บทที่ 357 : ป้องกันการโจมตีของผู้ถูกเลือก (1)
“ไอ้หมอนั่นมันทะลวงขั้นจริงๆ”
เสียงอุทานดังขึ้นจากรอบลานประลองชางกู่
อัจฉริยะจำนวนมากที่อยู่ที่ลานประลองเหนือสีหน้านิ่งอึ้ง นี่มันเกินไปแล้ว เอ่ยว่าจะทะลวงขั้นก็ทะลวงขั้นได้หรือ
เมื่อครู่พลังสายเลือดย้อนคืนก็สร้างแรงกดดันมหาศาลแล้ว
แต่บัดนี้ได้ทะลวงขั้นของขอบเขตไปอีกหนึ่งขั้น นับว่าคาดไม่ถึงโดยแท้
บนแท่นสูงรูปวงรี
ผู้สูงศักดิ์ทั้งเก้าที่ให้ความสนใจกับลานประลองเหนือนั้นโดยมากเป็นเพราะปิงเว่ยเซียนจื่อ ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ผู้นี้
จากนั้น เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ ความน่าตื่นตะลึงคาดไม่ถึงก็เพิ่มมากขึ้น
“ในงานชุมนุมเซียนมังกรครั้งก่อนๆ เมื่อถูกกดดันอย่างมาก สถานการณ์ที่อัจฉริยะสายเลือดย้อนคืนหรือพัฒนาก็มีอยู่บ้าง”
“แต่สองสถานการณ์ปรากฏขึ้นในร่างของคนคนเดียวนั้นหายากยิ่งนัก”
สีหน้าของผู้สูงศักดิ์หลายคนเต็มไปด้วยความชื่นชม
“นี่มันไม่ถูกต้อง”
ร่างยักษ์ผิวสีทองแดง ‘รองหัวหน้าสหพันธ์’ ส่ายศีรษะเล็กๆ “การย้อนคืนของสายเลือดของจ้าวเฟิงผู้นี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ทว่าการทะลวงขั้นพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เจ้าเด็กนั่นควบคุม”
ผู้อาวุโสหยูซิงเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ รองหัวหน้าสหพันธ์เอ่ยได้ถูกต้อง ขอบเขตจิตวิญญาณของเด็กคนนี้เหนือกว่าพลังฝึกตนมากนัก สามารถสร้างหน่อสำนึกรู้ขึ้นได้ เข้าสู่จุดสูงสุดของขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำ การทะลวงเข้าสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสูงในครั้งนี้จึงไร้ซึ่งความยากลำบาก”
บนลานประลองเหนือ
ปราณจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์มากขึ้นได้หลั่งไหลออกมาจากจุดตันเถียนของจ้าวเฟิง พลังสายเลือดที่เพิ่งจะพัฒนาได้มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
ครืนน เปรี้ยง!
จ้าวเฟิงตวาดเสียงดัง เงาภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่อยู่กลางอากาศถูกฝ่ามือทั้งสองป้องกันอย่างตรงๆ แรงกดดันเข้าสู่จุดสูงสุด เด็กหนุ่มสามารถฝ่าวิกฤตไปได้อีกครั้ง
“…เป็นไปได้อย่างไร!”
สีหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ใบหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง ไม่รู้ว่าจะโกรธแค้นหรือเสียใจดี
จ้าวเฟิงเอ่ยว่า ‘อย่างที่เจ้าหวัง’ อยากจะบรรลุขั้นก็ได้บรรลุขั้น
ความจริงแล้ว การทำความเข้าใจหน่อสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงทุกวันนี้ทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เข้าสู่จุดสูงสุดของขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำ เติมเต็มข้อกำหนดในการทะลวงเข้าสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสูงแล้ว
เพียงแต่
จ้าวเฟิงเองก็เข้าใจว่าสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสูงยามใดก็ได้ ดังนั้นจึงไม่เร่งรีบทะลวงขั้น
เวลาทั้งหมดของเขาได้ถูกใช้ไปกับการสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในแผนการของเขา
ทว่าในยามนี้ ภายใต้แรงกดดันมหาศาล จ้าวเฟิงได้ใช้ความช่วยเหลือจากพลังสายเลือดที่พัฒนาขึ้นในการทะลวงผ่านแผ่นกระดาษนี้
อสูรผาน้ำแข็ง!
ปิงเว่ยเซียนจื่อตวาด มือขาวทั้งสองวาดออกอย่างรวดเร็ว เงาภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์เงาที่สองร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ แทนที่เงาภูเขาน้ำแข็งที่สลายหายไปก่อนหน้า
“อันใดกัน! กระบวนท่านี้สามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้!”
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเย็นเยียบ มือทั้งสองระเบิดเงาบุปผาเหมันต์อัสนีที่งดงามยิ่งใหญ่กว่าเก่าออกมา พุ่งขึ้นไปบนอากาศอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
เงาบุปผาเหมันต์อัสนีพุ่งออกจากร่างของเด็กหนุ่มในเสี้ยววินาที ฝ่ามือทั้งสองดันออก ทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ครืน!
เงากลีบดอกสามสีที่ ‘สามปทุม’ ส่งออกพลันมืดหม่นและแตกสลายลง
เงาเย็นเยียบและบัลลังก์น้ำแข็งปรากฏรอยแตกเล็กๆ หม่นแสงลงหลายส่วน
พรวด
จ้าวเฟิงกระอักโลหิต ได้รับแรงสะท้อนกลับเล็กๆ
นี่เป็นผลมาจากการป้องกันจำนวนมาก โดยเฉพาะพลังสายเลือดที่สามารถดูดกลืนความเย็นได้ หรือมิเช่นนั้น ด้วยช่องว่างของพลัง เขาคงถูกภูเขาน้ำแข็งนั่นทับจนแบนไปแล้ว
เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า!
ในเวลาสำคัญ จ้าวเฟิงไม่เพียงไม่ล่าถอย ทว่ายังเคลื่อนไหวรุกกลับ ในดวงตาซ้ายปรากฏเพลิงอัสนีสีเขียวส่องประกายวาบ
ฟุ่บ เปรี้ยง!
เพลิงอัสนีสีเขียวนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้า พุ่งแหวกอากาศไปยังร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อในเสี้ยววินาที
ปิงเว่ยเซียนจื่อรู้สึกคาดไม่ถึง พลังเพลิงอัสนีที่น่าตื่นตะลึงอาละวาดอยู่ภายในร่าง
กายหยกฉวนปิง!
ทั่วทั้งร่างของหญิงสาวราวกับแกะสลักขึ้นจากหยก ส่องประกายใสกระจ่าง ภายใต้การกัดกร่อนเผาไหม้ของเพลิงอัสนีกลับทิ้งไว้เพียงรอยจางๆ ที่แทบไม่อาจมองเห็น
รวมทั้งนางยังได้รับแก่นแท้ของมรดกฉวนปิง สร้าง ‘กายหยกฉวนปิง’ ขึ้น หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไป บางทีคงสิ้นชีพไปกับการโจมตีของเพลิงอัสนีนั้นแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น
เพลิงอัสนีที่กัดกร่อนจิตใจของปิงเว่ยเซียนจื่อก็ยังคงปรากฏบาดแผลเล็กๆ ขึ้นที่จิตใจของนาง
คิ้วงดงามของปิงเว่ยเซียนจื่อมุ่นเข้าหากัน ความเจ็บปวดราวถูกเผาไหม้ในจิตใจชัดเจนยิ่งนัก
จากการพัฒนาของระดับพลังฝึกตนและพลังสายเลือด ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ของจ้าวเฟิงในครั้งนี้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านับว่าแข็งแกร่งกว่าราว 1-2 ส่วน
สลาย!
ฟันขาวของหญิงสาวขบเข้าหากัน ทั่วทั้งร่างส่องประกายสีฟ้าใสเย็นราวผลึก ทำลายเพลิงอัสนีจนมอดดับ
ในระหว่างนั้น จ้าวเฟิงกระตุ้นการโคจรของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณและพลังสายเลือดอย่างบ้าคลั่ง สร้างการป้องกันขึ้นอีกครั้ง
“ปราณจิตวิญญาณดูจะตามไม่ทัน”
แรงกดดันที่จ้าวเฟิงเผชิญเพิ่มมากขึ้น เผชิญหน้ากับการไล่ต้อนของปิงเว่ยเซียนจื่อ
สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างเขาและอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ขอบเขตจิตวิญญาณ ไม่ใช่ระดับวิชา และก็ไม่ใช่สายเลือด แต่เป็นระดับพลังฝึกตน!
เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจำต้องหยิบยืมแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณต้องห้ามของ ‘จอมโจรฉุ่ยเยว่’ ในร่างมาใช้
แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลที่บริสุทธิ์กว่าเดิมพรั่งพรูออกจากจุดตันเถียนของเด็กหนุ่ม
ในเวลาเดียวกัน ภายในสมอง
ความเข้าใจในเสวียนอ้าวที่ก่อกำเนิดเป็นหน่อสำนึกรู้ได้ถูกกระตุ้นพลังเชื่อมต่อกับฟ้าดิน เพิ่มพลังให้แก่เด็กหนุ่ม
ฮู้ววว์
ทันใดนั้น แสงสีเขียวได้ส่องสว่างในสมองของจ้าวเฟิงอยู่พักหนึ่ง
“หืม?”
เด็กหนุ่มเผยสีหน้าประหลาดใจ
หน่อสำนึกรู้ที่ยังคงอยู่ในระดับ ‘ครึ่งๆ กลางๆ’ เมื่อครู่ที่ก่อนหน้าเผชิญกับการต่อต้านบางอย่าง บัดนี้กลับสามารถพัฒนาไปได้อย่างกะทันหัน?
นี่มันเป็นเพราะเหตุใดกัน?
ด้วยเรื่องที่น่ายินดีนี้ทำให้จ้าวเฟิงนิ่งอึ้งไป
ฮึมมมหึ่งงงงงง
ขอบเขตเจตจำนงในร่างของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าตื่นตะลึง ไอสวรรค์รอบกายหลอมรวมเข้าอย่างกะทันหัน
ในจิตใจ แสงสีเขียวนั้นได้ดูเป็นรูปร่างและส่องสว่างขึ้นเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นความกว้างหรือความยาวก็เพิ่มขึ้นบางส่วน
ครืนน เปรี้ยง!
ฝ่ามือหนึ่งของจ้าวเฟิงดันออก พลังสายฟ้าน้ำแข็งได้ผลิบานออกเป็นดอกไม้งดงาม ราวกับว่ามันมีชีวิตจิตวิญญาณจริงๆ พลังของมันมากขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว
รูปแบบที่เหมือนเดิม การโจมตีที่เหมือนเดิม หากเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งเท่า พลังของมันย่อมยาวนานขึ้นอีกหนึ่งเท่าเช่นกัน
มันคือการเปลี่ยนแปลงในร่างของจ้าวเฟิง
“ไอ้เด็กนี่สร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ ขึ้นได้แล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร! มีพลังเพียงขั้นมนุษย์แท้ระดับสูง ทว่ากลับสามารถสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ ขึ้นได้?”
อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนด้านล่างลานประลองเหนือเบิกตากว้างมองไป
ในยามนี้
กลิ่นอายของเสวียนอ้าวบนร่างของจ้าวเฟิงนั้นกระทั่งชัดเจนกว่าเดิม เชื่อมต่อกับฟ้าดิน ไอสวรรค์รอบกายสั่นกระเพื่อม ดูมีชีวิตชีวากว่าเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้ หน่อสำนึกรู้ของเขาย่อมถูกสร้างขึ้นเสร็จสิ้นได้ในไม่ช้า!
“สิ่งใดกันที่ทำให้ข้าสามารถทะลวงผ่านคอขวดนั่นได้?”
จ้าวเฟิงไม่ได้ยินดีกับสิ่งนี้จนลืมตัวไป
เรื่องแบบนี้มันย่อมมีบางอย่างไม่ธรรมดา!
ในยามนี้ ดวงตาเทพเจ้าของเขาสำรวจประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างกาย พยายามวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเสี้ยววินาที จ้าวเฟิงจึงรับรู้ได้ถึง ‘ต้นเหตุ’
แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่!
“เป็นเช่นนี้เอง! หน่อสำนึกรู้นั้นเกี่ยวเนื่องกับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ ข้าสร้างหน่อสำนึกรู้ขึ้นจากการหลอมรวมแก่นแท้สำนึกรู้ของ ‘มรดกอัสนี’ และ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไปพร้อมกัน ทว่าแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณส่วนมากของข้าเป็น ‘มรดกอัสนี’ ขาดการหลอมรวมของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแห่ง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไป
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ ร่างกายจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ร่างสั่นสะท้านขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ความจริงได้เปิดเผยแล้ว
จ้าวเฟิงเพิ่งจะฝึกฝน ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ มาเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มีปราณจิตวิญญาณจากวิชานี้ไม่มากนัก
นี่ได้ทำให้ระบบการหลอมรวมแก่นแท้สำนึกรู้ของสองวิชาฝึกตนในการสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ มีแรงต่อต้านจำนวนมาก
ทว่าบัดนี้
สิ่งที่เด็กหนุ่มขาดหายได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ในอดีต จอมโจรฉุ่ยเยว่ได้ฝึกฝน ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ จนมีพลังแข็งแกร่ง
สิ่งที่เขาหลงเหลือไว้ให้คือแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของมัน!
หลังจากที่ข้อกำหนดถูกเติมเต็ม ต้นอ่อนหน่อสำนึกรู้ในใจของจ้าวเฟิงก็ได้รับการปลดปล่อย เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งทรงพลัง หลอมรวมก่อสร้างตนเองขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคิด ‘หน่อสำนึกรู้’ ที่อยู่ในร่างก็จะเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณทั้งสอง
“แผนสำเร็จ”
ในใจจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความยินดี ความพยายามยากลำบากของเขาประสบความสำเร็จ ขวัญกำลังใจเพิ่มมากขึ้น
“ไอ้เด็กผมฟ้า ไร้ประโยชน์! แม้เจ้าสร้าง ‘หน่อสำนึกรู้’ ขึ้นได้ด้วยขอบเขตจิตวิญญาณ ทว่าไม่มีพลังฝึกตนเพียงพอก็เหมือนกับฉุ่ยเยว่”
สีหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อเต็มไปด้วยความเย็นชาเยาะเย้ย
แม้พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นเป็นขั้นมนุษย์แท้ระดับสูงหรือสร้างหน่อสำนึกรู้ขึ้นได้ มันก็ไม่ส่งผลอันใดต่อนาง
ช่องว่างพลังระหว่างนางกับจ้าวเฟิงนั้นใหญ่โตมากเกินไป แม้จะสามารถทะลวงขั้นเล็กๆ สัก 1-2 ขั้นได้ก็ไม่ได้ช่วยอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“ฮ่า… ใครบอกว่าข้าไม่มีกัน!”
จ้าวเฟิงแหงนหน้าคำรามเสียงดังยาว ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการกระทำ ทุกที่ และทุกเวลา หน่อสำนึกรู้ของเด็กหนุ่มได้เชื่อมต่อกับฟ้าดิน
ร่างกายของจ้าวเฟิงส่งพลังปราณจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่อย่างไม่อาจเทียบออกมาอย่างกะทันหัน สั่นสะท้านลานประลองเล็กๆ
ปราณจิตวิญญาณนั้นไล่ต้อนเหนือกว่าขั้นมนุษย์แท้ กระทั่งเหนือกว่าระดับขั้นผู้วิเศษแท้ของปิงฉุ่ยเยว่ และหม่าเทียนซาน
ทันใดนั้น
พลังอำนาจของจ้าวเฟิงในยามนี้เทียบได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ
ไม่เพียงแค่พลังอำนาจในจิตวิญญาณ ทว่ามันรวมทั้งปราณจิตวิญญาณด้วย
“อันใดกัน!”
“นี่มันเรื่องอันใดกัน!”
“บ้าไปแล้ว! ไอ้เจ้าเด็กนี่เพิ่มระดับพลังฝึกตนขึ้นอย่างกะทันหันได้!”
ลานประลองเหนือและลานประลองชางกู่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
“สลายให้ข้า!”
ฝ่ามือหนึ่งของจ้าวเฟิงวาดออก เงาเย็นเยียบที่มาพร้อมเสียงคำรามของสายฟ้าระเบิดออก กลายเป็นบุปผาเหมันต์อัสนีที่น่าพรั่นพรึง ราวกับมีชีวิตจิตใจ กลีบดอกของมันที่ผลิบานออกมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เปรี้ยะ!
ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ทั้งสองเหนือศีรษะของเด็กหนุ่มได้แยกออกเป็นสี่ห้าส่วนด้วยฝ่ามือของเขา
“นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
ปิงเว่ยเซียนจื่อตื่นตะลึง เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
สายลมเหนือ!
หญิงสาวไม่เชื่อในภาพเบื้องหน้า มือขาวทั้งสองวาดออก สายลมสีฟ้าเย็นเยียบเกินธรรมดากวาดออกไปในระยะหนึ่งลี้ ปะทะเข้ากับร่างของจ้าวเฟิงตรงๆ
“ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้… มา มาสู้กันสักตั้ง!”
จ้าวเฟิงฉีกยิ้มกว้าง ฝ่ามือหนึ่งฟันลง ส่องสว่างไปด้วยเสวียนอ้าวจากฟ้าดินหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ในเสี้ยววินาที ระลอกคลื่นสายฟ้าที่น่าหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นในระยะหนึ่งลี้ ราวกับดอกไม้งดงามที่ผลิบานออกอย่างต่อเนื่อง
ครืนน เปรี้ยง ฟุ่บ
จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อปะทะกัน พลังของทั้งสองฝ่ายอาจนับได้ว่าเท่าเทียม ลูกหลงจากพลังที่น่าผวานั้นเพียงพอที่จะคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ในเสี้ยววินาที
“… เป็นไปได้อย่างไร! จู่ๆ ก็สามารถข้ามกำแพงของขอบเขตไปได้! อย่าได้บอกข้านะว่าเขาปิดบังพลังฝึกตนของตนเองไว้”
ทั่วทั้งใบหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แทบเอ่ยไม่เป็นคำ
พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงจู่ๆ ก็เทียบได้กับพลังฝึกตนของขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำได้ในเสี้ยววินาที
นี่… นี่มันเรื่องอันใดกัน?
ไม่เพียงแค่ปิงเว่ยเซียนจื่อที่ไม่อาจยอมรับได้ อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนที่เห็นภาพนั้นเองก็ตื่นตะลึงจนสมองแทบจะหยุดทำงานไป
ทว่า สิ่งที่เห็นเบื้องหน้านี้เป็นเรื่องจริง
หากจะพูดง่ายๆ
การจะวัดระดับพลังฝึกตนของคนผู้หนึ่งจำต้องล่วงรู้ถึงขอบเขตจิตวิญญาณและความหนาแน่นของปราณแท้
ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ จ้าวเฟิงมีหรือไม่?
เขามี!
ขอบเขตจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มสามารถเทียบได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ สร้างหน่อสำนึกรู้ ทั้งยังหลอมรวมแก่นแท้ของวิชาฝึกตนทั้งสองเข้าด้วยกันได้
ดังนั้นแล้ว หน่อสำนึกรู้ที่เขาสร้างขึ้นจึงเทียบได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ เมื่อเทียบกับปิงฉุ่ยเยว่แล้วมีเพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่า ไม่ด้อยกว่า
จากนั้น
ความหนาแน่นระดับผู้วิเศษแท้ระดับต่ำของปราณแท้ จ้าวเฟิงมีหรือไม่?
เขาก็มี!
ควรรู้ว่ายามที่จอมโจรฉุ่ยเยว่อยู่ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด พลังฝึกตนของเขากระทั่งเข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้
จอมโจรฉุ่ยเยว่ได้ใช้วิชาลับจากมรดกความลับสวรรค์ถ่ายทอด ‘แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ’ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นพลังของมันก็เหนือกว่าปราณแท้ของขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ
ทว่า
การจะควบคุมพลังของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้ได้อย่างแท้จริงมีสองเงื่อนไข
หนึ่ง ขอบเขตจิตวิญญาณที่เพียงพอและหน่อสำนึกรู้
สอง ลักษณะพลังของหน่อสำนึกรู้ต้องตอบสนองต่อ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’
และต้องขออภัยด้วย สองเงื่อนไขนี้ จ้าวเฟิงเองก็มี