Skip to content

King of Gods 292

King Of Gods

บทที่ 292 : แผนล้มกระดาน

ณ ลานชั้นสอง โจรเถาชานเฟ่ยได้ “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” ไปสร้างแรงกดดันต่อผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสอง กระทั่งใช้เพียงแค่พลังของคนคนเดียวก็สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้

สมบัติที่อยู่ในโลงแก้วส่วนใหญ่ถูกพวกชายหนุ่มชุดทองสามคนครอบครอง

ทั้งยามนี้ “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” ยังไม่สามารถจดจำเจ้าของได้ มิเช่นนั้นโจรเถาชานเฟ่ยอาจจะลงมือ กระทั่งคร่าชีวิตของสองยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไปแล้ว

“นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงไม่อาจยื้อเวลาไว้ได้นาน”

จ้าวเฟิงลอบคิดในใจ

เด็กหนุ่มยืนใกล้ทางเข้าฝั่งตะวันออก สีหน้าราบเรียบ ไม่กระทำการผลีผลามแต่อย่างใด

“จ้าวเฟิง! เจ้ายังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก!”

นายท่านปี้เห็นจ้าวเฟิงก่อนรีบเอ่ยเรียกเสียงลั่น

“ไอ้เด็กผมฟ้า! หากพวกเราตาย เจ้าเองก็หมดหวังที่จะมีชีวิตรอดไปได้เลย!”

แววตาของฉานเซว่ตูอิงปรากฏประกายเย็นเยียบ

พลังของจ้าวเฟิงนั้น ในบรรดาผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสามนับว่าแข็งแกร่งที่สุด

ทั้งยามอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เด็กหนุ่มสามารถเอาชนะสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงด้วยตนเอง แข็งแกร่งอย่างน่าหวาดหวั่นนัก

หากจ้าวเฟิงยอมยื่นมือเข้าช่วย อย่างน้อยพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็เทียบเท่ากับขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง แม้จะไม่สามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างน้อยก็ยังพอช่วยคานพลังของทั้งสองฝ่ายไว้ได้

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับท่อนไม้แข็งทื่อ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ไอ้เด็กผมฟ้า ไม่ว่าเจ้าจะช่วยพวกมันหรือไม่ จะอย่างไรข้าก็จะบดขยี้เจ้าจนแหลกเป็นผุยผง”

ชายหนุ่มชุดทองหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สายตาส่องประกายจ้องมองไปยังจ้าวเฟิง จิตสังหารแผ่ซ่านออกจากร่าง

ยามอยู่ที่ชั้นหนึ่ง โจรเถาชานเฟ่ยเกลียดชังจ้าวเฟิงยิ่งนัก

หากไม่เป็นเพราะจ้าวเฟิง เขาคงได้ครอบครอง “ถุงร้อยบุปผา” อาวุธที่มีพลังเพียงพอในการปลิดชีพคนทั้งหมดได้ไปแล้ว

โจรเถาชานเฟ่ยผู้นี้ โอหังยิ่งนัก!

จ้าวเฟิงมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กๆ

ไม่ว่าเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวจะช่วยอีกสองฝ่ายหรือไม่ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปอยู่ดี

เห็นได้ชัดว่า โจรเถาชานเฟ่ยมีความมั่นใจมากเพียงใด หากครอบครอง ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ แล้วจะสามารถควบคุมทุกสิ่งได้

“หึ! เจ้าสองคนนี้คงยื้อเวลาได้ไม่นานนัก รอให้พวกมันสู้ไม่ไหวและล่าถอย ยามนั้นข้าค่อยใช้เวลาให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาจดจำ เมื่อถึงตอนนั้นการฆ่าคนพวกนี้ย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย”

ชายหนุ่มชุดทองราวกับกุมชัยชนะไว้ในกำมือแล้ว

พลังของเขาอยู่ในจุดสูงสุด มีอันใดที่จะต้องหวาดกลัว?

เมื่อโจรเถาชานเฟ่ยพูดเช่นนั้น นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงต่างก็ดีใจอย่างมาก

“จ้าวเฟิง! โจรเถาชานเฟ่ยไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรอก”

“ยังไม่รีบเข้ามาช่วยพวกเราอีก!”

สองผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ล่อแหลมอย่างมาก

ปี้เฉี่ยวยู่ที่อยู่ในมุมหนึ่งอดทนไม่ไหวและพูดออกมา “พี่จ้าวเฟิง ข้าขอร้องเถอะ โปรดช่วยเรา หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมสร้างอันตรายแก่คนผู้อื่นในโลก ท่านต้องขัดขวางเขา”

“อืม”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อย

จากนั้นเด็กหนุ่มจึงวาดมือหนึ่งครั้ง

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยถือแส้สีดำประกายเงิน ปรากฏรอยโลหิตพาดผ่านไว้ในมือก่อนจะทะยานขึ้นไปบนอากาศ

จ้าวเฟิงส่งสายตาให้แมวขโมยตัวน้อยเหวี่ยง “แส้อสรพิษโลหิตลึกลับ” เข้าร่วมในสถานการณ์วุ่นวาย

ความคล่องแคล่วของแมวขโมยตัวน้อยนั้นยากจะหาผู้ใดเทียบ วิชาการพรางตัวของมันยังยอดเยี่ยมนัก

ขยับเพียงไม่กี่ครา มันก็สามารถแย่งชิงสมบัติด้านล่างมาได้

“ผลึกอู่หางรุ่ย!”

ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียว สตรีชุดสีสด และผู้นำตระกูลปี้สามคนกำลังแย่งชิงผลึกศิลาห้าสีอยู่

ผลึกอู่หางรุ่ยนับเป็นวัสดุหายากล้ำค่า มันสามารถหลอมรวมเข้ากับอาวุธและเพิ่มอานุภาพให้แก่อาวุธชิ้นนั้น เพิ่มคุณภาพของมันได้

ผลึกอู่หางรุ่ยหนึ่งก้อนสามารถทำให้อาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับต่ำเพิ่มพลังขึ้นครึ่งขั้นได้ หากเพิ่มวัสดุอื่นเข้าไป กระทั่งสามารถเปลี่ยนให้อาวุธชิ้นนั้นกลายเป็นอาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางได้

หากเป็นอาวุธชั้นมนุษย์ระดับสุดยอด เช่นคันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิงได้หลอมรวมกับผลึกอู่หางรุ่ยก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นอาวุธชั้นจิตวิญญาณได้

มูลค่าของวัสดุชิ้นนี้สูงกว่าอาวุธชั้นจิตวิญญาณทั่วไปเสียอีก

พรึบ!

ทันใดนั้น เงาของแส้อสรพิษโลหิตลึกลับก็ได้ปรากฏขึ้นจากอากาศ รัดเอา “ผลึกอู่หางรุ่ย” ไป

“ไอ้แมวขโมย รนหาที่ตาย!”

“วางผลึกอู่หางรุ่ยลงซะ!”

สตรีชุดสีสดและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวเอ่ยน้ำเสียงดุดัน

ทว่าทันใดนั้น สายตาของทั้งสองพลันส่องประกายขึ้น

ในมือของแมวขโมยตัวน้อยนั้นไม่ได้มีเพียง “ผลึกอู่หางรุ่ย” ทว่ายังมีของที่ไม่อาจประเมินค่าได้อย่าง “แส้อสรพิษโลหิตลึกลับ” อยู่ด้วย

“ตราบเท่าที่ฆ่าไอ้แมวนั่นได้ ก็จะสามารถได้ทั้งแส้อสรพิษโลหิตลึกลับและผลึกอู่หางรุ่ยมาพร้อมกัน”

สามผู้มีพลังในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงต่างมุ่งตรงไปยังแมวขโมยตัวน้อย

พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง ทว่าการรับมือกับแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงเขาย่อมง่ายดายกว่า

พรึบ พรึบ

แมวขโมยตัวน้อยแสยะเขี้ยวแสดงความขบขัน ร่างจางหายไปในอากาศ

ยามเมื่อมันหลบซ่อน กระทั่งผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ยังยากที่จะหาเจอ

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าของโจรเถาชานเฟ่ยก็ย่ำแย่ลงและโมโหอย่างมาก

หนึ่งคนหนึ่งแมวแย่งสมบัติไปได้นับไม่ถ้วน โลภโมโทสันยิ่งนัก น่าฆ่าให้ตายนับร้อยนับพันครั้ง

ชายหนุ่มชุดทองตัดสินใจแน่วแน่ เขาต้องหาโอกาสฆ่าแมวขโมยตัวนั้นให้ได้

จะอย่างไร มูลค่าของแส้อสรพิษโลหิตลึกลับและผลึกอู่หางลุ่ยก็นับว่าใกล้เคียงกับ “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” สามารถทำให้กระทั่งผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงยังต้องริษยา

ฟุ่บ ฟุ่บ

จ้าวเฟิงน้าวสายคันศรหลัวซุยอยู่ไกลๆ ส่งลูกศรตรงไปทางโจรเถาชานเฟ่ย

การโจมตีของเขาอย่างมากก็แค่ขัดขวางการกระทำของโจรเถาชานเฟ่ย ทว่าไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บใดๆ ให้อีกฝ่ายได้

ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไปที่แมวขโมยตัวน้อย จ้าวเฟิงรักษาสีหน้าเอาไว้ สายตามมองไปยังอาจารย์เฮยหยุนที่อยู่ที่มุมหนึ่ง

แม้อาจารย์เฮยหยุนจะมีพลังในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง และเพียงอีกสองส่วนก็สามารถบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ทว่าเขาไม่ถนัดในการต่อสู้

ดังนั้นแล้ว เขาจึงเป็นเหมือนปี้เฉี่ยวยู่ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้

“ท่านอาจารย์ ข้านับถือวิชากลไกค่ายกลของท่านมานานแล้ว ในมือของข้ามีพิมพ์เขียวจาก ‘มรดกความลับสวรรค์’ อยู่”

ริมฝีปากของจ้าวเฟิงไร้ซึ่งการขยับไหว กระทั่งไม่ได้ใช้ปราณแท้ ทว่าเสียงกลับดังไปยังสมองของอาจารย์เฮยหยุน

หลังจากที่เนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าวิวัฒนาการ พลังจิตของมันก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงสามารถใช้เสียงของตนเองส่งผ่านไปยังจิตวิญญาณได้โดยตรง

มรดกความลับสวรรค์?

อาจารย์เฮยหยุนตะลึงเล็กน้อย

ในบรรดาสี่มหามรดก มรดกความลับสวรรค์นับเป็นอันดับแรก มีความเก่าแก่ที่สุดและลึกลับที่สุด

ปัจจุบันในทวีปแห่งนี้ พิมพ์เขียวจากมรดกความลับสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นมีน้อยนัก ทั้งระดับอารยะธรรมของมันนั้นยังห่างไกลจากต้นกำเนิดนัก

“ไอ้แมวขโมย! ตายซะ!”

โจรเถาชานเฟ่ยตวาดดังลั่น “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” ในมือถูกวาดออกไปครั้งหนึ่ง คลื่นอากาศเย็นเยียบพุ่งตรงไปทางแมวขโมยตัวน้อย

เปรี้ยง!

นายท่านปี้ได้รับผลกระทบจากการโจมตีนั้นจนต้องล่าถอย คลื่นพัดที่วาดออกมานยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความตายมุ่งไปยังร่างของแมวขโมยตัวน้อย

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจางหายไปในอากาศ

ลางสังหรณ์ของมันนั้นแข็งแกร่งแม่นยำนัก กระทั่งการโจมตีที่แสนรวดเร็วของโจรเถาชานเฟ่ยก่อนหน้ายังสามารถหลบหลีกได้ทัน

“ไอ้แมวขโมยนั่นหายไปไหนแล้ว!”

ผู้คนสูญเสียร่องรอยของแมวขโมยตัวน้อยไป

โจรเถาชานเฟ่ยส่งประสาทสัมผัสจิตวิญญาณออกไปค้นหา เขาสงสัยว่าแมวขโมยตัวน้อยอาจจะหลบอยู่ใต้พัดของเขา แปลงเป็นฝุ่นผงกลมกลืนไปกับพัด

เมี้ยว เมี้ยว

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏตัวบนไหล่ของจ้าวเฟิง

ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จ้าวเฟิงได้ไปยืนอยู่กับ ‘อาจารย์เฮยหยุน’ ใกล้ประตูทิศตะวันออก

“อาจารย์เฮยหยุน!”

โจรเถาชานเฟ่ยพลันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ร้องอออกมาครั้งหนึ่ง

ยามนี้

เขาเห็นเพียงอาจารย์เฮยหยุนยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง

มือข้างหนึ่งของจ้าวเฟิงวางไว้บนบ่าของอาจารย์เฮยหยุนพร้อมแย้มรอยยิ้มบาง “ทุกท่าน ข้าแซ่จ้าวขอตัวไปชั้นที่สามก่อนแล้วกัน”

จากนั้น เขากับอาจารย์เฮยหยุนที่เป็นตัวประกันก็ได้พุ่งตรงไปยังประตูตะวันออกในทันที

สวรรค์!

จิตใจของทุกคนสั่นไหวอย่างรุนแรง

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงต่างยืนนิ่งอึ้ง สูดลมหายใจเย็นเยือก

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเมื่อใดที่จ้าวเฟิงจับ “อาจารย์เฮยหยุน” ไว้เป็นตัวประกัน

ความสนใจของทุกคนถูกแมวขโมยตัวน้อยดึงดูดไป รวมทั้งโจรเถาชานเฟ่ยที่ตั้งใจจะฆ่าแมวขโมยตัวน้อยและเอาแส้อสรพิษโลหิตลึกลับกับผลึกอู่หางรุ่ยไป

อาจารย์เฮยหยุนสีหน้าเฉยชาไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง ยินยอมให้จ้าวเฟิงจับเป็นตัวประกันและเข้าไปใกล้ประตูทองสัมฤทธิ์ด้านหน้า

“ไอ้โจร! หยุดเดี๋ยวนี้!”

โจรเถาชานเฟ่ยหัวใจเย็นเยียบ ส่งเสียงกราดเกรี้ยวอย่างน่าหวาดกลัว

การที่เขาเข้ามายังสมบัติสายธารจันทราและสามารถผ่านกับดักไปได้นั้น ความดีความชอบส่วนมากล้วนมาจากอาจารย์เฮยหยุน

หรืออีกนัยหนึ่ง

ผู้ใดได้ตัวอาจารย์เฮยหยุนไปย่อมหมายความว่าจะได้โอกาสแย่งสมบัติก่อน

“ไอ้หนู! หยุด—-”

โจรเถาชานเฟ่ยร้อนรน โคจรปราณจิตวิญญาณอย่างบ้าคลั่งมุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงโดยไม่สนใจผู้ใด

ทว่าจ้าวเฟิงได้คำนวณระยะห่างไว้แล้ว เขายืนอยู่ใกล้ประตูทองสัมฤทธิ์มากนัก

พรึบ

เพียงพริบตา จ้าวเฟิงก็มาถึงหน้าประตูทองสัมฤทธิ์ ยื่นมือออกไปประทับบนรอยฝ่ามือบนบานประตูอย่างเร่งรีบ

ครืดดดด

ประตูทองสัมฤทธิ์เปิดออก สร้างแสงสีเขียวมืดที่ราวกับสายน้ำ ไหลเข้าโอบล้อมร่างของจ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุนเข้าไป

จ้าวเฟิงยังไม่เข้าไปแต่ผลักอาจารย์เฮยหยุนให้เข้าไปก่อน

“หยุดอยู่ที่นี่—-”

โจรเถาชานเฟ่ยตะโกนอย่างบ้าคลั่ง โทสะระเบิดออกอย่างบ้าคลั่ง ดวงตามองไปยังร่างของจ้าวเฟิงที่เข้าไปยังชั้นที่สามอย่างหมดสิ้นหนทาง

ชายหนุ่มทุ่มสุดตัว ทว่าสามารถทันส่งการโจมตีออกไปได้เพียงครั้งเดียว

พรึบบบบบ

คลื่นรูปพัดที่น่าพรั่นพรึงปรากฏขึ้น มีสั่นสะท้านถี่รัว อาวุธทั่วไปเมื่อสัมผัสย่อมแหลกเป็นผุยผง

“บอลอัสนี!”

พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงระเบิดออก กลางฝ่ามือปรากฏกลุ่มพลังกระแสไฟฟ้าก้อนหนึ่งที่หลอมรวมสร้างเป็นโซ่ไฟฟ้ารูปลักษณ์คล้ายวงแหวน

กระบวนท่านี้คือการนำ ‘วงแหวนอัสนี’ มาดัดแปลง ระยะส่งผลเล็กลง ทว่าความรุนแรงได้เพิ่มมากขึ้น

ครืนนน ตูม

บอลวงแหวนอัสนีส่งแสงเจิดจ้า ปะทะเข้ากับคลื่นความถี่สูงรูปพัด

ในยามนั้น ประตูสัมฤทธิ์ได้สั่นสะเทือนเล็กน้อย

ร่างของจ้าวเฟิงกว่าครึ่งได้ข้ามผ่านประตูไปแล้ว ทำให้ได้รับการโจมตีไปเพียงครึ่งหนึ่ง

ตึง

ประตูสัมฤทธิ์ปิดลง เงาร่างของจ้าวเฟิงพลันหายไปโดยไร้ร่องรอยในทันที

ก่อนที่ประตูจะปิดลง จ้าวเฟิงยังคงได้ยินเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวของโจรเถาชานเฟ่ยอยู่ ทั่วทั้งลานชั้นสองสั่นสะเทือน

“สำเร็จ”

จ้าวเฟิงเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก

ด้านข้าง สีหน้าเรียบเฉยของอาจารย์เฮยหยุนได้กลับสู่ปกติ เขามองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาลึกซึ้งคราหนึ่ง “น่านับถือ”

“ท่านอาจารย์ หวังว่าท่านจะไม่ขัดขืน! ข้าเชื่อว่าถ้าเราร่วมมือกันย่อมสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย”

จ้าวเฟิงแย้มรอยยิ้มบาง

เรือนผมสีฟ้าของเขาค่อยๆ ทิ้งตัวลงเช่นเดิม แมวขโมยตัวน้อยนั่งอยู่บนไหล่ สีหน้าของเต็มไปด้วยความยินดี ราวกับกำลังทวงส่วนแบ่งของตนเอง

อาจารย์เฮยหยุนตกใจ จิตใจสั่นสะท้าน

เด็กหนุ่มผู้นี้ เพียงแค่กวาดตามองคราหนึ่งทำกลับสามารถล่อลวงจิตใจของตัวเขาได้ เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจต่อต้านได้

“กระบวนท่านี้ของเจ้า ยอดเยี่ยมโดยแท้!”

อาจารย์เฮยหยุนสีหน้าชื่นชม ทว่าจากนั้นก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น “แต่ว่า! ในร่างของข้ามีพิษของโจรเถาชานเฟ่ยอยู่ หากครึ่งวันไม่ได้รับยาแก้พิษ พิษจะแพร่กระจายไปทั่วร่างจนตาย”

“เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกว่าเจ้าถูกพิษหรือ”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มเยือกเย็น เขาได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ในมือของเด็กหนุ่มปรากฏเม็ดยาสีเทากลมเกลี้ยงอยู่เม็ดหนึ่ง

“นี่มัน… ยาร้อยหลอม! ยาแก้พิษที่ดีที่สุดของจอมโจรฉุ่ยเยว่!”

อาจารย์เฮยหยุนตื่นตกใจจนไร้เสียง สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

“ยาร้อยหลอม” เม็ดนี้เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงได้มาเมื่อผ่านชั้นที่หนึ่งมาได้

กลไกทางทิศตะวันออกเป็นกลไกที่ดีที่สุด มีเพียงจ้าวเฟิงที่ได้ยาร้อยหลอมที่สามารถสลายพิษได้นับร้อยชนิดนี้

อาจารย์เฮยหยุนกลืน “ยาร้อยหลอม” เข้าไป พิษที่อยู่ในร่างหลอมละลายลงอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกขับออกมาด้านนอก

“ขอบคุณ! นับตั้งแต่บัดนี้ไปข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่านชั้นที่สามไปได้อย่างสุดความสามารถ”

อาจารย์เฮยหยุนเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

“แต่…”

อาจารย์เฮยหยุนเผยความลังเลขึ้นมา “ข้ามั่นใจว่าสามารถพาเจ้าผ่านชั้นสามไปได้เร็วที่สุด แต่ว่าความแข็งแกร่งของโจรเถาชานเฟ่ยและคนอื่นเจ้ารู้อยู่แก่ใจดี”

“วางใจเถอะ นับแต่บัดนี้ ทุกสิ่งล้วนเป็นข้าควบคุม!”

ในน้ำเสียงของจ้าวเฟิงปรากฏกลิ่นอายน่าเกรงขามประการหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version