Skip to content

King of Gods 528

King Of Gods

บทที่ 528 ลูกไฟสีม่วงปรากฏคราแรก

จากสาขาหลักของลัทธิโลหะเลือดไกลออกไปร้อยลี้ ในทิวเขาใกล้ๆ

“จะเริ่มแล้วใช่ไหม?”

พวกเจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่มีแววตาเฝ้ารอ ทุกคนทอดสายตามองไปเงาของคนทั้งสองบนยอดเขา

ใกล้ทิวเขายังมีสมาชิกระดับสูงในลัทธิโลหะเลือดหลายคน ทั้งรองจ้าวลัทธิ ผู้คุ้มครอง ผู้อาวุโส หัวหน้าสาขาและคนอื่นๆ

คนทั้งหมดล้วนแต่ใจจดจ่อ ในการเฝ้ารอแฝงความตื่นเต้นไว้รางๆ ทุกสายตาจับจ้องไปยังการประลองที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้

พรึ่บ! พรึ่บ!

ที่ตีนเขาปรากฏแสงสว่างลึกลับที่เต็มไปด้วยพลังสองลำแสง ไอสวรรค์ในฟ้าดินทั่วบริเวณนั้นพลันหมุนวนรอบแสงทั้งสอง

“จ้าวลัทธิ!”

“นักพรตไป๋หยุน!”

เหล่าคนในลัทธิโลหะเลือดที่ชมการประลองอยู่ใจและกายหนักอึ้ง รู้สึกถึงพลังสะเทือนฟ้าดินที่ไม่อาจต้านทานได้

ผู้มาเยือนทั้งสองคือจ้าวลัทธิหงและนักพรตไป๋หยุน

เจียงซานเฟิงและคนอื่นๆ ใจสั่น คิดไม่ถึงเลยว่าการประลองครั้งนี้ของผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่จะทำให้แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ยังต้องมาชมด้วย

ในเวลานั้นเอง การประลองเหนือก้อนเมฆกำลังจะเริ่มขึ้น

ผู้ที่ชิงลงมือก่อนคือหยูเทียนฮ่าวซึ่งยังโจมตีด้วยท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขา

“ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า!”

ทั่วร่างของเขาปรากฏเจตจำนงตั้งมั่นเป็นแสงร้อนแรงเจิดจ้า

ตูม!

ตาเนื้อมองเห็นได้เพียงแค่ฝ่ามือสีสดสวยราวแสงลึกลับที่พาดผ่านทั่วท้องฟ้า ยามฝ่ามือนั้นกวาดผ่านที่ใด ราวกับมันกลายเป็นจุดศูนย์กลางของธรรมชาติทั้งหมด แล้วดึงเอาไอสวรรค์อันยิ่งใหญ่ไร้จุดสิ้นสุดมาใช้กดสรรพสิ่งรอบกาย

ฝ่ามือนั้นเมื่อถูกใช้โดยผู้ที่มีเจตจำนงตั้งมั่นแข็งแกร่ง เทียบกับขอบเขตพลังของผู้สูงศักดิ์แล้วละม้ายคล้ายกันอย่างประหลาด

เหล่าผู้ชมด้านล่างจิตสั่นสะท้านจนแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นระรัว

“ไม่เสียแรงที่เป็นหยูเทียนฮ่าว!”

“มีขอบเขตและสำนึกรู้ที่สูงส่งมากขนาดนี้ หากภายในสิบปีเขาจะทะลวงถึงขั้นผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้” จ้าวลัทธิหงและนักพรตไป๋หยุนล้วนรู้สึกตื่นตะลึง

แต่ผู้ที่กำลังรับมือกับฝ่ามือของหยูเทียนฮ่าวอย่างจ้าวเฟิง ร่างกายรู้สึกเหมือนโดนปะทะเล็กน้อย เขาราวกับฝืนยันพลังที่ส่งมาและต้านทานพลังของฟ้าดินทั้งหมดไว้

แน่นอนว่าหนึ่งฝ่ามือนั้นได้นำพาความจริงอย่างหนึ่งมาด้วย นั่นคือพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงเหนือกว่าหยูเทียนฮ่าวแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่มีทางทำให้พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดความกดดันใดๆ ได้

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์ ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกลายเป็นผืนน้ำเย็นยะเยือกแล้วปล่อยลำแสงเหมันต์สีฟ้าหม่นกึ่งโปร่งแสงออกมา

ต้องหาจุดอ่อนเสียก่อนค่อยโจมตี ความเย็นยะเยือกถึงขั้วกระดูกที่ถูกปล่อยจากแสงเหมันต์สีฟ้าหม่นวิ่งผ่านอากาศแล้วโจมตีหยูเทียนฮ่าวเข้าจังๆ!

ตูม!

ร่างกายของหยูเทียนฮ่าวชะงักไปขณะหนึ่งเมื่อโดนแสงนั้นโจมตีใส่ พลังเย็นเฉียบที่น่าเกรงขามเริ่มแทรกซึมจากกายเนื้อเข้าไปจนถึงจิตวิญญาณภายใน

ทั่วร่างของเขาแข็งค้าง การโจมตีที่เชื่องช้าลงล้วนแต่โดนปัดป้องทิ้ง

ทำลาย!

เจตจำนงตั้งมั่นไร้รูปร่างบนร่างหยูเทียนฮ่าวเหมือนปลายมีดซึ่งทำลายล้างทุกอย่าง คมและแกร่งยิ่งกว่ากระบี่ใดๆ เป็นพันเท่า มันทำลายพลังน้ำแข็งอานุภาพร้ายแรงนั้นให้สลายไป

ลำแสงเหมันต์ที่นำเอาความหนาวเหน็บโจมตีไปถึงวิญญาณโดนหยูเทียนฮ่าวใช้พลังอันแข็งแกร่งทำลายจนสิ้นซาก

ในเวลาเดียวกันนั้น

กรงเล็บวายุอัสนี!

ยามจ้าวเฟิงโบกมือ กรงเล็บขนาดใหญ่ที่มีสายฟ้าไหลวนรอบๆ และภายในมีแสงสีม่วงเลือนรางก็เข้าปกคลุมทำลายรัศมีสิบกว่าจ้าง สกัดแรงโจมตีของหยูเทียนฮ่าวไว้พอดี

เปรี้ยง–

กรงเล็บวายุที่มีสายฟ้าหมุนวนปะทะกับลำแสงฝ่ามือสีสวยงาม เกิดเป็นระเบิดที่เขย่าขวัญและน่าสะพรึงกลัว เมฆหมอกกระจายเต็มท้องฟ้า กลิ่นอายแห่งหายนะกำจายไปทั่ว

ภายใต้แรงปะทะครั้งใหญ่ ทั้งเรือนผมสีน้ำเงินและเสื้อผ้าของจ้าวเฟิงโบกสะบัด ร่างกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว

ณ งานชุมนุมเซียนมังกร จ้าวเฟิงก็ใช้วิธีนี้ทำลายพลัง ‘ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า’

ผู้ชมการประลองดังกล่าวที่เบื้องล่างพากันอ้าปากค้าง

“จ้าวเฟิงใช้วิธีเช่นนี้คุมสถานการณ์ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบชั้นได้จริงๆ” รองจ้าวลัทธิเถี่ยหมัวเอ่ยอย่างปลาบปลื้ม

หากอยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคงไม่มีทางต้านการโจมตีของหยูเทียนฮ่าวไว้ได้ ผู้ที่จะรับฝ่ามือดังกล่าวได้ซึ่งๆ หน้าแล้วไม่บาดเจ็บก็เห็นจะมีแต่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แต่ว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางยอมให้หยูเทียนฮ่าวชิงลงมือแล้วได้เปรียบไปก่อนตน จึงใช้ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ยับยั้งไว้ แล้วจึงค่อยหาทางตัดกำลังการโจมตีของอีกฝ่ายให้อ่อนแรงลง

ในเวลานั้น หยูเทียนฮ่าวเองก็ค่อยๆ ละลายน้ำแข็งที่เป็นผลกระทบจาก ‘ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิง

ฉัวะ!

หยูเทียนฮ่าวยังไม่ทันได้ลงมือ ระลอกพลังสายฟ้ารอบๆ ก็ก่อตัวเป็นชั้นโซ่วายุอัสนีแล้วจำกัดบริเวณเขาไว้ทันที

ช่างรวดเร็วยิ่งนัก!

ตอนนั้นเอง ฝูงชนเพิ่งจะมองเห็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่มีกลุ่มสายฟ้าหมุนวนปรากฏตัวข้างหยูเทียนฮ่าว จากนั้นปล่อยโซ่วายุอัสนีกักตัวคู่ต่อสู้ไว้อย่างรวดเร็ว

สีหน้าของหยูเทียนฮ่าวเปลี่ยนไป สายฟ้าที่ทรงพลังโจมตีเขาจนเหน็บชา อีกทั้งยังโดนพลังลมกดทับไว้ จึงทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง

เคล็ดวิชาไร้เทียมทาน วสันต์ศารทเริงระบำ!

ทั่วร่างของเขาปรากฏชั้นพลังแวววาวแล้วระเบิดออกมา ยามเขาโบกมือขึ้นเหมือนเทพนักรบ ลำแสงฝ่ามือก็ทะลุอากาศออกมาราวกับภูเขาเจิดจ้าลูกใหญ่ พลังรุนแรงพุ่งมาจากทั้งสี่ด้านแปดทิศหมายจะจัดการจ้าวเฟิงให้ราบคาบ

ในวินาทีนั้น ทุกอิริยาบถของหยูเทียนฮ่าวล้วนเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเจตจำนงตั้งมั่นและโจมตีไปยังขอบเขตวิญญาณของคู่ต่อสู้

ต่อให้วิญญาณของจ้าวเฟิงจะแข็งกล้าขนาดไหน แต่ว่าสภาวะจิตใจก็ยังโดนไอสังหารของคู่ต่อสู้โจมตีอยู่ดี

หากว่าเปลี่ยนเป็นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดทั่วไปๆ ถูกโจมตีเช่นนี้ถึงสองครั้งติดกันเกรงว่าจิตใจจะโดนทำลายจนสิ้น

เพราะว่าขอบเขตพลังของหยูเทียนฮ่าวเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เทียบกับขอบเขตของผู้สูงศักดิ์แล้วคล้ายกันอยู่หลายส่วนทีเดียว

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

โซ่วายุอัสนีรอบกายจ้าวเฟิงโดนฝ่ามือของหยูเทียนฮ่าวทำลายจนแตกกระจาย

วิ้ง!

จ้าวเฟิงสีหน้าเย็นชา เขาเสกกลุ่มพลังสายลมและสายฟ้าสีเขียวสว่างขึ้นกลางฝ่ามือ ภายในใจกลางมีไฟสีม่วงดวงเล็กพร้อมไอที่น่าสะพรึงกลัวหมุนวนอยู่

“พายุอัสนี!”

กลุ่มพลังวายุอัสนีนั้นหมุนวนแล้วจึงขยายใหญ่ขึ้นอย่างฉับพลัน ใจกลางของมันมืดมิดราวกับไร้จุดสิ้นสุด มีเพียง ‘จุดไฟสีม่วง’ เล็กๆ ขยับเคลื่อนไหว กลุ่มพายุอัสนีรอบจุดไฟนั้นขยายกว้างขึ้นจนมีรัศมีราวร้อยจ้าง

ตูม–

พายุอัสนีระเบิดพลังทำลายล้างที่เขย่าขวัญผู้คน แล้วกลืนเอาหยูเทียนฮ่าวกับอาณาบริเวณของ ‘เคล็ดวิชาไร้เทียมทาน วสันต์ศารทเริงระบำ’ ไปจนหมดสิ้น

ไม่กี่ช่วงลมหายใจ บนฟ้าเหนือทิวเขาราวกับมีลมฝนครั้งใหญ่ ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น สายฟ้าพิโรธปั่นป่วน

ตูม!

ฉับพลันสายอัสนีบาตก็ฟาดลงมา บนพื้นดินมีหลุมลึกกว้างสิบกว่าจ้าง

“ทุกคนระวัง!”

คนระดับสูงในลัทธิโลหะเลือดที่อยู่ตีนเขาพากันตื่นตกใจกับควันหลังจากการต่อสู้ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ การประลองของราชาแห่งผู้ถูกเลือกทั้งสองทำให้เกิดความปั่นป่วนได้มากขนาดนี้

ถ้าหากพวกเขาใช้ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเข้าสู้ด้วย เกรงว่าจะกลายเป็นการรบที่ทุกอย่างสลายหายไปไม่เหลือซาก

เคล็ดวิชาไร้เทียมทาน วสันต์ศารทเริงระบำ!

หยูเทียนฮ่าวเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งสงคราม การโจมตีของเขาดูราวกับไม่มีแบบแผนกลยุทธ์ใดๆ ทว่าหมายทำลายทุกอย่างให้ราบคาบ

‘พายุอัสนี’ ที่จ้าวเฟิงปล่อยออกไปโดนทำลายอย่างรวดเร็ว

“จะให้เขาเข้ามาใกล้ไม่ได้!”

ในใจของจ้าวเฟิงสั่นระรัว หยูเทียนฮ่าวในเวลานี้คือเทพเจ้าแห่งสงครามที่แท้จริง ทุกๆ การโจมตีล้วนแต่รุนแรงและโหดร้ายทั้งสิ้น

เขาเสียเปรียบนักถ้าต่อสู้ในระยะประชิดเช่นนี้

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงเสกสายฟ้าออกมาแล้วจึงออกห่างจากหยูเทียนฮ่าวราวๆ ร้อยสองร้อยลี้

แต่หยูเทียนฮ่าวไม่รอให้การหนีครั้งนี้สำเร็จ เขาสาวเท้าเพียงครั้งเดียวก็ข้ามไปไกลราวครึ่งลี้ ยิ่งเดินยิ่งใกล้เข้ามาทุกที

“ฝ่ามือไร้เทียมทาน!”

บนร่างของหยูเทียนฮ่าวมีพลังที่แข็งแกร่งไหลหลั่งออกมา ไอนั้นแข็งแกร่งจนยากจะหาผู้ใดเสมอได้

แซ่ดๆ–

พลังแสงฝ่ามือที่มีไอเย็นแวววาวล้อมรอบสะท้อนกับไอสวรรค์ของฟ้าดิน ทุกหนแห่งที่พลังเคลื่อนผ่านสรรพสิ่งล้วนแตกสลาย เหมือนกับมันกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป

วินาทีนั้นเอง

รัศมีไกลออกไปหลายลี้ราวกับโดนฝ่ามือไร้เทียมทานนั้นกดทับจากด้านบน ทั้งเดือนดาวและดวงอาทิตย์เหมือนโดนกลืนกินไปจนหมดสิ้น สรรพสิ่งตกอยู่ใต้เงามืดทันที

ร่างผู้สูงศักดิ์ทั้งสองดูเลือนรางไปเล็กน้อย ผู้ชมการประลองทั้งหมดขนลุกราวกับเจออสูรกาย

ฝ่ามือแบบเดียวกันปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากเคยปะทุที่เมืองศักดิ์สิทธิ์จินหยาง พลังของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งของคราวก่อนเสียอีก!

“ฝ่ามือนี้แข็งแกร่งเสียจริง!”

ในใจของจ้าวเฟิงสั่นไหว ขอบเขตพลังรับมือกับการโจมตีที่ไม่เคยพานพบมาก่อน

เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก ในฝ่ามือปรากฏ ‘ลูกไฟสีม่วงอ่อน’ ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง ภายนอกของลูกไฟมีกลุ่มพลังพายุและสายฟ้าล้อมอยู่เป็นชั้นๆ กลุ่มพลังยิ่งลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับลูกไฟสีม่วง

“นั่นคือ…”

ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองที่อยู่เบื้องล่างใจเต้นรัวเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง

ลูกไฟสีม่วงอ่อนนั้นก็คือพลังวายุอัสนีสีม่วงที่จ้าวเฟิงเพิ่งฝึกมาได้ ส่วนรอบลูกไฟเป็นวายุอัสนีสีเขียวบริสุทธิ์ไร้ที่ตินั่นเอง

ยามเมื่อพลังนั้นกระจายออก เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในรัศมีสิบลี้รู้สึกราวกับกำลังเผชิญภัยพิบัติ บรรยากาศโดยรอบเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ

“ม่วงพิฆาต วายุอัสนีทลาย!”

ลูกไฟสีม่วงในฝ่ามือของจ้าวเฟิงหมุนวนหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับวายุอัสนีสีเขียวเข้มที่อยู่รอบๆ กลายเป็นลำแสงสีเขียวม่วงซึ่งมีวงแหวนพายุอัสนีวิ่งวนเป็นวงกลม

เคร้ง ตูม ตูม!

บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยพลังยิ่งใหญ่ทั้งสองที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ปะทะโจมตีใส่กันแล้วสลายหายไป

เหล่าผู้ชมด้านล่างตกใจจนหน้าซีด กลัวจนพูดไม่ออกกันเป็นแถว

ในขณะนี้พวกเขาไม่อาจมองเห็นเงาของคนด้านบนทั้งสองอีกแล้ว มองเห็นเพียงแค่ในใจกลางของวายุอัสนีมีลำแสงเจิดจ้าเย็นเยียบและลำแสงสีเขียวม่วงโรมรันพันตูกันอยู่

ผ่านไปหลายอึดใจ ยามลำแสงสีเขียวม่วงนั้นทลาย กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างก็พุ่งทะลุออกมา

ผลัวะ!

ร่างของหยูเทียนฮ่าวสั่นสะท้าน บนบ่ามีคราบเลือดสีดำอยู่ไม่น้อย เขาพ่นเสียงหึออกมา

ในเวลาเดียวกัน ลำแสงฝ่ามือขนาดใหญ่ซึ่งยังไม่ได้สลายไปก็พุ่งทะลุวงแหวนพายุอัสนีไปปรากฏที่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงในทันที

พรึ่บ!

พลังนั้นพุ่งใส่จ้าวเฟิงจนเขากระเด็นไปไกลกว่าสิบจ้าง มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา

วิ้ง วิ้ง

ทั่วร่างกายของจ้าวเฟิงปรากฏน้ำวนสีฟ้าลึกลับ เขาอยู่ภายใต้ความชุ่มชื้นนั้นไม่เกินสองช่วงลมหายใจ บาดแผลเล็กน้อยพวกนั้นก็ถูกรักษาจนหายดี

ที่ตีนเขา บรรดาผู้ชมต่างแทบจะหยุดหายใจ ทุกคนล้วนตกอยู่ในสภาวะตกใจราววิญญาณหลุดออกจากร่าง

“พลังวายุอัสนีของจ้าวเฟิงแทบจะเข้าใกล้จุดก่อกำเนิดแห่งเสวียนอ้าวทำลายล้างแล้ว”

จ้าวลัทธิหงและนักพรตไป๋หยุนสบตากันด้วยความตื่นตกใจอย่างยิ่ง

พลังทำลายล้างนั้นในตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ระดับขั้นเริ่มต้น ทว่าก็น่ากลัวมากพอจะทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองตกใจได้แล้ว ถ้าหากแข็งแกร่งมากขึ้นอีกหลายเท่าก็ไม่อาจคิดได้เลยว่าพลังจะเป็นอย่างไร

“ฝ่ามือนั้นของหยูเทียนฮ่าวที่จริงก็มากพอจะปลิดชีพขั้นครึ่งสู่ก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ ยังดีที่จ้าวเฟิงปล่อยพลังสายฟ้าทำลายล้างนั่นออกมา…” ชายผมแดงเถี่ยหมัวลอบถอนหายใจ

สถานการณ์ในขณะนี้จ้าวเฟิงถือว่ากำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

และจุดสำคัญอยู่ที่พลังฟื้นฟูของสายเลือดจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเหลือเกิน ถึงได้รับบาดเจ็บก็รักษาตัวเองได้ในทันที เช่นนี้ในการประลองกับผู้ที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน เขาก็จะได้เปรียบและไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน

เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!

จ้าวเฟิงไม่รอให้หยูเทียนฮ่าวลงมืออีกครั้ง ดวงตาซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเขียวลึกล้ำ ภายในนั้นมีวายุอัสนีสีเขียวแปลบปลาบเป็นประกาย ใจกลางปรากฏลูกไฟสีม่วงอ่อน

ผลัวะ!

เปลวไฟวายุอัสนีกึ่งโปร่งแสงซึ่งภายในมี ‘ไฟสีม่วงอ่อน’ เต้นเร่าๆ บิดโค้งกลายเป็นกลุ่มวายุที่ปล่อยไอพลังแห่งการทำลายล้างออกมา

มันเปล่งเสียงสายฟ้าคำราม ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังหยูเทียนฮ่าว

หยูเทียนฮ่าวเค้นเสียงเมื่อตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้านั้นหลอมรวมเข้ากับ ‘อัคคีทำลายล้าง’ ภายใน ‘วายุอัสนีสีม่วง’ มันมุ่งทำลายภายในให้ได้รับบาดเจ็บจนยากที่จะฟื้นคืนพลัง หรือพูดได้ว่าพลังของเนตรเทพเจ้าสามารถทำลายไปถึงขั้นวิญญาณแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version