บทที่ 359 : ตัดสิน
ลานประลองเหนือ
จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อกำลังคานพลังกันอยู่
ในฐานะของหนึ่งในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ พลังน้ำแข็งของปิงเว่ยเซียนจื่อแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะทั้งหมดหลายเท่าตัว
อย่างน้อยในลานประลองชางกู่ก็ไม่อาจหาอัจฉริยะคนที่สองที่ฝึกฝนวิชาน้ำแข็งได้เทียบเท่ากับนาง
ทว่านางกลับกำลังตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก วิชาธาตุเหมันต์ที่เชี่ยวชาญของนางได้ถูกป้องกันโดยพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงอย่างแน่นหนา
ในสถานการณ์ที่ระดับพลังไม่แตกต่างกันมากนัก เงาเย็นเยียบและบัลลังก์ที่พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงสร้างขึ้นสามารถต่อต้านได้อย่างมาก กระทั่งสามารถดูดกลืนเปลี่ยนแปลง เพิ่มความสามารถของพลังสายเลือดขึ้นไปอีก
เมื่อรวมเข้ากับการป้องกันจากสามปทุม จ้าวเฟิงที่อยู่ในสภาวะตั้งรับสามารถถ่วงเวลาออกไปได้นาน
“โชคดีที่ผู้ถูกเลือกคนแรกที่เจอคือ ‘ปิงเว่ยเซียนจื่อ’ หากเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่น แม้แผนของข้าจะสำเร็จก็ยังยากที่จะรับมือได้นาน”
จ้าวเฟิงไม่ได้คิดอย่างเย่อหยิ่งว่าตนเองอยู่ในระดับเดียวกับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้
พลังสายเลือดของเขาสามารถรับมือกับพลังความเย็นของปิงเว่ยเซียนจื่อได้ สามารถป้องกันตนเองได้อย่างยากลำบาก
ในสถานการณ์ปัจจุบัน
พลังของปิงเว่ยเซียนจื่อ ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ยังคงกดดันไล่ต้อนจ้าวเฟิงอยู่
จ้าวเฟิงนานครั้งจึงจะโจมตี จะป้องกันเสียเป็นส่วนมาก บางครั้งจะใช้ ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ในการเปิดช่องว่าง ป้องกันสถานการณ์เข้าตาจน ทำให้ปิงเว่ยเซียนจื่อต้องระมัดระวัง
มันไม่ใช่ว่าจ้าวเฟิงไม่พยายามโจมตีอีกฝ่าย แต่ ‘กายหยกฉวนปิง’ ของหญิงสาวนั้นมีพลังป้องกันแข็งแกร่ง ทั้งยังสามารถโจมตีได้ในเวลาเดียวกัน เพิ่มพลังต่อต้านความเย็นอย่างมาก
ในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ พลังป้องกันของปิงเว่ยเซียนจื่อนับได้ว่าเป็นหนึ่งในที่สุด แม้เทียบกับหยูเทียนฮ่าวยังอาจนับว่าแข็งแกร่งกว่า
ดังนั้นแล้ว
จ้าวเฟิงปะทะกับปิงเว่ยเซียนจื่อจึงให้ความสำคัญกับการป้องกัน ฉวยโอกาสในการถ่ายทอดแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่
ไม่นาน หนึ่งร้อยกระบวนท่าได้ผ่านไป
จ้าวเฟิงได้ถ่ายทอดส่วนหนึ่งของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ พลังฝึกตน ‘ที่แท้จริง’ เข้าใกล้ขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอด
“หากรับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่เข้ามาได้ทั้งหมด พลังฝึกตนของข้าย่อมเหนือกว่าขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำเป็นอย่างน้อย”
จ้าวเฟิงหัวเราะคิกคักอยู่ในใจ
ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาสูงเพียงพอ ‘หน่อสำนึกรู้’ เองก็มีเสวียนอ้าวที่แข็งแกร่ง ตอบสนองกับ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ย่อมไม่มีสถานการณ์ที่ขอบเขตพลังไม่เสถียร
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป จ้าวเฟิงก็พบปัญหา
เมื่อเทียบแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของตัวเขากับจอมโจรฉุ่ยเยว่ แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของอีกฝ่ายทั้งบริสุทธิ์กว่าและมีปริมาณมากกว่า
หากกลืนกินแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่เข้าไปทั้งหมด มันจะเปลี่ยนแปลงแก่นแท้แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิง
ในยามนั้น จ้าวเฟิงจำต้องแก้ไข ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’
แต่แรกเด็กหนุ่มใช้ ‘มรดกอัสนี’ เป็นแก่นกลางส่วนมาก หลอมรวม ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เสริมเข้าไป
การที่ทำเช่นนี้มีสองเหตุผล
หนึ่ง พลังโจมตีของมรดกอัสนีแข็งแกร่งกว่า ทั้งยังมีความเร็วสูง
สอง จ้าวเฟิงฝึกฝนมรดกอัสนีก่อน พื้นฐานหนักแน่นลึกล้ำ ทั้งมรดกนี้ยังมีโอกาสในการบรรลุสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดในระดับหนึ่ง
“ใช้ ‘มรดกอัสนี’ เป็นแก่นแท้ชี้นำสามารถรับรองความแข็งแกร่งและพลังโจมตีของข้าได้”
จ้าวเฟิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นเช่นนี้
เด็กหนุ่มจำเป็นต้องละทิ้งแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ไปส่วนหนึ่ง และต้องลดความเร็วในการหลอมรวมถ่ายทอดมันลงเล็กน้อย
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา!
เสียง “พรึบ” ดังขึ้น ในมือของจ้าวเฟิงพลันปรากฏ ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ ที่งดงามขึ้น
ในเมื่อต้องละทิ้งแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ไปส่วนหนึ่ง จ้าวเฟิงจึงยินดีที่จะใช้ปราณจิตวิญญาณอย่างสิ้นเปลือง
ย่าห์!
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาในมือของจ้าวเฟิงวาดออก สร้างเงาพัดเหมันต์อัสนีขนาดใหญ่ขึ้นซ้อนกันหลายชั้น ท่าทียิ่งใหญ่เกรี้ยวกราด ราวกับคลื่นที่ถาโถมตรงไปยังร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ
ปิงเว่ยเซียนจื่อเค้นเสียงเย็น มือขาวชี้ออก ฝนน้ำแข็งนับหมื่นได้พุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงราวกับฝูงตั๊กแตน
ฟุ่บ ฟุ่บ
เงาพัดเหมันต์อัสนีขนาดใหญ่นั้นพลันถูกแทงทะลุจนพรุน ระเบิดออกเป็นคลื่นกระแสไฟฟ้าน้ำแข็งออกไปทั้งสี่ทิศทาง
ครืน เปรี้ยง
การโจมตีวงกว้างของผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ทั้งสองปะทะกันกลางลานประลอง แสงสีเสียงแข็งแกร่งรุนแรง เพียงลูกหลงเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจทำให้ผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปบาดเจ็บสาหัสได้
แม้ว่าจะมี ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ คอยช่วยเหลือ พลังโจมตีรุนแรงของจ้าวเฟิงก็ยังคงถูกทำลายลงได้อย่างง่ายๆ โดยปิงเว่ยเซียนจื่อ
ควรรู้ว่า
ในยามนี้ ‘พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา’ ได้ถูกใช้ออกโดยแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ รวมทั้งหน่อสำนึกรู้ที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมแก่นแท้ทั้งสองเข้าด้วยกัน รวมกับพลังสายเลือดของจ้าวเฟิง อำนาจพลังจริงๆ ของมันนั้นใกล้เคียงกับการโจมตีในช่วงเวลาสมบูรณ์พร้อมที่สุดในอดีตของจอมโจรฉุ่ยเยว่อย่างมาก
ดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่า แม้จอมโจรฉุ่ยเยว่จะฟื้นคืนชีพมาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถปะทะเหนือกว่าปิงเว่ยเซียนจื่อได้ซึ่งๆ หน้า อาจจะต้องล่าถอยหลบหนี
ฟุ่บ ฟุ่บ
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาในมือของจ้าวเฟิงวาดออกราวกับภาพลวงตา สร้างกลีบดอกไม้วารีอัสนีกลีบแล้วกลีบเล่า ครอบคลุมร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อจากทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว
“กลีบดอกไม้พวกนี้ มีการโจมตีพลังจิตปะปนอยู่!”
จิตใจของปิงเว่ยเซียนจื่อชาหนึบ รู้สึกราวกับถูกบางสิ่งทิ่มแทง ร่างกายร้อนฉ่า
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาไม่เพียงแค่เพิ่มพลังโจมตีขึ้นอย่างมาก ทว่ายังมีการโจมตีพลังจิตอยู่ด้วย
เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า!
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรากฏแสงสีเขียวอ่อนของเพลิงอัสนีแล่นผ่าน ฉวยโอกาสโจมตีตอบโต้
ฟุ่บ เปรี้ยง!
เพลิงอัสนีสีเขียวอ่อนอาละวาดในร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ กัดกร่อนจิตวิญญาณ
การตอบโต้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ปิงเว่ยเซียนจื่อไล่ต้อนจ้าวเฟิงมาอย่างต่อเนื่อง
ดาบผลึกเหมันต์มายา!
ในมือของปิงเว่ยเซียนจื่อปรากฎดาบน้ำแข็งโปร่งใส่ส่องประกายขึ้นอย่างกะทันหัน อาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางตัดผ่าเมฆาสั่นคลอนสวรรค์ คมดาบส่องประกายเย็นเยียบราวกับภาพลวงตา ผันแปรไร้สิ้นสุด ตัดผ่านอากาศตรงไปยังจ้าวเฟิง
“ดาบผลึกเหมันต์มายา! นี่คืออาวุธวิเศษธาตุเหมันต์ที่ปิงเว่ยเซียนจื่อได้รับมาจากมรดกฉวนปิง สามารถเสริมพลังความเย็นได้อย่างมาก คมดาบแหลมคมยิ่งนัก ทั้งยังมีภาพลวงตา กระทั่งมีการโจมตีพลังจิตในระดับหนึ่ง”
โม่เทียนอี้ที่อยู่ที่ลานประลองกลางตะโกนเสียงเบา สายตาที่มองไปยังจ้าวเฟิงปรากฏความซับซ้อน
หลังจากที่พลังฝึกตนของปิงเว่ยเซียนจื่อบรรลุขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง มีพลังความเย็น พลังต่อสู้เข้าใกล้ขีดจำกัดของขอบเขต กระทั่งใกล้เคียงขั้นนายเหนือแท้ นางก็แทบไม่ได้ใช้อาวุธอีก
ทว่าบัดนี้ จ้าวเฟิง ม้ามืดแห่งงานชุมนุมเซียนมังกรได้บีบบังคับให้ปิงเว่ยเซียนจื่อต้องใช้อาวุธของนางอย่างคาดไม่ถึง
คมดาบเหมันต์ที่สั่นไหวพร่าเลือนปรากฏแสงสีแดงระเรื่อ จ้าวเฟิงมีความรู้สึกอึกอัดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก รับรู้ถึงพลังของมันได้อย่างล้ำลึก
ทว่ามุมปากของเด็กหนุ่มกลับยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มยินดี
“การโจมตีมีภาพมายาเงาดาบ จริงหลอกยากที่จะแยกแยะ ทั้งยังมีพลังความเย็นที่แทรกซึมเข้าไปยังจิตวิญญาณ”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกวาดมองสถานการณ์ ได้ข้อสรุป
ปิงเว่ยเซียนจื่อในยามนี้มีพลังโจมตีน่าหวาดกลัว ทั้งยังมีคมดาบมายาและพลังความเย็นที่จู่โจมไปยังจิตวิญญาณ เมื่อทั้งสามรวมกันกระทั่งทำให้ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่นต้องเปลี่ยนสีหน้ามีใบหน้าซีดขาวลง
ทว่าที่น่าเศร้าคือ ปิงเว่ยเซียนจื่อได้ถูกป้องกันโดยจ้าวเฟิง
อย่างแรก ภาพมายาที่คมดาบนั้นสร้างขึ้น ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มเพียงกวาดมองก็สามารถทำลายลงได้
สำหรับการโจมตีพลังจิตที่ปะปนมา จ้าวเฟิงก็สามารถเพิกเฉยต่อความเย็นของมันได้อยู่แล้ว
เด็กหนุ่มก้าวเข้าสู่ศาสตร์แห่งดวงวิญญาณโบราณ ฝึกฝนวิชาพลังจิตมาหลายปี ทั้งดวงตาเทพเจ้ายังมีผลโจมตีไปยังจิตใจอยู่แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ อาวุธของปิงเว่ยเซียนจื่อเพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายสามารถโจมตีได้ลื่นไหลและรุนแรงขึ้นเท่านั้น
ทว่ามันได้สร้างแรงกดดันมหาศาลมากกว่าเดิมให้แก่จ้าวเฟิง
“สลาย!”
จ้าวเฟิงวาดพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา
แคร่กแคร่ก
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาพลันเปลี่ยนไปเป็นรูปร่ม เส้นผ่านศูนย์กลางยาวหนึ่งหลา ป้องกันร่างกาย หมุนปั่นอย่างรวดเร็ว
ครืนน ฟุ่บ
พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาในรูปแบบร่มหมุนปั่นอย่างรวดเร็ว ป้องกันและสะท้อนการโจมตีกลับไป
นี่คือการป้องกันชั้นแรก
หลังจากนั้นจึงเป็นการป้องกันชั้นที่สองอันแข็งแกร่งของสามปทุมที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายอย่างคล่องแคล่ว
ฟุ่บ!
สามปทุมไม่ได้นำร่างของจ้าวเฟิงถอยหลัง ทว่ากลับเคลื่อนไหวไปด้านหน้า ร่นระยะเข้าใกล้ปิงเว่ยเซียนจื่ออย่างรวดเร็ว
ในยามนี้
การป้องกันที่แข็งแกร่งทั้งสองชั้นของจ้าวเฟิงนั้นเหมือนกับกระดองเต่า พลังสายเลือดสามารถป้องกันและดูดกลืนพลังความเย็นจากการโจมตีของปิงเว่ยเซียนจื่อได้
“รนหาที่ตาย!”
นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อเย็นเยียบ บนมือขาวปรากฏกลุ่มม่านหมอกสีขาวเย็นขึ้นอีกครั้ง ส่งความเย็นที่น่าหวาดกลัวออกมาแช่แข็งบรรยากาศ
จ้าวเฟิงรู้ว่านี่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งของปิงเว่ยเซียนจื่อ แม้จะมีการป้องกันหลายชั้นรวมกันก็ยากที่จะรับมือตรงๆ ได้
เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า!
ฟุ่บ เปรี้ยง!
เพลิงอัสนีสีเขียวอ่อนระเบิดขึ้นบนร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ กัดกร่อนจิตวิญญาณ ขัดขวางการรวบรวมพลัง
“น่าชังนัก!”
ปิงเว่ยเซียนจื่อกัดฟันกรอด สิ่งที่นางกลัวมีเพียงแค่วิชาสายเลือดของจ้าวเฟิง วินาทีที่ใช้ออกสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เสียเปรียบไปได้
เบื้องหน้า
ร่างของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ปิงเว่ยเซียนจื่อ ลอบกระตุ้นการโคจรแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่
กลิ่นหอมแปลกประหลาดแพร่ออกจากสามปทุม
“ไอ้คนต่ำช้าไร้ยางอาย!”
ปิงเว่ยเซียนจื่อได้กลิ่นฉีเซียง ร่างกายพลันแห้งผากเร่าร้อน ได้รับผลจากฉีเซียงกระตุ้นกำหนัด
ฟึ่บ ฟึ่บ
เมื่อเห็นว่าปิงเว่ยเซียนจื่อล่าถอยออกไปอย่างลนลาน สร้างระยะห่างกับตัวเขา จ้าวเฟิงจึงไล่ต้อนกลับไปทีล่ะก้าว
สามปทุมนั้นควรค่าที่ถูกเรียกว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของจอมโจรฉุ่ยเยว่ก่อนตาย แม้ว่าจะไม่มีพลังโจมตี แต่ความสามารถในการสนับสนุน ป้องกัน และหลบหนีนั้นนับเป็นที่หนึ่ง
“ผลของฉีเซียงของสามปทุมนี้ส่งผลต่อสามสวรรค์ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มีเพียงแต่ขั้นนายเหนือแท้จึงมีโอกาสต่อต้านได้มากที่สุด”
จ้าวเฟิงยินดีอยู่ในใจ
ทุกวันนี้ เขาได้รับสืบทอดมรดกของจอมโจรเลื่องชื่อ ‘จอมโจรฉุ่ยเยว่’ มา ได้รับแก่นแท้ส่วนมาก ทั้งยังมีความสามารถในการรับมือกับขั้นนายเหนือแท้ได้ในระดับหนึ่ง
หากพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงใกล้เคียงกับจอมโจรฉุ่ยเยว่ในอดีต ดังนั้นแม้จะเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ก็ทำอันใดเขาไม่ได้
“การประลองสิ้นสุด!”
น้ำเสียงเด็ดขาดดังขึ้น ราวกับถ้อยคำแห่งฟ้าดิน ดังก้องไปทั่วทั้งลานประลองเหนือ
จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อผวาไปกับแรงกดดันที่น่าหวาดกลัว ร่างพลันชะงักนิ่ง
คนทั้งสองมองไปยังกรรมการตัดสินผู้สูงศักดิ์
“การประลองของพวกเจ้าทั้งสองยาวนานถึงครึ่งชั่วยาม จบลงด้วยการเสมอ”
กรรมการตัดสินผู้สูงศักดิ์เอ่ยขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก
เฮ้อ
จ้าวเฟิงอดที่จะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกไม่ได้ เขากำลังต้องการเวลาพักหายในใจการดูดกลืนและถ่ายทอดแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้กับหน่อสำนึกรู้
ใบหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่ยินยอม ฟันสีเงินขบกันแน่น จิตสังหารเย็นเยียบแผ่ซ่าน
พร้อมกับการประกาศของกรรมการตัดสินผู้สูงศักดิ์ ความเงียบงันของลานประลองชางกู่พลันปรากฏเสียงโห่ร้องดังสนั่นขึ้น ราวกับแสดงความยินดีให้กับจ้าวเฟิง
ก่อนหน้า ตำนานที่แข็งแกร่งของเหล่าห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้เป็นราวกับเงามืดครอบคลุมเหล่าอัจฉริยะดาราจำนวนนับไม่ถ้วน
พวกเขาต้องการใครคนหนึ่งที่สามารถสั่นคลอนผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ทำลายเงามืดของตำนานอันแข็งแกร่งนั้น
ทว่าจ้าวเฟิง ม้ามืดที่น่าเหลือเชื่อผู้นี้ ราวกับเป็นร่างแปลงของเทพเจ้า เข้าปะทะต่อสู้กับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ สุดท้ายก็จบลงที่การเสมอ
“แม้ว่าการประลองนี้จะจบลงที่เสมอ แต่ปิงเว่ย! เป็นเพราะเจ้าเรียกชื่อท้าประลองจ้าวเฟิง หากพ่ายแพ้เจ้าจะเสียวาสนามังกรเป็นสองเท่าของยามปกติ ยามนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงผลเสมอ เจ้าก็ต้องเสียวาสนามังกรเท่ากับยามเจ้าพ่ายแพ้ตามปกติ”
กรรมการตัดสินผู้สูงศักดิ์โบกธงคำสั่งเซียนมังกรเบาๆ
ครืนน ฟุ่บ
วาสนามังกรจำนวนมหาศาลได้ลอยออกจากร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ หลอมรวมเข้ากับร่างของจ้าวเฟิง
ไม่นาน เมื่อจ้าวเฟิงตรวจสอบตราคำสั่งเซียนมังกรของตนเองก็พบว่ามันส่องแสงสีเงินสว่าง สัญลักษณ์มังกรปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างของเขาจางๆ