บทที่ 1563 วิถีฟ้า ปะทะ วิถีฟ้า
เมื่อเห็นจ้าวเฟิงหมายหัวตนเองเอาไว้ และยังไล่ล่าสังหารโดยไม่ใยดีคนอื่น ผู้คุมกฎโย่วใจสั่นสะท้านเบาๆ
ถึงแม้เขาจะไม่ชำนาญการต่อสู้ แต่ก็ยังเป็นถึงราชาเทพชั้นยอดของเผ่าความลับสวรรค์ เพียงแต่ว่าผู้คุมกฎโย่วก็รู้ดีว่าพลังของตนเองไม่อาจประมือกับจ้าวเฟิงได้ ถึงได้เลือกหลบหนี
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ~
จ้าวเฟิงสะบัดมือ กระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์หลายสิบเล่มก่อตัวขึ้นแล้วพุ่งออกไป แต่ผู้คุมกฎโย่วไม่หลบไม่หลีก แต่หนีไปด้วยความเร็วสูงสุด
โครม ตูม~
กระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์หลายเล่มพุ่งทะลุร่างของผู้คุมกฎโย่ว แต่เขาครอบครองกายวัฏสงสาร ร่างกายส่วนที่ขาดหายก็ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน เรือรบอีกลำหนึ่งของพวกฝืนชะตาฟ้าเปลี่ยนมาป้องกัน และมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยเหลือผู้คุมกฎโย่ว
“หยุดเดี๋ยวนี้ ตาเฒ่า!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็นอย่างอดไม่ได้
เมื่อได้ยินเสียงก่นด่านี้แล้ว ผู้คุมกฎโย่วรู้สึกเดือดดาล ในฐานะที่เขาเป็นผู้คุมกฎฝ่ายขวาของพวกฝืนชะตาฟ้า เขาเคยโดนคนหยามเกียรติเช่นนี้เสียเมื่อไหร่
ทว่าผู้คุมกฎโย่วยังคงประคองสติและหนีต่อไป
แต่ความเร็วของจ้าวเฟิงเดิมทีก็เร็วกว่าผู้คุมกฎโย่วอยู่แล้ว บวกกับผู้คุมกฎโย่วเกิดความลังเลขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง
เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงบินเข้าประชิดผู้คุมกฎโย่ว
“สู่งห้วงความฝัน!” เขาโคจรดวงตาซ้าย สร้างมิติห้วงฝันแห่งหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในดวงตาขวาของจ้าวเฟิงสาดซัดแรงดูดที่รุนแรงออกมา ทำให้ผู้คุมกฎโย่วยากจะประคองสติไว้ ความเร็วลดลงไป
‘สู่งห้วงความฝันก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว!’ จ้าวเฟิงลอบยินดีในใจ
พลังของเนตรเทพมายาแข็งแกร่งขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่เปลี่ยนมายากับแปรฝันให้เป็นจริง ยังรวมไปถึงสู่งห้วงความฝันด้วย
ตอนแรกจ้าวเฟิงเพียงต้องการจะคุกคามผู้คุมกฎโย่วสักเล็กน้อย
ผลของสู่งห้วงความฝันอยู่เหนือจินตนาการเขามาก ทว่าก็ยังคงไม่เพียงพอจะดึงผู้คุมกฎโย่วเข้าไปด้านใน
“เนตรอัสนีบริสุทธิ์!” ดวงตาซ้ายเปลี่ยนแปลง สำแดงวิชาดวงตาโจมตีที่ทรงพลังออกมา
โครม เปรี้ยง!
ส่วนศีรษะของผู้คุมกฎโย่วพลันปรากฏตรากระบี่อัสนีสลัวราง พลังที่ไม่สิ้นสุดในนั้นพุ่งโจมตีลงด้านล่าง
เพราะผลกระทบจากสู่ห้วงความฝันก่อนนี้ ทำให้ผู้คุมกฎโย่วสับสนงุนงง พลานุภาพของเนตรอัสนีบริสุทธิ์สายนี้ถูกปลดปล่อยออกมาในระดับสูงสุด โจมตีเข้าใส่วิญญาณและร่างกายของเขา
“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!”
จ้าวเฟิงส่งพลังบริสุทธิ์มหาศาลออกมา จากนั้นประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน
พลังบริสุทธิ์ที่ปั่นป่วนราวคลื่นสมุทรหมุนวนรอบร่างผู้คุมกฎโย่ว เหมือนจะห่อหุ้มเอาไว้ภายใน
และในเวลานี้เอง จิตสำนึกของผู้คุมกฎโย่วก็ฟื้นคืนกลับมา
พรึ่บ! เขาหยิบชิ้นโลหะมาจำนวนมาก ภายในมีอักษรความลับสวรรค์ที่ลึกลับมากมายเปล่งประกาย สาดซัดพลังที่แข็งแกร่งออกมา
“ค่ายกลหรือ?” ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงจ้องเขม็ง พลังมายาดั้งเดิมทะลักออกมา พลังของแปรฝันให้เป็นจริงหมุนวน
ฉับพลันนั้น โลหะชิ้นหนึ่งในนั้นก็อันตรธานหายไป
อุปกรณ์พิเศษที่ขนาดเล็ก ไม่มีพลังอะไรมาก และต้องกระตุ้นใช้งาน ความสามารถนี้ของจ้าวเฟิงสามารถลบหายไปได้โดยง่าย
“อะไรนะ?” ผู้คุมกฎโย่วตกตะลึง
โลหะที่ตนหยิบออกมาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กระตุ้นค่ายกล ทว่ายังไม่ทันเป็นรูปเป็นร่าง จ้าวเฟิงเพียงแค่ปรายตามอง ก็ทำให้อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในนั้นหายไปแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ ค่ายกลย่อมไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เนตรอัสนีบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้าย สำแดงวิชาดวงตากระบวนท่าหนึ่งออกมาโจมตี
ในเวลาเดียวกัน โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ก็ถูกกระตุ้นอีกครั้ง
“อ๊าก…” เมื่อโดนแสงระยิบระยับจากดวงตาอัสนีบริสุทธิ์ ตอนที่ผู้คุมกฎโย่วฟื้นคืนสติ ก็ถูกโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ห่อหุ้มร่างเอาไว้แล้ว
พลังในร่างของถูกกลืนกินไปทีละน้อย
กายวัฏสงสารไม่ดับสูญ แต่เมื่อติดอยู่ในโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ก็ทำอะไรไม่ได้
โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์จะกลืนกินพลังของคนที่ติดอยู่ด้านในไม่หยุด ถึงร่างที่บาดเจ็บของผู้คุมกฎโย่วจะฟื้นคืนกลับมาได้รวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจฟื้นฟูพลังได้
“สู่ห้วงความฝัน!” จ้าวเฟิงกระตุ้นวิชาดวงตานี้อีกครั้ง
ผู้คุมกฎโย่วอ่อนแรงนัก ทนไม่ได้นานเท่าไหร่ ก็ถูกจ้าวเฟิงดูดเข้าไปในมิติห้วงฝัน
“ที่นี่…คือที่ไหนกัน?” ใบหน้าผู้คุมกฎโย่วตกใจสงสัย ขณะมองรอบบริเวณ
เมื่อครู่เขาถูกโซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงรัดเอาไว้ ทำไมจู่ๆ ถึงมาโผล่ที่นี่ได้?และยามนี้เอง ด้านหน้าก็มีร่างคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น คือจ้าวเฟิงนั่นเอง
แต่จ้าวเฟิงในตอนนี้กลับมีรูปร่างสูงใหญ่เกินจะเปรียบ ทำให้เขารู้สึกไปว่าไม่อาจต่อกรได้
วู้ม วูบ วูบ!
มิติสั่นไหว พลังที่น่ากลัวเกาะกลุ่มรวมตัวกันบนร่างของผู้คุมกฎโย่วทันที
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” ผู้คุมกฎโย่วถูกกดลงบนพื้น ขยับเขยื้อนไม่ได้ ตื่นตระหนกตกใจยิ่ง ในมิติประหลาดแห่งนี้ จ้าวเฟิงกลับยิ่งใหญ่ทรงพลัง จนเขาไม่สามารถรับมือได้เลย
“พูดมา เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมิติชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ไหน?”
จ้าวเฟิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา กลิ่นอายกดดันที่น่ากลัวเข้าปะทะ ผู้คุมกฎโย่วตลอดเวลา
ตอนที่ต่อสู้ในสนามรบก่อนนี้ จ้าวเฟิงวิ่งพล่านไปทั่ว เพื่อจะใช้อาวุธบรรพชนเทียมหาตำแหน่งของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมิติชิ้นนั้น ผลที่ได้ทำให้จ้าวเฟิงหมดหวังเล็กน้อย
“ฮ่าๆ ทั้งชีวิตเจ้าก็หาไม่เจอ!” ผู้คุมกฎโย่วหัวเราะร่วน
“ดูไปแล้ว เจ้าคงยังไม่รู้สถานการณ์ของตนเองสินะ!” สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา
เขายื่นมือตบลงบนศีรษะผู้คุมกฎโย่วเบาๆ
ผู้คุมกฎโย่วรู้ว่าจ้าวเฟิงต้องการสืบวิญญาณ แต่เขาก็พบว่ากระทั่งตนเองจะระเบิดตัวตายก็ยังทำไม่ได้
ผ่านไปสักครู่ จ้าวเฟิงที่รู้คำตอบ ใบหน้าเย็นชา
“ฮึ!” เขาแค่นเสียงหยัน พลังที่แข็งแกร่งปะทุออกมา ทำลายผู้คุมกฎโย่วในมิติห้วงฝันทิ้งไป
พร้อมกันนั้น ในโลกภายนอก
ตูม ผัวะ~
ร่างของผู้คุมกฎโย่วระเบิดโดยพลัน สลายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที สถานกาณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นกายวัฏสงสาร ก็ยังไม่สามารถซ่อมแซมกลับมาได้
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
อาวุธบรรพชนเทียมทะยานฟ้าถามอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้มันขาดแค่ชิ้นสุดทายเท่านั้น ก็จะกลายเป็นอาวุธบรรพชนที่สมบูรณ์ได้ จะไม่ให้กระวนกระวายได้อย่างไร
“ถูกทำลายไปแล้ว!” จ้าวเฟิงก้มหน้าเอ่ย
พวกฝืนชะตาฟ้าไม่โง่ รู้ว่าจ้าวเฟิงได้ครอบครองอาวุธบรรพชนเทียม จะต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อซ่อมแซมมัน ดังนั้นพวกฝืนชะตาฟ้าจึงทำลายเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนชิ้นสุดท้ายในครอบครองไป!
สนามรบของนายเหนือหัว
เมื่อล่วงรู้สถานการณ์การต่อสู้ด้านล่าง สีหน้าเจ้าสวรรค์ทะมึนเกินบรรยาย
โครม ตูม เปรี้ยง!
จู่ๆ ร่างเจ้าสวรรค์ก็ระเบิดกลิ่นอายทรงอำนาจที่สะเทือนฟ้าดิน ระลอกแสงสีองไร้สิ้นสุดกระจายเต็มฟ้า
“สายเลือดบรรพกาลระดับนี้ ต้องเป็นเผ่าบรรพกาลที่แท้จริง!”
นายเหนือหัวเนตรมรณะใจเต้นระรัว
ถึงจะไม่ใช้เนตรเทพวิถีฟ้า อาศัยเพียงสายเลือดเผ่าบรรพกาล นายเหนือหัวเนตรมรณะก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสวรรค์
“ลองกระบวนท่านี้ของข้าหน่อยเป็นไร!”
มือสองข้างของเจ้าสวรรค์ค่อยๆ ปรากฏกะโหลกศีรษะที่ถักทอจากแสงสีทองและเงิน ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายบรรพกาลที่กระเทือนผืนฟ้า ชั่วขณะนั้น พลังที่รวมตัวกันบนร่างเจ้าสวรรค์ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว
ฝั่งตรงข้าม เหล่านายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าใจหวาดผวา การโจมตีที่ทรงพลังขนาดนี้ พวกเขาจะตั้งรับได้หรือไม่ ก็ไม่มีใครกล้ายืนยัน
“ใช้สิ่งนี้เถอะ!” สีหน้านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เคร่งขรึม
ในเรือรบสีเงินสว่างด้านหลัง สีหน้าหลิ่วฉินซินซับซ้อน “หลังจากใช้ของสิ่งนี้แล้ว ต่อให้เป็นเนตรเทพทำนายของข้า ก็คาดเดาได้ยากว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น!”
การต่อสู้จนถึงตอนนี้ อวี่เทียนอูและหลิ่วฉินซินอาศัยพลังศาสตร์โชคชะตาคอยลอบประเมินสถานการณ์
แต่ทันทีที่เนตรเทพเจ้าทั้งหลายใช้ไพ่ตาย ก็ยากจะคาดเดาสถานการณ์ต่อไปแล้ว
“ทำอะไรไม่ได้แล้ว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงเอาชนะเจ้าสวรรค์ได้!” ดวงตาสีดำของนายเหนือหัวเนตรมรณะตึงเครียดอย่างมาก
เนตรเทพเจ้าของพวกเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์ยังพัฒนาได้อีก คราวนี้หากไม่กำจัดอีกฝ่ายทิ้ง คราวหน้าที่เจ้าสวรรค์ปรากฏกายขึ้น เกรงว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
“หากพวกเจ้าเห็นด้วย ก็ทำตามนี้แล้วกัน!” หลิ่วฉินซินถอนหายใจ คงต้องยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้ชัยชนะมา
“โทสะแห่งบรรพกาล!”
เจ้าสวรรค์คำราม ผลักฝ่ามือทั้งสองออกไป กะโหลกสีทองเงินลอยลงมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นอ้าปาก ส่งเสียงร้องคำรามที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งออกมา
เนตรเทพวิถีฟ้าหมุนโคจร กะโหลกนั้นพลันมีไฟลุกโชน เหมือนมีผมยาวเป็นเปลวเพลิง
ชั่วเวลาต่อมา ผิวของกะโหลกปรากฏชั้นหินหนาหนัก แต่ปากขนาดใหญ่กลับแผ่พลังทำลายล้างที่น่ากลัว
“อย่าได้ใจให้มากนักเลย!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาที่เปล่งประกายสายฟ้าปลดปล่อยลำแสงสว่างพร่างพราว พลังดั้งเดิมมากมายทะลักออกมา
พร้อมกันนั้น นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าคนที่เหลือก็กำลังทำอย่างเดียวกัน
พวกเขาประสานมือกระตุ้นวิชา พลังดั้งเดิมของเนตรเทพเจ้าทุกดวงรวมกันอยู่กลางอากาศ เกี่ยวประสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นหมอกแสงขุ่นข้นขมุกขมัว
พลังน่าพรั่นพรึงที่สะเทือนจักรวาลแผ่มาจากภายใน เนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์ก็สั่นไหวเช่นกัน
“วิชาเนตรเทพรวมเป็นหนึ่ง!” เจ้าสวรรค์เบิกตากว้าง มองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันที
“เทียนอู เป็นเจ้า!” เจ้าสวรรค์เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย จ้องไปที่เรือรบสีเงินสว่างด้านหลัง
“ใช่แล้ว ข้าก็รู้จักเคล็ดวิชานี้เช่นกัน!” อวี่เทียนอูตอบอย่างตรงไปตรงมา
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าที่นั่นต่างตื่นเต้นกันยิ่งนัก
เนตรเทพเจ้ารวมตัวกันจะเรียกต้นกำเนิดดวงตาสูงสุดมา พวกเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก
ในการต่อสู้ก่อนนี้ พวกเขาร่วมมือกัน หลอมรวมพลังดั้งเดิมเข้าโจมตี ก็เพื่อเตรียมจะใช้เคล็ดวิชานี้ อย่างไรเสีย ตอนที่พวกเขาลงมือ อวี่เทียนอูก็เพิ่งจะบอกเคล็ดวิชานี้กับบรรดานายเหนือหัว พวกเขายังไม่เคยลองใช้มาก่อน อีกอย่าง ในการหลอมรวมคราวนี้ หลิ่วฉินซินไม่ได้เข้าร่วมด้วย เพราะถึงอย่างไรเนตรเทพทำนายก็ยังไม่ฟื้นตัวดี หากเข้าร่วมด้วยไม่แน่ว่าอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่กลับกัน
โครม วูบ วูบ! ในกลุ่มหมอกแสงขมุกขมัว ดวงตาว่างเปล่าขนาดใหญ่ดวงหนึ่งลอยขึ้นมารางๆ ชั่วเวลานี้ ทั้งดินแดนเทพรกร้างและมิติจักรวาลสั่นสะเทือน ไม่รู้ว่ามีสถานที่กี่แห่งแหลกเป็นเสี่ยงทันที
“ทำได้เพียงแค่นี้!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์กัดฟันเอ่ย
เนตรเทพเจ้าทั้งห้าสำแดงเคล็ดวิชานี้ยากเย็นเหลือประมาณ ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล อีกทั้งการสำแดงครั้งแรก สถานการณ์การหลอมรวมก็ไม่ได้ดีนัก
เปรี๊ยะ ครืน ครืน~
ภายในเนตรเทพวิถีฟ้าขนาดใหญ่ยังแผ่กระจายแสงเทพสีเทาออกมา
กะโลกศีรษะสีทองเงินถูกพลังนั้นกวาดผ่าน อานุภาพเปลวเพลิง หิน และการทำลายล้างบนนั้นหลุดลอกออกเป็นชั้นๆ จนท้ายที่สุด กระทั่งพลังเผ่าบรรพกาลก็ค่อยๆ หายไป!
“นี่คือพลังของ ‘ต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้า’ !”
เจ้าสวรรค์เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง เมื่อดวงตาที่สามเปิดออก ก็จดจ้องไปยังดวงตาว่างเปล่าขมุกขมัวดวงนั้น
วู้ม วู้ม~
ดวงตาที่ตรงหว่างคิ้วของเจ้าสวรรค์เต้นกระตุกเบาๆ แสดงชัดว่าฮึกเหิมยิ่ง
“แย่งชิง!” เจ้าสวรรค์แค่นเสียงต่ำ เนตรเทพวิถีฟ้าหมุนโคจรอย่างบ้าคลั่ง
แรงดึงดูดที่ยากจะอธิบายสาดซัดออกจากดวงตาตรงหว่างคิ้วของเขา ปกคลุมพื้นที่ด้านหน้าเอาไว้
ในเมื่อเป็นพลังแห่งวิถีฟ้าเหมือนกัน เขาย่อมดูดซึมพลังแห่งวิถีฟ้าได้
โครม~ นายเหนือหัวทั้งห้ารวบรวมพลังกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก จึงควบคุมได้ยาก พลังวิถีฟ้าที่หลั่งไหลออกมาจากเนตรเทพวิถีฟ้า ถูกเนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์ดูดซึมไปไม่น้อย
เจ้าสวรรค์มีท่าทีสุขสำราญมาก เขาสูดหายใจเข้าลึก
จะต้องรู้ว่า ในตอนที่เขารวมเนตรเทพวิถีฟ้าก็ผ่านการต่อสู้หลายครั้ง ใช้เวลาหลายปี ถึงจะใช้เนตรเทพวิถีฟ้าได้ชำนาญ
แต่บรรดานายเหนือหัวที่รวมเนตรเทพวิถีฟ้าเป็นครั้งแรกโดยใช้วิชาเนตรเทพรวมเป็นหนึ่ง ย่อมไม่สามารถควบคุมพลังวิถีฟ้าได้ง่ายดายอย่างนั้น เจ้าสวรรค์จึงถือโอกาสดูดซึมพลังวิถีฟ้าไปได้ไม่น้อย
“เหอะ!”
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าสังเกตเห็นจุดนี้ จึงค่อยๆ คลำทางเพื่อควบคุมพลังกลุ่มนั้น
แน่นอน ผู้ที่ถูกกระตุ้นไม่ใช่เพียงแต่เนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์เท่านั้น
ด้านล่าง ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ส่งความเจ็บปวดมา หนำซ้ำพลังมายาดั้งเดิมมหาศาลยังปั่นป่วนอยู่ในมิติเนตรเทพเจ้า