Skip to content

King of Gods 293

King Of Gods

บทที่ 293 : สามปทุม

โลงศพจื่อถง ชั้นสอง

โจรเถาชานเฟ่ยเกรี้ยวกราดอย่างมาก ส่งเสียงสบถคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ปราณจิตวิญญาณแท้ในร่างพลุ่งพล่านจนแทบจะเผาไหม้

“ไอ้เด็กผมฟ้านั่น…”

ชายหนุ่มชุดทองสีหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาต จิตสังหารเย็นเยียบแพร่สู่อากาศ

ฉานเซว่ตูอิงและนายท่านปี้ยังคงนิ่งอึ้ง

สุดท้าย “พลันเกิด” เหตุการณ์ที่พวกเขาเองต่างก็คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงขึ้น

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจ้าวเฟิงที่ดูอ่อนแอ ในช่วงเวลาวิกฤติจะสามารถ ‘ตอบโต้’ ได้อย่างรุนแรงเช่นนี้

เพียงการกระทำอย่างหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับสามารถล้มกระดาน เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้

ทั้งจ้าวเฟิงที่จับอาจารย์กลไกค่ายกลไว้เป็นตัวประกันย่อมสามารถเข้าไปยังโลงศพจื่อถงชั้นสามได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

ชั้นที่สามเป็นที่ตั้งของโลงศพที่แท้จริงที่ฝั่งร่างของจอมโจรฉุ่ยเยว่เอาไว้ สมบัติที่ถูกฝังอยู่ที่นั่นย่อมต้องเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในถ้ำลับสายธารจันทราแห่งนี้

“ศิษย์พี่ สามปทุมและ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ย่อมอยู่ที่ชั้นสาม ไอ้เด็กนี่ช่างไม่เจียมตัว บังอาจ…”

สตรีชุดสีสดที่ตัวสั่นสะท้านเพิ่งได้สติกลับมา ทรวงอกขยับขึ้นลงถี่รัว

“หึ อาจารย์เฮยหยุนถูก “พิษเก้าบุปผามรณะ” ของข้าอยู่ หากไม่ได้รับยารักษา เขาย่อมสิ้นชีพภายในครึ่งวัน รูปแบบกลไกกับดักในชั้นที่สามนับว่ายากที่สุด ต่อให้ไอ้เด็กนั่นจับอาจารย์ไปแต่ก็ไม่มีทางที่จะเปิดโลงศพที่ฝังสมบัติในชั้นสามได้”

ชายหนุ่มชุดทองเยือกเย็นลง

หากไม่มียารักษา อาจารย์เฮยหยุนย่อมต้องตายภายในเวลาครึ่งวัน ย่อมไม่มีเวลาเพียงพอที่จะแก้ไขกลไกจึงถึงชั้นสุดท้าย

“นอกจากนั้น ที่การแก้ไขกับดักกลไกก่อนหน้าของอาจารย์เฮยหยุนก่อนหน้าราบรื่นมาโดยตลอดเป็นเพราะมีประสาทสัมผัสจิตวิญญาณจากผู้ที่เข้าใกล้ขั้นผู้วิเศษแท้เช่นข้าอยู่ หากไม่มีข้าคอยช่วยเหลือ ความเร็วในการคลายกับดักย่อมเหลือเพียงสามสี่ส่วนจากสิบส่วนของก่อนหน้าเท่านั้น”

ชายหนุ่มชุดทองอธิบาย มุมปากยกโค้งขึ้นเป็นสีหน้าลำพองใจ

“หรืออีกนัยหนึ่ง พวกเรายังมีความหวังอยู่!”

สตรีชุดสีสดใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

สองฝ่ายที่เหลือ นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงรู้สึกดีใจอย่างมากที่จ้าวเฟิงสามารถแย่งตัวอาจารย์เฮยหยุนไปได้สำเร็จ ทำให้อำนาจในการควบคุมสถานการณ์ของโจรเถาชานเฟ่ยอ่อนด้อยลง

“จ้าวเฟิงผู้นี้ มิคาดทั้งความแข็งแกร่งวิธีการล้วนยอดเยี่ยมนัก สามารถเทียบเท่ากับผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปได้”

นายท่านปี้ในยามนี้รู้สึกเสียใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ที่ผ่านมา เขามองเจ้าเฟิงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง กระทั่งมีความระแวงสงสัยในตัวอีกฝ่าย ไร้ซึ่งความเชื่อใจ

ยามข้ามผ่านแม่น้ำแมลง นายท่านปี้ตัดสินใจที่จะทิ้งหมากตัวนี้ไป

แต่ไม่เคยคาดคิดว่าความสามารถหลังจากยามนั้นของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวจะฉีกทุกกฎเกณฑ์ ในยามนี้กระทั่งคว้าฉวยโอกาสล้มกระดาน กลายเป็นฝ่ายควบคุม

ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวเองก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาได้ประเมินจ้าวเฟิงต่ำไป

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงได้คว้าโอกาสเอาไว้ในกำมือแล้ว แม้จะไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม

“ไป จะให้จ้าวเฟิงครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไม่ได้เด็ดขาด”

สีหน้าของนายท่านปี้เต็มไปด้วยความเด็ดขาด ให้ปี้เฉี่ยวยู่นำหน้า เปิดประตูทางทิศใต้เพื่อผ่านไปยังชั้นสาม

โจรเถาชานเฟ่ยและฉานเซว่ตูอิงไม่มีกะจิตกะใจที่จะต่อสู้ ต่างฝ่ายต่างแบ่งสมบัติที่เหลือหลังจากนั้นจึงรีบมุ่งไปยังชั้นที่สาม

ทว่า

โครงสร้างกลไกค่ายกลในห้องทั้งเก้าที่ชั้นสามนั้นยากกว่าชั้นที่ผ่านมา

ฉานเซว่ตูอิงร่วมมือกับผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียว ทว่าเพียงห้องแรกก็เสียเวลาไปกว่าครึ่งก้านธูปแล้ว

ความเร็วของชายหนุ่มชุดทองเองก็ไม่เชื่องช้า จะอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์เอกของจอมโจรฉุ่ยเยว่ ด้านกลไกค่ายกลย่อมได้เรียนรู้มาอยู่บ้าง

ผู้ที่รวดเร็วที่สุดย่อมเป็นจ้าวเฟิง

ยามแก้กับดักห้องที่หนึ่ง อาจารย์เฮยหยุนได้เอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า “ก่อนหน้าที่ข้าสามารถแก้กับดักได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากโจรเถาชานเฟ่ย คนผู้นี้มีประสาทสัมผัสจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ปราณจิตวิญญาณเข้าใกล้ขั้นผู้วิเศษแท้แล้ว”

“ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ไม่น้อยกว่าเขาแน่นอน”

น้ำเสียงของจ้าวเฟิงสงบเยือกเย็น

อาจารย์เฮยหยุนย่อมไม่ค่อยเชื่อถือในคำของเด็กหนุ่ม จะอย่างไรพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงนั้นยังไม่เข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำ

ความจริงแล้ว ด้วยแหล่งกำเนิดพลังจิตที่แข็งแกร่งทรงพลัง จ้าวเฟิงได้รับประสาทสัมผัสจิตวิญญาณมานานแล้ว

ทว่าปกติแล้วเด็กหนุ่มจะไม่ใช้มัน สิ่งนี้ด้อยกว่าเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าของเขามากนัก

หากไม่มีวัตถุใดมาขวางกั้น เพียงดวงตาเทพเจ้าของเขาก็สามารถมองไปได้ไกลหลายร้อยลี้อย่างสบายๆ

จากนั้น

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาเทพเจ้าช่วยอาจารย์เฮยหยุนแก้กับดักตามที่เขาขอไว้

ในที่สุด การแก้ไขกับดักในห้องแรกก็เป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งนัก

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ ทว่ายังคงมีความไม่เชื่อถืออยู่บ้าง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความโชคดีก็เป็นได้

ทว่า

ในห้องที่สอง สายตาที่เฉียบแหลมแม่นยำของจ้าวเฟิงได้ทำให้อาจารย์เฮยหยุนต้องนิ่งอึ้ง

ห้องที่สาม อาจารย์เฮยหยุนกลับกลายเป็นตื่นตะลึงโดยสิ้นเชิง

จ้าวเฟิงเพียงแค่ไม่เข้าใจในกับดักกลไกมากนักด้วยขาดประสบการณ์ แต่หากพูดถึงสายตานั้น เด็กหนุ่มนับได้ว่ามีความแม่นยำกว่าอาจารย์ผู้นี้มากนัก

หากอาจารย์เฮยหยุนต้องการหาตำแหน่งของกับดักจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสิบลมหายใจ

ทว่าจ้าวเฟิงลำบากเพียง “กวาดตามองครั้งหนึ่ง”

ปัญหาคือถึงจ้าวเฟิงจะมองเห็นโครงสร้างกับดักชัดเจน ทว่าเขาไม่เข้าใจหลักการของมัน นับว่าไม่มีประโยชน์

“อัจฉริยะ! อัจฉริยะด้านกลไกที่ในรอบหมื่นปียากที่จะได้พบเจอ! หากเจ้ายินยอมที่จะเรียนวิชากับข้า ข้า ผู้เฒ่า จะทำให้เจ้ากลายเป็น ‘ปรมาจารย์ด้านกลไก’ เพียงหนึ่งเดียวในทวีปเหนือแห่งนี้…”

อาจารย์เฮยหยุนตื่นเต้นอย่างมาก ทั่วทั้งใบหน้าแดงซ่าน

“ขออภัยด้วย ข้าเป็นทั้งอัจฉริยะด้านการทำยา อัจฉริยะด้านงานช่าง และอัจฉริยะด้านค่ายกล…”

จ้าวเฟิงสีหน้านิ่งเฉย สถานการณ์เช่นนี้นับว่าประสบพบจนคุ้นชินแล้ว

ในวันนั้นที่ชายหนุ่มผมสีเลือดและอาจารย์เถี่ยกานสร้าง “วงแหวนทมิฬ” ยังต้องอาศัยความแม่นยำของเขา

ควรรู้ว่า

ชายหนุ่มผมสีเลือดนั้นมีพลังขั้นนายเหนือแท้ ทั้งอาจารย์เถี่ยกานยังมีความสามารถในการสร้างอาวุธที่อยู่ในแนวหน้าของอาณาจักรนภาที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้

สายตาเร่าร้อนของอาจารย์เฮยหยุนหมองหม่นลงหลายระดับ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสัตว์ประหลาดเบื้องหน้าตนอีกครั้ง

หากเด็กหนุ่มผู้นี้เอ่ยความจริง อีกฝ่ายย่อมเป็นอัจฉริยะรอบด้านแล้ว

หากเขาคาดเดาถูกต้อง จ้าวเฟิงนับเป็นอัจฉริยะรอบด้าน นอกจากการฝึกตนและพลังฝึกตนที่อาจไม่รวดเร็วนัก ด้านอื่นๆ อาจนับได้ว่าเป็นมัจฉาในสายธารา

จ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุนร่วมมือกัน ทำให้การคลายกับดักรวดเร็วกว่าที่คิดไว้มากนัก

“เจ้ากับข้าร่วมมือกัน ความเร็วในการคลายกับดักนับว่าเหนือกว่าผู้ใดในทวีปแห่งนี้”

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกหวาดผวา

ไม่ว่าจะเป็นกลไกชนิดใด เพียงจ้าวเฟิงกวาดตามองก็สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของมันออกมาได้

นอกจากนั้น เมื่อแก้ไขกลไกร่วมกับอาจารย์ด้านกลไก ความรู้และประสบการณ์ของเด็กหนุ่มก็เพิ่มมากขึ้น

ในที่สุด

ทั้งสองใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วน้ำชาเดือดก็สามารถแก้กับดักทั้งเก้าห้องได้สำเร็จ

“รวดเร็วเกินไปแล้ว นอกจากนั้นกลไกในทิศตะวันออกยังนับว่ายอดเยี่ยมโดยแท้”

อาจารย์เฮยหยุนอดที่จะชื่นชมไม่ได้

ในระหว่างทาง การแก้กับดักแต่ละครั้งทำให้จ้าวเฟิงได้ประโยชน์ไปไม่น้อย กระทั่งได้ครอบครอง “ยาร้อยหลอม” และสิ่งอื่นๆ

ครืดดด

ประตูชั้นที่สามเปิดออก

จ้าวเฟิงข่มความตื่นเต้นเอาไว้ในใจก่อนจะเดินเข้าไปยังลานเล็กแห่งใหม่

พื้นที่บนลานที่ชั้นสามไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทว่าที่ว่างเหนือศีรษะนั้นกว้างใหญ่มาก

ใจกลางลานปรากฏโลงแก้วถูกแขวนลอยอยู่กลางอากาศ ด้านในมองเห็นร่างศพอยู่ลางๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบร้อยปีกลับยังคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างน่าประหลาดใจ

ในโลงแก้วปรากฏสมบัติอยู่ แม้จำนวนจะไม่มากนัก แต่หากหยิบฉวยได้มา ไม่ว่าชิ้นใดก็จัดอยู่ในชั้นจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย

ในโลงแก้วปรากฏดอกบัวสามสีสามดอกขนาดเท่าฝ่ามือ ผลิบานส่องแสงนวลตา โดดเด่นยิ่งนัก

“นี่คือหนึ่งในสี่สมบัติสายธารจันทรา ‘สามปทุม’! ”

ใบหน้าของอาจารย์เฮยหยุนปรากฏความตื่นตะลึง ราวกับได้เห็นสตรีงามล้ำผู้หนึ่งยืนอยู่

ยามอยู่ที่ชั้นหนึ่งและสอง ชายชรายังไม่เคยแสดงสีหน้าเช่นนี้

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกวาดมองไปรอบๆ และรับรู้ได้ในทันทีว่าสามปทุมเป็นสมบัติที่มีค่าสูงสุด มูลค่าของมันเหนือกว่า “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” และ “ถุงร้อยบุปผา” แม้ว่าจะนำสมบัติทั้งสองมารวมกันก็ยังนับว่าด้อยค่ากว่า

“สามปทุมคือมรดกสายมารที่เป็นสมบัติมรดกของสำนักร้อยบุปผา ในอดีตเป็นเพราะจอมโจรฉุ่ยเยว่มีสมบัติชิ้นนี้จึงสามารถหลบหนีการไล่ล่าของผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งหลายได้”

อาจารย์เฮยหยุนพูดออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย

เมื่อฟังถึงยามนี้ จ้าวเฟิงก็สั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น

เมื่อฟังคำอธิบายของอาจารย์เฮยหยุน เด็กหนุ่มก็เข้าใจถึงความสามารถของดอกบัวเหล่านี้แล้ว

ความสามารถของสามปทุมนั้นใช้เพื่อป้องกัน ตัวของมันไม่มีคุณสมบัติในการโจมตี

ทว่าความสามารถในการป้องกันและสนับสนุนของมันนับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก

อย่างแรก

สามปทุมสามารถลอยได้ ทั้งความเร็วยังมากนัก หากผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นผู้ใช้ ความเร็วในการบินของมันนับว่าสามารถเทียบเคียงได้กับขั้นนายเหนือแท้ได้ นอกจากนั้นยังไม่กินพลังมากนัก

นอกจากนั้น

สามปทุมสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นกลีบดอกไม้เพื่อปกป้องผู้เป็นนายได้ พลังโจมตีของขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปไม่สามารถทำลายการป้องกันของมันได้

สุดท้าย สามปทุมยังมีความสามารถในการสนับสนุนที่ไม่ธรรมดา มันสามารถปล่อยกลิ่นหอมประหลาดสามชนิดได้ โดยแบ่งเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสงบ กลิ่นที่ทำให้สติพร่าเลือน และกลิ่นที่ปลุกกำหนัด

กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสงบมีประโยชน์ในการฝึกวิชา รวมทั้งตัวสามปทุมเองก็สามารถรวบรวมไอสวรรค์ เพิ่มความเร็วในการฝึกตนได้

ในอดีต จอมโจรฉุ่ยเยว่มีสิ่งนี้ ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่สิบปี พลังฝึกตนจึงได้เข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด

กลิ่นแรกที่ทำให้รู้สึกสงบยังสามารถแก้ไขอาการของกลิ่นที่ทำให้สติพร่าเลือนและกลิ่นปลุกกำหนัดได้ กระทั่งสามารถหลอมละลายพิษที่รุนแรงที่สุดของหนทางมารได้

“สามปทุมเป็นสมบัติที่สำคัญที่สุดของจอมโจรฉุ่ยเยว่ เป็นไพ่ที่ทำให้เขาสามารถท่องทะยานไปทั่วทั้งอาณาจักรได้ หากเจ้าสามารถทำให้ ‘สามปทุม’ ยอมรับได้ในระยะเวลาสั้นๆ ย่อมสามารถต้านทานการโจมตีของขั้นมนุษย์แท้ได้ตรงๆ ”

อาจารย์เฮยหยุนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ สายตาเลื่อนไปจับจ้องยังโลงศพแก้วที่อยู่ด้านบน

เหนือโลงแก้วปรากฏผลึกน้ำแข็งแขวนอยู่พร้อมแพร่กระจายไอเย็นออกมา ข้างในมีตำราโบราณเล่มหนึ่ง พื้นผิวส่องแสงสีดำมืด

คัมภีร์บุปผาลึกลับ!

ตัวอักษรหลายตัวบนปกตำรานั้น เพียงกวาดมองหนึ่งครั้งจ้าวเฟิงก็รับรู้ หัวใจกระตุกวูบ

อาจารย์เฮยหยุนและจ้าวเฟิงเข้าใกล้บริเวณโลงแก้วและเริ่มคลายกลไกขั้นสุดท้าย

“ไม่คิดว่ารูปแบบกลไกขั้นสุดท้ายจะใช้พิมพ์เขียวของมรดกความลับสวรรค์”

อาจารย์เฮยหยุนสีหน้ามืดทะมึนขึ้น

ความรู้เกี่ยวกับกลไกของเขาแน่นอนว่าเหนือกว่าจอมโจรฉุ่ยเยว่

แต่ว่าใจกลางของกลไกนี้ได้ถูกสร้างขึ้นจากพิมพ์เขียวของมรดกสวรรค์ที่เก่าแก่และลึกลับที่สุด!

ความละเอียด ประณีต และซับซ้อนของกลไกนี้เหนือกว่าที่คาดคิดเอาไว้

โครงสร้างบางส่วนนั้นกระทั่งสร้างความสงสัยลังเลให้แก่อาจารย์เฮยหยุน

“เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะวาดโครงสร้างกลไกนี้ออกมา”

จ้าวเฟิงเสนอขึ้น

วาดออกมา?

อาจารย์เฮยหยุนนิ่งอึ้ง

เมื่อสิ้นเสียง เขาก็เห็นจ้าวเฟิงนำกระดาษและปากกาออกมาวาดด้วยความรวดเร็ว

สายตาของเด็กหนุ่มสงบนิ่ง ปากกาที่เคลื่อนไหวอยู่ในมือเป็นไปอย่างมั่นคง ไม่มีความสั่นไหวแต่อย่างใด

เพียงหนึ่งลมหายใจ จ้าวเฟิงก็วาดพิมพ์เขียวออกมามากกว่าสิบแผ่น ทั้งความชัดเจนและแม่นยำยังอยู่ในระดับที่น่าพรั่นพรึง

อาจารย์เฮยหยุนมองไปยังพิมพ์เขียวที่มีโครงสร้างซับซ้อนอย่างยากจะหาสิ่งใดเทียบเบื้องหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

จ้าวเฟิงตรวจสอบรูปที่วาดออกมาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีส่วนใดผิดพลาด

“อาจารย์ หากต้องการแก้กลไกสุดท้ายนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานเท่าใด?”

จ้าวเฟิงถาม

“จากโครงสร้างที่เจ้าวาดมา จำต้องใช้เวลาราวครึ่งวันจึงจะสามารถแก้ได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถเปิดโลงแก้วออก เจ้าจะสามารถครอบครองสามปทุมและของอื่นๆ ได้”

อาจารย์เฮยหยุนกล่าว

“เวลาครึ่งวันไม่นับว่านาน จากการคำนวณของอาจารย์ ท่านคิดว่าคนอื่นๆ ต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะมาถึงชั้นสาม”

จ้าวเฟิงถาม

“พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกวัน มากสุดก็สิบวันจึงจะเข้ามาที่ชั้นสามได้”

บนใบหน้าของอาจารย์เฮยหยุนปรากฏร่องรอยความยินดี

ด้วยการร่วมมือกันของทั้งสอง ความเร็วในการแก้ไขกลไกในชั้นที่สามนับว่าเหนือกว่าผู้อื่นในทวีปแห่งนี้

“ดี! ราบรื่นกว่าที่คิดไว้”

จ้าวเฟิงมีสีหน้ายินดี นั่งลงขัดสมาธิก่อนดื่ม “น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์” เข้าไปเล็กน้อยแล้วเริ่มฝึกตน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version