บทที่ 1529 ทูตสวรรค์ลงมือพร้อมกัน
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
หลังจากสงครามดำเนินไประยะหนึ่ง บริวารที่จ้าวเฟิงส่งเข้าไปร่วมรบก็ค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อสงครามขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ ทำให้สนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับหนึ่ง แต่ทั้งสนามรบกว้างใหญ่มากเกินไป สมาชิกที่จ้าวเฟิงส่งไปก็ยังยากจะได้เปรียบ
“ผู้อาวุโสหวาเฟิง รีบเรียกผู้แข็งแกร่งที่ออกเดินทางฝึกฝนให้รีบกลับมาโดยด่วน และขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพันธมิตร!”
นายเหนือหัวเนตรชีวิตที่คอยสังเกตสถานการณ์ศึกมาโดยตลอดพลันเอ่ยปากพูด
นับตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ พวกฝืนชะตาฟ้าก็แสดงให้เห็นว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
มาคิดดูแล้ว ในเมื่อพวกฝืนชะตาฟ้ากล้าโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ย่อมต้องเตรียมตัวมาแล้ว และมีความมั่นใจอยู่บ้าง
นอกจากนั้น เจ้าสวรรค์ของพวกฝืนชะตาฟ้าก็ทำให้นายเหนือหัวเนตรชีวิตมองไม่ทะลุปรุโปร่ง
ในเหตุการณ์เช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะยโสโอหังไม่ได้ จำเป็นต้องเตรียมสู้รบสุดกำลัง
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตสามารถพูดได้ว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสตร์แพทย์ของดินแดนเทพรกร้าง คนที่ติดค้างบุญคุณแดนศักดิ์สิทธิ์มีมากมายนับไม่ถ้วน
และเส้นสายของนายเหนือหัวเนตรชีวิตก็กว้างขวางยิ่งนัก
แต่ทว่า ถึงตอนนี้จะมีกี่คนที่ยินดีช่วยเหลือก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว
“ขอรับ!” ราชาเทพหวาเฟิงพยักหน้า สั่งการเรื่องนี้ลงไป
เขตเทพสวรรค์ นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
สตรีชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นดอกบัวเพลิงสีดำ กำลังบินไปอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว! แสงสีขาวทะลักมาจากข้างหลัง แผ่กระจายจิตกระบี่โหดเหี้ยมที่เชือดเฉือนทุกสรรพสิ่ง ไล่ตามสตรีชุดดำมาในชั่วพริบตา
“นี่ไม่ใช่จอมเทพเหลียนอวี้ (หมายครองปทุม) หรอกรึ?”
แสงกระบี่สีขาวหยุดลง แปลงเป็นผู้อาวุโสสวมชุดสามัญขาวคนหนึ่ง
“คิดไม่ถึงว่าจอมเทพจิ่วเจี้ยน (เก้ากระบี่) ก็มาเช่นกัน!”
จอมเทพเหลียนอวี้เผยรอยยิ้มหยาดเยิ้มยั่วยวน
ผู้อาวุโสชุดสามัญคือจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์ศาสตร์กระบี่ที่มีอาณาเขตติดกับเขตเทพสวรรค์…จอมเทพจิ่วเจี้ยนนั่นเอง
“จะพลาดสงครามแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับนายเหนือหัวได้อย่างไรกันเล่า!”
สายตาของจอมเทพจิ่วเจี้ยนฉายประกาย
สงครามแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าไม่เคยมี แต่กรณีแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีนายเหนือหัวรักษาการณ์ดูแลเกิดสงครามนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แม้แต่เขาก็จำไม่ได้แล้ว อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามที่เปิดศึกกับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตยังเป็นพวกเผ่าความลับสวรรค์!
แน่นอนว่าจะพลาดศึกนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ทว่าในยามที่จอมเทพเหลียนอวี้และจอมเทพจิ่วเจี้ยนมาถึงใกล้ๆ สนามรบ กลับพบว่าที่นี่มีผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่นานแล้ว แทบทั้งหมดล้วนมาสังเกตดูการสู้รบครั้งนี้
ขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นคือแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทลายของเขตพยับฟ้า
“ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทลายมากันมากมายเพียงนี้ ข้าว่าถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะชนะ ก็อาจถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ้าทลายฉวยโอกาสโจมตีเอาก็ได้!”
จอมเทพจิ่วเจี้ยนส่งกระแสจิตคุยกับจอมเทพอวี้เหลียน
“ดูสถานการณ์ไปก่อนเถิด!”
มือขาวเนียนของจอมเทพอวี้เหลียนสะบัดออกไปติดๆ กันวาดเครื่องหมายสัญลักษณ์สีดำแปลกประหลาด ข้างในเปล่งแสงสีดำทะมึนสายหนึ่ง พุ่งออกไปไกล
ไม่นานนัก
วู้ม วู้ม!
เปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ขึ้นเบื้องหน้าจอมเทพอวี้เหลียน แล้วก่อตัวเป็นม่านแสงเล็กๆ ข้างในมีภาพเหตุการณ์สนามรบอยู่รางๆ
ในตอนนี้เอง จอมเทพจิ่วเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้รับสาร
“เป็นการขอความช่วยเหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต?”
จอมเทพอวี้เหลียนยิ้มร้ายกาจน่าหลงใหล
“ดูสถานการณ์ไปก่อน หากไม่มีโอกาสชนะ ข้าไม่มีทางเดินไปตายหรอก!”
จอมเทพจิ่วเจี้ยนสีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทีเฉยเมย
ศึกแดนศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดผู้แข็งแกร่งสุดยอดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรอบเขตเทพสวรรค์มา หากขั้วอำนาจทั้งสองต่างบาดเจ็บสาหัส ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะฉวยโอกาสเก็บผลประโยชน์ได้
ในขณะเดียวกัน ข่าวการเปิดศึกของพวกฝืนชะตาฟ้าและแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ยังกระจายออกไปเรื่อยๆ
ทั่วทั้งดินแดนเทพรกร้างค่อยๆ ฮือฮากัน!
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
สงครามยังคงดำเนินต่อไป
จู่ๆ เจ้าสวรรค์ก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “เนตรเทพชีวิต ยังจะยืนหยัดต่อไปอีกงั้นรึ?”
นายเหนือหัวเนตรชีวิตไม่โต้กลับ ในฐานะที่เป็นเนตรเทพแห่งชีวิต ได้สมญาว่าเป็นนายเหนือหัว นางไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด อีกทั้งนางก็ไม่คิดว่าตนเองจะแพ้
ด้วยเส้นสายของตน ด้วยข้อได้เปรียบทางลักษณะพื้นที่ แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!
ฟุ่บ! เจ้าสวรรค์ยกฝ่ามือสะบัดออกไปเบาๆ
ทันใดนั้นร่างเงานับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า ทั้งยังแผ่กระจายกลิ่นอายแข็งแกร่งสั่นสะท้านภพ
“จอมเทพขั้นสาม!” ใจจ้าวเฟิงสั่นไหวเล็กน้อย
สงครามยังเริ่มไม่ทันไร พวกฝืนชะตาฟ้าก็ให้จอมเทพขั้นสามออกศึกแล้ว!
พวกฝืนชะตาฟ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ คิดจะทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วจริงๆ หรือ?
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ~
จอมเทพขั้นสามฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้าเข้าร่วมรบทันที
ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จนใจ ทำได้เพียงส่งจอมเทพขั้นสามออกไปรับศึกเช่นกัน
“แต่ว่าจะมีคนเพียงแค่นี้เองหรือ?” ราชาเทพหวาเฟิงสงสัยอยู่บ้าง
พวกฝืนชะตาฟ้าส่งจอมเทพขั้นสามมาแค่ห้าคน
แต่ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมีจอมเทพขั้นสามทั้งหมดเจ็ดคน
“ทูตสวรรค์ โจมตี!”
เจ้าสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะคำรามเสียงต่ำ
ฟุ่บ ฟุ่บ~
ในอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า ร่างเงาที่สวมชุดขาวเหมือนกันหกร่างปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“ยังมีจอมเทพขั้นสามอีกหกคน!” ราชาเทพหวาเฟิงใจสั่น
จากการรับรู้ของเขา จอมเทพขั้นสามทั้งหกและกลิ่นอายสายเลือดแข็งแกร่งอันตรายที่แผ่กระจายออกมา ไม่ใช่พวกที่จัดการได้ง่ายๆแน่นอน
ส่วนจ้าวเฟิงก็มีอาการตกใจเช่นกัน
สายตาของเขาเพ่งไปยังชายชุดขาวสูงโปร่งหนึ่งในทูตสวรรค์ทั้งหก
“เป็นเขา!”
คนคนนี้ก็คือทูตสวรรค์ฉาง ทูตสวรรค์ที่อยู่กับเป่ยหมิงฮุย จับจ้าวหยูเฟย และคอยขัดขวางพวกจ้าวเฟิงในตอนนั้น
แต่ภายหลังจ้าวเฟิงและมู่กู่ร่วมมือกันสังหารทูตสวรรค์ฉางจนได้
“ท่าทางจะเป็นเนตรสังสารวัฏที่คืนชีพให้!” จ้าวเฟิงใจหายวาบ
ในพวกฝืนชะตาฟ้าจะต้องมีเนตรสังสารวัฏระดับจอมเทพขั้นสามแน่นอน มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะฟื้นคืนชีพทูตสวรรค์ได้ง่ายๆ เช่นนี้
แน่นอน ช่วงก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงก็สังหารเป่ยหมิงฮุยลงแล้ว แต่เวลากระชั้นนัก ท่าทางทายาทเนตรเทพสังสารวัฏของพวกฝืนชะตาฟ้าจะยังไม่ทันฟื้นตัว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ฟื้นคืนชีพให้เป่ยหมิงฮุย
ครืน ตูม เปรี้ยง!
ทูตสวรรค์ทั้งหกต่างเข้าร่วมไปในทั้งสี่สนามรบ สำแดงแสนยานุภาพสะเทือนฟ้าดิน
ในศึกตัดสินของจอมเทพขั้นสาม จอมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
ส่วนพวกฝืนชะตาฟ้าเหนือขึ้นไปอีกก้าว!
สถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตมีสีหน้าเคร่งเครียด
“จ้าวเฟิง เจ้าต้องลงมือแล้ว!” ราชาเทพหวาเฟิงพูดขึ้นทันใด
ตอนนี้จำนวนจอมเทพขั้นสามของพวกฝืนชะตาฟ้ามากกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ และพลังของทูตสวรรค์ทั้งหกที่ปรากฏตัวขึ้นในภายหลังก็ยิ่งเกินกว่าจอมเทพขั้นสามทั่วไป
เหตุการณ์เช่นนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตยากจะรับมือไหว จ้าวเฟิงต้องลงมือแล้ว
“รอก่อน!” จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา สื่อความให้หยุด
“เพราะเหตุใด?” ราชาเทพหวาเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
หรือจ้าวเฟิงเห็นความแข็งแกร่งของพวกศัตรู เมื่อต้องเผชิญศึกจึงคิดถอย?
“รอข้าสักครู่!” สายตาของจ้าวเฟิงนิ่งดุจน้ำลึก ก่อนจะเข้าไปในอาณาจักรเทพมายา
ราชาเทพหวาเฟิงประหลาดใจ หรือจ้าวเฟิงจะเข้าไปในอาณาจักรเทพเพื่อเตรียมการอะไร แต่เสี้ยวขณะต่อมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะจู่ๆ อาณาจักรเทพที่อำพรางอยู่บริเวณนั้นก็หายวับไป
“เขาไปแล้วรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
ราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าตื่นตกใจ
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตในตอนนี้มีค่ายกลของแดนศักดิ์สิทธิ์ปกป้อง คนข้างในไม่มีทางสำแดงการเคลื่อนย้ายหรือเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาออกไปได้ และคนข้างนอกก็ต้องทำลายค่ายกลแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนเท่านั้นจึงจะสามารถบุกเข้ามา แต่จ้าวเฟิงกลับจากไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต หายไปทันทีอย่างไร้สุ้มเสียง ไร้ร่องรอยใดๆ
แม้แต่นายเหนือหัวเนตรชีวิตก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะนางไม่รู้สาเหตุที่ซ่อนอยู่ในนั้น
นอกเสียจากจ้าวเฟิงจะมีเศษเสี้ยวอาวุธประเภทมิติกระทั่งอาวุธบรรพชน มิฉะนั้นก็ไม่มีทางออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายๆ เช่นนี้
แต่ทว่า เหตุการณ์ต่อมาที่ชวนให้ตื่นตกใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
วู้ม วู้ม~
ในท้องฟ้ามีหมอกแสงมายาลอยขึ้นมา ข้างในมีร่างคนร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏ เป็นจ้าวเฟิงนั่นเอง
“กลิ่นอายกลุ่มนี้ พลังของเนตรเทพเจ้า?”
ครั้งนี้นายเหนือหัวเนตรชีวิตสังเกตได้ถึงจุดสำคัญ
เหตุที่จ้าวเฟิงออกไปและกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ จะต้องเป็นเพราะพลังพิเศษของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแน่
“คนที่เข้าออกในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตได้เลยโดยที่ไม่ต้องยืมพลังจากภายนอก นอกจากในดินแดนเทพรกร้างรวมนายเหนือหัวเนตรมิติแล้วก็มีแค่สามสี่คนเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าในวันนี้จะมีเพิ่มอีกหนึ่งคน!”
นายเหนือหัวเนตรชีวิตเผยรอยยิ้มยินดีแฝงไว้ด้วยความชื่นชม
ใจของจ้าวเฟิงหวั่นไหวเล็กน้อย ต่อให้เป็นเขาที่เห็นสาวงามจนชินชาก็ยังถูกเสน่ห์รูปโฉมของนางดึงดูด
“ข้าจะช่วยแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอย่างสุดความสามารถ!” จ้าวเฟิงพูดอย่างจริงจัง
พวกฝืนชะตาฟ้าเดิมก็เป็นศัตรูของเขาอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้พวกนั้นสมปราถนา ขยายอำนาจได้ต่อไป
ในยามที่จ้าวเฟิงใช้ ‘ส่งวิญญาณ’ กลับไปยังฝั่งพวกผู้ทรงภูมิ ก็ได้รับรู้ชะตาที่เกี่ยวพันกับดินแดนเทพรกร้างจากศึกแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้มาจากอวี่เทียนอู
พรึ่บ! ชุดคลุมมิติสะบัดปลิว คนหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นทันที ซินอู๋เหิน มู่กู่ และพวกผู้อาวุโสเผ่าเทพยักษ์ล้วนอยู่ในนั้น
คนเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดของเผ่าแสงและตำหนักเทพยักษ์ ในเมื่อพาเทพแท้จริงระดับต่ำมาก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับสถานการณ์ศึกมากนัก
“ถึงแล้ว!” ซินอู๋เหินและมู่กู่มองไปรอบๆ ร้องออกมาอย่างตกใจ ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขารู้มาจากจ้าวเฟิงว่าพวกฝืนชะตาฟ้าลงมือโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตแล้ว
“คาระวะนายเหนือหัวเนตรชีวิต!” เผ่าแสงและตำหนักเทพยักษ์ต่างส่งเสียงออกมาพร้อมกัน
“พวกเขาล้วนเป็นศัตรูของพวกฝืนชะตาฟ้า!” มุมปากของจ้าวเฟิงยกยิ้ม
“ดี!” ราชาเทพหวาเฟิงหัวเราะเสียงดัง
ที่แท้ เมื่อครู่จ้าวเฟิงไปตามกำลังเสริมมานี่เอง ถึงแม้เขาจะส่งสารขอความช่วยเหลือไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าใดจึงจะมีคนมาช่วย
แต่จ้าวเฟิงกลับนำกำลังเสริมของตัวเองมาได้ในชั่วพริบตา มู่กู่และซินอู๋เหินที่เป็นหนึ่งในนั้นล้วนเป็นจอมเทพขั้นสาม การมาถึงของกำลังคนกลุ่มนี้คือการหยิบยื่นน้ำใจมาให้ในยามคับขัน
“ลงมือ!” จ้าวเฟิงคำรามเสียงต่ำ เข้าร่วมศึกในสนามรบเช่นกัน
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ~
พวกเผ่าแสงและเผ่าเทพยักษ์พุ่งตามเขาไปทันที
ฟุ่บ! จ้าวเฟิงลากระลอกคลื่นมิติเข้าไปในสนามรบอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่ได้รับศึกกับทูตสวรรค์
ตัวกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ที่ก่อตัวในมือของเขาสองเล่ม มีกรงเล็บอัสนีเทวะมากมายแผ่ออกมา ทำให้ระยะการโจมตีของกระบี่ไกลยิ่งขึ้น โจมตีได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น!
วู้ม แซ่ด แซ่ด!
ร่างของจ้าวเฟิงเคลื่อนไหวไปมา รวดเร็วราวสายฟ้า ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน
กรงเล็บอัสนีเทวะบนกระบี่อัสนีเทพทั้งสองเล่มฉีกทึ้งไปบนกายเทพของจอมเทพฝั่งศัตรูในทุกที่ที่เขาผ่านไปอย่างบ้าคลั่ง
จอมเทพขั้นหนึ่งและสองทั่วไปตายตกภายใต้การโจมตีตามอารมณ์ของจ้าวเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
“อ๊าก…” เสียงร้องน่าอนาถดังเป็นระลอกต่อเนื่องไม่หยุด
“เป็นจ้าวเฟิง หนีเร็ว!” เสียงหวาดกลัวดังจากรอบด้านมาเป็นระลอกๆ
ผู้นำระดับสูงของพวกฝืนชะตาฟ้าส่วนมากรู้ข่าวการสังหารทูตสวรรค์ของจ้าวเฟิง
จากที่ไกลโพ้น สายตาของทูตสวรรค์ฉางที่ถูกจ้าวเฟิงสังหารลงในตอนนั้นฉายแววเหี้ยมเกรียม
“ทูตสวรรค์ลี่ มาช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง!” ทูตสสวรรค์ฉางร้องออกไปทันที
ตอนนั้นจ้าวเฟิงและมู่กู่ร่วมมือกันสังหารเขา ครั้งนี้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็เพื่อแก้แค้น
อีกด้านหนึ่ง
มีชายวัยกลางคนเย็นชาที่ร่างโอบล้อมอยู่ในเงาสีแดงมหึมา
ครืน บึ้ม!
เงาสีแดงมหึมานั้นถือดาบยาวสีแดงเลือด ฟันจอมเทพขั้นสองคนหนึ่งขาดเป็นสองท่อน เลือดสดสาดกระจาย
ในขณะเดียวกัน ปราณและแก่นสำคัญของจอมเทพขั้นสองคนนั้นก็ถูกดาบยาวสีแดงเลือดกลืนกินทั้งหมด แผ่กระจายกลิ่นคาวเลือดเขย่าขวัญผู้คน
“อ้อ? เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้างั้นรึ?”
ทูตสวรรค์ลี่ปรายตามองจ้าวเฟิง ใบหน้าฉายแววกระหายเลือด