Skip to content

King of Gods 429

King Of Gods

บทที่ 429 : สัตว์ประหลาด

ท่ามกลางพุ่มไม้หนา

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ใช้คำเพียงไม่กี่คำเอ่ยโน้มน้าวหอคอยพฤกษาปีศาจ

โดยเฉพาะไม่กี่คำสุดท้ายที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวั่นไหว

ก่อนหน้านี้ วิชาดวงตาที่จ้าวเฟิงใช้ออกนับว่าไม่ธรรมดา ได้ทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจรู้สึกตื่นตะลึงจนต้องเปลี่ยนสีหน้าแล้ว

เช่นนั้น วิชาดวงตาที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวเอ่ยจะมีพลังมากมายเพียงใดกัน?

นอกจากนั้น ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ ทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจยินยอมทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

จ้าวเฟิงจัดการยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไปติดต่อกันสามคน พลังดวงตาถูกใช้ไปจำนวนมาก นี่คือความจริง ด้วยเงื่อนไขนี้ หากต้องการที่จะเอาชนะยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อีกเจ็ดคนและอัจฉริยะคนอื่นๆ อีกจำนวนมากชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้

“ได้ ข้าจะให้เจ้ายืมแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาก่อนเวลา แต่เจ้าอย่าได้คิดที่จะเล่นตุกติก…”

หอคอยพฤกษาปีศาจตอบรับ

สิ้นเสียง

จ้าวเฟิงพลันรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณปริมาณมหาศาลที่หลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของตนเองด้วยพุ่มไม้เบื้องล่าง

พลังของแก่นแท้จิตวิญญาณนั้นจะชำระล้างดวงวิญญาณ ทำให้ร่างกายและจิตใจของจ้าวเฟิงบริสุทธ์ยิ่งขึ้น พลังวิญญาณเพิ่มปริมาณขึ้นหลายส่วนอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกราวกับเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หอคอยพฤกษาปีศาจมีอายุยืนยาวมากว่าหนึ่งหมื่นปีเป็นอย่างน้อย ภายในร่างจึงจะสามารถก่อกำเนิดแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาขึ้นได้ อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นสมบัติแห่งจิตวิญญาณธรรมชาติ

แม้จะเป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หากได้ครอบครอง ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ ก็สามารถเพิ่มปริมาณพลังวิญญาณ สนับสนุนในการย่างก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราณเทวะได้

ประสิทธิภาพของแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาที่มีต่อจ้าวเฟิงยิ่งชัดเจน

เป็นเพราะว่าดวงตาเทพเจ้าของเขาคือแก่นแท้ของศาสตร์แห่งดวงวิญญาณ

“ยอดเยี่ยมนักพี่ชายต้นไม้ พลังวิญญาณของข้าถูกชำระล้างเพิ่มปริมาณขึ้น หากมีแก่นแท้จิตวิญญาณคอยสนับสนุน ข้าเชื่อว่าพลังของวิชาดวงตาของข้าจะมีมากขึ้น”

จ้าวเฟิงเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้า

เขาเอ่ยเพื่อที่จะไม่ทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจรู้สึกตื่นตระหนกและพยายามหาข้ออ้างให้ตนเอง

ความจริงแล้ว

สถานการณ์ในยามนี้คือสิ่งที่จ้าวเฟิงจงใจสร้างขึ้น

พลังดวงตาที่เขาใช้ไปจริงๆ นั้นเป็นเพียงสามสี่ส่วน ทว่าในฉากหน้าดูเหมือนจะใช้ไปมาก

จากการต่อสู้ก่อนหน้า เด็กหนุ่มจงใจใช้พลังดวงตาไปอย่างมาก สุดท้ายกระทั่งใช้สามวิชาดวงตาออกไปติดๆ กัน

แน่นอนว่าโม่ก่านต้องถูกฆ่า เพราะในบรรดาสิบยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ มีเขาเพียงคนเดียวที่เป็นเหมือนโล่เนื้อ สามารถต่อต้านพิษศพของ ‘หุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬ’ ได้

เมื่อไม่มีโม่ก่านคอยป้องกันพิษศพ มีหรือที่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คนอื่นๆ จะกล้าเข้าปะทะเข่นฆ่ากับจ้าวเฟิงตรงๆ?

หลังจากที่ผ่านไปชั่วอึดใจ

พลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นมาก สามารถทำตามข้อกำหนดของหอคอยพฤกษาปีศาจได้อย่างง่ายดาย

พลังก่อนหน้าที่เขาแสดงออกไปทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจรู้สึกถึงความหวัง ทำให้จ้าวเฟิงลำบากเพียงเอ่ยไม่กี่คำก็สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้

บัดนี้

จ้าวเฟิงได้รับการสนับสนุนจาก ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ ดวงวิญญาณได้รับการชำระล้าง พลังเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง

ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มระดับขึ้นอีกเล็กน้อย พลังดวงตาที่สูญเสียไปฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ นี้คือแหล่งกำเนิดพลังของข้า การสนับสนุนเจ้าทำให้ข้าสูญเสียพลังไป”

หอคอยพฤกษาปีศาจถอนหายใจ

สถานการณ์นี้มันไม่มีสิทธิเอ่ยท้วงอันใด

หากไม่ใช่เพราะนี่คืออันตรายอันใหญ่หลวงที่สุดตั้งแต่ยามที่มันถือกำเนิดขึ้นมา หอคอยพฤกษาปีศาจย่อมไม่ใช้แหล่งพลังงานของตนเองสนับสนุนผู้อื่น

ในเวลาเดียวกัน

ชื่อกุ้ยหลบหนีออกไปอย่างหวาดผวา ใบหน้าขาวซีด ไปสมทบกับยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อีกหกคนที่เหลือ

กลางอากาศ

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทั้งเจ็ดสีหน้าเลวร้ายลงอย่างมาก

ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าอัจฉริยะขั้นผู้วิเศษแท้ที่เป็นคนนอกผู้หนึ่งจะสามารถจัดการยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่แข็งแกร่งติดต่อกันสามคนได้โดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ

กระทั่งชื่อกุ้ยที่เชี่ยวชาญในวิชาดวงตามากที่สุดยังพ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง

“ข้าใช้พลังดวงตาไปมาก ดวงวิญญาณได้รับบาดเจ็บ คาดว่าในระยะเวลาสั้นๆ คงไม่อาจรับมือเด็กนั่นได้ตรงๆ”

ชื่อกุ้ยหวาดผวาอย่างหนัก

การตายของศิษย์พี่โม่ก่านยังลอยอยู่ในสมองของเขา จิตใจไม่อาจสงบเยือกเย็นลงได้ในระยะเวลาอันสั้น

หากไม่ใช่เพราะโม่ก่านตามไปทัน เขาคงตายไปแล้ว

เท่ากับว่าโม่ก่านใช้ชีวิตของตนเองแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเขา

“ชื่อกุ้ย แม้ว่าเจ้าจะล้มเหลว ทว่ามันก็ไม่ได้เสียเปล่าไปหมด อย่างน้อยเราก็รับรู้ถึงขีดจำกัดของจ้าวเฟิงแล้ว นอกจากนั้น ในการต่อสู้เมื่อครู่เขาก็ยังเสียพลังไปไม่น้อย”

น้ำเสียงไพเราะล่อลวงของจงหว่านเอ๋อร์ดังขึ้นส่งผลต่อจิตใจ

“ต้องฆ่าจ้าวเฟิงนั่นให้ได้”

บนใบหน้างดงามของเย่หยานหยูเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบ

ในบรรดาสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่ตายไป สองคนมาจากสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง

นี่ทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดนัก รู้สึกผิดบาปยิ่งขึ้น

หากไม่ใช่ก่อนหน้านางถูกหลอกใช้โดยจ้าวเฟิง หยูลั่วและคนอื่นๆ ย่อมไม่ตาย

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทั้งเจ็ดลอบมองสถานการณ์ของจ้าวเฟิงผ่านรอยแยกของพุ่มไม้ใบไม้

สีหน้าของจ้าวเฟิงซีดขาวลงเล็กๆ นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลัง

“เด็กนี่ต่อสู้กับข้าอย่างหนักหน่วง ฆ่ายอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไปอีกสามคน พลังดวงตาที่เสียไป เมื่อเทียบกับข้าย่อมไม่ด้อยไปกว่ากัน หากยามนี้โจมตีปีศาจต้นไม้ย่อมมีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้”

ชื่อกุ้ยเสนอ

หกยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ผงกศีรษะตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เดี๋ยว นั่นมันพลังของแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา”

จงหว่านเอ๋อร์พลันรับรู้ถึงบางสิ่งได้ นางมองไปยังจ้าวเฟิง

“ไม่ดีแล้ว เขาได้รับการสนับสนุนจากแก่นแท้วิญญาณของปีศาจต้นไม้”

เย่หยานหยูเองก็ค้นพบสถานการณ์นี้เช่นกัน

พลังฝึกตนของสตรีทั้งสองสูงที่สุด ทำให้สามารถค้นพบการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของจ้าวเฟิงได้

ชัดเจนว่าจ้าวเฟิงกำลังหยิบยืมการสนับสนุนจาก ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ เพื่อฟื้นฟูพลังดวงตาของตนเอง

“บัดซบ ไอ้เด็กนี่ดันโชคดี ทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจยอมมอบแหล่งกำเนิดวิญญาณของมันให้ด้วยเองได้”

ใบหน้าของชื่อกุ้ยซีดขาวบิดเบี้ยว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

หกยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่เหลือต่างรู้สึกโกรธแค้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ

อัจฉริยะจากสามยอดสำนักร่วมมือกับโจมตีหอคอยพฤกษาปีศาจก็เพื่อแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา สมบัติหายากชั้นยอดนี้

ทว่าจ้าวเฟิงกลับสามารถได้ครอบครองมันอย่างง่ายดาย

การโจมตีของพวกเขากลับสร้างโอกาสให้แก่จ้าวเฟิงแทน

“บัดซบ…”

ดวงตาของหลี่หงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น แทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ

ศัตรูที่เขาต้องการจะฉีกกระชากให้เป็นชิ้นๆ ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งได้รับผลประโยชน์บนความสูญเสียของพวกเขา

“ไม่ว่าจะเสียอะไรไป ข้าก็จะฆ่ามันให้ได้”

เส้นเลือดบนหน้าผากของเย่หยานหยูเต้นตุบ ใบหน้าเต็มไปด้วยไอจิตสังหารเย็นเยียบ

ไม่นาน

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทั้งเจ็ดก็นำยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจำนวนมากเริ่มโจมตีหอคอยพฤกษาปีศาจอย่างรุนแรงอีกครั้ง

“ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะจัดการหอคอยพฤกษาปีศาจ ไอ้วายร้ายจ้าวเฟิงนั่นย่อมยากที่จะมีชีวิตรอดไปได้”

“แม้จะเป็นแค่การทำให้หอคอยพฤกษาปีศาจอ่อนแอลงก็จะบีบบังคับให้จ้าวเฟิงตกอยู่ในภาวะวิกฤตได้”

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทั้งเจ็ดและอัจฉริยะจำนวนมากจากสามสำนักต่างมีความคิดเดียวกัน การโจมตีที่ใช้ออกยิ่งรุนแรงหนักหน่วงกว่าเดิม

บางทีอาจมีเพียงแค่เหตุการณ์นี้ที่ทำให้สามสำนักร่วมมือกันได้อย่างแท้จริงเพื่อตอบโต้ศัตรูที่ทรงพลัง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม ไม่รู้สึกอันใดต่อการโจมตีจำนวนมากของเหล่ายอดฝีมือ

เงาร่างประกายสายฟ้าส่องประกายวูบ ร่างของจ้าวเฟิงทะยานออกจากพุ่มไม้สู่พื้นดิน

ฟึ่บ

ในชั้นดินพลันปรากฏรากไม้ออกมามอบ ‘หุ่นเชิดศพลายเงิน’ ตัวหนึ่ง

พลังของหุ่นเชิดศพลายเงินตัวนี้เทียบได้กับขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ ทว่าพลังป้องกันนั้นกระทั่งแข็งแกร่งกว่าขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำทั่วไป

การต่อสู้กับแมงป่องยักษ์โบราณก่อนหน้า หุ่นเชิดศพลายเงินนี้เองที่เป็นหนึ่งในโล่เนื้อ

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายเพลิงอัสนีสว่างโรจน์ ประทับลงบนร่างของหุ่นเชิดศพ

โฮกกกก

หุ่นเชิดศพลายเงินส่งเสียงคำรามต่ำออกมาพร้อมดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับถูกรากของหอคอยพฤกษาปีศาจรัดพันไว้อย่างแน่นหนา

“หึ ต้องการที่จะทำลายตราของข้าหรือ? มันจะง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร”

ชื่อกุ้ยที่อยู่ห่างออกไปรับรู้ได้ อดที่จะเค้นเสียงเย็นในลำคอไม่ได้

‘หุ่นเชิดศพลายเงิน’ นั่นถูกเขาเลี้ยงดูมานานหลายปี ตราจิตฝังลึกยิ่งนัก แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณในระดับเดียวกัน หากไม่ใช้เวลาหลายวันก็ยากที่จะลบมันได้

แม้ว่าจะสามารถลบได้สำเร็จ การประทับตราจิตลงไปบนหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ทว่า

จ้าวเฟิงกำลังพยายาม

ดวงตาเทพเจ้าของเขามีพลังดวงตาที่แข็งแกร่ง เด็กหนุ่มใช้พลังของเพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้าในการทำลายตราจิตที่ชื่อกุ้ยทิ้งไว้

“นี่มันเรื่องอันใดกัน…”

ใบหน้าของชื่อกุ้ยพลันซีดขาว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับหุ่นเชิดศพลายเงินพลันถดถอยลง

หายลมหายใจต่อมา

ฟู่

ร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินปรากฏควันดำลอยฟุ้ง ตราจิตวิญญาณที่ใช้เวลานานกว่าปกติถูกทำลายลงได้ในที่สุด

พรวด

ชื่อกุ้ยใบหน้าขาวซีดกระอักโลหิต จะอย่างไรระหว่างเขากับหุ่นเชิดศพลายเงินก็มีสายสัมพันธ์ที่ลึกล้ำ

“ความเร็วนี่… เป็นไปได้อย่างไร อย่าได้บอกข้าเชียวว่าสายเลือดดวงตาของเขาเป็นคู่อริกับศาสตร์เราอย่างสิ้นเชิง”

ชื่อกุ้ยรู้สึกว่าสมองว่างโล่ง

การทำลายตราจิตที่ทรงพลังบนร่างของ ‘หุ่นเชิดศพลายเงิน’ ทำให้จิตใจของชื่อกุ้ยได้รับความเสียหายจากจ้าวเฟิงอีกครั้ง

อาการบาดเจ็บของชื่อกุ้ยรุนแรงขึ้นอีกหลายส่วน แรงคุกคามที่มีต่อจ้าวเฟิงยิ่งน้อยลงตามไป

จ้าวเฟิงกระตุ้นการเคลื่อนไหวของดวงตาเทพเจ้า ใชพลังดวงตาประทับลงบนร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินอีกครั้ง

ในกระบวนการนี้ หุ่นเชิดศพลายเงินมีการขัดขืนอยู่บ้าง จะอย่างไรมันก็มีพลังฝึกตนสูงถึงขั้นนายเหนือแท้

ทว่าดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงนับว่ายอดเยี่ยมในเรื่องนี้

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มสั่นระริกส่องประกายเย็นเยียบ ส่งกลิ่นอายสูงศักดิ์เก่าแก่ออกมาครอบคลุมอากาศ

ในเสี้ยววินาที

ร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณอย่างอธิบายไม่ได้ ไม่กล้าที่จะต่อต้านอีก

ในยามนี้ มันก็เป็นเหมือนปีศาจตัวจ้อยที่อยู่เบื้องหน้าเทพเจ้าในยุคบรรพกาล

กระทั่งแก่นแท้จิตวิญญาณของหอคอยพฤกษาปีศาจยังสั่นสะท้านเล็กๆ

หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ

กลิ่นอายบนร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างคลุมเครือ

ฟึ่บ

หุ่นเชิดศพลายเงินไปยืนอยู่ข้างกายคอยป้องกันจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว ราวกับองครักษ์แห่งความตาย

“ยึดครองตรงๆ… เป็นไปได้อย่างไร”

“ในโลกใบนี้ยังมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่อีกหรือ”

อัจฉริยะจากตำหนักผาดำนิ่งอึ้ง รู้สึกราวกับว่ากำลังฝันอยู่

ในสายตาของพวกเขา

จ้าวเฟิงใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจในการทำลายตราจิตของชื่อกุ้ย จากนั้นอีกไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็ยึดครองหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้เป็นของตนเองได้

“ผิดพลาดแล้ว… เขาไม่ใช่คู่อริของศาสตร์แห่งซากศพ ทว่าจะเป็นผู้วิเศษไร้คู่ต่อกรเพียงหนึ่งเดียวในศาสตร์นี้ต่างหาก”

ใบหน้าของชื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความขมขื่นเศร้าโศก

ความหงุดหงิดโกรธเคืองในยามนี้ เมื่อเทียบกับยามที่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิงแล้วยังรุนแรงกว่านับสิบนับร้อยเท่า

เขายืนยันได้

อัจฉริยะเช่นจ้าวเฟิง หากคนระดับสูงของตำหนักผาดำล่วงรู้ย่อมทำทุกวิถีทางให้ได้ตัวเขามาฝึกฝน

“มา”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งวูบกลับไปนั่งขัดสมาธิท่ามกลางพุ่มไม้

สิ่งที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้าคือมีหุ่นเชิดศพลายเงินคอยป้องกันอยู่ข้างกายของเด็กหนุ่ม เทียบได้กับการมีผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำคอยป้องกัน

แต่หุ่นเชิดศพพิษทั้งสองนั้น จ้าวเฟิงได้ให้พวกมันหลบซ่อนเพื่อรอจังหวะลงมือ

ศิษย์จากสามสำนักบางคนกลั้นลมหายใจเย็นเยียบ

มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าพลังโดยรวมในยามนี้ของจ้าวเฟิงอยู่ในระดับใดแล้ว

ในมือของเด็กหนุ่มมีหุ่นเชิดศพอยู่สามตัว แต่ล่ะตัวมีพลังต่อสู้เทียบเท่าได้กับขั้นนายเหนือแท้

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าหุ่นเชิดศพพิษทั้งสองนั้นมี ‘พิษ’ ที่สามารถคร่าชีวิตผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้

ในยามนี้

ในสมองของจ้าวเฟิงปรากฏเสียงหนึ่งขึ้น”ซากวิหารจะไปถึงในอีกครึ่งชั่วยามบริเวณช่องว่างของหอคอยพฤกษาปีศาจ”

“ครึ่งชั่วยาม?”

“ใช่แล้ว ครึ่งชั่วยาม หรือมิเช่นนั้นก็อาจจะปรากฏขึ้นเลย หรืออาจจะเป็นอีกสิบห้านาที”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version