้งสามที่นำโดยชายวัยกลางคนชุดขาวจู่ๆ ก็ลงมือทำร้ายนางอย่างกะทันหัน หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิงมาทันเวลาพอดี เกรงว่านางคงจะถูกจับไปแล้ว

ชายชุดขาวผู้นี้ก็คือ เป่ยหมิงฮุย

“ในที่สุดเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น!” เป่ยหมิงฮุยยิ้มชั่วร้าย

“เหอะๆ เป่ยหมิงฮุย คราวก่อนปล่อยเจ้าไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกันเร็วขนาดนี้!” ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เปิดปากเอ่ยในที่สุด

ใบหน้าของเขาขยับยึกยือช้าๆ รูปลักษณ์กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“เจ้าคือ…จ้าวเฟิง!” เป่ยหมิงฮุยฉงนก่อนเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าจึงค่อยเปลี่ยนไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version