บทที่ 1531 สังหารทูตสวรรค์อีกครั้ง
ผู้แข็งแกร่งรอบสนามรบตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์ทั้งสองของพวกฝืนชะตาฟ้าในเวลาเดียวกัน ทั้งยังสังหารคนหนึ่งลงไปอย่างแข็งแกร่ง
ต้องรู้ไว้ว่า ทูตสวรรค์คือผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในขั้นสาม ทูตสวรรค์สองคนร่วมมือกัน ระดับความยากไม่ต้องบอกก็รู้ได้
ส่วนสมาชิกฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ตื่นเต้นยิ่งนัก เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ความแข็งแกร่งของทูตสวรรค์ก็คือภัยคุกคามร้ายแรง แต่จ้าวเฟิงเข้าร่วมรบเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็สามารถสังหารทูตสวรรค์ได้คนหนึ่ง
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว!” ทูตสวรรค์ฉางเผยสีหน้าตื่นกลัว ใจหวาดระแวง
ภายใต้การร่วมมือของทั้งสอง ทูตสวรรค์ลี่ยังถูกสังหาร ต่อให้เป็น ‘ทูตสวรรค์อู่’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดก็ยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้
ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว หากยังอยู่ที่นี่ต่อจะมิเป็นการรอความตายหรอกหรือ?
วู้ม! คลื่นแสงแปลกประหลาดตลบอบอวลทั่วร่างของทูตสวรรค์ฉาง ก่อนเขาจะแปลงเป็นแสงเงาเทวะหลบหนีไปไกล
“คิดหนี?” แน่นอนว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางปล่อยทูตสวรรค์ฉางไปเช่นนี้เด็ดขาด
สถานการณ์ศึกในตอนนี้ ผลกระทบจากทูตสวรรค์ของพวกฝืนชะตาฟ้าสูงมาก ต่อให้สุดท้ายแล้วดำเนินศึกตัดสินครั้งสุดท้าย พลังของทูตสวรรค์ก็จะส่งผลสูงสุด ดังนั้นหากมีโอกาส จ้าวเฟิงไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด ใครที่เขาสามารถสังหารได้ก็จะสังหารให้หมด
ฟิ้ว! ครั้นโคจรกฎเกณฑ์มิติ
ร่างของจ้าวเฟิงกะพริบแล้วหายวับ ไล่ตามทูตสวรรค์ฉางไป ส่วนแมวขโมยน้อย จ้าวเฟิงส่งไปยังสนามรบอื่นแทน
สถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้เหมาะที่จะให้แมวขโมยน้อยฉกฉวยโอกาส ด้วยวิชากลอุบายต่างๆ ของมัน ต่อให้เป็นทูตสวรรค์ก็ยากจะจับได้ ดังนั้นจ้าวเฟิงค่อนข้างวางใจ
บนสนามรบ ลำแสงสองสายพุ่งผ่านไปมา
ผู้ที่หนีอยู่ข้างหน้าคือทูตสวรรค์ของพวกฝืนชะตาฟ้า ทูตสวรรค์ฉางที่มีสายเลือดเผ่าแสง ส่วนคนที่ไล่ตามมาข้างหลังคือจ้าวเฟิงนั่นเอง
และระยะห่างของพวกเขาทั้งสองก็ค่อยๆ ใกล้กันเข้ามา
จนถึงตอนนี้ ความเร็วในการคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงล้ำเลิศมาโดยตลอด ความเชี่ยวชาญด้านความเร็วก็เหนือกว่าผู้อื่น และเขายังมีกฎเกณฑ์มิติอีกด้วย กฎเกณฑ์มิติเป็นขั้นต้นสุดยอด กฎเกณฑ์เวลาก็ถึงขั้นต้นเช่นกัน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ความเร็วของเจ้าเด็กนี่!”
ทูตสวรรค์ฉางหน้าซีดเผือด เหงื่อซึมชื้น
เขาสัมผัสถึงความกดดันและอันตรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จากข้างหลังได้อย่างชัดเจน
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ระหว่างทางการไล่ล่าสังหาร กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ในมือจ้าวเฟิงตวัดฟันออกไปอย่างต่อเนื่อง ประกายกระบี่อัสนีที่พลังสะเทือนฟ้าดินแต่ละสาย ส่งเสียงแหลมพุ่งไปข้างหน้า
ทูตสวรรค์ฉางไม่กล้าฝืนต้านทานการโจมตีของจ้าวเฟิง จึงทำได้แค่เพียงหลบหลีกเท่านั้น แต่ทว่า อาณาเขตการโจมตีของจ้าวเฟิงกินบริเวณกว้างมาก ในนั้นยังอวลไปด้วยพลังของกฎเกณฑ์มิติ
ในยามที่การโจมตีอัสนีเทวะบริสุทธิ์เฉียดผ่านทูตสวรรค์ฉาง พลังกฎเกณฑ์มิติก็ส่งผลต่อเขา
หากตัวทูตสวรรค์ฉางเองไม่ได้เชี่ยวชาญด้านกฎเกณฑ์เวลาเป็นอย่างยิ่งแล้วละก็ เกรงว่าคงโดนจ้าวเฟิงไล่ตามได้ทันเพราะผลกระทบจากกฎเกณฑ์มิติไปแล้ว
ตอนนี้เขาพยายามต้านทานกฎเกณฑ์มิติกลุ่มนี้ แต่ก็อย่างไรก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
“มีหวังถูกฆ่าตายเอาได้!” สีหน้าของทูตสวรรค์ฉางตื่นกลัว
หากครั้งนี้เขาตาย โอกาสที่จะถูกฟื้นคืนชีพน้อยมาก
บนสนามรบคนบาดเจ็บล้มตายมีมากมายนับไม่ถ้วน และหากเนตรวัฏสงสารระดับจอมเทพขั้นสามฟื้นคืนชีพให้จอมเทพขั้นสามจะต้องใช้พลังมหาศาล จำเป็นต้องพักรักษาตัวช่วงระยะหนึ่ง อีกทั้งตอนนี้เป็นขั้นสุดท้ายของแผนการเจ้าสวรรค์ เมื่อสงครามผ่านพ้นไป พวกเขาก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ จะถูกฟื้นคืนชีพกลับมาหรือไม่ก็ยังคงเป็นคำถาม
นอกจากนั้น ถูกจ้าวเฟิงสังหารติดกันสองครั้งสองครา ต่อให้เขาฟื้นคืนชีพกลับมาก็ไม่มีหน้าไปพบผู้คน
“ช่วยข้าด้วย!”
ทูตสวรรค์ฉางรีบบินไปขอความช่วยเหลือกับทูตสวรรค์อีกคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ไม่ไกลนัก หญิงชราชุดขาวคนหนึ่งกำลังสู้รบกับซินอู๋เหิน
ซินอู๋เหินเพิ่งจะทะลวงขั้นสามได้ไม่นาน หญิงชราชุดขาวอยู่เหนือเขาขั้นหนึ่ง
แต่ในตอนนี้เอง หญิงชราชุดขาวได้รับข้อความหนึ่ง ทั้งยังสัมผัสถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งสองกลุ่มจากที่ไกลๆ ตรงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
มองไปปราดเดียว สีหน้าของหญิงชราชุดขาวก็เปลี่ยนไปทันที
‘เจ้าทูตสวรรค์ฉางดึงจ้าวเฟิงมาหาข้างั้นรึ!’ หญิงชราชุดขาวสบถด่าในใจ
พลังของนางด้อยกว่าทูตสวรรค์ลี่และทูตสวรรค์ฉางอยู่เล็กน้อย
แม้กระทั่งทูตสวรรค์ลี่ยังถูกสังหาร หากนางไปช่วยทูตสวรรค์ฉาง จะมิเป็นการรนหาที่ตายเองหรอกหรือ?
ฟิ้ว! หญิงชราชุดขาวถอยหนีไปไกลข้างหลังทันที
ซินอู๋เหินเห็นดังนั้นก็ถือโอกาสโจมตีช่วงชิงชัยชนะ การโจมตีที่ยิ่งใหญ่น่าพรั่นพรึงราวคลื่นยักษ์บดขยี้ไปยังหญิงชราชุดขาว
อีกด้านหนึ่ง ทูตสวรรค์ฉางเห็นภาพนี้ก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทั้งที่เป็นทูตสวรรค์เหมือนกัน อีกฝ่ายเห็นความตายแต่กลับไม่ช่วย
“กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์!”
จ้าวเฟิงจับจังหวะเอาไว้ให้แม่น ตาซ้ายส่งแสงอัสนีสง่างามออกมาสายหนึ่ง
ครืน ฟิ้ว~
ได้ยินเพียงเสียงระเบิดราวสายฟ้าคำราม กระบี่อัสนีที่มืดหม่นทะลุหน้าอกของทูตสวรรค์ฉาง พลังอัสนีเทวะบริสุทธิ์รุกโจมตีทันใด
“เฮือก…” ทูตสวรรค์ฉางมือกุมหน้าอก ร้องครวญคราง
ต่อให้เขาใช้กายเวลาก็ต้านทานกระบี่อัสนีบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงไว้ไม่อยู่ แต่ทว่า ทูตสวรรค์ลี่ไม่กล้าหยุดภายใต้อันตรายความเป็นความตายนี้ แต่รีบหนีไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆทันที
แต่เขาพบว่าทุกที่ที่เขาย่างกรายผ่าน สมาชิกของพวกฝืนชะตาฟ้าหนีไปอย่างจงใจ ประหนึ่งว่าเขาเป็นเทพแห่งโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น
ในแดนศักดิ์สิทธิ์
ราชาเทพหวาเฟิงเห็นภาพนี้ก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้
“พลังของจ้าวเฟิงแทบจะไร้เทียมทานในเหล่าจอมเทพขั้นสาม ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า คนต่ำกว่าราชาเทพลงไปไม่มีใครเป็นคู่มือของเขาได้เลย!”
ราชาเทพหวาเฟิงอดชื่นชมไม่ได้
ที่จริงแล้วพลังที่จ้าวเฟิงแสดงออกมาในตอนนี้ ในแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีคนสองคนที่สามารถสู้กับเขาได้
แต่เพราะพิจารณาถึงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิง ราชาเทพหวาเฟิงจึงพูดเช่นนี้ออกมา
การเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงในสนามรบสยบพวกฝืนชะตาฟ้าได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจทหารให้กับฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์
“แย่แล้ว คนคนนั้นกำลังเข้าใกล้จ้าวเฟิง!”
สีหน้าของราชาเทพหวาเฟิงตื่นตะลึงทันที
ประสาทสัมผัสเทพของเขาปกคลุมทั่วทั้งสนามรบ สังเกตสถานการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอด
จนถึงตอนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฝั่งของพวกฝืนชะตาฟ้าคือผู้อาวุโสสวมชุดขาวที่ดูไปแล้วธรรมดามาก แต่พลังของเขาไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย ราชาเทพหวาเฟิงจำได้ว่าคนคนนี้ก็เป็นหนึ่งในทูตสวรรค์
ตอนนี้ ผู้อาวุโสจอมเทพขั้นสามทั้งสองของแดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันประมือกับผู้อาวุโสชุดขาว ก็ยังไม่ใช่คู่มือของฝ่ายนั้นด้วยซ้ำ
ราชาเทพหวาเฟิงบัญชาการ สั่งให้จอมเทพในเผ่าสกัดคนคนนี้ไว้อย่างสุดกำลังทันที
ในสนามรบ
ทูตสวรรค์ฉางได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง เสื้อผ้าบนร่างขาดวิ่นไม่เป็นชิ้นดี
“หืม จิตสังหาร!”
ประสาทสัมผัสของจ้าวเฟิงพลันสัมผัสถึงจิตสังหารที่ชวนให้คนหวาดกลัว ตาซ้ายเพียงกวาดผ่าน เขาก็พบกับผู้อาวุโสชุดขาวคนหนึ่ง
“เป็นเขา?” สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในตอนนั้น หลังจากที่เขาถูกเป่ยหมิงฮุยจับตัวไปยังถิ่นของพวกฝืนชะตาฟ้า คนแรกที่ได้พบก็คือผู้อาวุโสที่หน้าตาดูธรรมดา ท่าทีนิ่งสงบอ่อนโยน
ตอนนั้นจ้าวเฟิงก็รู้สึกว่าพลังของคนคนนี้เหนือกว่าเป่ยหมิงฮุย และหลังจากที่ได้สัมผัสในภายหลัง เขาก็พบว่าคนผู้นี้เหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่าทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด
“คนคนนี้รับมือยาก ก่อนหน้านั้นจะต้องจัดการทูตสวรรค์ฉางให้ได้เสียก่อน!”
จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด รัศมีอำนาจน่าหวั่นเกรงแผ่กระจายมาจากในร่าง
พรึ่บ!
ความเร็วของจ้าวเฟิงพลันเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนในทันใด
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทูตสวรรค์ฉางใจสั่นสะท้าน กระตุ้นสายเลือดเผ่าแสงเตรียมหลบหนี
“เปลี่ยนมายา!”
หมอกแสงมายาตลบอวลออกมาจากตาซ้ายของจ้าวเฟิง พร้อมด้วยเจตจำนงดวงตาที่ชวนให้ใจสั่นสะท้าน
แสงมายาพร่างพรายเจิดจ้าพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา
วู้ม~
หมอกแสงมายาพร่างพรายกลุ่มนั้นแผ่กระจายปกคลุมหลายแสนลี้ในพริบตา
ในอาณาบริเวณนี้ สภาพจิตวิญญาณในทุกด้านของทุกคนลดลงอย่างต่อเนื่อง ความอันตรายผุดขึ้นในใจอย่างน่าประหลาด
แน่นอน หลักๆ แล้วจ้าวเฟิงพุ่งเป้าเล่นงานทูตสวรรค์ฉาง
ในโลกเปลี่ยนมายานี้ ทูตสวรรค์ฉางได้รับผลกระทบมากที่สุด
เขาในตอนนี้สายเลือดเผ่าแสงในกายก็ถูกควบคุม แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการสำแดงเคล็ดวิชาลับเพื่อหลบหนีของเขา
“สลาย!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุร่างของทูตสวรรค์ฉาง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในครรลองสายตา
ตาซ้ายของเขาเพ่งไปยังสายเลือดเผ่าแสงที่เผาไหม้ในกายของทูตสวรรค์ฉาง ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรพลังความคิด หลอมรวมความต้องการแรงกล้าขึ้นกลุ่มหนึ่ง
ฟู่! สายเลือดเผ่าแสงที่กำลังเผาไหม้สลายหายไปในชั่วพริบตา ด้วยเหตุนี้ เคล็ดวิชาลับของทูตสวรรค์ฉางจึงถูกขัดจังหวะ
“เกิดอะไรขึ้น? พลังสายเลือดของข้าจู่ๆ หายไป!”
ทูตสวรรค์ฉางลนลานทำตัวไม่ถูกทันที นี่มันจะแปลกประหลาดเกินไปแล้วกระมัง
“สังหาร!” กระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์ในมือของจ้าวเฟิงสะสมพลังฟ้าดินไว้มหาศาล ฉวยโอกาสนี้ฟันออกไปเต็มแรง เห็นเพียงกระบี่สังหารมืดหม่นมหึมาสองสาย บนนั้นอวลไปด้วยอัสนีเทวะมากมาย รอบด้านมีสนามแรงที่บิดเบี้ยวกัดกินทุกสิ่ง ดูดซับพลังทุกอย่างในฟ้าดิน
“แย่แล้ว!” เผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้จากจ้าวเฟิง ร่างของทูตสวรรค์สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
เขาแผดเผาสายเลือดพลังเทพอีกครั้ง พยายามหลบหลีกการโจมตีกระบวนนี้ของจ้าวเฟิง แต่เพราะการพันธนาการจากเปลี่ยนมายาและผลกระทบจากกฎเกณฑ์มิติ การเคลื่อนไหวของทูตสวรรค์ฉางถูกขัดขวางอย่างหนัก
ครืน บึ้ม~
คมอัสนีเทวะบริสุทธิ์ที่น่าหวาดกลัวโจมตีลงมา ระเบิดออกก่อเป็นคลื่นโจมตีทำลายล้างกวาดออกไปทั่วทุกสารทิศ สมาชิกทุกคนทั่วบริเวณหลายหมื่นลี้ล้วนถูกคลื่นโจมตีที่ไร้รูปร่างนี้แผ่ระลอกมากระทบ กระอักเลือดสดออกมา
ฝุ่นควันจางหายไป ใจกลางมีเงาแสงเว้าแแหว่ง ซึ่งก็คือทูตสวรรค์ฉางที่บาดเจ็บสาหัสนั่นเอง
ถึงแม้ทูตสวรรค์ฉางจะหลบกระบวนท่านี้ไม่ได้ แต่ในเสี้ยวขณะที่สำคัญก็สามารถหลบจุดอันตรายได้
ในตอนนี้เอง
“จ้าวเฟิง เจ้ากล้า!” เสียงคำรามต่ำทุ้มอย่างโกรธแค้นลอยมาจากที่ไกลโพ้น
เห็นเพียงผู้อาวุโสชุดขาวยังคงประชิดเข้าใกล้จ้าวเฟิงมาอย่างรวดเร็วภายใต้การต้านทานจากจอมเทพขั้นสามทั้งสอง
“ทูตสวรรค์อู่ ช่วยข้าด้วย!”
เห็นทูตสวรรค์อู่ไล่ตามมา ทูตสวรรค์ฉางที่แต่เดิมสิ้นหวังเกิดประกายความหวังขึ้นทันที แต่ทว่า จ้าวเฟิงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
ครืน ฟิ้ว!
แสงอัสนีกะพริบออกมาจากตาซ้ายของจ้าวเฟิงอีกครั้ง ทะลุหัวของทูตวรรค์ฉางไป
ในขณะเดียวกันก็โคจรพลังความคิด พลังแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งซัดไปยังร่างของทูตสวรรค์ฉาง
ฟู่! เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของทูตสวรรค์ฉางก็สลายไปทีละนิดๆ
เสี้ยวขณะที่ถูกกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์โจมตี แรงต้านทานของทูตสวรรค์ฉางก็อ่อนกำลังลงที่สุด ตอนนี้พลังของเปลี่ยนมายาออกฤทธิ์ ทูตสวรรค์ฉางถูกจ้าวเฟิงสังหารลงทันที
ในตอนนี้ ทูตสวรรค์อู่ใกล้เข้ามาเต็มที
จอมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองข้างหลังทูตสวรรค์อู่เผยรอยยิ้มประหลาดใจ
“ตอนนี้เขาตายแล้ว!” จ้าวเฟิงหมุนตัวกลับมามองทูตสวรรค์อู่
พลังของทูตสวรรค์อู่คนนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในบรรดาขั้นราชาเทพลงมาอย่างแน่นอน แข็งแกร่งกว่าทูตสวรรค์ที่จ้าวเฟิงเผชิญหน้าก่อนหน้านี้มาก
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จ้าวเฟิงจะเผชิญหน้ากับคนคนนี้จะต้องรีบสังหารทูตสวรรค์ฉางเสียก่อน
“จ้าวเฟิง พวกเราร่วมมือกันสังหารคนคนนี้เถิด!”
จอมเทพขั้นสามแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตส่งกระแสจิตมา
พวกเขาจอมเทพขั้นสามทั้งสองอยู่ในเงื้อมมือของทูตสวรรค์อู่แล้วก็ยังไม่ได้เปรียบ ทำให้พวกเขาอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาเห็นพลังของจ้าวเฟิงอยู่กับตา หากสามคนร่วมมือกันจะต้องเอาชนะทูตสวรรค์อู่ได้แน่นอน