Skip to content

King of Gods 529

King Of Gods

บทที่ 529 สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน

เนื่องด้วยมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ดีเยี่ยม การลงมืออย่างฉับไวของจ้าวเฟิงบีบให้หยูเทียนฮ่าวตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

งานชุมนุมเซียนมังกรที่ผ่านมาสองครั้งล้วนไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

แต่ว่าการเป็นราชาของผู้ถูกเลือก การดำรงอยู่ของพวกเขาเดิมทีก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งอยู่แล้ว

“รองจ้าวลัทธิได้เปรียบแล้ว…” ฝูงชนที่ตีนเขาล้วนแต่แทบลืมหายใจ ภายในแววตาเต็มไปด้วยความลิงโลด

“ที่แท้พลังของวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงช่างแข็งแกร่งซะจริงๆ”

จ้าวเฟิงที่ลอยตัวในอากาศเสื้อคลุมและผมสีน้ำเงินโบกสะบัดอย่างรุนแรง

การฝึกตนในครั้งนี้ใช้เวลายาวนานถึงสามสี่เดือน ทำให้ความเข้าใจของเขาที่มีต่อวายุอัสนีสีม่วงเรียกได้ว่าพัฒนาไปไกลอย่างรวดเร็ว

กระบวนท่าเมื่อครู่คือ ‘ม่วงพิฆาต วายุอัสนีทลาย’ และ ‘เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ที่หลอมรวมเข้าไปเป็นพลังส่วนหนึ่งของวายุอัสนีสีม่วงซึ่งเป็นศูนย์กลางของทั้งหมด

พลังขั้นสุดท้ายนี้สูงส่งเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ

จากการฝึกตนเป็นนายเหนือแท้ระดับต่ำของจ้าวเฟิง ขีดการทำลายล้างของทั้งสองกระบวนท่านี้ไม่ว่าจะกระบวนท่าไหนก็สามารถทำร้ายขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หรืออาจถึงขั้นลงมือสังหารได้

อีกด้านหนึ่ง

ผลัวะ! แซ่ด แซ่ด–

เพียงแค่ช่วงลมหายใจหนึ่ง บาดแผลบนร่างกายของหยูเทียนฮ่าวค่อยๆ กระจายวงกว้างไปเรื่อยๆ การโจมตีของ ‘เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า’ พุ่งทะลวงทั้งขอบเขตจิตวิญญาณและร่างกายภายนอก เนื่องด้วยพลังซึ่งหลอมรวมเข้ากับวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงมีอานุภาพทำลายล้างที่ร้ายกาจนัก

ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณหรือร่างกายของหยูเทียนฮ่าวก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บไปแล้วทั้งหมด

นี่ขนาดความสามารถในการรบของเขาโดดเด่นเกินกว่าใครและมีเจตจำนงตั้งมั่นที่อัศจรรย์มากนัก หากลองเปลี่ยนเป็นยอดฝีมือคนอื่นที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับเขา อย่างน้อยๆ ต้องโดนจ้าวเฟิงทำร้ายจนวิญญาณบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

“หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หยูเทียนฮ่าวอาจจะพ่ายแพ้ได้”

“การพัฒนาของจ้าวเฟิงน่าตื่นตระหนกจริงๆ” สายตาของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองเป็นประกาย

ข้อได้เปรียบที่จ้าวเฟิงมีอยู่ตอนนี้พลังเดิมที่มีก็เป็นส่วนหนึ่ง และยังมีกลยุทธ์ในการรบ ไหนจะยังการมองหาสถานการณ์ได้เปรียบซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยด้วย

“จ้าวเฟิง! เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”

ชายหนุ่มผมสีดำผู้อยู่ใจกลางเพลงอัสนีวายุเทพเจ้าเลือดภายในร่างกายเริ่มร้อนรุ่ม

ครืน….

ในดวงตามองเห็นเพียงแต่ ‘เงาเหมันต์’ เก่าแก่ลึกลับปรากฏเป็นเงาคนแล้วจึงประสานรวมกับร่างของหยูเทียนฮ่าว

ทันใดนั้น รอบร่างของหยูเทียนฮ่าวก็ปรากฏแสงสีแวววาวตระการตา บนร่างมีจิตต่อสู้มหาศาลทะยานออกมาด้วย

‘เงาเหมันต์’ นั้นสามารถรับรู้ได้ในชั้นของจิตวิญญาณเท่านั้น หากมองด้วยตาเนื้อจึงเป็นเหมือนความว่างเปล่าที่แนบแน่นซ้อนทับกับร่างหยูเทียนฮ่าว

ทั้งสองร่างไม่แบ่งแยกออกจากกัน

ทำลาย!

ท่อนแขนทั้งสองข้างของหยูเทียนฮ่าวและ ‘เงาเหมันต์’ ที่เขาเรียกขึ้นมาขยับเขยื้อนแบบเดียวกัน ดูเช่นนี้เขาราวกับว่าเป็นเทพแห่งสงครามอย่างไรอย่างนั้น

ทุกท่าทางทุกการกระทำมีจิตต่อสู้หาได้เปรียบที่ทำลายล้างได้ไม่ว่าจะเซียนหรือผี ถ้าสังหารจนหมดสิ้นก็ไม่ได้เปลืองแรงอะไร

ฉับพลันก็มีเสียง ‘เปรี๊ยะ’ มาจากพลังของ ‘เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ที่แตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า!

หยูเทียนฮ่าวราวกับเทพแห่งสงคราม เมื่อยื่นฝ่ามือออกไป ลำแสงฝ่ามือสีแวววาวลึกลับก็พาดผ่านทั่วฟ้าดิน พลังไอสวรรค์ฟ้าดินจากพลังฝ่ามือนี้แข็งแกร่งอย่างมากมาย ทำให้หยูเทียนฮ่าวเข้าใกล้ชัยชนะไปเกือบเท่าตัว

อีกทั้งในการโจมตีครั้งนั้นมีจิตต่อสู้น่าเกรงขามพุ่งตรงเข้าใส่ราวกับต้องการโจมตีทั้งดวงวิญญาณและขอบเขตจิตวิญญาณด้วย

ฝ่ามือนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนทั้งฟ้าดินไม่ว่าภูตผีหรือเทพเซียน เทียบกับครั้งก่อนแล้วเหมือนมีคนสองคนปล่อยพลังออกมา

จ้าวเฟิงใจเต้นแรง สีหน้ามีคลื่นของความตกใจปรากฏขึ้น กระบวนท่าของหยูเทียนฮ่าวยังมาไม่ถึง แต่ทว่าเปลวเพลิงแห่งจิตต่อสู้นั้นถาโถมมาราวคลื่นยักษ์ที่โจมตีจิตใจและการรับรู้ของเขาเป็นระลอก

ยังดีที่ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่ง หากเป็นนายเหนือแท้ขั้นสุดยอดทั่วๆ ไป หรือแม้กระทั่งครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็อาจจะรับไม่ไหวและได้รับบาดเจ็บได้

“ม่วงพิฆาต วายุอัสนีทลาย!”

จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก ภายในมือปรากฏลูกไฟสีม่วงอ่อน รอบๆ ลูกไฟนั้นมีวายุอัสนีสีเขียววิ่งวน ยามที่มันบิดโค้งจะปล่อยพลังลำแสงสีม่วงเขียวเจิดจ้า จากนั้นทั่วบริเวณก็มีวงแหวนพายุอัสนีลั่นแปลบปลาบไปทั่วฟ้า

เพล้ง ตูม!

เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นราวกับฟ้าจะถล่มยามเมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน

เมื่อพลังพุ่งชนกัน ‘ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า’ ของหยูเทียนฮ่าวดูเหมือนจะเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย พลังนั้นพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง

วิ้ง!

จ้าวเฟิงมีปฏิกิริยาว่องไวนัก เรียกกำแพงน้ำสีเขียวเข้มราวมหาสมุทรเป็นปราการป้องกันคลื่นพลังที่โจมตีมา ทว่าถึงจะทำเช่นนี้แต่ร่างของเขาก็ยังร่นถอยไปข้างหลังหลายสิบจ้าง

“เห็นชัดๆ ว่าเขาโดนโจมตี เหตุใดพลังการรบจึงเพิ่มขึ้นมากมายอย่างกะทันหันเช่นนี้…” จ้าวเฟิงหอบหายใจกระชั้น

เขาเปิดดวงตาเทพเจ้าจึงรู้ว่าร่างของหยูเทียนฮ่าวได้ประสานรวมกับ ‘เงาเหมันต์’ แล้ว เงานี้คือสายเลือดลึกลับที่เดิมทีซ่อนอยู่ในร่างของหยูเทียนฮ่าว จะถูกกระตุ้นก็ต่อเมื่อเจตจำนงตั้งมั่นโดนโจมตีอย่างรุนแรง

การเชื่อมโยงกันระหว่างสายเลือดและจิตวิญญาณนี้ค่อนข้างคลุมเครือ หลักการและเหตุผลของมันแม้กระทั่งดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงยังมิอาจมองได้ปรุโปร่ง เพราะฉะนั้นจะให้ลอกเลียนแบบการรบยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

“สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน!” ทั้งจ้าวลัทธิหงและนักพรตไป๋หยุนถึงกับพูดไม่ออก

ในเวลานี้ พลังสายเลือดภายในร่างของหยูเทียนฮ่าวได้ปะทุออกมาอย่างแท้จริง พลังสู้รบพุ่งสูงขึ้นราวกับเทพแห่งสงคราม

เมื่อขยับทุกอิริยาบถ เจตจำนงตั้งมั่นบนร่างของหยูเทียนฮ่าวสามารถล้มยอดฝีมือที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ อีกทั้งพลังสายเลือดที่ลึกลับนี้ยังเสริมให้สำนึกรู้และกระบวนท่าต่างๆ แข็งแกร่งมากอย่างคาดคิดไม่ถึง

“เคล็ดวิชาไร้เทียมทาน วสันต์ศารทเริงระบำ!”

เรือนผมสีดำของหยูเทียนฮ่าวโบกสะบัด ลำแสงตระการตาที่คลุมทั่วร่างสดใสเจิดจ้าราวกับเป็นชุดเกราะชิ้นหนึ่ง ในวินาทีนี้ไม่ว่าเขาจะโจมตีหรือตั้งรับล้วนแต่มีพลังสูงขึ้นทั้งนั้น

พลั่ก ผลัวะ พรึ่บ!

ยามที่หยูเทียนฮ่าวลงมือโจมตีลำแสงของฝ่ามือเจิดจ้า พลังแข็งแกร่งสะเทือนลั่นทั้งพื้นดินและมหาสมุทร ทุกฝ่ามือทุกหมัดล้วนแต่เต็มไปด้วยไอแห่งจิตต่อสู้ที่ทำลายล้างทุกอย่างเป็นผุยผงได้ในพริบตา

“นี่มันร่างสมมติของเทพเจ้าแห่งสงครามชัดๆ”

ชายผมแดงเถี่ยหมัว เจียงซานเฟิงและคนอื่นๆ ล้วนแต่ตกตะลึง เหล่าคนในลัทธิโลหะเลือดใจเต้นรัวเร็วราวจะหลุดออกมาด้านนอก

เหล่าผู้ชมได้แต่มองดูหยูเทียนฮ่าวคลี่คลายสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำให้เป็นต่อ ยามยกมือหรือก้าวเท้าเดิน พลังที่แข็งแกร่งของเขาบีบให้จ้าวเฟิงต้องถอยร่นไปหลายต่อหลายครั้ง

เวลาผ่านไปสักพัก

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!

จ้าวเฟิงบินถอยร่นไปหลายต่อหลายครั้ง กำแพงน้ำที่คลุมร่างกายเขาอยู่สลายไปเกินครึ่ง

ต่อให้เขากระตุ้นใช้พลังของวายุอัสนีสีม่วงไปจนถึงขีดสุดก็ทำได้เพียงแค่ปัดป้องการโจมตีของหยูเทียนฮ่าวเท่านั้น

“ปีกวายุอัสนี!”

สายตาของจ้าวเฟิงนิ่งสงบลง ใจกลางของจิตวิญญาณที่แท้จริงภายในร่างกายมีลำแสงสีม่วงผุดขึ้น ลำแสงนั้นต่อกันราวกับกระดูก วายุอัสนีสีเขียวช่วยเชื่อมประสาน หลอมรวมจนกลายเป็น ‘ปีกวายุอัสนี’ ที่แข็งแกร่งและเจิดจ้ากว่าที่เคยมีมา

พรึ่บ พรั่บ พรึ่บ!

ยามที่ปีกวายุอัสนีโบกสะบัด พลังสายฟ้าในรัศมีสิบลี้ล้วนแต่หมุนวนโดยรอบ

เงาวายุอัสนีที่จ้าวเฟิงสร้างขึ้นมาฉับพลันทำให้เขารวดเร็วเท่าหยูเทียนฮ่าวอีกครา

เมื่อ ‘ปีกวายุอัสนี’ หลอมรวมเข้ากับวายุอัสนีสีม่วง พลังที่จะถูกปลดปล่อยก็มีอานุภาพมากยิ่งขึ้น แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

วี้ด!

เงาวายุอัสนีนั้นฟาดผ่าลงมาเป็นระลอกติดๆ กัน พุ่งทะลุเมฆไปมา

ท่าร่างของจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่ว่องไว ยิ่งไปกว่านั้นคือหลอมรวมเป็น ‘ภาพมายา’ ไปแล้ว เนื่องจากพลังลวงตาของเขาและมรดกอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

หยูเทียนฮ่าวผู้แข็งแกร่งถึงแม้จะอยู่ภายใต้ ‘สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน’ ก็ไม่อาจคาดเดาถึงวิถีการเคลื่อนตัวของจ้าวเฟิงได้เลย เพราะถึงสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานจะทรงพลังแต่ก็เน้นการโจมตี เจตจำนงตั้งมั่น และการป้องกันเป็นหลัก ทว่าความเร็วกลับไม่ได้มีจุดเด่นเท่าไหร่นัก

ฝ่ามือไร้เทียมทาน!

พลังที่หยูเทียนฮ่าวปล่อยมาอีกครั้งเหมือนกลืนกินทุกอย่างจนไร้เดือนและตะวัน ฝ่ามือสุกสว่างขนาดใหญ่ที่มีเส้นพลังเย็นแวววาวหมุนรอบสะท้อนแสงกับไอสวรรค์ในฟ้าดิน ยามเมื่อพัดผ่านไปที่ใดล้วนทำให้สรรพสิ่งแตกสลายกลายเป็นผุยผง

แต่ว่าในครั้งนี้การโจมตีของเขากลับไม่ได้โดนจ้าวเฟิงเต็มๆ

จ้าวเฟิงได้รับพลังเพิ่มเติมจาก ‘ปีกวายุอัสนี’ จึงทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น กระบวนท่าต่างๆ ก็ว่องไวและหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ดวงตาเทพเจ้าของเขายังมีความสามารถในการคาดเดาล่วงหน้าได้ด้วย

เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!

ม่วงพิฆาต วายุอัสนีทลาย!

ม่วงพิฆาต กรงเล็บวายุอัสนี!

จ้าวเฟิงเคลื่อนตัวฉวัดเฉวียนพลางหลบหลีกแล้วลงมือโจมตีด้วย

โจมตีระยะไกลด้วยวิชาดวงตา…..ใช้กลยุทธ์กำจัดบริเวณ…โจมตีในระยะใกล้….วิธีการที่จ้าวเฟิงใช้มีมากมายเหลือเกิน

พลั่ก ผลัวะ ตูม!

ฝูงชนเบื้องล่างมองเห็นแค่เพียงเงาสองเงาบินโจมตีกันไปมาในชั้นเมฆ พัวพันกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

เหล่าคนในลัทธิโลหะเลือดมองเห็นแต่ความวุ่นวายพัลวัน บางครั้งมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือการประลองในตอนนี้มาถึงขีดสุดของทั้งคู่แล้ว

ความสามารถในการรบของผู้ถูกเลือกทั้งสองต่างมีจุดเด่นจุดด้อย ยากที่จะตัดสินว่าใครแพ้หรือชนะในเวลาอันสั้น

“หยูเทียนฮ่าวผู้นี้หากนับที่พลังรบเห็นได้ชัดว่าเขาเหนือกว่า แต่ว่าจ้าวเฟิงมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ยิ่ง นี่น่าจะเป็นจุดเด่นที่ได้มาจากสายเลือดดวงตา อีกทั้งในเรื่องของความเร็วเขานับว่าอยู่เหนือกว่าจริงๆ” นักพรตไป๋หยุนเอ่ยพลางถอนหายใจ

“ใช่แล้ว ‘สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน’ ที่หยูเทียนฮ่าวกระตุ้นออกมา ตามเหตุผลแล้วคนระดับเดียวกันไม่สามารถต่อกรได้ แต่จ้าวเฟิงต่างออกไป เขาบีบบังคับหยูเทียนฮ่าวมาถึงจุดนี้แล้วยังเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดอีก” จ้าวลัทธิหงเอ่ย

การประลองครั้งนี้เป็นการบอกกลายๆ แล้วว่าราชาของผู้ถูกเลือกทั้งสองไม่มีใครในวัยเดียวกันสามารถเทียบเคียงได้ นับจากนี้ไปอีกหลายสมัยก็จะไม่มีอัจฉริยะคนใดทัดเทียมคนทั้งสองได้อีกแล้ว

ในชั้นเมฆ

“ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง!” นัยน์ตาซ้ายของจ้าวเฟิงปล่อยลำแสงสายรุ้งสีเขียวที่สุกสว่างออกมา แล้วจึงมีลูกไฟนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านทั่วฟ้าฟาดฟันเหล่าสรรพสิ่ง

“นี่…นี่ไม่ใช่วิชาดวงตาของตระกูลจินหยางหรอกหรือ?” ผู้อาวุโสทั้งสองตกใจ

ลำแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกได้ว่าเป็นศาสตร์วิชาที่ทำลายฉีกทึ้งทุกอย่าง

ครานี้ ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างที่จ้าวเฟิงปล่อยออกมาเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์ สามารถทำลายชั้นกายภายนอกและชั้นจิตวิญญาณได้ในเวลาเดียวกันเพื่อจะได้เทียบเคียงกับหยูเทียนฮ่าวผู้ไร้เทียมทาน

ผลัวะ~

ลำแสงสายรุ้งสีเขียวโจมตีไปที่หยูเทียนฮ่าวเต็มๆ แล้วทำลายเกราะป้องกันของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงผิดหวังก็คือ ‘เงาเหมันต์’ ที่ประสานร่างกับหยูเทียนฮ่าวมิได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น มันเพียงโดนปะทะบนร่างกายภายนอกก็เท่านั้น

เงาเหมันต์นั้นถูกกระตุ้นจากพลังสายเลือด การดำรงอยู่และพลังยากที่จะคาดเดาได้

ตรงจุดนี้นับได้ว่ามีความคล้าย ‘เนตรสวรรค์’ ของจ้าวเฟิงอยู่หลายส่วน

เคล็ดวิชาไร้เทียมทาน วสันต์ศารทเริงระบำ!

การกระตุ้นพลังสายเลือดของหยูเทียนฮ่าวยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้น ทุกหมัดทุกฝ่ามือมีจิตต่อสู้ที่ล้วนแต่มุ่งโจมตีไปยังวิญญาณและขอบเขตพลังของจ้าวเฟิง

หากมิใช่เพราะจ้าวเฟิงมีดวงตาเทพเจ้าและมีดวงวิญญาณแข็งแกร่งเทียมผู้สูงศักดิ์ ต่อให้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ การที่โดนโจมตีด้วยพลังรุนแรงเช่นนี้ก็อาจจะพ่ายแพ้ได้

“พลังการรบของหยูเทียนฮ่าวคนนี้ไปๆ มาๆ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น หรือว่าการกระตุ้นพลังสายเลือดของเขาจะไม่มีขีดจำกัดกันแน่”

สีหน้าของจ้าวเฟิงยิ่งจริงจังเข้าไปอีก ตามปกติแล้ววิชาสายเลือดไม่ว่าประเภทใดก็ตาม การจะเพิ่มระดับย่อมมีขีดจำกัดเสมอ หนักไปกว่านั้นอาจต้องมีการชดใช้หรือเสียอะไรบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนให้ได้มา

แต่หยูฮ่าวยิ่งสู้รบปรบมือก็ดูจะยิ่งแข็งกล้ามากขึ้นทุกที

พลังสายเลือดเช่นนี้ของเขาล้วนแต่เกิดขึ้นเพื่อการประลองทั้งสิ้น

“ดูแล้วหากต้องการชนะหยูเทียนฮ่าวจะต้องใช้เงาอาวุธชั้นพิภพซะแล้ว”

สายตาของจ้าวเฟิงระยิบระยับ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ดวงตาซ้ายของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าหม่น พลังไหลออกทั่วร่างเป็นระลอกคลื่นราวสายน้ำ แล้วกลายมาเป็นลำแสงที่มีไอเย็นยะเยือกทันที

“หอกจักรพรรดิเหมันต์จงปรากฏ!”

จ้าวเฟิงสูดหายใจลึกแล้วจึงกระตุ้นใช้พลังสายเลือด ใจกลางฝ่ามือก็ปรากฏ ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ กึ่งโปร่งแสงขึ้นมา ผลึกน้ำแข็งพร่างพรายในครั้งนี้ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าครั้งไหนๆ

หวีด วิ้ว!

ไอเย็นยะเยือกน่ากลัวที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งทะลุไปในอากาศ แล้วพลันแช่แข็งเหล่าสรรพชีวิตกับไอสวรรค์ในฟ้าดินทั่วบริเวณนั้น

วี้ด ตูม!

การโจมตีของหยูเทียนฮ่าวเมื่อเข้ามาประชิดก็โดนแช่แข็งในวินาทีนั้น ราวกับไฟเผาผลาญที่มอดดับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version