Skip to content

King of Gods 301

King Of Gods

บทที่ 301 : โรงประมูลเชิงหลง

พื้นราบระยะห่างไกลหลายพันลี้เบื้องหน้า จ้าวเฟิงสามารถมองเห็นชายขอบอาณาจักรนภาที่แสนยิ่งใหญ่ได้

“หืม?”

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงพลันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากถุงเก็บสัตว์วิเศษ

เมี้ยว เมี้ยว

ในถุงเก็บสัตว์วิเศษ แมวขโมยตัวน้อยที่หลับไปหนึ่งเดือนเต็มได้ตื่นขึ้นมาในที่สุดดวงตากลมโตราวกับอัญมณีทั้งสองของมันเปิดออกให้ความรู้สึกลึกล้ำก่อนที่จะกลับไปอยู่ในสภาพปกติ

จนทั่วทั้งร่างของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กแปรเปลี่ยนจากสีเทาไปเป็นสีเงินอ่อนอย่างช้าๆ

รูปร่างของมันใหญ่โตขึ้น เผยให้เห็นถึงความแข็งแรง

แม้ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะไม่ได้มากมายนัก แต่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกลับพบว่าแมวขโมยตัวน้อยตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกมีความเปลี่ยนแปลงไปมากนัก

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยยืนอยู่บนไหล่ของผู้เป็นเจ้าของ โยนเหรียญโบราณทั้งสองสร้างเสียง “ติงติง” กลางอากาศ

อาจารย์เฮยหยุนที่อยู่ข้างๆ มองไปยังด้วยสีหน้าประหลาดใจ

จ้าวเฟิงได้คุ้นเคยกับการกระทำของมันที่จู่ๆ ก็นึกจะทำนายโชคชะตาขึ้นมาตามอารมณ์แล้ว

“เมี้ยว เมี้ยว”

หลังจากที่แมวขโมยตัวน้อยเสี่ยงทายเสร็จก็ได้วาดบางอย่างให้จ้าวเฟิงดู ก่อนส่ายศีรษะและถอนหายใจ

“มันหมายความว่าอันใด?”

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกประหลาดใจ

“เขาบอกว่ายังไม่ให้ข้าไปยังวังหลวงในยามนี้ ดวงในยามนี้ยังไม่มั่นคงนัก โชคร้ายอาจมาเยือนได้”

จ้าวเฟิงอดที่จะส่ายศีรษะไม่ได้

วังหลวงแห่งอาณาจักรนภาคือจุดหมายปลายทางที่เขาจำต้องไป นอกจากนั้น แม้ยามที่อยู่ในถ้ำสายธารจันทราเขาจะได้รับทรัพย์สมบัติมากมาย นับได้ว่าโชควาสนาดีนัก ทว่าโชคของคนมิอาจที่จะดีได้ตลอดไป

“แมวที่สามารถทำนายโชคชะตาได้ นับว่าน่าอัศจรรย์โดยแท้ ที่หอคอยหกจอมเวทย์มีเซียนลึกลับผู้หนึ่ง ความรู้ลึกล้ำมากมายนัก ทั้งด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การทำนายโชคชะตา ไม่มีที่สิ่งใดที่เขาไม่รู้ มีคำกล่าวขานว่ายามที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็มีแมวแปลกประหลาดเช่นนี้เช่นกัน”

อาจารย์เฮยหยุนอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“เอ๋? หอคอยหกจอมเวทย์?”

ใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ

เซียน? แมวประหลาด?

เมี้ยว เมี้ยว

ดวงตาทั้งสองของแมวขโมยตัวน้อยส่องประกาย

จ้าวเฟิงยกโค้งริมฝีปากก่อนเอ่ย “แมวขโมย มันอาจจะเป็นเผ่าเดียวกับเจ้าก็ได้”

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยยกกรงเล็บของมันวาดไปมา แสดงท่าทีบอกว่าตัวมันนั้นพิเศษและไม่อาจหาใครเทียบเคียงได้

อาจารย์เฮยหยุนหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

การปรากฏตัวของแมวขโมยตัวน้อยได้สลายความบรรยากาศตึงเครียดในระหว่างการเดินทางลง

จ้าวเฟิงหยุดฝึกตน ปราณครึ่งจิตวิญญาณในร่างของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปถึงหกส่วนแล้ว สามารถพยายามทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้

ความจริงแล้ว เพียงแค่บรรลุเข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็เข้าเงื่อนไขที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแล้ว

ทว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงนั้น จะอย่างไรก็นับเป็นระดับใหม่โดยสิ้นเชิง โอกาสที่จะก้าวข้ามชีวิตของมนุษย์ธรรมดา โอกาสที่จะสำเร็จนับว่าต่ำนัก

แม้จะมียาปลดวิญญาณก็เพิ่มโอกาสสำเร็จได้เพียงสองส่วน

ทว่ายิ่งปราณครึ่งจิตวิญญาณเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใด โอกาสที่จะทะลวงขั้นสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้น

หากปราณครึ่งจิตวิญญาณของคนผู้หนึ่งเปลี่ยนแปลงไปถึงเก้าส่วน จะมีโอกาสอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่จะทะลวงขั้นสำเร็จ

ทว่าความเร็วในการเปลี่ยนแปลงช่วงหลังนั้นเชื่องช้านัก โดยเฉพาะหลังจากที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วกึ่งหนึ่ง

นางแอ่นมรกตบินสูง ระยะห่างระหว่างพวกเขาต่ออาณาจักรนภาขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นเหล่ายอดฝีมือจึงสามารถเห็นชายขอบเมืองหลวงที่แสนยิ่งใหญ่ได้ สัตว์วิเศษที่บินอยู่บนท้องนภาเองก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

บางครั้งยังสามารถมองเห็นรถม้าและเกี้ยวที่บินไปมาอยู่กลางเวหา มีลมปราณเกื้อหนุน โดดเด่นยิ่งนัก

“ที่นี่สมกับเป็นเมืองหลวงโดยแท้”

จังหวะก้าวเดินของจ้าวเฟิงไม่มีความชักช้า

ตั้งแต่ยามมาถึงอาณาจักรนภา ภาระในใจคือต้องการทำสิ่งที่ผู้เป็นอาจารย์ร้องขอมาให้สำเร็จ

กระทั่งวันนี้ เป้าหมายนี้ได้ใกล้ความจริงเข้าไปเรื่อยๆ

พรึบพรึบ

เบื้องหน้าพลันปรากฏรถม้าคันหนึ่ง เทียมมาด้วยม้าเมฆา พุ่งตรงมายังทิศทางของพวกจ้าวเฟิงทั้งสอง

อาจารย์เฮยหยุนรีบบอกให้จ้าวเฟิงหลีกทาง

ในอาณาจักรนภาแห่งนี้ ผู้ที่สามารถนั่งรถม้าได้ส่วนมากย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยต้องเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ขึ้นไป

จ้าวเฟิงกำลังจะให้นางแอ่นมรกตหลบไป ทว่าภายในรถม้านั้นพลันปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น “จ้าวเฟิง ข้าคือคนส่งสารของสำนักโลหะเลือด เจ้าเมืองหงหูได้ออกประกาศจับเจ้า ทั้งยังแจ้งข่าวมายังเมืองหลวงโดยเฉพาะ ตระกูลแห่งหงหูกับราชวงศ์นั้นกระทั่งทำข้อตกลงบางอย่างกัน”

ผ้าม่านของรถม้าได้ถูกเปิดขึ้นครึ่งหนึ่ง ชายชราในชุดเก่าๆ เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยออกมา

“คารวะท่านผู้ดูแล”

อาจารย์เฮยหยุนกลับรู้จักบุคคลผู้นี้ รีบร้อนก้มลงทำความเคารพ

จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าอาจารย์เฮยหยุนผู้นี้จะมีความสัมพันธ์กับสำนักโลหะเลือดอยู่บ้าง

“ของคุณท่านผู้ดูแลที่มาเตือน”

จ้าวเฟิงรีบกล่าวขอบคุณ

บุคคลที่สำนักโลหะเลือดส่งมาเตือนตนเองนั้นเป็นถึงระดับผู้ดูแล ชัดเจนว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับตัวเขามากนัก

“จ้าวเฟิง ท่านรองจ้าวสำนักแนะนำว่าเจ้าไม่ควรที่จะไปยังวังหลวง”

ชายแก่ในชุดโบราณดวงตาปรากฏความหมายลึกซึ้งขณะมองไปยังเด็กหนุ่ม

ฟุ่บ

เมื่อสิ้นเสียง รถม้าก็ได้เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ลอยเข้ากลีบเมฆไปด้วยความเร็วที่เทียบได้กับผู้มีพลังขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป

รถม้าคันนั้นกับพวกจ้าวเฟิงทั้งสองพูดคุยกันในเวลาเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น

ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะฟังหรือไม่ สารของสำนักโลหะเลือดก็ได้ถูกส่งมาถึงแล้ว

จ้าวเฟิงเข้าใจในความหมายของสำนักโลหะเลือด สำนักโลหะเลือดและราชวงศ์รับเป็นปรปักษ์ต่อกัน หากจ้าวเฟิงถูกฉินหวางเฟยดึงตัวไปได้ ในอนาคตย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับสำนักโลหะเลือดได้

เรื่องคั้นเวลานี้ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

การตัดสินใจของจ้าวเฟิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ฉินหวางเฟยเป็นบุคคลที่เขาจำต้องไปเจอ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

ภาพของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภา ภายใต้แสงของอาทิตย์อัสดงที่เคลื่อนคล้อยลง เมืองใหญ่ที่แสนเก่าแก่นี้ก็ได้แสดงความงดงามน่าเกรงขามออกมา

จ้าวเฟิงเก็บนางแอ่นมรกตก่อนเดินเข้าไปในเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภา

ที่ประตูทางเข้าเมืองปรากฏภาพประกาศจับมากมาย จ้าวเฟิงเห็นภาพเด็กหนุ่มเรือนผมสีเขียวพร้อมกับแมวสีเทาตัวเล็ก

เด็กหนุ่มผู้นั้นทั้งเรือนผมและดวงตาซ้ายล้วนมีสีเขียวเข้ม เป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นนัก

แมวขโมยตัวน้อยซ่อนตัวอยู่ในถุงเก็บสัตว์วิเศษ ท่าทีไม่ค่อยเต็มใจนัก

รูปลักษณ์ของจ้าวเฟิงในยามนี้มีเรือนผมสี ทั้งยังนำผ้าปิดตาออกอย่างจงใจ

พลังสายเลือดภายในร่างของเด็กหนุ่มโคจร โลหิตส่องแสงสีฟ้าอ่อนหลอมรวมไปยังมิติในดวงตาซ้าย

ทุกวันนี้ จ้าวเฟิงสามารถควบคุมเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าได้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น

เพียงแค่คิด แสงสีฟ้าใสในดวงตาซ้ายก็จางหายไป กลับกลายเป็นสีดำมืดหม่น

เรือนผมสีฟ้า ดวงตาสีดำ หลังจากผ่านการปลอมแปลงเล็กน้อย รูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มก็แปรเปลี่ยนไปเป็น ‘เด็กหนุ่มผมฟ้าตาดำ’

ยามที่เข้าไปในเมืองนั้น เหล่าทหารยามได้มองไปยังจ้าวเฟิงหลายคราพร้อมกับมองไปยังป้ายประกาศจับที่อยู่ห่างออกไปก่อนจะส่ายศีรษะเล็กๆ

เด็กหนุ่มในประกาศจับนั้นมีเรือนผมสีเขียว ดวงตาซ้ายมีสีเขียวลึกล้ำหรือสวมใส่ผ้าปิดตา

เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นี้ไม่ตรงตามเงื่อนไข

หลังจากดวงตาเทพเจ้าเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้า ความสามารถของจ้าวเฟิงก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงกล้าที่จะเข้าเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาไปอย่างเปิดเผย

“มิคาดว่าเจ้าเมืองหงหูจะไม่ยอมง่ายๆ ร่วมมือกับราชวงศ์ออกหมายจับข้าในเมืองหลวง หากแต่เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะปรากฏตัวที่เมืองหลวง ทั้งยังมุ่งเป้ามาที่นี่เป็นพิเศษ?”

ในใจของจ้าวเฟิงปรากฏความรู้สึกย่ำแย่

หลังจากเข้ามาในเมืองหลวง

จ้าวเฟิงยังไม่เริ่มลงมือในทันที

ฉินหวางเฟยเป็นหนึ่งในราชวงศ์ อำนาจตัวตนสูงศักดิ์นัก เหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปยังยากที่จะได้พบเห็นนาง

เรื่องนี้จำเป็นต้องเตรียมการ

จ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุนจำต้องอยู่ในเมืองนี้ไปก่อน

ตามคำแนะนำของอาจารย์เฮยหยุน จ้าวเฟิงเตรียมเตรียมที่จะนำสมบัติทรัพยากรที่ไร้ประโยชน์สำหรับเขาไปประมูล หลังจากที่ประมูลเสร็จสิ้น โรงประมูลจะเก็บค่าธรรมเนียมไปห้าในร้อยส่วน นับว่าค่อนข้างสร้างปัญหาให้เด็กหนุ่ม

โรงประมูลที่โด่งดังในอาณาจักรนภามีมากมายนัก

และโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดคือ “โรงประมูลเชิงหลง” มีอำนาจมากที่สุด ทั้งยังลึกลับ มันถูกกล่าวไว้ว่าในเมืองสำคัญทั้งหลายของทวีปแห่งนี้ล้วนมีสาขาของมันอยู่

“เจ้าวางใจได้ โรงประมูลเชิงหลงกับราชวงศ์ รวมทั้งสี่ตระกูลล้วนไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อกัน ทั้งยังมีคำกล่าวว่าสำนักงานใหญ่ของโรงประมูลนี้ตั้งอยู่ในทวีปกลาง”

อาจารย์เฮยหยุนกล่าว

“ดี เช่นนั้นก็เอาที่นี่”

จ้าวเฟิงนำสมบัติเหล่านี้มอบให้อาจารย์เฮยหยุน

สำหรับสิ่งที่ถูกเรียกว่าการประมูลนั้น ตัวเขาไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย

อาจารย์เฮยหยุนนั้นพอมีเส้นสายอยู่ในเมืองหลวงอยู่บ้าง จึงสามารถช่วยเหลือเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวหาช่องทางได้อย่างรวดเร็ว

“การประมูลของโรงประมูลเชิงหลงที่หนึ่งเดือนจะจัดเพียงหนึ่งครั้งจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันหลังจากนี้ เจ้าอยากจะเข้าร่วมหรือไม่? ว่ากันว่าการประมูลในครานี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใด มีสมบัติชั้นจิตวิญญาณจำนวนมาก รวมทั้ง ‘เศษแผนที่จันทราชาด’ ‘แผนที่ความลับสวรรค์’ ที่เป็นของสะสมมูลค่าสูง กระทั่งมีเหล่าราชวงศ์มาเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้หลายคน”

อาจารย์เฮยหยุนพูด สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ไม่สนใจ… ช้าก่อน เศษแผนที่จันทราชาด? แผนที่ความลับสวรรค์? ทั้งยังมีคนจากราชวงศ์เข้าร่วม?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด

เศษแผนที่จันทราชาดนั้น เขาได้รับมาส่วนหนึ่งจากถ้ำมารจันทราชาดก่อนหน้า ข่มขู่เอามาจากผู้พิทักษ์ศพโลหิต

ส่วนแผนที่ความลับสวรรค์ ในสมองของเด็กหนุ่มมีอยู่ส่วนหนึ่งจากจอมโจรฉุ่ยเยว่

“หืม เมื่อถึงเวลา เหล่าผู้มากอำนาจที่เข้าร่วมย่อมมิใช่น้อย ทั้งหนึ่งราชวงศ์ สามสำนัก สี่ตระกูล เหล่าขั้วอำนาจต่างก็ส่งตัวแทนมาร่วมงานนี้ กระทั่งบุคคลที่มีชื่อเสียงยังปรากฏตัวขึ้น ดีไม่ดี ฉินหวางเฟยอาจจะมาร่วมงานด้วยตนเอง ข้าเองก็จะเข้าร่วม หวังว่าครานี้ข้าจะสามารถประมูลพิมพ์เขียวโบราณมาได้บ้าง อืม โดยเฉพาะสมบัติจากสี่มหามรดกที่มากมูลค่าพวกนั้น…”

อาจารย์เฮยหยุนยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น

โรงประมูลเชิงหลงย่อมเป็นโรงประมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรนภา

ทว่าการประมูลในครานี้ นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปี

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยได้ยินดังนั้นก็กระโดดออกมาจากถุงเก็บสัตว์วิเศษอย่างตื่นเต้น

มันมิใช่เพียงเครื่องทำนายโชคชะตา ทว่ายังเป็นพวกโลภมาก การประมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นนี้ย่อมสร้างความสนใจให้แก่มัน

เข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้!

จ้าวเฟิงยื่นมือจับสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยโยนกลับเข้าไปในถุงเก็บสัตว์วิเศษ

จะอย่างไร รูปที่อยู่บนประกาศจับนั้นมีทั้งรูปของจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อย

ไม่นาน จ้าวเฟิงก็เห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งถือกรงแมวเดินผ่านไป

“เรื่องนี้ ถึงเวลาค่อยว่ากัน”

จ้าวเฟิงตัดสินใจในที่สุด

งานประมูลครั้งยิ่งใหญ่ครานี้นั้นเหล่าขั้วอำนาจทั้งหลายล้วนเข้าร่วม กระทั่งฉินหวางเฟยก็อาจปรากฏตัวขึ้น ในเมื่อของโบราณเช่นแผนที่ความลับสวรรค์และเศษแผนที่จันทราชาดปรากฏขึ้น มันจะทำให้จ้าวเฟิงไม่สนใจได้อย่างไร

งานประมูลจะจัดขึ้นในอีกสามวันหลังจากนี้

ระหว่างนั้น จ้าวเฟิงได้เตรียมตัวเรียบร้อย

หรือพูดง่ายๆ ก็คือเตรียม “เงิน” ไว้มากพอแล้ว

เมื่อถึงเวลา หากมีสิ่งที่เขาสนใจ จ้าวเฟิงย่อมไม่ยอมปล่อยมือ

ดวงตาเทพเจ้าของเขา แม้จะไม่แหลมคมมากนัก ทว่าสามารถแยกแยะของดีเลวออกจากกันได้อย่างแน่นอน

ในสองวันนี้ จ้าวเฟิงนำสมบัติจากถ้ำสายธารจันทราที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองออกมา ทั้งวัสดุวิเศษ ยาวิเศษ และอาวุธวิเศษต่างๆ ออกมาขายจำนวนมาก

เด็กหนุ่มเก็บไว้เพียงของชั้นยอดที่อาจจะมีประโยชน์ในอนาคตเอาไว้

หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวเฟิงจึงเก็บสมบัติมีค่าและผลึกต่างๆ ไว้ในกำไลมิติ ทั้งยังซื้อแหวนเก็บของขนาดใหญ่อีกสองวง แต่ละวงมีที่ว่างเก็บของขนาดใหญ่

ในยามนี้ จ้าวเฟิงมีทรัพย์สินเงินทองมากพอตัว ทั้งยังนำสมบัติที่ได้มาจากถ้ำสายธารจันทรามาประมูลขายอีกด้วย

สำนักงานใหญ่ของโรงประมูลเชิงหลงอยู่ในทวีปกลาง รักษาความเป้นกลางในอาณาจักรท่ามกลางเหล่าขั้วอำนาจ ไม่ค้าขายข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า

ดังนั้นแล้ว มันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการขายสิ่งของที่ขโมยมานัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version