Skip to content

King of Gods 351

King Of Gods

บทที่ 351 : การลอกเลียนแบบเคล็ดวิชาที่น่าหวาดกลัว

หญิงสาวงดงามในชุดสีขาวราวหิมะที่อยู่เบื้องหน้าคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่จ้าวเฟิงได้เจอในงานชุมนุมเซียนมังกร

จุดสำคัญนั้นคือ การที่จ้าวเฟิงเจอกับอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่การสุ่มเลือกของตราคำสั่งเซียนมังกร ทว่าเป็นการเรียกชื่อท้าประลอง!

นี่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย

หลายวันมานี้นอกจากขึ้นไปบนลานประลองเพื่อต่อสู้แล้ว เวลาส่วนมากของเขาก็ใช้ในการรับรู้และก่อร่าง ‘หน่อสำนึกรู้’

สำหรับเรื่องราวภายนอกนั้น จ้าวเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ

ความจริงแล้ว เรื่องราวไม่ได้ซับซ้อน

“ในบรรดาสี่ม้ามืดแห่งลานประลองเหนือ บัดนี้มีเพียงปิงฉุ่ยเยว่และจ้าวเฟิงที่ยังคงชนะติดต่อกัน 44 ครั้ง”

“เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นี้นับว่าดวงดียิ่งนัก ไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถรักษาระยะไว้กับปิงฉุ่ยเยว่ได้”

“เฮ้ ปิงฉุ่ยเยว่นั้นมีนิสัยเย่อหยิ่งเหมือนเช่นพี่สาว ต้องการจะชนะเหนือผู้อื่น ย่อมไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

อัจฉริยะจำนวนมากด้านล่างลานประลองเอ่ยพูดอย่างสนุกสนาน รอชมดูงิ้วดีๆ ฉากหนึ่ง

ปิงฉุ่ยเยว่ยืนนิ่งอยู่บนลานประลอง ความเย็นชาเคลือบทับนัยน์ตา มีสีหน้าเกลียดชังเหยียดหยาม

“เจ้าตัวบัดซบที่มีพลังขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำกลับสามารถอยู่ในระดับเดียวกับข้าได้? นี่นับว่าน่าอับอายนัก! ในลานประลองเหนือ ข้าคือม้ามืดอันดับหนึ่งเพียงผู้เดียว”

คิ้วของปิงฉุ่ยเยว่ขมวดเข้าหากัน สีหน้าเกลียดชังยิ่งกว่าเดิม

ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงไม่เลวร้าย ดวงก็ยอดเยี่ยม ไม่เคยพ่ายแพ้

นางต้องเป็นม้ามืดอันดับหนึ่งของลานประลองเหนือจึงจะนับว่าน่าเคารพนับถือ ครอบครองตำแหน่ง ‘ดาราม้ามืด’ อันดับหนึ่งของงานชุมนุมเซียนมังกรนี้

ด้วยเหตุนี้ ปิงฉุ่ยเยว่จึง ‘เรียกชื่อท้าประลอง’ จ้าวเฟิง

“เป็นเช่นนี้เอง! เช่นนี้ก็ดี ข้ากำลังก่อ ‘หน่อสำนึกรู้’ สตรีผู้นี้เพิ่งจะบรรลุสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ไม่นาน ทว่าหน่อสำนึกรู้กลับทรงพลังยิ่งนัก สามารถใช้เป็นสิ่งอ้างอิงได้ นอกจากนั้นพลังสายเลือดของนางยังมีธาตุเดียวกับข้า”

จ้าวเฟิงรับความจริงได้อย่างง่ายๆ

ในการเอาชนะปิงฉุ่ยเยว่ เขาอาจจะมีโอกาสชนะไม่มากนัก ทว่าเขามีโอกาสที่จะได้รับผลประโยชน์จากการศึกษาวิธีการใช้ของนางได้

“เจ้าเด็กผมฟ้า ดวงดีๆ ของเจ้าหมดลงแล้ว”

ใบหน้าของปิงฉุ่ยเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเหยียดหยาม ปราณจิตวิญญาณที่เย็นเยียบครอบคลุมร่างของจ้าวเฟิงพุ่งสูงจนถึงฟากฟ้า

นางเพียงเพิ่งบรรลุสสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ได้ไม่นาน ทว่าหน่อสำนึกรู้กลับสามารถเทียบได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ ทำการเชื่อมต่อกับไอสวรรค์ได้แข็งแกร่งอย่างมาก

ดังนั้นแล้ว

ปราณจิตวิญญาณเย็นเยียบที่ปิงฉุ่ยเยว่ปลดปล่อยออกมาจึงเพียงพอในการทำลายขวัญกำลังใจของผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปได้ในเสี้ยววินาที

“โอ้ หนาวหน่อยๆ แฮะ”

จ้าวเฟิงสะท้านเล็กๆ ทว่าจิตใจไม่ได้รับผลใด

ฟุ่บ!

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาเทพเจ้า เพ่งมองไปยังร่างของ ‘ปิงฉุ่ยเยว่’

ในเสี้ยวพริบตา อาภรณ์สีขาวของปิงฉุ่ยเยว่ก็ค่อยๆ จางลงในสายตาของจ้าวเฟิง

ดวงตาเทพเจ้าที่พัฒนามาจนถึงขั้นนี้ การมองทะลุนับเป็นความสามารถทั่วไปของมัน

ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้แอบมอง เด็กหนุ่มมองผ่านเสื้อผ้าเลือดเนื้อของอีกฝ่ายไปในเสี้ยววินาที จับจ้องไปยังจุดชีพจรและปราณจิตวิญญาณในร่างของอีกฝ่าย กระทั่งพลังสายเลือดก็ยังปรากฏขึ้นเป็นภาพร่างสามมิติในสมองของเขา

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือปราณจิตวิญญาณที่เป็นเหมือนสายน้ำเย็นเยียบสีฟ้าบริสุทธิ์ ไหลเวียนไปยังจุดชีพจรในร่าง

“เจ้าคนต่ำช้าไร้ยางอาย!”

ปิงฉุ่ยเยว่ราวกับรับรู้ ใบหน้างดงามแดงก่ำ ในเสี้ยววินาทีก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นเยียบ

สายลมเหนือ!

ปิงฉุ่ยเยว่ตวาดลั่น มือขาววาดออก ส่งสายลมสีฟ้าอ่อนพัดตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิงอย่างรุนแรง

เป็นการโจมตีที่บ้าคลั่ง

‘สายลมเหนือ’ ได้พัดกระโชกรุนแรงไปทั่วระยะบริเวณหนึ่งลี้

หากสัมผัสสายลมเหนือนี้เข้าไป ผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอดทั่วไปสามารถกลับกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งได้ในเสี้ยววินาที

ทว่าปิงฉุ่ยเยว่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอับอาย ได้สร้าง ‘สายลมเหนือ’ นี้ขึ้นซ้ำๆ 7-8 ครั้งติดต่อกัน กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปยังต้องยอมรับสภาพ

อ่า

จ้าวเฟิงรับรู้ได้เพียงว่าสายลมเย็นเยียบได้ไหลบ่ามาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เลือดเนื้อของเขาหลายส่วนแข็งค้าง การโคจรปราณจิตวิญญาณล่าช้าติดขัดลำบากอยู่บ้าง

ยอดฝีมือขั้นผู้วิเศษแท้ได้ทำความเข้าใจ ‘หน่อสำนึกรู้’ เหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้โดยสิ้นเชิง

ทั้งไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกตนหรือระดับวิชาของปิงฉุ่ยเยว่ก็ล้วนแล้วแต่สูงกว่าจ้าวเฟิง

เปรี้ยะ!

จ้าวเฟิงกลับกลายเป็นเงาร่างสายฟ้าสีฟ้า จางหายไปจากตำแหน่งเดิม

ฟุ่บ!

เสี้ยววินาทีต่อมา เงาพร่าเลือนสองสามร่างของเด็กหนุ่มก็ปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ

เงาอัสนีทั้งสองคือ ‘ร่างเงา’ จากผ้าคลุมเงาหยินของจ้าวเฟิง

ครืนน ฟึ่บ

สายลมเย็นเยียบพัดผ่าน กวาดร่างเงาอัสนีทั้งสองของจ้าวเฟิงจนสลายหายไปในเสี้ยววินาที

ทันใดนั้น

เงาร่างของจ้าวเฟิงที่ล่าถอยออกมาเรื่อยๆ ได้ใช้กระบวนท่า ‘กรงเล็บอัสนี’ และ ‘คลื่นวงแหวนอัสนี’ และอื่นๆ ซ้ำๆ ทว่ากลับไม่อาจเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ ได้

อีกฝ่ายที่เหนือกว่าทั้งหน่อสำนึกรู้ เหนือกว่าทั้งพลังฝึกตน รวมทั้งระดับของวิชา

“สตรีผู้นี้ควรค่าแล้วที่นับว่าใกล้เคียงกับระดับของโม่เทียนอี้และฉินคุนอู๋”

การปะทะกับอีกฝ่ายของจ้าวเฟิงจบลงด้วยความพ่ายแพ้

ในยามนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังสายเลือดและวิชาดวงตาทั้งสี่ เพียงอ่านสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนด้วยดวงตาเทพเจ้า รวมทั้งใช้การเคลื่อนไหวที่เหนือกว่าเคลื่อนไหวไปรอบกายปิงฉุ่ยเยว่

ทว่าปิงฉุ่ยเยว่เองก็ยังไม่ได้ใช้พลังสายเลือดและท่าไม้ตายเช่นกัน

กรงเล็บอัสนี!

สายลมเหนือ!

กรงเล็บสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ปะทะเข้ากับพายุสายลมเย็นเยียบอย่างรุนแรง

เปรี้ยะ!

กรงเล็บอัสนีจางหายไปอย่างรวดเร็ว พลังที่เหลือของพายุน้ำแข็งพุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิงตรงๆ

ย่างก้าวโยกย้ายอัสนี!

ร่างของจ้าวเฟิงส่งเสียง ‘ฟุ่บ’ จางหายไปท่ามกลางประกายสายฟ้า ปรากฏขึ้นห่างออกไปหลายฟุต ในวินาทีสำคัญสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีหลักไปได้

ความแม่นยำที่น่าพรั่นพรึงนั้นได้ทำให้เหล่าอัจฉริยะด้านล่างลานประลองเหนือจ้องมองไป

จ้าวเฟิงราวกับเดินอยู่บนเส้นด้าย หากผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง พ่ายแพ้ยับเยินได้

ทว่า ทุกครั้งจ้าวเฟิงจะเปลี่ยนแปลงความอันตรายให้เป็นความปลอดภัย แม้น่าตื่นตะลึงทว่าไม่อันตราย

ดวงตาเทพเจ้าของเขาเข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมด เข้าใจถึงการโคจรของปราณจิตวิญญาณในร่างของ ‘ปิงฉุ่ยเยว่’ อย่างชัดเจน รวมทั้งการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและกระดูก คาดเดาถึงเส้นทางการโจมตีของอีกฝ่าย

เปรี้ยะ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

การเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงคือการหลอมรวมแก่นแท้ของ ‘มรดกอัสนี’ และ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เข้าด้วยกัน ทำให้มันทั้งรวดเร็วและแปลกประหลาด

ปิงฉุ่ยเยว่ไม่ได้เชี่ยวชาญในการเคลื่อนไหว มักจะถูกจ้าวเฟิง ‘คาดเดา’ เส้นทางการโจมตีได้ทุกครั้งไป เวลาผ่านไปโดยไร้ซึ่งผลลัพธ์ใดๆ

“พลังของเจ้าแม้แข็งแกร่ง ข้าไม่อาจรับมือได้ตรงๆ ทว่าหากไม่อาจโจมตีข้าได้ เจ้าจะทำอันใดได้?”

ร่างของจ้าวเฟิงราวกับภูติพราย ขยับไหวไปมาบนลานประลอง มีท่าทีเฉยชา

ดวงตาเทพเจ้าของเขามองปิงฉุ่ยเยว่ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ทั้งในเวลาเดียวกันยังสำรวจการใช้ ‘หน่อสำนึกรู้’ ของอีกฝ่ายด้วย

อัจฉริยะหลายคนล่างลานประลองเตรียมตัวจะรับชมงิ้วสนุกๆ สักฉาก เตรียมตัวที่จะเหยียดหยามอีกฝ่าย

ทว่าสีหน้าสายตาของยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งบางคนกลับย่ำแย่ นิ่งเงียบลง

“จ้าวเฟิงผู้นี้ แม้ดูเหมือนจะไม่อาจเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ทว่าความจริงแล้วได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ทั้งหมด”

สีหน้าของเซี่ยเซียนชางปรากฏความเคร่งเครียดขึ้น

เขากำลังคิดว่า แม้การโจมตีด้วยศาสตร์แห่งดาบของตัวเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าหากถูกอ่านทิศทางออกทั้งหมดโดยจ้าวเฟิง รวมทั้งวิชาการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดน่ากลัวของอีกฝ่าย ผลลัพธ์จะเป็นเช่นใดกัน?

“สายเลือดดวงตาของเด็กนี่มีคุณสมบัติที่หายากเช่นนี้อยู่”

นัยน์ตาคู่หม่นของเนตรวิญญาณหนานจื่อปรากฎม่านหมอกปกคลุม ฉายประกายริษยาขึ้นจางๆ

อย่างแรก สายเลือดดวงตาของอีกฝ่ายสามารถเข้าใจถึงความแข็งแกร่ง อ่านสถานการณ์ได้ขาด ควบคุมทุกแง่มุมเอาไว้

จากนั้นจึงเป็นแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง สามารถใช้วิชาลวงตาได้ ย่อมสามารถกระทำสิ่งที่คาดไม่ถึงได้อีก

นอกจากนั้น สัญชาตญาณยังบอกเขา ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงไม่ได้เรียบง่ายเช่นฉากหน้า

ยามที่ดวงตาซ้ายของอีกฝ่ายสบกับดวงตาของเขา สายเลือดดวงตาของเขาได้สั่นสะท้านกระวนกระวายเป็นครั้งแรก

“มิคาดว่าฉุ่ยเยว่จะถูกจูงจมูกโดยเด็กนี่ได้”

ความสนใจของปิงเว่ยเซียนจื่ออยู่ที่การประลองบนลานประลอง คิ้วงดงามมุ่นเข้าหากัน

หลังจากหลายสิบกระบวนท่า

ร่างเงาอัสนีของจ้าวเฟิงได้เข้าสู่สภาวะไร้เงาไร้ร่องรอย เหมือนรูปแบบวิชาของ ‘จอมโจรฉุ่ยเยว่’ ในอดีตอยู่หลายส่วน

ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มมองปิงฉุ่ยเยว่ได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่รับมือตรงๆ ทำเพียงหลบเลี่ยง!

ปิงฉุ่ยเยว่ไม่ใช่คนโง่ เด็กสาวค่อยๆ สงบใจลง ไม่ใช้ปราณจิตวิญญาณออกไปให้เสียเปล่าอีก

“เมื่อเป็นเช่นนี้…”

ใบหน้าของปิงฉุ่ยเยว่เต็มไปด้วยความเย็นชา แย้มยิ้มเฉยชาออกมา ปราณจิตวิญญาณในร่างสั่นสะท้าน ปราณจิตวิญญาณเย็นเยียบที่น่าพรั่นพรึงแพร่กระจายออกอย่างไม่หยุดยั้ง

ไม่ดีแล้ว!

สีหน้าของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไป รับรู้ได้ว่าหน่อสำนึกรู้ของปิงฉุ่ยเยว่ได้ถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด เข้าสู่สภาวะวิกฤต

ระเบิดคมมีดสายลมหนาว!

ปิงฉุ่ยเยว่ตวาด เรือนร่างอ้อนแอ้นทะยานขึ้นร่ายรำ มือขาวทั้งสองวาดไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างพายุน้ำแข็งพัดกระจายไปทุกทิศทางอย่างน่าหวาดกลัว

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือพายุน้ำแข็งรอบๆ ได้สร้างวงแหวนน้ำแข็งที่แหลมคมออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน แม้จะเฉียดผ่านก็อาจได้รับบาดเจ็บ

ระหว่างการร่ายรำของปิงฉุ่ยเยว่ ระยะของระเบิดคมมีดสายลมหนาวก็ได้กว้างขึ้นเรื่อยๆ ขยายออกไปเป็นหนึ่งร้อยหลาอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่านางจะร่ายรำไปที่ใด ระเบิดคมมีดสายลมหนาวที่น่าหวาดกลัวก็หวาดผ่านไปที่นั่น

ในฐานะของยอดฝีมือในขั้นผู้วิเศษแท้ ความเร็วของปิงฉุ่ยเยว่ไม่อาจด้อยไปกว่าจ้าวเฟิงได้มากนัก สิ่งที่แตกต่างหลักๆ คือความลึกล้ำของวิชาเคลื่อนไหว

ทว่าบัดนี้นางได้ใช้ ‘ระเบิดคมมีดสายลมหนาว’ นี้เพื่อไล่ต้อนจ้าวเฟิงให้มีที่หลบน้อยลง

“ระยะโจมตีของขั้นผู้วิเศษแท้กว้างใหญ่ เหนือกว่าขั้นมนุษย์แท้มากโดยแท้”

สีหน้าของจ้าวเฟิงย่ำแย่ลง ทิ้งร่างลงที่พื้น

สามปทุม!

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเรียบเฉย ใต้ฝ่าเท้าปรากฏดอกบัวสามสีขึ้น

ครืนนน

สามปทุมได้ส่งกลีบดอกบัวสีฟ้า ม่วง และเขียวออก แสงสามสีได้หลอมรวมกันปกคลุมมัน

เปรี้ยง

รอบสามปทุมปรากฏประกายไฟจากการปะทะกับคมมีดรูปวงแหวนของ ‘ระเบิดคมมีดสายลมเหนือ’ ทำให้กลีบดอกของสามปทุมส่องแสงหม่นลงเป็นบางครั้ง

เฮือก!

จ้าวเฟิงยืนอยู่ใน ‘สามปทุม’ พร้อมถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

พลังป้องกันของสามปทุมนั้นไม่อาจตั้งข้อสงสัยได้

ฉีเซียงเหนื่อยล้าและกระตุ้นกำหนัดของสามปทุมแพร่กระจายออกทำให้ปิงฉุ่ยเยว่ต้องร้องอุทานออกมา ล่าถอยไปหลายสิบหลา

“เจ้าคนต่ำช้า!”

ร่างของปิงฉุ่ยเยว่หยุดนิ่ง ใบหน้างดงามแดงซ่าน ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความร้อนแห้งผาก

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังเย็นชา ถลึงตามองไปยังจ้าวเฟิง

อีกฝ่ายไร้ซึ่งความใส่ใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “สตรีผู้นี้ เป็นเพราะวิชามรดกนั้นทรงพลัง ความเข้าใจในขอบเขตเจตจำนงเองก็ลึกล้ำ ดังนั้นแล้วพลังฝึกตนจึงเทียบได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำได้”

ในยามนี้ จ้าวเฟิงได้ค้นพบความเข้าใจของปิงฉุ่ยเยว่ใน ‘หน่อสำนึกรู้’ แล้ว

สำหรับการควบรวมเสวียนอ้าว จ้าวเฟิงนับว่าเชี่ยวชาญทั้งในด้านแก่นแท้และวิธีการ ขาดก็เพียงเวลา

ในยามนี้ ปิงฉุ่ยเยว่โจมตีออกอีกครั้ง บนผิวปรากฏร่องรอยเย็นเยียบแปลกประหลาดเจือจาง เหมือนกับร่องรอยของขนนกสายลม

“ฟินิกซ์สายลมเหมันต์คำราม!”

คลื่นพายุความเย็นรวมตัวกันในความว่างเปล่า สร้างแรงกดดันเย็นเยียบที่ยากจะต้านทานขึ้นในเสี้ยววินาที

สุดท้ายแล้ว คลื่นสายลมเย็นเยียบน่าหวาดกลัวนั้นก็หลอมรวมกัน กลายเป็นรูปนักฟินิกซ์ขึ้น ท่าทีหยิ่งยโส สร้างแรงกดดันของสิ่งมีชีวิตแต่โบราณกาลออกมา

“นี่คือพลังสายเลือดของเจ้า?”

โลหิตเทพเจ้าในร่างของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเล็กๆ พลังความเย็นที่น่าหวาดกลัวรวมทั้งแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตโบราณแทบจะทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ แทบไม่อาจหายใจ

แม้ว่าจะมีสามปทุมป้องกัน เขาก็ยังยากที่จะป้องกันกระบวนท่านี้ได้ตรงๆ

ทว่าในวินาทีสำคัญนี้ จิตใจของจ้าวเฟิงกลับเยือกเย็น

ภายใต้การจับจ้องของดวงตาเทพเจ้า การโคจรเคลื่อนไหวของกฎเกณฑ์แห่งสายเลือดในร่างของปิงฉุ่ยเยว่นั้นชัดเจนนัก

“ลักษณะของสายเลือดเหมือนข้า เช่นนั้นกฎแห่งสายเลือดก็ย่อมเหมาะสมต่อข้า”

ใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ

ฟุ่บ!

ในสมองของจ้าวเฟิงปรากฏแผนภาพเสมือนจริงจากการใช้พลังสายเลือดของปิงฉุ่ยเยว่ หลังจากที่วิเคราะห์ปรับเปลี่ยนก็ได้ ‘ใช้’ กับร่างกายของตนเอง

เนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า คัดลอกเคล็ดวิชา!

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายสีฟ้าลึกลับขึ้น

ในเสี้ยวพริบตาต่อมา เขาก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกับปิงฉุ่ยเยว่ มือทั้งสองร่ายรำอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!

เบื้องหลังของจ้าวเฟิงปรากฏเงาสีฟ้าเย็นเยียบพร่าเลือนขึ้นอย่างกะทันหัน รูปลักษณ์ยิ่งใหญ่สง่างาม นั่งอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งที่แตกหักพร่าเลือน ราวกับราชาแห่งสายลมในฤดูเหมันต์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version