Skip to content

King of Gods 1546

King Of Gods

บทที่ 1546 ร่วมสู้

จ้าวเฟิงห่างกับชุดคลุมผลึกหยกตัวนั้นเพียงเขตพลังกั้น

“ผู้เยาว์ อาศัยเจ้านี่นะ?” ชุดคลุมตัวนี้แค่นเสียงโกรธเคือง

อันดับแรก มันไม่ค่อยพอใจคำพูดน้ำเสียงที่จ้าวเฟิงใช้ ปัญหาแรกก็ทำให้มันเป็นใบ้พูดไม่ออก ประโยคที่สองก็ให้มันที่เป็นอาวุธบรรพชนเทียมติดตามไป

อันดับสองคือมันไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะมีวิธีออกไปจากที่นี่ได้

“เจ้าเองก็อยากออกไปจากที่นี่เหมือนกันกระมัง หากพลาดโอกาสนี้ก็อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ!”

จ้าวเฟิงหัวเราะเบาๆ ท่าทีเหมือนไม่ได้ใส่ใจมาก

ชั้นในสุดมีค่ายกลชั้นที่สี่ ข้างในมีเศษเสี้ยวอาวุธประเภทแตกต่างกันไปมากมาย ก่อเป็นค่ายกลความลับสวรรค์ที่ซับซ้อน

แต่ยามที่ชุดคลุมผลึกหยกพบว่าจ้าวเฟิงมาที่นี่ ก็สกัดกั้นประสาทสัมผัสและครรลองสายตาของเศษเสี้ยวอาวุธพวกนั้น ดังนั้นจากการสำรวจครั้งแรก จ้าวเฟิงจึงคิดว่ามีค่ายกลแค่สามชั้น

ชุดคลุมผลึกหยกทำเช่นนี้ก็เพราะมีความหวังในตัวผู้บุกรุกเช่นกัน ตัวมันเองอยากออกไป จึงไม่อยากให้ตัวตนของจ้าวเฟิงถูกเปิดเผย

“ผู้เยาว์ เจ้าเป็นแค่ขั้นสองสุดยอด ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าแฝงตัวเข้ามาได้อย่างไร แต่คิดจะออกไปยากเหมือนปีนขึ้นสวรรค์!”

ชุดคลุมผลึกหยกพูดอย่างจริงจัง

ถึงแม้มันจะอยากหลุดพ้นจากการควบคุมของเผ่าความลับสวรรค์ แต่ก็ไม่มีทางหลับหูหลับตาลงมือ หากมันเลือกติดตามจ้าวเฟิงไปจากที่นี่ แต่กลับทำไม่สำเร็จ แล้วถูกพวกความลับสวรรค์จับกลับมา ผลลัพธ์จะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม อีกทั้งต่อให้ออกไปได้สำเร็จ แข็งแกร่งอย่างพวกฝืนชะตาฟ้าคิดจะจัดการจ้าวเฟิงจอมเทพขั้นสองคนหนึ่งก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

จ้าวเฟิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ หากชุดคลุมผลึกหยกไม่ยอมติดตามเขา ตนจะไม่มีทางเปิดเผยความลับเรื่องส่งวิญญาณเด็ดขาด

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่อาวุธเทพบรรพชนเทียมชิ้นนี้รู้ความลับของตนแล้ว จะไปบอกพวกฝืนชะตาฟ้าหรือไม่

“ตอนนี้พวกฝืนชะตาฟ้ากำลังเปิดศึกกับนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสาม ภายในของพวกฝืนชะตาฟ้ายุ่งกันตัวเป็นเกลียว คิดจะออกไปจากที่นี่ก็ไม่ยาก และข้าเป็นสมาชิกของกองกำลังเนตรเทพเจ้า!”

จ้าวเฟิงพูดเสียงเรียบนิ่ง

“เนตรเทพเจ้าทั้งสาม?” เห็นได้ชัดว่าชุดคลุมผลึกหยกค่อนข้างตกใจ

มันรับรู้เรื่องสงครามแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝั่งจะเป็นเนตรเทพเจ้าทั้งสาม แต่ว่ามันก็พอจะรู้ถึงพลังของพวกฝืนชะตาฟ้า ดังนั้นจึงแค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนั้น ตอนแรกมันคิดว่าจ้าวเฟิงเป็นสมาชิกฝั่งฝืนชะตาฟ้าที่ฉวยโอกาสเข้ามาในนี้ เพื่อขโมยของล้ำค่าหนีไป แต่คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะเป็นคนที่มาจากข้างนอก

ขั้นสองสุดยอดสามารถแฝงตัวเข้ามาในอาณาจักรเทพความลับสวรรค์ ทั้งยังมาถึงศูนย์กลางของพื้นที่ต้องห้ามได้ ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ

“เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ขอแค่ข้าออกไปจากค่ายกลชั้นนี้ พวกฝืนชะตาฟ้าก็จะรู้ตัว ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพาข้าออกไป?”

เสียงของชุดคลุมผลึกหยกต่ำทุ้ม

สิ่งนี้ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ มิเช่นนั้นด้วยพลังของมันคงสามารถทำลายค่ายกลสามชั้นนี้ได้อย่างง่ายดาย

“เป็นไปได้!” สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบนิ่ง แต่จริงจังเป็นอย่างยิ่ง

คำตอบเช่นนี้ทำเอาชุดคลุมผลึกหยกอึ้งไปชั่วขณะ แน่นอน ใจของมันยังคงสงสัย

“เจ้าคิดให้ดีๆ เถอะ เวลาของข้ามีไม่มาก ท่าทางอีกไม่นานคงถูกพวกมันจับได้แล้ว!”

หลังจากที่จ้าวเฟิงพูดอย่างราบเรียบประโยคหนึ่ง ก็เข้าไปในอาณาจักรเทพมายา

ในศูนย์กลางอาณาจักรเทพมายามีผลต่อเวลาในการฝึกฝน ฝึกฝนข้างในหนึ่งวันเท่ากับฝึกฝนสี่ร้อยวันของโลกภายนอก

จ้าวเฟิงอาศัยเวลานี้ทำพลังฝึกตนให้มั่นคง เพื่อการทะลวงขั้นสามในวันข้างหน้า

ตรงใจกลางเกาะ ใต้พื้นพิภพ

ผู้คุมกฎโย่วสังเกตสถานการณ์ภายนอกผ่านฉากแสงมหึมาข้างหน้า

“สามเนตรเทพเจ้าไล่ตามไม่ปล่อย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เจ้าสวรรค์เอาไพ่ตายออกมา ท่าทางจะไม่มีประโยชน์อะไรนัก”

คิ้วขาวดอกเลาของผู้คุมกฎโย่วขมวดแน่น

ในตอนนี้เอง มีข่าวหนึ่งส่งมา “รายงานผู้คุมกฎ พื้นที่เพาะปลูกทรัพยากรถูกขโมย รวมถึงห้องลับระดับสอง… ”

ข่าวนี้ทำเอาผู้คุมกฎโย่วตาเบิกโพลง

มีคนขโมยของล้ำค่าที่ฝ่ายฝืนชะตาฟ้าใส่ใจเพาะปลูกเป็นอย่างดีโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวสักนิด

“พื้นที่ศูนย์กลาง!” ผู้คุมกฎโย่วพลันนึกอะไรขึ้นมาได้

ก่อนหน้านี้ เขตพลังป้องกันในพื้นที่ศูนย์กลางจู่ๆ เกิดรอยแตก เรื่องนี้ถึงแม้จะกะทันหันแต่ก็ไม่แปลกประหลาดอะไรนัก แต่หากรวมกับการสูญหายในพื้นที่เพาะปลูกทรัพยากรล้ำค่า เช่นนั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว

สีหน้าของเขาค่อยๆ เย็นยะเยือก ร่างแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

“เดี๋ยวข้ามา!” ผู้คุมกฎโย่วบัญชา จากนั้นร่างหายวับไป

“เป็นใครกัน?”

ผู้คุมกฎโย่วมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้องห้าม

“ผู้คุมกฎโย่ว!” ทหารยามทั้งหลายค้อมตัวทำความเคารพทันที

ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้คุมกฎโย่วจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง หรือจะมาตำหนิพวกเขาถึงความผิดพลาดเมื่อครู่? ทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้คุมกฎไม่ได้พูดอะไร กลับประสานสัญลักษณ์มือเหมือนเตรียมจะเปิดค่ายกลออก

ศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้าม ในค่ายกลชั้นที่สอง

คลื่นพลังมิติแผ่ระลอกมาชั้นหนึ่ง ปลุกจ้าวเฟิงที่อยู่ในอาณาจักรเทพให้ได้สติ

“ผู้เยาว์ ข้าตกลง!” เสียงร้อนรนดังออกมาจากชุดคลุมผลึกหยก

จ้าวเฟิงกระโจนออกมาทันที เสี้ยวขณะต่อมา เขาก็รู้แล้วว่าทำไมอาวุธบรรพชนเทียมถึงได้ร้อนรนเช่นนี้

“ดี ในเมื่อเจ้าคิดจะตามข้าไป เช่นนั้นก็ทำลายศูนย์กลางของอาณาจักรเทพก่อน!”

จ้าวเฟิงสั่งทันที

ตอนนี้เนตรเทพเจ้าทั้งสามกำลังโจมตีอาณาจักรเทพ หากการป้องกันอาณาจักรเทพได้รับผลกระทบ นายเหนือหัวทั้งสามย่อมโจมตีได้อย่างง่ายดาย

“ผู้เยาว์ เจ้าคงไม่ได้หลอกใช้ข้าหรอกนะ!”

ชุดคลุมผลึกหยกตัวนั้นพลันตะโกน

เหตุที่เขาทำให้จ้าวเฟิงตื่นตกใจและพูดเช่นนี้ เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสังเกตถึงจ้าวเฟิงผู้บุกรุกคนนี้แล้ว

เขาลองคิดๆ ดู ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้จ้าวเฟิงจะพาเขาออกไปได้หรือไม่ จ้าวเฟิงมีกลอุบายอะไรกันแน่

แต่จ้าวเฟิงเหมือนจะไม่ลนลานมาก ทั้งยังให้เขาทำลายศูนย์กลางอาณาจักรเทพก่อน!

“ได้ ผู้เยาว์ ข้าจะเชื่อเจ้าครั้งหนึ่ง!”

ชุดคลุมผลึกหยกจนปัญญากับจ้าวเฟิง อีกทั้งจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ เขาไม่ได้แจ้งพวกฝืนชะตาฟ้าก็นับว่าปกปิดไว้

ฟุ่บ! ชุดคลุมผลึกหยกบินมาข้างค่ายกลชั้นที่สี่ ขับเคลื่อนพลังกฎเกณฑ์มิติก่อกวนค่ายกล

ทันใดนั้น ระบบการป้องกันทั่วทั้งอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้าเกิดความปั่นป่วนขึ้น เขตพลังป้องกันสั่นคลอน

“ข้าทำได้แค่รบกวนมันเท่านั้น!”

ชุดคลุมผลึกหยกตะโกนทันที แล้วปลดปล่อยกฎเกณฑ์มิติที่แข็งแกร่งออกมา ก่อนจะแปลงเป็นลำแสงเลือนรางทะยานไปยังค่ายกลชั้นที่สาม

ค่ายกลชั้นนี้ไม่ใช่ค่ายกลสกัดกั้นป้องกัน ดังนั้นชุดคลุมผลึกหยกจึงทะลุผ่านไปได้อย่างค่อนข้างสบาย

และในตอนนี้เอง นอกค่ายกลชั้นที่สอง ผู้คุมกฎโย่วโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง “พวกเจ้ากล้าหักหลังฝ่ายฝืนชะตาฟ้าอย่างนั้นรึ!”

พวกเจ้าที่ผู้คุมกฎโย่วพูด แน่นอนว่าหมายถึงอาวุธบรรพชนเทียมและจ้าวเฟิง ภายนอกจ้าวเฟิงยังปลอมตัวเป็นทหารยามของพวกฝืนชะตาฟ้าอยู่ ส่วนผู้คุมกฎโย่วก็ไม่เชื่อว่าคนจากภายนอกจะแฝงตัวเข้ามา และยังขโมยของล้ำค่าที่พวกเขาทั้งหลายดูแลเพาะปลูกเป็นอย่างดีโดยที่ไม่รู้ตัวได้

“ผู้เยาว์ เจ้ามีวิธีอะไร?”

ชุดคลุมผลึกหยกเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างหวาดกลัว

“ไม่รีบ!” จ้าวเฟิงไม่รีบร้อนลนลาน

หากอาวุธเทพบรรพชนเทียมตกลงเร็วกว่านี้หน่อย บางทีเขาอาจจะใช้ส่งวิญญาณพาไปจากที่นี่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ทันกาลแล้ว

อีกทั้งจ้าวเฟิงในตอนนี้ก็พัฒนาไปมาก ไม่เหมือนตอนแรกที่ร่วมมือกับทุกคนก็ยังยากจะต้านทานราชาเทพจื้อเหยียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์

ก่อนหน้านี้ แม้แต่ทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดเขาก็ยังสังหารมาแล้ว ราชาเทพแล้วอย่างไรเล่า?

หากมีอาวุธบรรพชนลอกเทียมช่วยเหลือแล้วละก็ จ้าวเฟิงก็ยิ่งเหมือนกับเสือติดปีก

วู้ม! แสงเลือนรางรอบกายเขากะพริบวูบวาบ การอำพรางกายหายไป เผยรูปลักษณ์ของตนออกมา

“จ้าวเฟิง เป็นเจ้าเองอย่างนั้นรึ!”

ผู้คุมกฎโย่วมองไปยังใบหน้าของจ้าวเฟิง ท่าทีไม่ค่อยอยากเชื่อ

เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าที่ก่อนหน้านี้ถูกพวกเขาจับกุมไล่สังหาร กลับแฝงเข้ามาในอาณาจักรเทพอย่างไร้ร่องรอย หนำซ้ำขโมยของล้ำค่า แล้วยังพยายามจะทำลายศูนย์กลางอาณาจักรเทพอีก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของผู้คุมกฎโย่วก็เหมือนถูกแทง ทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง

จิตในชุดคลุมผลึกหยกก็ตกใจไปเช่นกัน เจ้าเด็กนี่เหมือนจะมีชื่ออยู่มากเหมือนกัน

แต่เมื่อครู่ ตอนที่มันถามจ้าวเฟิงว่ามีวิธีอะไร เขากลับตอบว่า “ไม่รีบ!” ทำให้มันเกิดความรู้สึกชั่ววูบอยากจะสบถด่าออกมา

เป็นแค่ขั้นสองสุดยอด คู่มือเป็นถึงราชาเทพ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นอาณาจักรเทพพวกฝืนชะตาฟ้า เขายังจะไม่รีบอีก!

ครืน ตูม!

จ้าวเฟิงปลดผนึกเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าทันที ในขณะเดียวกันก็โคจรกฎเกณฑ์ ปลดปล่อยพลังเทพ

พลังบริสุทธิ์มหาศาลพวยพุ่งออกมา วิ่งปะทะในศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้ามอย่างบ้าคลั่ง

“จ้าวเฟิง เจ้าหยุด!”

ผู้คุมกฎโย่วตะโกนทันที ดวงตาสองข้างขับเคลื่อน หมอกมืดหม่นหนาแน่นตลบอบอวลออกมา

ก่อนหน้านี้ อาวุธเทพบรรพชนเทียมก็ก่อกวนศูนย์กลางอย่างหนักหน่วง ตอนนี้คือช่วงที่การป้องกันของอาณาจักรเทพอ่อนกำลัง หากสู้กันที่นี่จะต้องสร้างผลกระทบอีกขั้นให้กับศูนย์กลางแน่นอน

ครืน ตูม!

ขณะนี้อาณาจักรเทพสั่นไหวไม่หยุด

จ้าวเฟิงสร้างโอกาสดีให้กับเนตรเทพเจ้าทั้งสาม อีกฝ่ายต้องฉวยโอกาสนี้เข้าโจมตีแน่นอน

ทันใดนั้น อาณาจักรเทพพวกฝืนชะตาฟ้าก็เกิดรูโหว่ขึ้น

เนื่องจากการแตกทลายของอาณาจักรเทพ ค่ายกลจึงได้รับผลกระทบ สมาชิกทั้งหมดในค่ายกลต่างกระอักเลือดออกมา

ณ ศูนย์กลางอาณาจักรเทพ ในขณะเดียวกันนี้

ค่ายกลชั้นที่สี่พังทลายลง พายุต้องห้ามอันน่าหวาดกลัวพวยพุ่งออกมา

“ออกไปก่อน!” จ้าวเฟิงตะโกนขึ้น

อาวุธบรรพชนเทียมก็ไม่มีทางอื่น หอบม้วนพาจ้าวเฟิงหนีไป

“ไม่ เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร!” ผู้คุมกฎโย่วเผยสีหน้าเคียดแค้นชิงชัง

ฟิ้ว! ผู้คุมกฎโย่วไล่ตามอาวุธบรรพชนเทียมและจ้าวเฟิงมาทันที

ด้านนอกอาณาจักรเทพในเวลาเดียวกัน

“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าสวรรค์ใบหน้าเหี้ยมโหด

ในอาณาจักรเทพเกิดอะไรขึ้น ทำไมค่ายกลป้องกันจู่ๆ จึงเกิดความผิดปกติมากขนาดนั้น จนทำให้การป้องกันลดลง ถูกนายเหนือหัวเนตรมิติโจมตีจนเป็นรูโหว่ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่สามารถนำอาณาจักรเทพไปด้วยได้แล้ว

พลังของนายเหนือหัวเนตรมิติน่ากลัวเกินไป เขาเข้าไปในอาณาจักรเทพจากรูโหว่นั้น และสร้างภัยพิบัติทำลายล้างให้กับข้างใน

ครืน!

ฝ่ามือของเจ้าสวรรค์ซัดออกมา ผลักอาณาจักรเทพลอยไปไกลหลายล้านลี้

ภายในอาณาจักรเทพ ฟ้าดินกลับตาลปัตรไปชั่วขณะหนึ่ง

จ้าวเฟิงและผู้คุมกฎโย่วเพิ่งจะพุ่งออกมาจากศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้าม

“จ้าวเฟิง ข้าจะฆ่าเจ้า!” สีหน้าของผู้คุมกฎโย่วเหี้ยมโหด ตาซ้ายปล่อยหมอกหนาออกมา ข้างในมีเงาดำมหาศาลปรากฏขึ้น ล้วนเป็นกายวัฏสงสารทั้งสิ้น

ผู้เป็นผู้นำในนั้นเป็นราชาเทพ นอกจากนั้นยังมีจอมเทพขั้นสามสองคน ส่วนจอมเทพขั้นสองและขั้นหนึ่งมีมากกว่านั้น

“เจ้าก็คือคนที่ฟื้นคืนชีพให้กับทูตสวรรค์ฉางกระมัง!”

จ้าวเฟิงเห็นเนตรสังสารวัฏของผู้คุมกฎโย่วก็คาดเดาออก

ตัวผู้คุมกฎโย่วไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ จึงรับผิดชอบควบคุมภายในอาณาจักรเทพ และฟื้นคืนชีพสมาชิกบางคน

“สังหาร!” ในตอนนี้เอง กองทัพของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ทะลักมาที่ช่องโหว่ของอาณาจักรเทพ

สมาชิกฝั่งฝืนชะตาฟ้าจำต้องมารับมือกับศัตรู

“ดูสิ หนีออกไปได้แล้วใช่ไหม!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกยิ้มบางๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ตัวตนของพวกเขาทั้งสองถูกเปิดเผย ก็ไม่มีทางถูกล้อมโจมตีจากพวกฝืนชะตาฟ้าแล้ว

“เจ้าตาบอดหรืออย่างไรกัน ข้างหน้าเจ้าเป็นถึงราชาเทพเชียวนะ!”

ชุดคลุมผลึกหยกแค่นเสียงต่ำ ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เหตุการณ์ที่เห็นดีกว่าในจินตนาการของเขาเยอะ

ทุกอย่างเมื่อครู่อันตรายเกินไปจริงๆ หากเนตรเทพเจ้าทั้งสามทำลายอาณาจักรเทพพวกฝืนชะตาฟ้าไม่ทันเวลา พวกเขาก็จบเห่แล้ว

“ราชาเทพแล้วมันยังไงกันเล่า?” จ้าวเฟิงหัวเราะทันที

ตอนนี้เขาอยากจะลองประมือกับผู้คุมกฎโย่วคนนี้สักหน่อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version