Skip to content

King of Gods 1557

King Of Gods

บทที่ 1557 เนตรเทพทำนาย

การมาถึงของพวกผู้ทรงภูมิของเผ่าความลับสวรรค์ เขย่าขวัญแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอย่างยิ่ง

ถึงแม้ผู้มากความสามารถจำนวนไม่น้อยในนั้นต่างรู้กัน เผ่าความลับสวรรค์แบ่งออกเป็นพวกผู้ทรงภูมิและพวกฝืนชะตาฟ้า ทั้งสองฝ่ายแยกตัวออกจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

แต่พวกเขาก็ยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเผ่าความลับสวรรค์น้อยเกินไป มีเรื่องที่ระแวงอีกมาก สรุปก็คือวางใจไม่ค่อยได้

“ทุกท่านมากันไกล มีเรื่องอันใดหรือ?” นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์เอ่ย

“พวกฝืนชะตาฟ้าก่อเรื่องจนดินแดนเทพรกร้างมีสภาพเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นเผ่าความลับสวรรค์ ข้ารู้สึกผิดอย่างมาก ครั้งนี้ได้รับคำสั่งเรียกรวมพล จึงเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเพื่อร่วมหารือกลยุทธ์รับมือกับเจ้าสวรรค์!”

อวี่เทียนอูเป็นฝ่ายอธิบายเรื่องทั้งหมดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ อวี่เทียนอูไม่ได้รับผลกระทบใดๆ อากัปกิริยาของเขาสงบนิ่งและดูปราดเปรื่อง ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้

ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากพูดคุยสื่อสารกันผ่านเสียงวิญญาณ

พวกเขารู้ชัดถึงความสามารถของเผ่าความลับสวรรค์ถ้าหากได้ความช่วยเหลือจากพวกผู้ทรงภูมิ จะสามารถรับมือกับพวกฝืนชะตาฟ้าได้ง่ายดายขึ้น

เพียงแต่พวกเขายังไม่อาจเชื่อถือพวกผู้ทรงภูมิได้สนิทใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ไม่ปกตินี้ หากพวกเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมา ก็อาจพ่ายแพ้ราบคาบภายใต้เงื้อมมือเจ้าสวรรค์

ในกลุ่มคน สีหน้านายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ค่อนข้างสงบ สายตาเพ่งมองพวกผู้ทรงภูมิ สุดท้ายก็หยุดลงที่สตรีชุดขาว

สตรีนางนั้นผุดผ่องงามสง่า ประหนึ่งปทุมมาในรูปวาด สูงส่งลึกลับ ไม่แปดเปื้อนคาวโลกีย์

สายตาสมาชิกจำนวนมากฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตต่างจ้องสตรีนางนั้นอย่างอดไม่ได้

แต่นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์สนใจหลิ่วฉินซิน ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่าย แต่เพราะกลิ่นอายที่ทั้งพิเศษและคุ้นเคย

“คนผู้นี้…” นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์หลับตาลงน้อยๆ รับรู้อย่างละเอียดและคิดทบทวน

แต่ในทันใดนั้น เสียงใสกระจ่างก็ดังขึ้นในหัวเขา “เนตรเทพหมื่นปรากฏการณ์ แม้แต่ข้าเจ้าก็จำไม่ได้!”

เมื่อลืมตาขึ้น นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ประสานสายตากับหลิ่วฉินซินอยู่ไกลออกไป

“เจ้าคือเนตรเทพทำนาย!”

สายตานายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ตื่นตะลึงไปเล็กน้อย

“เนตรเทพทำนาย?” นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์สีหน้าตกตะลึง

จนถึงตอนนี้ เนตรเทพทำนายที่ลึกลับที่สุดในแปดเนตรเทพเจ้าก็ปรากฏกายออกมาแล้ว

“ทุกท่านเชิญเข้ามาเถอะ!” นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์เปิดเขตพลังแดนศักดิ์สิทธิ์

เป้าหมายของเจ้าสวรรค์คือแปดเนตรเทพเจ้า เนตรเทพทำนายก็เป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม สิ่งนี้ทำให้กลุ่มคนเชื่อพวกผู้ทรงภูมิอย่างไร้เงื่อนไข และยิ่งเชื่อว่าเนตรเทพทำนายคงไม่เอาชีวิตของตนมาล้อเล่น

“เนตรเทพทำนาย?” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

จากการเปลี่ยนแปลงของเนตรเทพมายา เมื่อครู่ตอนเห็นหลิ่วฉินซิน เขาก็มีความรู้สึกเช่นนี้ เพียงแต่ในใจเขายังไม่อาจเชื่อได้ว่าหลิ่วฉินซินจะเป็นเนตรเทพทำนาย

“เฟิง เจ้าก็กลับมาแล้ว!”

หลิ่วฉินซินมองจ้าวเฟิง ในดวงตาที่ราบเรียบไร้ความรู้สึกฉายแววยินดีออกมาเล็กน้อย

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าและนักปราชญ์ก็จะมาด้วย!”

อวี่เทียนอูและหลิ่วฉินซินออกจากการปิดด่านแล้ว ยังมีบรรดานักปราชญ์อีก นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความหนักหนาของเรื่องนี้แล้ว

“เนตรเทพทำนาย เจ้าคงจะทำนายทั้งหมดนี้ได้ล่วงหน้าแล้ว เพราะเหตุใดจึงไม่แจ้งพวกเรา มิฉะนั้น…”

นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ถามทันที

เนตรเทพทำนายล่วงรู้ลิขิตฟ้าดิน ก่อนที่เจ้าสวรรค์จะได้ครอบครองเนตรเทพวิถีฟ้า นางต้องมองเห็นเงื่อนงำบางอย่างแล้วแน่

ในเวลาเดียวกัน นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ยังสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายเนตรเทพเจ้าบนร่างหลิ่วฉินซินไม่ได้เข้มข้นมากนัก

“ที่จริงแล้ว เนิ่นนานก่อนนี้ ดินแดนเทพรกร้างมีเพียงแค่เจ็ดเนตรเทพเจ้าเท่านั้น…”

หลิ่วฉินซินค่อยๆ เล่าเรื่องราว

นางผู้เป็นนายเหนือหัวเนตรทำนายล่วงรู้ทั้งอดีตและอนาคต แทบจะทุกเรื่องราว แต่รู้มากจนเกินไปก็จะยิ่งเจอปัญหาใหม่มากขึ้น

นายเหนือหัวเนตรทำนายเริ่มฉงนสงสัยเกี่ยวกับโลก อยากจะรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของโลกใบนี้ขึ้นมา

ดังนั้นนางจึงเลือกปิดผนึกพลังทำนายดั้งเดิม ทำให้ตนเองอยู่ในสภาวะเกิดใหม่ตามสังสารวัฏอย่างไม่จบสิ้น เพื่อทำความเข้าใจฟ้าดิน รู้แจ้งในสัจธรรม

ดังนั้นนางถึงพูดว่าเนิ่นนานก่อนนี้ ตอนแรกดินแดนเทพรกร้างมีเพียงแค่เจ็ดเนตรเทพเจ้าเท่านั้น

“ที่แท้เป็นเช่นนี้!” นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ทอดถอนใจ

แผนการของเจ้าสวรรค์ราบรื่นได้ขนาดนี้ ที่แท้เป็นเพราะใช้ประโยชน์ตรงนี้นี่เอง

จ้าวเฟิงพยักหน้าน้อยๆ เขาเองก็เข้าใจแล้ว ที่แท้หลิ่วฉินซินและหลิวฉินอินล้วนเป็นนายเหนือหัวเนตรทำนาย

“เจ้ามีแผนการรับมือหรือ?” นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ถาม

“ตอนนี้ยังไม่มี เนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์รับพลังดั้งเดิมของเนตรเทพเจ้าทั้งสองไปแล้ว ล้ำเลิศกว่าเนตรเทพเจ้าทั้งหมดของพวกเรา ถึงจะเป็นเนตรเทพทำนายก็ยากจะมองเห็นอนาคตของเขา…”

หลิ่วฉินซินเผยอาการหนักใจ

“จะต้องมีวิธีแน่!” นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์เอ่ยอย่างมั่นใจ

ถึงแม้ว่าเนตรเทพทำนายจะไม่สามารถทำนายเจ้าสวรรค์ได้ แต่เมื่อได้ความช่วยเหลือจากเนตรเทพทำนาย พวกเขาก็มีความเป็นไปได้ที่จะรับมือกับแผนการชั่วของเจ้าสวรรค์ อีกทั้งพวกผู้ทรงภูมิก็มีวิชาบางอย่างที่ข่มพวกฝืนชะตาฟ้าได้ผล

“ถูกต้อง!” หลิ่วฉินซินพยักหน้า

ศาสตร์การทำนายสลับซับซ้อน ไม่มีเรื่องที่แน่นอน จุดจบด้วยความตายก็อาจพอมีทางรอดบ้าง แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหมดจำเป็นต้องรอ รอคอยให้อาการบาดเจ็บของเนตรเทพเจ้าทั้งสี่หายเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน

นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสี่ มิติ ทัณฑ์สวรรค์ มรณะ และชีวิต พูดได้ว่าเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านเจ้าสวรรค์ ไม่สามารถขาดใครไปได้

เมื่อได้ความช่วยเหลือจากพวกผู้ทรงภูมิ ค่ายกลป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจึงผ่านการแก้ไขปรับปรุงหลายครั้ง จนมั่นคงมากขึ้น สามารถเปลี่ยนไปป้องกันและโจมตีได้อย่างง่ายดาย

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไป สมาชิกทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตกำลังเตรียมตัวกันอย่างแข็งขัน

ในวันนี้ จ้าวเฟิงมาพบหลิ่วฉินซิน

“ฉินอิน มีเรื่องหนึ่งที่ต้องขอให้ท่านช่วย!” จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ย

เนตรเทพทำนายของหลิ่วฉินซินกำลังตื่นขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“เจ้าคงอยากจะถามถึงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทมิติชิ้นสุดท้ายสินะ?”

จ้าวเฟิงยังไม่ได้พูดอะไร หลิ่วฉินซินก็เดาออกแล้ว

“ใช่แล้ว!” จ้าวเฟิงยินดีเล็กน้อย สมแล้วที่เป็นเนตรเทพทำนาย

แต่ในเวลาเดียวกัน ในใจเขาก็รู้สึกหมดหวังอย่างประหลาด เพราะเขามีลางสังหรณ์ว่าอาจจะหาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนชิ้นนี้ไม่เจอ

ในฐานะที่หลิ่วฉินซินเป็นเนตรเทพทำนาย ถ้าหากรู้เรื่องนี้ก่อน คงจะช่วยจ้าวเฟิงคลี่คลายเรื่องนี้ได้

“อยู่กับพวกฝืนชะตาฟ้า!” หลิ่วฉินซินตอบ

การสร้างอาวุธบรรพชนเทียมแค่ต้องใช้เศษเสี้ยวเจ็ดส่วนขึ้นไปเท่านั้นก็ทำได้สำเร็จ ดังนั้นพวกฝืนชะตาฟ้าจึงไม่ได้เอาเศษเสี้ยวทั้งหมดที่มีหลอมรวมเข้าไป เศษเสี้ยวหลายชิ้นที่เกินมาจะยกให้ผู้แข็งแกร่งในขั้วอำนาจเพื่อเพิ่มกำลังรบ

ยกตัวอย่างเช่นเศษเสี้ยวประเภทมิติชั้นแรกที่จ้าวเฟิงได้มาครอบครอง ก็ ‘หยิบยืม’ มาจากพวกฝืนชะตาฟ้าเช่นกัน ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงเดาได้ถึงความเป็นไปได้นี้นานแล้ว

ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ดูไปแล้วอาวุธบรรพชนเทียม ‘ทะยานฟ้า’ คงยากจะสมบูรณ์ได้อีกครั้งแล้ว

ในเมื่อเป็นแบบนั้น เขาก็จะไม่ดันทุรังอีก

“เฟิง เนตรเทพเจ้าของเจ้าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรับมือกับเจ้าสวรรค์!”

หลิ่วฉินซินมองจ้าวเฟิง ระบายยิ้มบางที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

“อืม!” จ้าวเฟิงพยักหน้าน้อยๆ

เนตรเทพทำนายคงจะคาดเดาได้ว่าพลังแท้จริงของพันธมิตรเนตรเทพเจ้าและเจ้าสวรรค์สูสีกัน หากเนตรเทพเจ้าของตนตื่นขึ้นสมบูรณ์ จะส่งผลกระทบต่อโอกาสแพ้ชนะ

อาศัยโอกาสที่ศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายยังไม่เปิดฉาก จ้าวเฟิงเริ่มปิดด่านฝึกตน

คาดว่าในตอนที่อาการบาดเจ็บของนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสี่และเจ้าสวรรค์ยังไม่หายดี ศึกใหญ่ก็เริ่มขึ้นแล้ว เหลือเพียงช่วงเวลาสุดท้าย เพิ่มพลังได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น

ในระหว่างปิดด่านฝึกตน ความคิดของจ้าวเฟิงแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ส่วนหนึ่งวิเคราะห์เนตรเทพมายา

คราวก่อนตอนจ้าวเฟิงเห็นเจ้าสวรรค์ดูดรับพลังดั้งเดิมทำลายล้าง เขาก็สัมผัสได้รางๆ ว่าในเนตรเทพมายาของตนเหมือนซุกซ่อนพลังที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เอาไว้ ถ้าหากกระตุ้นออกมาได้ก็คงดี…

ความคิดส่วนที่สองใช้ไปกับการฝึกฝน ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’ พลานุภาพในการโจมตีของกระบี่เทพพลังบริสุทธิ์ไม่อาจทำให้เขาพึงพอใจได้แล้ว เขาต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาที่การโจมตีรุนแรงกว่านี้

ความคิดที่เหลือ จ้าวเฟิงใช้ไปกับการฝึกฝน ‘ตำราศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ’ ที่นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เคยแสดงให้เขาดู

‘ตำราเทพสูงสุด’ สองเล่มนี้ยังมีเนื้อหาจำนวนมากที่จ้าวเฟิงยังไม่ได้ศึกษา แต่เขาก็ต้องรอให้พลังเทียบเท่าราชาเทพเสียก่อนถึงจะได้

เขาครอบครองเนตรเทพเจ้า หากกลายเป็นราชาเทพก็จะเป็นนายเหนือหัว มีแค่ราชาเทพเท่านั้นถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังของเนตรเทพเจ้าได้ทั้งหมด

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ทั่วทั้งดินแดนเทพรกร้างเงียบสงบชั่วคราว แต่ทว่าความเงียบประเภทนี้กลับออกจะพิกล

ทุกคนก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า จะต้องมีสักวันหนึ่งที่ความเงียบนี้ถูกทำลายลงไป

ห้าปีหลังจากนั้น ที่ห้องลับแห่งหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต หลิ่วฉินซินพลันลืมตาขึ้น

“เจ้าสวรรค์เริ่มลงมือแล้ว!” สีหน้าหลิ่วฉินซินหนักอึ้ง

แต่ในตอนนี้ นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสี่ยังไม่ออกจากการฝึกฝน

หนึ่งวันต่อมา ข่าวที่เขย่าขวัญทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง

“รายงานนายท่าน พวกฝืนชะตาฟ้าเริ่มลงมือแล้ว ‘แดนศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำวิญญาณ’ ทางตะวันออกของดินแดนเทพรกร้างถูกทำลายลงไปแล้ว!”

ข่าวนี้ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตที่สงบอลหม่านฮือฮาพวกฝืนชะตาฟ้าปรากฏตัวออกมาแล้ว และยังโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งอย่างไม่แยแสอะไร!

ภายในโถงประชุมใหญ่ ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในดินแดนเทพรกร้างมารวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดมาก

“ทำไมพวกมันจึงไม่บุกโจมตีพวกเราก่อน?”

ราชาเทพจื้อเหยียนสงสัยเล็กน้อย

เป้าหมายของเจ้าสวรรค์ก็คือแปดเนตรเทพเจ้า แต่เนตรเทพเจ้าโดนสังหารไปแล้วสองคน เนตรเทพเจ้าทั้งหกที่เหลืออยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตทั้งสิ้น

แต่เจ้าสวรรค์ไม่ได้บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ กลับไปโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น นี่ไม่ใช่ทำลายกำลังรบตนเองหรอกหรือ?

“เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว ด้วยพลังของเจ้าสวรรค์ โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งที่ไม่มีใครอยู่จะเกิดความเสียหายอะไรได้?”

สีหน้านายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ตึงเครียดยิ่งนัก

“นั่น…” ราชาเทพจื้อเหยียนพูดไม่ออก ก่อนจะดำดิ่งลงในห้วงความคิด

“ด้วยพลังของเจ้าสวรรค์และพวกฝืนชะตาฟ้า จะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์สักแห่งก็ไม่เกิดความสียหายอะไร แต่ยังจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองด้วย!”

ในตอนนี้เอง อวี่เทียนอูเปิดปากเอ่ย

“ถูกต้อง เจ้าสวรรค์ครอบครองพลังเนตรเทพสังสารวัฏ สามารถปลดปล่อยพลังสังสารวัฏที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น คนที่ตายด้วยเงื้อมมือเขา จะกลายเป็นพลังของเขา!”

นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์สีหน้าโกรธแค้นเล็กน้อย หากเจ้าสวรรค์โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ผลแพ้ชนะก็ยังไม่แน่นอน

แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตในตอนนี้รวบรวมพลังส่วนมากของดินแดนเทพรกร้างเอาไว้ นอกเหนือจากนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าแล้ว ยังรวมไปถึงนายเหนือหัวสามคนซึ่งมีนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์รวมอยู่ด้วย อีกทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเตรียมพร้อมจะรบแล้ว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังกลุ่มนี้ ต่อให้เป็นพวกฝืนชะตาฟ้าที่นำโดยเจ้าสวรรค์ จะแพ้ชนะก็ยังคาดเดายาก แต่พวกฝืนชะตาฟ้าอ่านทั้งหมดนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เจ้าสวรรค์จึงไม่ผลีผลามบุกเข้าโจมตี แต่ ‘รวบรวมสมัครพรรคพวก’ ขยายกำลังในขั้วอำนาจของตนก่อน

เวลาผ่านไปอีกหลายวัน

“รายงาน แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภาในเขตผาเก่าถูกตีแตกแล้ว!”

ตอนนั้นจ้าวเฟิงเคยไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภามาก่อน

แต่ราชาเทพทุนซื่อมีท่าทีไม่แยแส คิดว่านี่คือเรื่องระหว่างเจ้าสวรรค์และเนตรเทพเจ้า บรรดาเนตรเทพเจ้าน่าจะจัดการให้เรียบร้อยได้

ทั้งดินแดนเทพรกร้างค่อยๆ ตกอยู่ในความหวาดผวา ขั้วอำนาจและผู้แข็งแกร่งที่เมื่อก่อนมีความคิดเช่นนี้ ต่างรีบร้อนตรงมารวมกันที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

รวมไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทลายที่เป็นศัตรูคู่แค้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ก็ยังแบกหน้ามาเข้าร่วมทัพด้วย

ยามนี้สถานที่ที่ปลอดภัยแห่งเดียวในดินแดนเทพรกร้างก็มีแต่ที่นี่แล้ว

“รายงาน แดนศักดิ์สิทธิ์วิญญาณโลหิตถูกยึดครองแล้ว!”

แดนศักดิ์สิทธิ์วิญญาณโลหิตเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แถบชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ค่อนข้างห่างไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ถูกสังหารในระหว่างทางที่เดินทางมา

ในวันนั้นเอง พลังของนายเหนือหัวที่เขย่าขวัญสรวงสวรรค์พุ่งทะยานขึ้นฟ้า สะเทือนไปทั่วน่านฟ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

ในที่สุด เนตรเทพเจ้าทั้งสี่ก็ออกจากการปิดด่านแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version