Skip to content

King of Gods 1545

King Of Gods

บทที่ 1545 เข้าสู่ศูนย์กลาง

“ศูนย์กลางของอาณาจักรเทพอาจจะอยู่ที่นั่น!”

สายตาของจ้าวเฟิงมองไปยังพื้นที่ต้องห้ามไกลโพ้น ครั้งที่แล้วตอนที่ถูกจับมาเขาก็มั่นใจในเรื่องนี้แล้ว

จ้าวเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดเกราะสีเงิน กลายเป็นทหารยามของพวกฝืนชะตาฟ้าแล้ว

ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดของเผ่าความลับสวรรค์กลับมาแล้ว โอกาสที่จะถูกพบเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงปลอมตัวเสีย ขอแค่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพสังเกตอย่างละเอียดก็ยากจะมองร่องรอยออก

ส่วนสมาชิกภายในก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้บุกรุก การป้องกันค่อนข้างต่ำ รวมกับตอนนี้เป็นช่วงหนีสงครามวุ่นวาย แทบจะไม่มีราชาเทพคนไหนมาสังเกตจ้าวเฟิงที่เป็นทหารยามอย่างละเอียด

แต่ว่าจะเข้าใกล้ศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้ามก็ไม่เหมือนกันแล้ว

รอบๆ พื้นที่ต้องห้ามไร้ซึ่งผู้คน หากจ้าวเฟิงเข้าใกล้ก็จะเด่นชัดเกินไป และดึงความสนใจจากผู้คน

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงหยุดคิดหาวิธีอยู่แถวๆ พื้นที่ต้องห้าม

ในตอนนี้เอง

วู้ม! ภายในอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า ค่ายกลสีขาววาววับใหญ่โตค่ายกลหนึ่งก่อร่างขึ้น บนนั้นกะพริบแสงสว่างไสวพร่างพราย พลังมหาศาลโคจรขึ้นมารอบค่ายกลสาดเส้นแสงสีขาวระยิบระยับออกมามากมาย เชื่อมต่อกับอาณาจักรเทพ

และภายในค่ายกลรวมถึงรอบบริเวณ มีผู้แข็งแกร่งมากมายควบคุมตำแหน่งสำคัญของค่ายกล

คิดจะต้านทานการโจมตีของนายเหนือหัวทั้งสาม ลำพังอาศัยเพียงพลังป้องกันของอาณาจักรเทพนั้นไม่เพียงพอ ต้องสร้างค่ายกลส่งพลัง โดยมีสมาชิกจำนวนมากของพวกฝืนชะตาฟ้าเป็นต้นกำเนิดพลัง

ที่ไกลออกไป ชายเกราะทองสามคนมุ่งไปยังข้างหลังพื้นที่ต้องห้าม

“เจ้า มานี่!” ชายหน้าขาวหนึ่งในนั้นชี้ไปยังทหารยามเกราะเงินที่อยู่ไกลลิบ แล้วตะโกนเรียก

“ขอรับ!” สีหน้าของทหารยามคนนั้นสั่นสะท้าน รีบเดินหน้าขึ้นไปทันที

ระดับของเกราะทองคือจอมเทพขั้นสอง นับว่าเป็นระดับสูงที่สุดในหมู่ทหารยาม ฟังเพียงคำสั่งของผู้นำระดับสูงของพวกฝืนชะตาฟ้าเท่านั้น เขาจำต้องทำตามคำสั่งของทหารยามเกราะทอง

“ตามข้าไปเฝ้ารักษาพื้นที่ต้องห้าม!”

ทหารยามเกราะทองคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นทันที

ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของทหารยามเกราะเงินเปลี่ยนไปทันที สมาชิกที่ไปๆ มาๆ แถวนั้นตัวสั่นเล็กน้อย รีบจากไปไกลทันที

ใครต่างก็รู้ว่าพื้นที่ต้องห้ามคือศูนย์กลางของอาณาจักรเทพ และตอนนี้กำลังจะขับเคลื่อนค่ายกลป้องกันอาณาจักรเทพ ถึงตอนนั้นพื้นที่ศูนย์กลางจะต้องปะทุพลังแข็งแกร่งเหลือล้นออกมา จอมเทพทั่วไปไม่อาจรับได้เลย

“ถึงคราวสำคัญแต่ละคนก็กลัวตายทั้งนั้น เจ้า…มานี่!”

ชายหน้าขาวเกราะทองทำสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นมองไปยังทหารยามเกราะเงินที่กิริยางุ่มง่ามคนหนึ่ง จึงรีบตะโกนเรียก

“ขอรับ!”

ทหารยามที่ท่าทางงุ่มง่ามก็คือจ้าวเฟิงนั่นเอง เขาแกล้งทำท่าทีไม่เต็มใจ โบยบินไปช้าๆ จากนั้น ทหารยามเกราะทองทั้งสามก็ลากสมาชิกอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปใกล้พื้นที่ต้องห้ามอย่างรวดเร็ว

พื้นที่ต้องห้ามในตอนนี้แผ่ระลอกพลังที่น่าหวาดผวาออกมาแล้ว ต่อให้มีค่ายกลสกัดกั้น แต่อยู่ภายนอกก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้น

“ในยามขับเคลื่อนค่ายกลอาณาจักรเทพ การป้องกันศูนย์กลางอาณาจักรเทพจะอ่อนลง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันพวกเจ้าจะต้องเฝ้ารักษาที่นี่เอาไว้!”

ทหารยามหน้าขาวคนนั้นพูดอย่างองอาจ

โดยปกติพื้นที่ต้องห้ามจะไร้ซึ่งผู้คน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยกลไก

แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ หากศูนย์กลางเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นจะต้องรีบซ่อมแซมทันที ดังนั้นจึงต้องส่งสมาชิกมาเฝ้ารักษาไว้

แท้ที่จริงแล้วส่งจอมเทพขั้นสามหรือผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพไปจะยิ่งปลอดภัยกว่า แต่ตอนนี้สมาชิกขาดแคลน จึงทำได้แค่รวมพลจอมเทพระดับต่ำบางคนมาเท่านั้น

ครืน วู้ม วู้ม!

ในศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้าม เสียงเลื่อนลั่นดังไม่หยุด เสียงที่น่ากลัวดังขึ้นเรื่อยๆ

นอกเขตพลังค่ายกล ทหารยามเกราะเงินทั้งหลายกระตุ้นพลังเทพก่อร่างเป็นเกราะคุ้มกาย

ทันใดนั้น เสียงครึกโครมดังมาจากในศูนย์กลาง ระลอกคลื่นพลังเทพอันน่าหวาดหวั่นปะทุออกมา เขตพลังค่ายกลแต่ละชั้นระเบิดออก

ส่วนค่ายกลที่อยู่กลางท้องฟ้าไกลก็ปะทุพลังเทพที่น่าตกใจออกมาทันใด แล้วเชื่อมต่อผสานเข้ากับอาณาจักรเทพ

โครงสร้างค่ายกลอาณาจักรเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกฝืนชะตาฟ้าก็สำเร็จลงเช่นนี้

แม้แต่นายเหนือหัวก็ยังไม่อาจทำลายอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้าได้ในระยะเวลาสั้นๆ!

ตรงศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้าม ในเขตพลังค่ายกลเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว ถึงแม้จะไม่ได้หลั่งไหลออกมา แต่ก็ทำให้ทหารยามทั้งหลายที่อยู่ข้างนอกอกสั่นขวัญแขวน

“ฮ่าๆ หากเขตพลังป้องกันถูกทำลาย พลังที่น่ากลัวกลุ่มนี้มากพอที่จะสังหารจอมเทพขั้นหนึ่งได้ ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสองก็ยากจะหลบหลีก!”

จ้าวเฟิงสำรวจศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้ามใกล้ๆ มุมปากยกยิ้มบาง พลังความคิดหมุนโคจร แปรฝันให้เป็นจริงสำแดงออกมา

นี่เป็นพลังของความคิด ขอแค่ระดับความสำเร็จไม่ยากมาก ต่อให้ไม่ใช้พลังมายาดั้งเดิมก็สามารถสำแดงออกมาได้ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรายตามองไปยังเขตพลังค่ายกลข้างหลัง

ทันใดนั้น บนเขตพลังเกิดรูเล็กๆ ขึ้นรูหนึ่ง

ครืน ฟู่! พลังเทพอันน่าหวาดหวั่นก็ทะลักออกมาทันใด อีกทั้งรอบๆ รูนี้ยังเกิดรอยแตกร้าวเหมือนใยแมงมุมค่อยๆ แผ่ลามออกไป

สมาชิกทั้งหลายในที่นั้น ใครก็คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเริ่มก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้นแล้ว

ครืน ตูม! พายุสีเทาเข้มพวยพุ่งออกมา

ทหารยามเกราะเงินที่อยู่ใกล้กับรอยแตกมากที่สุดเกราะป้องกันพลังเทพแตกลงทันที ร่างถูกพลังที่น่าหวาดกลัวโจมตีจนสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา

จ้าวเฟิงฉวยโอกาสมุดเข้าไปในเขตพลังในตอนนี้เอง

ครืน บึ้ม!

ทหารยามเกราะเงินที่เหลือกระเด็นออกไป

“แย่แล้ว เขตพลังเกิดช่องโหว่!”

ทหารยามเกราะทองที่เหลือสีหน้าตื่นตระหนก ต่างถอยหลังไป ทั้งยังปล่อยพลังเทพออกมาต้านทานการโจมตีกลุ่มนี้

ในขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของที่นี่ก็ทำให้คนอื่นๆ ในอาณาจักรเทพแตกตื่นเช่นกัน

ศูนย์กลางใต้ดิน

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้คุมกฎโย่วตะโกนขึ้นทันที

“เขตพลังของพื้นที่ต้องห้ามเสียหายขอรับ!”

ผู้ดูแลคนหนึ่งรีบรายงานทันที

การซ่อมแซมค่ายกลจะต้องให้สมาชิกเผ่าความลับสวรรค์ลงมือเท่านั้น แต่สมาชิกความลับสวรรค์ส่วนใหญ่พลังฝึกตนค่อนข้างต่ำ แต่ว่าผู้คุมกฎโย่วก็สามารถหาคนที่เหมาะจะทำเรื่องนี้เจอจนได้

คนคนนี้คืออวี่หลิวผิง ไม่นานนักเขาก็ไปถึงศูนย์กลางอาณาจักรเทพ

“ผู้อาวุโสอวี่!” ทหารยามบริเวณนั้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“เมื่อครู่พวกเจ้าพบคนน่าสงสัยบ้างหรือไม่?”

สายตาของอวี่หลิวผิงนิ่งลึก ซักถามแต่ละคน

“ไม่มีขอรับ!” คำตอบที่เขาได้ยินล้วนเป็นคำตอบนี้ทั้งสิ้น

“คนที่เฝ้ารักษาอยู่รอบพื้นที่ต้องห้ามมีทั้งหมดแปดคน สองคนในนั้นเมื่อครู่อยู่ค่อนข้างใกล้กับรอยแตกของค่ายกล สิ้นชีพไปแล้วขอรับ…”

ชายหน้าขาวรายงานสถานการณ์บางส่วน

“อืม!” อวี่หลิวผิงพยักหน้า ไม่ได้คิดอะไรมาก

เสี้ยวขณะที่เขตพลังเกิดรูรั่ว พลังที่ปะทุออกมาแกร่งเป็นที่สุด ภายใต้การไม่ทันตั้งตัว จอมเทพขั้นหนึ่งไร้ซึ่งแรงต้านทาน

เขาพยายามสำรวจภายในเขตพลัง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงเริ่มซ่อมค่ายกล

ศูนย์กลางพื้นที่ต้องห้ามมีค่ายกลทั้งหมดสามชั้น

ข้างนอกสุดคือ ‘เขตพลังป้องกั้นสกัดกั้น’ สองชั้นข้างในคือ ‘เขตพลังลดทอนกำลัง’ พลังที่ผ่านค่ายกลสองชั้นนี้จะถูกลดทอนลงไปในระดับหนึ่ง

เมื่อครู่จ้าวเฟิงเข้ามาลึกถึงค่ายกลชั้นที่สองแล้ว และใช้พลังแปรฝันให้เป็นจริงซ่อมมัน

ในชั้นที่สองเต็มไปด้วยพลังอันน่ากลัว ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสองก็เกรงว่าคงถูกสังหารลงในชั่วพริบตา

จ้าวเฟิงเป็นขั้นสองสุดยอด แน่นอนว่าไม่เกรงกลัว เข้าไปลึกจนถึงชั้นที่สอง

เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้คือเขตพลังชั้นที่สาม ข้างในเต็มไปด้วยพลังที่ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสามก็คงยืนหยัดต่อไปไม่ได้แม้เพียงอึดใจ

“แม้แต่นายเหนือหัวก็ยังบุกเข้าไปไม่ได้ ศูนย์กลางอาณาจักรเทพจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!”

จ้าวเฟิงกำลังครุ่นคิดว่าจะเข้าไปในชั้นที่สามดีหรือไม่

ในตอนนี้เอง ระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งประชิดมาหาเขา

“ผู้เยาว์ เจ้าเป็นใครกัน?” เสียงวิญญาณแผ่วเบาพลันดังมาจากข้างใน

สีหน้าจ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย จับจ้องมองไป เห็นเพียงในพายุพลังเทพเป็นชั้นๆ มีชุดคลุมเลือนรางตัวหนึ่งลอยอยู่ รอบๆ มีมิติทับซ้อน ปกป้องไม่ให้มันได้รับผลกระทบใดๆ

“นี่มัน?” จ้าวเฟิงตะลึงเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเมื่อครู่ชุดคลุมตัวนี้จะพูดขึ้น

เขาโคจรตาซ้าย มองสภาพข้างในค่ายกลได้ชัดยิ่งขึ้น

เห็นเพียงชุดคลุมตัวนี้ทั้งตัวขาวใสราวหยก ลวดลายสีเงินลึกลับบนนั้นกะพริบแสงตระการตา อีกทั้งที่ตรงใจกลางยังมีค่ายกลชั้นสี่อีกด้วย!

“เจ้าหนู เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าแฝงตัวเข้ามาที่นี่!”

ชุดคลุมตัวนี้ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง

“อาวุธบรรพชน?” จ้าวเฟิงถามหยั่งเชิง

อาวุธเทพทั่วไป ทำไมถึงมารอดปลอดภัยอยู่ที่นี่ได้

“ข้า…” ชุดคลุมตัวนั้นจนคำพูดทันที

ในยุคที่ครบสมบูรณ์ มันเป็นอาวุธบรรพชนชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ มันเป็น ‘อาวุธบรรพชนเทียม’ ที่หลอมขึ้นจากเศษเสี้ยวทั้งหลาย แต่คำพูดเช่นนี้หากตนพูดออกไป จะไม่เป็นการดูถูกตัวเองรึ

เห็นอีกฝ่ายไม่ยอมรับ จ้าวเฟิงก็สามารถเดาได้เลาๆ ว่านี่คืออาวุธบรรพชนเทียม ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้เจอกับอาวุธบรรพชนเทียม ‘นรกเพลิง’ มาแล้ว

“ผู้เยาว์ เจ้าไม่ใช่เผ่าความลับสวรรค์ กล้าเข้ามาที่นี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”

รัศมีอำนาจของชุดคลุมตัวนี้น่าหวาดหวั่น มีท่าทางเหมือนจะรายงานเรื่องของจ้าวเฟิง

“อยากลองคิดดูไหม ว่าจะตามข้าออกไปจากที่นี่หรือไม่?”

จ้าวเฟิงยิ้มบาง เอ่ยปากขึ้นทันใด

เป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือทำลายโครงสร้างสำคัญจนกระทั่งศูนย์กลางในอาณาจักรเทพ และตอนนี้เขาเจออาวุธบรรพชนเทียมชิ้นหนึ่งที่ศูนย์กลางแล้ว

เหมือนว่าพลังแข็งแกร่งที่อาวุธบรรพชนเทียมชิ้นนี้ปล่อยออกมาจะมีผลต่อการป้องกันอาณาจักรเทพมาก

หากเอามันไปด้วย เป้าหมายก็สำเร็จแล้วมิใช่หรือ?

อีกทั้งจ้าวเฟิงยังมีความมั่นใจค่อนข้างมาก

ในค่ายกลขนาดเล็กชั้นที่สี่ซึ่งอยู่ในสุด มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทต่างกันมากมาย น่าจะเป็นสิ่งที่ค้ำจุนการโคจรของทั้งค่ายกลศูนย์กลาง และมอบพลังต่างกันไป

แต่นอกค่ายกลนี้กลับมีพลังมิติที่สกัดกั้นครรลองสายตาและการรับรู้อยู่

เห็นได้ชัดว่าเป็นพลังที่ชุดคลุมตัวนี้สำแดงออกมา มิฉะนั้นในตอนแรกจ้าวเฟิงคงไม่ดูผิด คิดว่ามีค่ายกลแค่สามชั้น

เช่นนี้แล้ว ชุดคลุมตัวนี้ก็ยังตั้งความหวังต่อผู้บุกรุก ตัวมันเองอยากออกไปเช่นกัน

“ผู้เยาว์ อาศัยเจ้านี่นะ?”

ชุดคลุมตัวนี้แค่นเสียงอย่างโกรธเคืองทันที

……

นอกอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า

เจ้าสวรรค์หนีไปไกลตามอาณาจักรเทพ

แต่ในบรรดาผู้ไล่ล่ามีเนตรเทพมิติที่เพิ่มพลังความเร็วให้นายเหนือหัวอีกสองคน กำลังไล่ตามเจ้าสวรรค์ไป

แสงอัสนีสอดประสาน คมมิติเชือดเฉือน พุ่มหนามตวัดกวาด

นายเหนือหัวทั้งสามโจมตีไปพร้อมกัน

ครืน ตูม เปรี้ยง!

เจ้าสวรรค์ใช้พลังดวงตาไปค่อนข้างมาก จึงใช้พลังของอาณาจักรเทพและพลังในตัวต้านทานด้วยกัน

“อาณาจักเทพแข็งแกร่งนัก!” นายเหนือหัวมิติเบ้ปากพูด

“จะประมาทไม่ได้ พวกมันอยู่ข้างหลัง…”

นายเหนือหัวมิติแอบเตือน

ข้างหลังห่างออกไปสิบล้านลี้ เงาคนสามร่างบินห้อตะบึงมาอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในนั้นหลังค่อม สวมชุดดำขาดวิ่น ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งสวมชุดวิจิตรอลังการ ดวงตาสีทองสว่างพร่างพราย เจิดจ้าแสบตาเสียยิ่งกว่าดวงอาทิตย์

ข้างหลังสุดเป็นสตรีงดงามที่สวมชุดสีม่วงเข้ม รูปร่างอวบอิ่ม ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายอึมครึมกดดัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version