บทที่ 354 : ตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่น
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ารอบแรกของงานชุมนุมเซียนมังกรยังไม่ทันสิ้นสุดก็ปรากฏภาพมรดกของมรดกจันทราชาดขึ้นแล้ว
มรดกจันทราชาดถือเป็นอันดับสามในสี่มหามรดก สร้างตำนานสั่นสะท้านโลกา ‘ผู้นำลัทธิมารจันทราชาด’ ที่เกือบยึดครองทวีปได้ก็ได้ครอบครองมรดกจันทราชาด
ในยามนี้ เหล่าผู้สูงศักดิ์จากสหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนสั่นสะท้านอย่างประหลาดใจยินดี
“ไม่ถูกต้อง แม้ครานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ ผู้ถูกเลือกผู้ไร้เทียมทานปรากฏขึ้นห้าคน เหล่าอัฉริยะดาราส่องแสงเจิดจ้า ทว่าเป็นเพียงรอบแรกของงานชุมนุมเซียนมังกร วาสนามังกรไม่ควรที่จะมากพอในการดึงดูดมรดกระดับสี่มหามรดก”
ร่างยักษ์ผิวทองแดง ‘รองหัวหน้าสหพันธ์’ คิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ครืนน
เงาสีเลือดที่ส่องประกายอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆเดี๋ยวก็ปรากฏเดี๋ยวก็เลือนหาย อยู่ในสภาวะไม่มั่นคง
ทันใดนั้น
“ฟุ่บ”
ภาพลวงตาของมือสีโลหิตขนาดใหญ่ ความกว้างและยาวของมันมากกว่าหนึ่งร้อยหลา ราวกับภาพเงาสะท้อนปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเงามรดกจันทราชาดที่ลอยอยู่
ครืนนน
เงามรดกจันทราชาดที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นกลับจางหายไปในทันที
“อันใดกัน”
“เกิดอันใดขึ้น”
ผู้สูงศักดิ์จากสหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง เบิกตากว้างมองภาพนั้น
แม้มรดกจันทราชาดจะยังไม่ทันเชื่อมต่อ ทว่าภาพมรดกก็ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือลานประลองชางกู่แล้ว
เป็นไปได้หรือที่ภาพมรดกที่ปรากฏขึ้นแล้วจะจางหายไปกลางอากาศ?
“ผู้ใดกันที่มีความสามารถสั่นสะเทือนฟ้าดิน ฉกชิงมรดกจันทราชาดไป”
เหล่าผู้สูงศักดิ์บนแท่นชะงักงันใบหน้าซีดขาว มองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“การที่จะทำเช่นนั้นได้ต้องมีสองคุณสมบัติ หนึ่งคือต้องมีพลังใกล้เคียงราชาแห่งขอบเขตปราณเทวะ และต้องวางแผนไว้ก่อนหน้า สองคือคนผู้นั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับมรดกจันทราชาดอย่างมาก ใช้วิชาแห่งจันทราชาดในการฉกฉวยมันไป”
ใบหน้าของรองหัวหน้าสหพันธ์เคร่งเครียด สูดลมหายใจลึกเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
คนที่ตรงตามข้อกำหนดทั้งสอง เมื่อกวาดมองดูทั้งทวีปแล้วก็มีเพียงคนผู้เดียว
คนผู้นั้นคือใคร?
“ผู้นำลัทธิมารจันทราชาด”
ผู้สูงศักดิ์แห่งสหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์เผลอพูดออกมา
“เป็นแผนการที่น่าหวาดกลัวนัก งานชุมนุมเซียนมังกรของเรากลับกลายเป็นการตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่น(1)ไปเสียได้”
“งานชุมนุมเซียนมังกรมีวาสนามังกรเข้มข้น แผนการของลัทธิมารจันทราชาดรวมกับวิชาที่ใช้ล่อลวงได้ทำให้ ‘มรดกจันทราชาด’ ปรากฏขึ้น”
“หากเดาไม่ผิด พวกมารจันทราชาดด้องอยู่สักแห่งในทวีปเพื่อเปิดมรดกจันทราชาด”
เหล่าผู้สูงศักดิ์ต่างครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ได้รับบทสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว
ตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่น
เมื่อคิดเช่นนั้น เก้าผู้สูงศักดิ์บนแท่นต่างก็รู้สึกโกรธเคืองไม่พอใจ
ในอดีต ผู้นำลัทธิมารจันทราชาดแทบจะครอบครองทั้งทวีป อำนาจแพร่กระจายไปทั่วทั้งโลก สามารถทำไปถึงระดับนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือแผนการความคิดของผู้นำลัทธิมารจันทราชาดย่อมอยู่ในระดับไร้ที่ติ
“รองหัวหน้าสหพันธ์ เราควรส่งคนไปหาตำแหน่งเปิดออกของมรดกจันทราชาด ทำลายการฟื้นคืนของลัทธิมารจันทราชาดหรือไม่?”
“ใช่แล้ว เราต้องทำลายลัทธิมาร”
เหล่าผู้สูงศักดิ์ในที่แห่งนั้นต่างกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้น
“ผู้นำลัทธิมารจันทราชาดวางแผนมาอย่างยาวนาน มีหรือจะไม่เตรียมการอย่างรอบคอบ บัดนี้เราอยู่ในที่สว่าง พวกมันอยู่ในที่มืด มันไม่แน่ว่าพวกเราจะหาพวกมันเจอ ทว่าพวกมันสามารถหาที่จัดงานชุมนุมเซียนมังกรเจอได้อย่างแน่นอน เมื่อเราแบ่งกำลังคนออก สำหรับลัทธิมารจันทราชาด การทำลายงานชุมนุมเซียนมังกรย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
น้ำเสียงของรองหัวหน้าสหพันธ์ดูสงบนิ่ง
บนแท่นสูง เหล่าผู้สูงศักดิ์ต่างตกลงสู่ความเงียบงัน
แผนการของผู้นำลัทธิมารจันทราชาดนั้นสมบูรณ์แบบจนเกินไป ในช่วงเวลาสำคัญ ฉวยโอกาสในช่วงงานชุมนุมเซียนมังกรเปิดมรดกจันทราชาด
ยิ่งในยามนี้ สหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่กล้าที่จะกระทำการผลีผลาม
งานชุมนุมเซียนมังกรได้เปิดเผยเป็นวงกว้าง หากแบ่งคนออกไป ผู้นำลัทธิมารจันทราชาดย่อมใช้ช่วงเวลานั้นในการทำลายงาน เช่นนั้นสิ่งที่ได้มาย่อมไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะสูญเสียไป
จะอย่างไร พลังของผู้นำ ลัทธิมารจันทราชาดก็ยากจะหาผู้ใดเคียง น่าหวาดกลัวยิ่งนัก ครั้งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งกระทั่งใช้หนึ่งฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าได้
หากจะพูดถึงในทวีปในยามนี้ มีผู้ใดกันที่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับผู้นำลัทธิมารจันทราชาดได้ตรงๆ?
“ทุกคน ช่วงเวลาสำคัญนี้ งานชุมนุมเซียนมังกรครั้งนี้มีวาสนามังกรมากมายเหนือกว่าปกติ โอกาสที่มรดกความลับสวรรค์จะเชื่อมต่อกับทวีปมีสูงขึ้น เมื่อมรดกความลับสวรรค์มาถึงมันจะสร้างตำนานขึ้นอีกครั้ง เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทวีป เหนือกว่ามรดกจันทราชาดหลายเท่านัก”
เสียงของรองหัวหน้าสหพันธ์ดังก้อง
“รองหัวหน้าสหพันธ์กล่าวได้ถูกต้องมรดกจันทราชาดนั้นเป็นประโยชน์แต่กับผู้ที่ฝึกฝนในศาสตร์มาร ด้อยกว่ามรดกความลับสวรรค์และมรดกเจ็ดดาบ”
ผู้คนผงกศีรษะโดยพร้อมเพรียง
มรดกจันทราชาดนับเป็นอันดับสามในสี่มหามรดก มรดกความลับสวรรค์และมรดกเจ็ดดาบมีระดับสูงกว่า
จอมดาบเย่อู๋เสี่ยในอดีตเองก็ได้รับมรดกเจ็ดดาบ กลายเป็นบุคคลสำคัญที่เอาชนะผู้นำลัทธิมารจันทราชาดได
ลานประลองชางกู่
การปรากฏขึ้นของเงามรดกจันทราชาดนั้นเป็นเพียงแค่ระยะเวลาไม่นาน ราวๆ 10 ลมหายใจเท่านั้น
ในลานประลอง การประลองส่วนมากยังคงดำเนินต่อไป
ลานประลองเหนือ
ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ‘ปิงเว่ยเซียนจื่อ’ ท้าประลองจ้าวเฟิงด้วยการเรียกชื่อท้าประลอง
“ได้”
กรรมการตัดสินผู้สูงศักดิ์ผงกศีรษะ
ทว่าการประลองนั้นต้องมีการเว้นช่วงเป็นเวลาสามวัน เพราะจ้าวเฟิงเพียงเพิ่งประลองไป ทำให้ไม่สามารถที่จะรับคำท้าประลองของปิงเว่ยเซียนจื่อได้ในทันที
กฎของงานชุมนุมเซียนมังกรนั้นเข้มงวดยิ่งนัก ครั้งหน้าที่จ้าวเฟิงขึ้นไปบนลานประลองจะต้องเผชิญหน้ากับปิงเว่ยเซียนจื่อ
ทว่ายามนี้
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ทำความเข้าใจและสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ ขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติ
ในสมอง
แสงสีเขียวอ่อนจางโปร่งใสปรากฏขึ้นให้เห็น รอบด้านปรากฏเศษเสี้ยวกระแสไฟฟ้าขึ้นเจือจาง ราวกับบุปผาที่ผลิบานและร่วงโรย ก่อนที่จะผลิบานใหม่อีกครั้ง
หน่อสำนึกรู้ถือกำเนิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ ในขอบเขตจิตวิญญาณ
ในการสร้างมันขึ้นนั้น ทุกการเคลื่อนไหวการกระทำของจ้าวเฟิงจะเชื่อมต่อกับเสวียนอ้าวแห่งอัสนี พลังของมันพุ่งสูงขึ้นจนแทบจะเข้าขั้นไร้ที่ติ
ในยามหนึ่ง
นอกจากปราณจิตวิญญาณและระดับพลังฝึกตนที่ีแตกต่างแล้ว ด้านอื่นๆ ของจ้าวเฟิงแทบจะไม่แตกต่างไปจากยอดฝีมือในขั้นผู้วิเศษแท้เลย
“หน่อสำนึกรู้ของข้าคือการหลอมรวมกันของแก่นแท้ของมรดกธรรมะและอธรรมคือ ‘มรดกอัสนี’ และ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เมื่อสร้างขึ้นได้สำเร็จมันจะเทียบเคียงได้กับของปิงฉุ่ยเยว่ได้เป็นอย่างน้อย หรืออาจกระทั่งแข็งแกร่งกว่า”
จ้าวเฟิงลอบคาดหวังอยู่ในใจ
เขาไม่รู้ว่าการหลอมรวมแก่นแท้ของสองสิ่งที่แตกต่างกันเพื่อสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ นั้น สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปนับเป็นเรื่องที่ไม่แม้แต่จะกล้าคิดฝันได้
การกระทำเช่นนี้ของจ้าวเฟิงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการฉีกกฎเกณฑ์ไป
มันเป็นการกระทำที่อันตราอย่างมาก หากทำได้ไม่ดี จิตวิญญาณอาจพังทลายแตกสลาย
เป็นเรื่องดีที่จ้าวเฟิงมีดวงตาเทพเจ้าที่มีความสามารถในการวิเคราะห์คำนวนเหนือกว่าผู้คนในระดับเดียวกันทั่วไปหลายร้อยเท่า
แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มเองก็ลึกล้ำจนไม่อาจวัด ยามนี้กระทั่งเหยียบย่างเข้าไปในศาสตร์แห่งวิญญาณโบราณ ทำให้ไม่เผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ
“จ้าวเฟิง”
ทันใดนั้น เสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในศีรษะของเด็กหนุ่ม
จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตา มองไปยังที่นั่งผู้ชม
เจ้าของคำพูดนั้นคือบุรุษผมเลือด เถี่ยหมัว
“เมื่อเผชิญหน้ากับเว่ยเซียนจื่อ ทางที่ดีเจ้าควรที่จะยอมแพ้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ใบหน้าของเถี่ยหมัวเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
อันใดนะ
เผชิญหน้ากับปิงเว่ยเซียนจื่อ?
จ้าวเฟิงรับรู้ถึงความนัยของมันได้อย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มตื่นตะลึงขึ้น นี่มันเรื่องอันใดกัน?
ทุกสติความนึกคิดของเขาทุ่มเทไปในการสร้างหน่อสำนึกรู้ ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมองไป นัยน์ตาเย็นเยียบเต็มไปด้วยจิตสังหารของปิงเว่ยเซียนจื่อ ความเย็นเยียบที่ไม่อาจมองเห็นนั้นกระทั่งแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของจ้าวเฟิง สร้างความหนาวเย็นทรมานบางประการให้กับเด็กหนุ่ม
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการเช่นนี้ ต้องการที่จะปีนป่ายขึ้นไปอีก ทว่าพลังของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้นั้นเหนือกว่าระดับของเจ้า อายุของเจ้านับว่าเยาว์วัยกว่าเมื่อเทียบกับเหล่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้และยอดอัจฉริยะส่วนมากนับสิบปี ในทางกลับกัน ความสามารถของเจ้าในงานชุมนุมเซียนมังกรครั้งนี้ก็ได้ทำให้นายเหนือผู้นี้พึงพอใจยิ่งนักแล้ว”
รองจ้าวลัทธิโลหะเลือดเอ่ยปลอบขึ้นอย่างหวังดี
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้งไปอยู่บ้างกับข่าวที่ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ท้าประลองตนเอง
ห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้แต่ล่ะคนล้วนมีพลังแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับขั้นนายเหนือแท้
ก่อนหน้า
จ้าวเฟิงได้มองการประลองของห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ หลังจากที่ดวงตาเทพเจ้าวิเคราะห์ก็ได้บทสรุปว่าโอกาสที่ตนเองจะชนะนั้นน้อยกว่าหนึ่งในสิบส่วน กระทั่งมีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ในเสี้ยววินาที
“อย่าได้ดื้อดึงไปเลย ที่ปิงเว่ยเซียนจื่อผู้นั้นท้าประลองเจ้าย่อมไม่ใช่เพื่อการโอ้อวดความสามารถ นางต้องมีความมุ่งร้ายบางอย่างซ่อนอยู่ นางได้ท้าประลองด้วยความต้องการของนาง แม้เจ้าจะพ่ายแพ้ก็ไม่เสียวาสนามังกรมากเท่าใด สิ่งสำคัญคือมรดกยู่ไว่ที่จะปรากฏหลังจากนี้…”
รองจ้าวลัทธิโลหะเลือดเอ่ยต่อ
“ท่านรองจ้าวลัทธิโปรดวางใจ ข้ารู้ตนเองดี”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะเอ่ย
วิธีการของบุรุษผมเลือดเถี่ยหมัวนับว่ามีเหตุผลยิ่งนัก ให้ความสำคัญต่อสถานการณ์โดยรวม
หากจ้าวเฟิงดื้อรั้นต่อสู้อาจถูกโจมตีจนบาดเจ็บโดยปิงเว่ยเซียนจื่อ หรือพลังฝึกตนพังทลาย แล้วการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งเล่า? มรดกยู่ไว่เล่า?
ตามกฎของงานชุมนุมเซียนมังกร
หากมีมรดกยู่ไวหลายมรดกเชื่อมต่อ คนที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะได้สิทธิ์เลือกก่อน
มรดกใหญ่บางมรดกสามารถรับคนได้มาก มีโอกาสที่จะเข้าไปได้หลายคน
“ไอ้เด็กผมฟ้านั่นแทบจะทำลายอนาคตของน้องสาว ยามนี้นางหมดสิ้นหนทางในการเข้าไปยังมรดกยู่ไว่ ข้าจะจ่ายความแค้นนี้คืน ทำให้พลังฝึกตนสูญสลาย กลายเป็นคนพิการโกรธแค้นเสียใจไปนับสิบปี”
นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อเย็นเยียบ ใบหน้าระบายไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ปิงเว่ย เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก อย่าได้ทำเกินไปนัก อย่าให้เรื่องผิดพลาดเล็กๆ ทำลายอนาคตของตนเอง”
ราชินีฉวนปิงเอ่ยเตือน
ในฐานะของผู้อาวุโส มันไม่ใช่เรื่องดีที่นางจะลงมือโจมตีจ้าวเฟิง นั่นนับว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรียิ่งนัก ไม่ต้องเอ่ยเลยว่างานชุมนุมเซียนมังกรจะปกป้องอัจฉริยะเซียนมังกร โดยเฉพาะจ้าวเฟิงที่เป็นอัจฉริยะม้ามืด
เวลาผ่านไปเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นปิงเว่ยเซียนจื่อหรือจ้าวเฟิงก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ลานประลองเหนือ คนทั้งลานประลองชางกู่ สายตายินดีในความอับโชคของผู้อื่นและสายตาสงสารได้จับจ้องไปยังจ้าวเฟิง
จ้าวหยูเฟ่ย เจียงซานเฟิง เป่ยม่อ และคนอื่นๆ ต่างกังวลอยู่ในใจ
ตำนานอันยิ่งใหญ่ของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้มาจนกระทั่งยามนี้ บดขยี้เหล่าอัจฉริยะทุกคน
ในยามนี้
ลานประลองกลางได้ปรากฏการประลองที่น่าตื่นเต้นขึ้น
โม่เทียนอี้และหยูเทียนฮ่าวเผชิญหน้ากัน
ด้านหนึ่งคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีปเหนือ อีกหนึ่งคือหัวหน้าของเหล่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ถูกเลือกที่ไร้ที่ติ ความแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้อื่นหลายสิบเท่า
ฝ่ามือลับกำเนิดภูผา
โม่เทียนอี้ทุ่มเทพลังทั้งหมโดยไร้ซึ่งความลังเล ใช้วิชาหลักของสำนักเทียนหยวนออกมา
ครืนน เปรี้ยง
พลังฝ่ามือส่องประกายสีส้มใสราวผลึก หน้าผากของผู้ใช้ปรากฏรอยฝ่ามือสีแดงขึ้นจางๆ พลังหนักแน่นภายในฝ่ามือนั้นราวกับรวบรวมภูเขาและแม่น้ำเอาไว้ น้ำหนักของมันกดทับบริเวณรอบๆ นับร้อยหลา
ทุกคนทั่วลานประลองสั่นสะท้านเล็กๆ พลังที่น่าหวาดกลัวนั้นได้ทำให้เหล่าอัจฉริยะดารารู้สึกทรมาน
“โม่เทียนอี้พลังแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถฝึกตน ‘วิชากำเนิดภูผา’ จนถึงระดับนี้ได้”
ฉินคุนอู๋ เนตรวิญญาณหนานจื่อ และคนอื่นๆ จิตใจสั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนไป
“พลังราวกับภูผาที่น่าหวาดกลัว หากไม่ใช้พลังสายเลือด ข้าก็ไม่อาจรับมือได้”
จ้าวเฟิงจิตใจหนาวเยือก โม่เทียนอี้ อัจฉริยะที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเหนือมีพลังมากถึงเพียงนี้
ผู้ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า
หยูเทียนฮ่าวใบหน้าเรียบเฉย วาดฝ่ามือหนึ่งออก มองไปยังอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยาม
ครืน เปรี้ยง
ฟ้าดินราวกับสั่นสะท้านไปจากฝ่ามือนั้น เห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้าลึกลับ ราวกับเปิดฟ้าดิน พลังยิ่งใหญ่รุนแรง ทำลายทุกสิ่งบดขยี้ทุกอย่าง
“สวรรค์ พลังนี่นับว่าเทียบเคียงกับขั้นนายเหนือแท้ได้แล้ว ขอบเขตเจตจำนงล้ำลึกนัก”
“หยูเทียนฮ่าวผู้นี้ควรค่าแล้วที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นผู้ถูกเลือกที่ไร้ที่ติ พลังแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นหลายสิบเท่า เทียบแล้วกระทั่งเหนือกว่าจอมดาบเย่อู๋เสียและผู้นำลัทธิมารจันทราชาดในช่วงวัยเดียวกัน…”
ทั่วทั้งลานประลองถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันอันทรงพลังจาก ‘ผู้ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า’ นั้น
ปึ้งงง
ร่างของโม่เทียนอี้พลิกคว่ำ กระอักเลือดออกมากลางอากาศ ใบหน้าซีดขาว
หมายเหตุ: (1) ตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง ทำเพื่อตนเอง ทว่าผลประโยชน์กลับไปตกที่ผู้อื่น, ลำบากเพื่อผู้อื่น